Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม / ตอนที่ 4 เกิดใหม่ไม่ทันไรก็คิดจะรวย

Share

ตอนที่ 4 เกิดใหม่ไม่ทันไรก็คิดจะรวย

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-10-21 22:33:59

วันต่อมา เมื่อหลินเย่วเอ๋อร์ฟื้นตัวดีแล้ว นางนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองตลาดที่อยู่ไกลออกไป เสียงพ่อค้าแม่ค้าโวยวายต่อราคาดังลอดเข้ามาถึงในเรือน กลิ่นขนมอบสมุนไพรหอมลอยมาตามลมโชยมาแตะจมูก

“ที่นี่ชื่อเมืองอะไรนะอาเซียง?” นางเอ่ยถามอาเซียง

“เมืองเว่ยเจินเจ้าค่ะ เมืองการค้าทางตอนใต้ของแคว้นอวี้”

“อืม...” หลินเย่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“แล้วตระกูลหลินของเราก็ทำแค่อาชีพค้าขายอย่างเดียวเหรอ หรือยังมีอย่างอื่นอีกไหม”

“ใช่เจ้าค่ะ นายท่านค้าขายชาและสมุนไพรเจ้าค่ะ ช่วงนี้การค้าซบเซาเพราะร้านคู่แข่งเปิดใหม่หลายเจ้า เลยขายไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ”

หญิงสาวหรี่ตา “แสดงว่าสกุลหลินเป็นพ่อค้าระดับกลาง มีฐานะพออยู่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นร่ำรวย ถ้าจะเริ่มกิจการเกี่ยวกับความงามใหม่ ก็ต้องเริ่มจากศูนย์จริง ๆ! แต่ก็น่าสนใจนะเนี่ย”

นางหันไปมองกระปุกแป้งบนโต๊ะ กลิ่นแปลก ๆ ลอยขึ้นมา พอเปิดฝาดูก็เห็นผงขาววอกจนแสบตา

“นี่อะไรน่ะอาเซียง!”

“แป้งทาหน้าของคุณหนูเจ้าค่ะ เป็นของร้านฮวาเหมยจวงในตลาด ชาวบ้านว่ากันว่าทาแล้วขาวทันตาเลยนะเจ้าคะ”

“ขาวทันตาหรือตายทันตากันแน่!” หลินเย่วเอ๋อร์แทบจะโยนกระปุกทิ้ง

“นี่มันกลิ่นสารโลหะชัด ๆ ผงตะกั่วทั้งนั้น!”

อาเซียงหน้าเหวอ “คุณหนูรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

“เอาเป็นว่าข้ารู้ก็แล้วกัน!” นางพูดพลางไอเพราะกลิ่นฉุน

“ตั้งแต่วันนี้ไป ห้ามเอาของพวกนี้มาใช้อีกนะ เข้าใจไหม!”

อาเซียงพยักหน้าหงึก ๆ “เจ้าค่ะ ๆ ข้าจะโยนทิ้งให้หมดเลย!”

หลินเยว่เอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ดวงตาเปล่งประกายเหมือนหญิงสาวที่เจอโปรเจกต์ใหม่ในชีวิต

“อาเซียง เจ้ามีหม้อเล็ก ๆ กับขี้ผึ้งไหม”

“เอ่อ...มีเจ้าค่ะ แต่คุณหนูจะเอาไปทำอะไรหรือเจ้าคะ”

“แน่นอนว่าทำของดีขายน่ะสิ!” นางพูดอย่างภูมิใจ

“ในเมื่อที่นี่มีแต่เครื่องประทินโฉมพิษ ข้าก็จะสร้างเครื่องประทินโฉมสุดปลอดภัยรุ่นแรกของแคว้นอวี้!

อาเซียงทำตาโต “คุณหนู ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะมีคนซื้อ ในตลาดน่ะมีร้านขายของพวกนี้ตั้งเยอะ อีกอย่างร้านฮวาเหมยจวงก็มีชื่อเสียงมีแต่ไหนแต่ไร”

“แน่ใจสิ! ถ้าไปใช้ของร้านฮวาเหมยจวงที่เจ้าว่าต่อไปมีหวังหน้าพังแน่ ถึงตอนนั้นก็จะรู้เองว่าอยากสวยอยากงามมันต้องมีสติ!”

