Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม / ตอนที่ 4 เกิดใหม่ไม่ทันไรก็คิดจะรวย

Share

ตอนที่ 4 เกิดใหม่ไม่ทันไรก็คิดจะรวย

Author: Bosskerr
last update Huling Na-update: 2025-10-21 22:33:59

วันต่อมา เมื่อหลินเย่วเอ๋อร์ฟื้นตัวดีแล้ว นางนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองตลาดที่อยู่ไกลออกไป เสียงพ่อค้าแม่ค้าโวยวายต่อราคาดังลอดเข้ามาถึงในเรือน กลิ่นขนมอบสมุนไพรหอมลอยมาตามลมโชยมาแตะจมูก

“ที่นี่ชื่อเมืองอะไรนะอาเซียง?” นางเอ่ยถามอาเซียง

“เมืองเว่ยเจินเจ้าค่ะ เมืองการค้าทางตอนใต้ของแคว้นอวี้”

“อืม...” หลินเย่วเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“แล้วตระกูลหลินของเราก็ทำแค่อาชีพค้าขายอย่างเดียวเหรอ หรือยังมีอย่างอื่นอีกไหม”

“ใช่เจ้าค่ะ นายท่านค้าขายชาและสมุนไพรเจ้าค่ะ ช่วงนี้การค้าซบเซาเพราะร้านคู่แข่งเปิดใหม่หลายเจ้า เลยขายไม่ค่อยดีนักเจ้าค่ะ”

หญิงสาวหรี่ตา “แสดงว่าสกุลหลินเป็นพ่อค้าระดับกลาง มีฐานะพออยู่ได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นร่ำรวย ถ้าจะเริ่มกิจการเกี่ยวกับความงามใหม่ ก็ต้องเริ่มจากศูนย์จริง ๆ! แต่ก็น่าสนใจนะเนี่ย”

นางหันไปมองกระปุกแป้งบนโต๊ะ กลิ่นแปลก ๆ ลอยขึ้นมา พอเปิดฝาดูก็เห็นผงขาววอกจนแสบตา

“นี่อะไรน่ะอาเซียง!”

“แป้งทาหน้าของคุณหนูเจ้าค่ะ เป็นของร้านฮวาเหมยจวงในตลาด ชาวบ้านว่ากันว่าทาแล้วขาวทันตาเลยนะเจ้าคะ”

“ขาวทันตาหรือตายทันตากันแน่!” หลินเย่วเอ๋อร์แทบจะโยนกระปุกทิ้ง

“นี่มันกลิ่นสารโลหะชัด ๆ ผงตะกั่วทั้งนั้น!”

อาเซียงหน้าเหวอ “คุณหนูรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

“เอาเป็นว่าข้ารู้ก็แล้วกัน!” นางพูดพลางไอเพราะกลิ่นฉุน

“ตั้งแต่วันนี้ไป ห้ามเอาของพวกนี้มาใช้อีกนะ เข้าใจไหม!”

อาเซียงพยักหน้าหงึก ๆ “เจ้าค่ะ ๆ ข้าจะโยนทิ้งให้หมดเลย!”

หลินเยว่เอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ดวงตาเปล่งประกายเหมือนหญิงสาวที่เจอโปรเจกต์ใหม่ในชีวิต

“อาเซียง เจ้ามีหม้อเล็ก ๆ กับขี้ผึ้งไหม”

“เอ่อ...มีเจ้าค่ะ แต่คุณหนูจะเอาไปทำอะไรหรือเจ้าคะ”

“แน่นอนว่าทำของดีขายน่ะสิ!” นางพูดอย่างภูมิใจ

“ในเมื่อที่นี่มีแต่เครื่องประทินโฉมพิษ ข้าก็จะสร้างเครื่องประทินโฉมสุดปลอดภัยรุ่นแรกของแคว้นอวี้!

อาเซียงทำตาโต “คุณหนู ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่าจะมีคนซื้อ ในตลาดน่ะมีร้านขายของพวกนี้ตั้งเยอะ อีกอย่างร้านฮวาเหมยจวงก็มีชื่อเสียงมีแต่ไหนแต่ไร”

“แน่ใจสิ! ถ้าไปใช้ของร้านฮวาเหมยจวงที่เจ้าว่าต่อไปมีหวังหน้าพังแน่ ถึงตอนนั้นก็จะรู้เองว่าอยากสวยอยากงามมันต้องมีสติ!”

            อาเซียงพยักหน้าแบบไม่เข้าใจแต่ก็เชื่อผู้เป็นเจ้านายสุดหัวใจ

“งั้นข้าจะช่วยเองเจ้าค่ะ! ข้าจะเป็นผู้ช่วยของคุณหนู คุณหนูต้องการอะไรบอกข้าได้เลย!”

หลินเยว่เอ๋อร์ยิ้มกว้าง “ดีมาก! คืนนี้เราจะเริ่มทดลองทำสูตรแรก เรียกว่าบาล์มน้ำผึ้งเมล็ดชา รุ่นทดลองศูนย์หนึ่ง!