            อาเซียงพยักหน้าแบบไม่เข้าใจแต่ก็เชื่อผู้เป็นเจ้านายสุดหัวใจ

“งั้นข้าจะช่วยเองเจ้าค่ะ! ข้าจะเป็นผู้ช่วยของคุณหนู คุณหนูต้องการอะไรบอกข้าได้เลย!”

หลินเยว่เอ๋อร์ยิ้มกว้าง “ดีมาก! คืนนี้เราจะเริ่มทดลองทำสูตรแรก เรียกว่าบาล์มน้ำผึ้งเมล็ดชา รุ่นทดลองศูนย์หนึ่ง!

“ได้เลยเจ้าค่ะ!”

คืนนั้นในครัวหลังเรือน ทั้งสองก่อไฟเตาเล็ก ๆ ขี้ผึ้งก้อนหนึ่งถูกหั่นลงหม้อ เสียงแตกป๊อกเบา ๆ คล้ายกับเสียงปรบมือของโชคชะตา

“อาเซียง เติมน้ำมันเมล็ดชาหนึ่งช้อนชา”

“น้ำผึ้งสองช้อน”

“คนให้ทั่ว...ใช่แบบนั้นแหละ!”

อาเซียงเหงื่อไหลย้อยแต่ดวงตาเป็นประกาย นางรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังทำ

“คุณหนู ต้องคนอีกนานไหมเจ้าคะ ข้ามือเมื่อยแล้วเจ้าค่ะ”

“อดทนหน่อย เจ้ากำลังสร้างประวัติศาสตร์นะ!”

กลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งคลุ้งไปทั่วเรือน จนแม้แต่แมวในครัวยังเดินตามกลิ่นมา

“เหมียว~”

“อ้าว เจ้าหนูขนฟู เจ้าก็อยากสวยด้วยหรือ” เยว่เอ๋อร์หัวเราะ

“ไว้ข้ามีสูตรบำรุงขน จะทำให้เจ้าก่อนเลย”

อาเซียงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “คุณหนู ข้าว่าท่านเปลี่ยนไปมากเลยเจ้าค่ะ ตั้งแต่ที่ตกน้ำแล้วฟื้นขึ้นมา ท่านพูดจาเหมือนพวกแม่ค้าขายของในตลาดไม่มีผิด”

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดถูกแล้ว!” เยว่เอ๋อร์หัวเราะ

“เพราะข้าจะเป็นเถ้าแก่หญิงในอนาคตไงล่ะ!”

รุ่งเช้า เสียงระฆังตลาดดังขึ้นพร้อมกับแสงแดดสีทองสาดส่อง อาเซียงลากโต๊ะพับเก่ามาวางที่หน้าร้านชา พวกบ่าวในเรือนมองกันอย่างงง ๆ

“คุณหนูจะเปิดร้านหรือ”

“ไม่ใช่! วันนี้ข้าจะให้ลองฟรี!

บ่าวไพร่ทั้งหลายทำหน้าตกใจราวกับได้ยินปีศาจหัวเราะ พวกเขาต่างพากันงุนงงกับท่าทีของคุณหนูที่แต่เดิมไม่ใช่คนเช่นนี้ หลินเยว่เอ๋อร์จัดโต๊ะ วางกระปุกเล็ก ๆ เรียงเป็นแถว พร้อมกับป้ายไม้เขียนว่า “ร้านหยกมรกต แจกให้ทดลองฟรี”

เสียงซุบซิบเริ่มดัง “ไม่ขาย แจกฟรีหรือ แล้วจะเอากำไรจากไหน”

“หรือจะเป็นของแปลกอีกแล้ว”

“แต่ว่าแจกฟรีนะ ไปลองดูหน่อยเถอะ”

แต่เมื่อหญิงสาวในชุดผ้าสีอ่อนยืนยิ้มพลางเชิญชวน “เชิญลองทาดูก่อนเจ้าค่ะ กลิ่นน้ำผึ้งหอมละมุน ไม่แสบปากแน่นอน”

ความสงสัยก็ค่อย ๆ แปรเป็นความอยากรู้อยากลอง หญิงชราคนหนึ่งทดลองทาแล้วอุทานขึ้น

“โอ้ยย นุ่มจริง ๆ ด้วย!”

หญิงสาวอีกคนหันไปบอกเพื่อนหลังจากที่ได้ลองทาแล้ว

“มันดีจริง ปากข้านุ่มขึ้นมาเลย”

“ข้าจะซื้อ! มาขายหรือไม่”

หลินเยว่เอ๋อร์รีบยกมือ “วันนี้ยังไม่ขายเจ้าค่ะ ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยมาซื้อนะ”

“แล้วเหตุใดถึงไม่ขายวันนี้เล่า!”

“เพราะข้าอยากให้พวกท่านลองก่อน แล้วบอกความจริงกับข้าว่าชอบหรือไม่!”

เสียงฮือฮาเริ่มดัง ตลาดที่เคยวุ่นกลับแปรเปลี่ยนเป็นเวทีของหญิงสาวผู้หนึ่งที่พูดจาไม่เหมือนใคร แต่ดึงดูดใจคนฟังได้ทุกถ้อยคำ จนกระทั่งมีชายหนุ่มในชุดยาวสีเทาเข้ามายืนมองอยู่ห่าง ๆ ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แววตาคมลึก

เขาคือ ไป๋จิ้งเซียว ทายาทสำนักโอสถไป๋เหยา

เขาก้มมองกระปุกเล็กบนโต๊ะ พลางพูดเสียงเรียบ “ของพวกนี้ เจ้าทำเองหรือ”

หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มละไม “ใช่เจ้าค่ะ ท่านลองดูได้ ไม่อันตรายแน่นอน”

ชายหนุ่มมองนางชั่วครู่ ก่อนจะหยิบมาทาบนหลังมือ กลิ่นน้ำผึ้งอบอวล เขายกมุมปากเล็กน้อย

“กลิ่นดี แต่ข้าไม่เชื่อจนกว่าจะได้ตรวจวัตถุดิบที่ใช้เสียก่อน”

“เชิญท่านตรวจได้เลยเจ้าค่ะ” นางตอบอย่างไม่หวั่น

“เพราะข้าไม่ได้ใส่สิ่งที่เป็นพิษต่อผิวแม้แต่น้อย”

ไป๋จิ้งเซียวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดเสียงต่ำเบา

“แม่นางผู้นี้ น่าสนใจดีนี่”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 6 แก้ไขให้ดูต่อหน้า

    “ขอมายืนดูเป็นสักขีพยาน จะได้ไม่กล่าวหากันทีหลัง” เขายิ้มมุมปาก“พวกท่านอย่ากังวล ข้ามาด้วยใจเป็นกลางเจ็ดสิบส่วน อีกสามสิบเผื่อไว้โต้แย้ง”เจี่ยนฮวายิ้มงาม “ใจเป็นกลางของท่านเฉิงนับว่าดีนัก ได้ฟังแล้วข้าถึงกับอยากยกน้ำชาให้”“ยกมาเถิด ข้ากระหายอยู่พอดี” เฉิงอวิ๋นหัวเราะอย่างสนุก การทดสอบเริ่มขึ้น สาวใช้ของสำนักสามคนถูกเรียกมานั่งเรียงแถว แผ่นผิวด้านหลังใบหูถูกป้ายบาล์มบาง ๆ อย่างระมัดระวัง หลินเย่วเอ๋อร์ยืนกอดถุงผ้าไว้แน่น แต่นัยน์ตายังยิ้ม คิ้วขมวดตั้งใจราวกับกำลังคุมเตาดิน“ลมอย่าแรง แสงอย่าเปรี้ยงนะ” นางพึมพำเสียงเบา ๆ จนไป๋จิ้งเซียวเหลือบมอง แล้วเหมือนจะกลั้นขำเวลาหนึ่งเค่อไหลผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุกคนคุยกันไปเรื่อย ๆ เจี่ยนฮวาเปรยข่าวที่แพร่ตามตลาด“พักนี้แป้งขาวร้านข้าขายดีนัก พวกสาว ๆ น่ะชอบความขาววอกฉับไว ใคร ๆ ก็ชม”ยังพูดไม่ทันจบ สาวใช้คนหนึ่งก็ยกมือ “ท่านไป๋เจ้าคะ หลังใบหูข้าร้อนนิดหน่อยเจ้าค่ะ”ทุกสายตาหันไป ไป๋จิ้งเซียวรีบช้อนผมดู สีแดงชมพูจาง ๆ เกิดขึ้นเหมือนดอกทับทิมแรกแย้มเฉิงอวิ๋น “อะแฮ่ม” เขายกพัดชี้เบา ๆ “สีสวยนะ แต่ไม่ใช่เรื่องดี”อาเซียงหน้าถอดสี “หรือว่าบาล์มของคุ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 5 ขอใบอนุญาตจากสำนักโอสถ

    รุ่งอรุณวันถัดมา ตลาดตงเหมินยังไม่เปิดดีนัก กลิ่นโจ๊กข้าวหอมก็ลอยมาก่อนใคร หลินเย่วเอ๋อร์นั่งจัดผมเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าเรียบสีอ่อน มือหนึ่งตรวจดูกระปุกทดลองที่วางเรียงบนถาดไม้ อีกมือหนึ่งชี้หน้าผากอาเซียงเบา ๆ เพราะสาวใช้ตัวดีเอาแต่หัวเราะคิกคักไม่หยุด“เจ้าจะขำอะไรนักเล่า” เย่วเอ๋อร์เอ่ยน้ำเสียงเข้ม แต่หางคิ้วยังยิ้มอาเซียงยิ่งขำ “เมื่อวานพวกชาวบ้านพูดกันใหญ่เลยเจ้าค่ะคุณหนู ทั้งตรอกเหนือ ตรอกใต้ เอาแต่พูดถึงร้านหยกมรกตของเราที่ให้ลองฟรีกันใหญ่ พวกเขายังบอกอีกว่าคุณหนูใจกล้ามาก! ของที่ให้ลองใช้ก็ดีมากด้วยเจ้าค่ะ”หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะเบา ๆ “ให้คนลองย่อมจำง่ายกว่าขายเลย เราต้องให้พวกเขาได้ลองก่อน ถ้าของเราดีคนก็จะตามมาซื้อเอง เจ้าน่ะหัวเราคิกคักมาตั้งนาน นิ่งเสียบ้างเถอะ ประเดี๋ยวหน้าจะยับก่อนวัย” ว่าจบก็แตะคางอาเซียง ปรับองศานิดหน่อย“ยิ้มแบบนี้สิถึงจะงาม เห็นหรือไม่ ยิ้มมากเกินไปมุมปากจะแตก”“งั้นข้าทาบะ...บาล์มสักนิดได้หรือไม่เจ้าคะ” อาเซียงทำตาแป๋ว“ได้สิ” เย่วเอ๋อร์ส่งกระปุกเล็กให้“ทาบาง ๆ พอให้ชุ่ม อย่าทาเสียจนเหมือนจูบรังผึ้งทั้งรังล่ะ”อาเซียงทำท่าทะเล้น “รับทราบเจ้าค่ะ!” แล

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 4 เกิดใหม่ไม่ทันไรก็คิดจะรวย

    วันต่อมา เมื่อหลินเย่วเอ๋อร์ฟื้นตัวดีแล้ว นางนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองตลาดที่อยู่ไกลออกไป เสียงพ่อค้าแม่ค้าโวยวายต่อราคาดังลอดเข้ามาถึงในเรือน กลิ่นขนมอบสมุนไพรหอมลอยมาตามลมโชยมาแตะจมูก“ที่นี่ชื่อเมืองอะไรนะอาเซียง?” นางเอ่ยถามอาเซียง“เมืองเว่ยเจินเจ้าค่ะ เมืองการค้าทางตอนใต้ของแคว้นอวี้”“อืม...” หลินเย่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ“แล้วตระกูลหลินของเราก็ทำแค่อาชีพค้าขายอย่างเดียวเหรอ หรือยังมีอย่างอื่นอีกไหม”“ใช่เจ้าค่ะ นายท่านค้าขายชาและสมุนไพรเจ้าค่ะ ช่วงนี้การค้าซบเซาเพราะร้านคู่แข่งเปิดใหม่หลายเจ้า เลยขายไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ”หญิงสาวหรี่ตา “แสดงว่าสกุลหลินเป็นพ่อค้าระดับกลาง มีฐานะพออยู่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นร่ำรวย ถ้าจะเริ่มกิจการเกี่ยวกับความงามใหม่ ก็ต้องเริ่มจากศูนย์จริง ๆ! แต่ก็น่าสนใจนะเนี่ย”นางหันไปมองกระปุกแป้งบนโต๊ะ กลิ่นแปลก ๆ ลอยขึ้นมา พอเปิดฝาดูก็เห็นผงขาววอกจนแสบตา“นี่อะไรน่ะอาเซียง!”“แป้งทาหน้าของคุณหนูเจ้าค่ะ เป็นของร้านฮวาเหมยจวงในตลาด ชาวบ้านว่ากันว่าทาแล้วขาวทันตาเลยนะเจ้าคะ”“ขาวทันตาหรือตายทันตากันแน่!” หลินเย่วเอ๋อร์แทบจะโยนกระปุกทิ้ง“นี่มันกลิ่นสารโลหะชัด ๆ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 3 ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

    เสียงตะโกนโวกเวกโวยวายปนความตกใจของสาวใช้ดังระงม สาวใช้คนหนึ่งทั้งร้องไห้ ร้องเรียก พลางเขย่าผู้เป็นเจ้านายไม่หยุด“คุณหนู! คุณหนู ฟื้นสิเจ้าคะ! คุณหนู!”เสียงนั้นดังลอดมาจากระยะไกล ก่อนที่ความมืดในจิตใจจะค่อย ๆ แยกออกเหมือนม่านหมอกสาวใช้ร่างเล็กนามว่าอาเซียง นั่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ พอเห็นเปลือกตาของผู้เป็นเจ้านายขยับ นางก็ตาวาวด้วยความดีใจ น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด“สวรรค์คุ้มครอง! คุณหนูฟื้นแล้ว คุณหนูยังไม่ตาย!”หลินเย่วเอ๋อร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาคมหวานสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านต้นเหมย เสียงนกร้องและเสียงลมพัดประสานกันราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงต้อนรับคนจากอีกภพ แต่สิ่งแรกที่นางเห็นก็คืออาเซียงที่กำลังร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลรวมกันเป็นสาย สาวใช้ตัวน้อยคนนั้นน้ำตาไหลอาบแก้ม“นางเป็นใคร...” เสียงแหบพร่าเอ่ยเบา ๆอาเซียงรู้สึกตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน“คุณหนูจำข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ ข้าอาเซียง! สาวใช้ที่อยู่ข้างกายคุณหนูมาตั้งแต่เล็ก!”“อาเซียง?” หลินเยว่หลานขมวดคิ้ว“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง นี่กำลังถ่ายละครกัยอยู่เหรอ”“คุณหนูพูดอะไรเจ้าคะ พูดจาประหลาดนัด ข้าไม่เข้าใจ”นางพยายามจะลุก แต่ก

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 2 รอยยิ้มสุดท้ายของหลินเยว่หลาน

    ภาพนั้นอาจเป็นเพียงเงาดวงไฟสะท้อน แต่หัวใจคนที่สู้ชีวิตจนชนะมาได้นับครั้งไม่ถ้วนอย่างหลินเยว่หลาน นางรู้ดีว่าสัญชาตญาณไม่เคยโกหกลิฟต์สแตนเลสส่องเงาคนสองคนที่ยืนเคียงกัน หลินเยว่หลานซบผนังลิฟต์เพื่อหายใจ หูอื้อเหมือนกำลังดำน้ำ ซูเหม่ยหรงยืนข้าง ๆ กดชั้นล่าง มือข้างหนึ่งพยุงไหล่ แล้วอีกข้างถือโทรศัพท์ค้างบนหน้าจอแผนที่โรงพยาบาล ทุกอย่างดูเหมือนเป็นความช่วยเหลือที่ดีและถูกต้องประตูลิฟต์เปิด ทว่าเวลารอรถกลับกลายเป็นเหมือนบททดสอบที่นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องเจ็บใจเงียบ ๆ หลินเยว่หลานเอียงคอมองท้องฟ้า เมฆดำโผล่มาแทนที่ดาวอย่างว่องไว นางยิ้มกับตัวเอง“โชคดีจัง ลืมพกร่ม...” แล้วหัวเราะเบา ๆ ที่ไม่มีใครได้ยิน อารมณ์ขันยังทำงานแม้ตัวนางอยู่ในสภาพที่แย่รถของซูเหม่ยหรงจอดอยู่ตรงลานจอดรถ เมื่อทั้งคู่มาถึงรถ ซูเหม่ยหรงจับแขนหลินเยว่หลานพานางขึ้นเบาะหน้า ขณะคาดเข็มขัด นางเอ่ยเสียงราบเรียบ“อย่าหลับนะ พูดกับฉันไปเรื่อย ๆ”หลินเยว่หลานมองเส้นไฟบนถนนที่ยืดยาว นางเริ่มเล่าเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ“ฉันเคยปิดฝาลิปสลับกันด้วยนะ เพราะมีลิปหลายแท่ง ช่วงหัดแต่งหน้าใหม่ ๆ ทาไปทามาลิปไปติดฟัน สรุปฟันแดงเหมือน

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 1 ความงามสุดท้ายของหลินเยว่หลาน

    ค่ำวันศุกร์ปลายฤดูร้อน เมืองใหญ่สว่างวาบด้วยป้ายไฟและเสียงรถยนต์พ่นลมหายใจยาวไม่รู้เหนื่อย คอนโดหรูย่านธุรกิจที่ว่ากันว่าวิวดีระดับพรีเมียม มีเลาจน์บนชั้นดาดฟ้าสำหรับนั่งรับประทานอาหาร จิบเครื่องดื่ม ไปพร้อมกับบรรยาศที่ดีแบบสุด ๆเสียงรองเท้าส้นเสียงดังจิกพื้นเหมือนโน้ตดนตรี หลินเยว่หลานเข้ามาอย่างมั่นใจ หญิงสาวที่แม้ไม่ต้องพยายามแต่งสวยก็เด่นสะดุดตา นางคือบิวตี้บล็อกเกอร์ตัวท็อป ผู้ติดตามหลักล้าน คลิปแนะนำสกินแคร์ 7 วันสวยด้วยหน้าสดของนางถูกแชร์อย่างถล่มทลายค่ำนี้นางแต่งตัวสวยแบบเรียบหรู แต่งหน้าอ่อน ๆ เบา ๆ หน้าผิวฉ่ำแบบน้ำค้าง ตาเรียวสวยดูใจดีและดื้อในเวลาเดียวกัน ชุดเดรสไหมสีน้ำนมไหลลู่ เหมาะกับแสงโกลเด้นของไฟระย้าที่คลอไปกับเพลงแจ๊สเบา ๆจานเรียกน้ำย่อยถูกยกมาเสิร์ฟ เสียงแก้วกระทบกันเบา ๆ ราวกับประกายดาว หลินเยว่หลานยิ้มให้ซูเหม่ยหรง เพื่อนนสาวคนสนิทที่อยู่ข้างนางมาตั้งแต่เริ่มทำคลิปแรก“ดีลคืนนี้ตกลงแล้ว นับว่าเราเริ่มต้นได้ดีทีเดียว” นางพูดเสียงเบาแต่ชัด“แบรนด์ของเราจะเปิดพรีออเดอร์เดือนหน้า”ซูเหม่ยหรงสวยคมแบบแม่เสือสาว ยิ้มเก่งจนคนรอบข้างรู้สึกสบายใจง่าย นางหัวเราะนุ่ม“ฉัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status