“ได้เลยเจ้าค่ะ!”

คืนนั้นในครัวหลังเรือน ทั้งสองก่อไฟเตาเล็ก ๆ ขี้ผึ้งก้อนหนึ่งถูกหั่นลงหม้อ เสียงแตกป๊อกเบา ๆ คล้ายกับเสียงปรบมือของโชคชะตา

“อาเซียง เติมน้ำมันเมล็ดชาหนึ่งช้อนชา”

“น้ำผึ้งสองช้อน”

“คนให้ทั่ว...ใช่แบบนั้นแหละ!”

อาเซียงเหงื่อไหลย้อยแต่ดวงตาเป็นประกาย นางรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังทำ

“คุณหนู ต้องคนอีกนานไหมเจ้าคะ ข้ามือเมื่อยแล้วเจ้าค่ะ”

“อดทนหน่อย เจ้ากำลังสร้างประวัติศาสตร์นะ!”

กลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งคลุ้งไปทั่วเรือน จนแม้แต่แมวในครัวยังเดินตามกลิ่นมา

“เหมียว~”

“อ้าว เจ้าหนูขนฟู เจ้าก็อยากสวยด้วยหรือ” เยว่เอ๋อร์หัวเราะ

“ไว้ข้ามีสูตรบำรุงขน จะทำให้เจ้าก่อนเลย”

อาเซียงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด “คุณหนู ข้าว่าท่านเปลี่ยนไปมากเลยเจ้าค่ะ ตั้งแต่ที่ตกน้ำแล้วฟื้นขึ้นมา ท่านพูดจาเหมือนพวกแม่ค้าขายของในตลาดไม่มีผิด”

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดถูกแล้ว!” เยว่เอ๋อร์หัวเราะ

“เพราะข้าจะเป็นเถ้าแก่หญิงในอนาคตไงล่ะ!”

รุ่งเช้า เสียงระฆังตลาดดังขึ้นพร้อมกับแสงแดดสีทองสาดส่อง อาเซียงลากโต๊ะพับเก่ามาวางที่หน้าร้านชา พวกบ่าวในเรือนมองกันอย่างงง ๆ

“คุณหนูจะเปิดร้านหรือ”

“ไม่ใช่! วันนี้ข้าจะให้ลองฟรี!

บ่าวไพร่ทั้งหลายทำหน้าตกใจราวกับได้ยินปีศาจหัวเราะ พวกเขาต่างพากันงุนงงกับท่าทีของคุณหนูที่แต่เดิมไม่ใช่คนเช่นนี้ หลินเยว่เอ๋อร์จัดโต๊ะ วางกระปุกเล็ก ๆ เรียงเป็นแถว พร้อมกับป้ายไม้เขียนว่า “ร้านหยกมรกต แจกให้ทดลองฟรี”

เสียงซุบซิบเริ่มดัง “ไม่ขาย แจกฟรีหรือ แล้วจะเอากำไรจากไหน”

“หรือจะเป็นของแปลกอีกแล้ว”

“แต่ว่าแจกฟรีนะ ไปลองดูหน่อยเถอะ”

แต่เมื่อหญิงสาวในชุดผ้าสีอ่อนยืนยิ้มพลางเชิญชวน “เชิญลองทาดูก่อนเจ้าค่ะ กลิ่นน้ำผึ้งหอมละมุน ไม่แสบปากแน่นอน”

ความสงสัยก็ค่อย ๆ แปรเป็นความอยากรู้อยากลอง หญิงชราคนหนึ่งทดลองทาแล้วอุทานขึ้น

“โอ้ยย นุ่มจริง ๆ ด้วย!”

หญิงสาวอีกคนหันไปบอกเพื่อนหลังจากที่ได้ลองทาแล้ว

“มันดีจริง ปากข้านุ่มขึ้นมาเลย”

“ข้าจะซื้อ! มาขายหรือไม่”

หลินเยว่เอ๋อร์รีบยกมือ “วันนี้ยังไม่ขายเจ้าค่ะ ไว้วันพรุ่งนี้ค่อยมาซื้อนะ”

“แล้วเหตุใดถึงไม่ขายวันนี้เล่า!”

“เพราะข้าอยากให้พวกท่านลองก่อน แล้วบอกความจริงกับข้าว่าชอบหรือไม่!”

เสียงฮือฮาเริ่มดัง ตลาดที่เคยวุ่นกลับแปรเปลี่ยนเป็นเวทีของหญิงสาวผู้หนึ่งที่พูดจาไม่เหมือนใคร แต่ดึงดูดใจคนฟังได้ทุกถ้อยคำ จนกระทั่งมีชายหนุ่มในชุดยาวสีเทาเข้ามายืนมองอยู่ห่าง ๆ ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แววตาคมลึก

เขาคือ ไป๋จิ้งเซียว ทายาทสำนักโอสถไป๋เหยา

เขาก้มมองกระปุกเล็กบนโต๊ะ พลางพูดเสียงเรียบ “ของพวกนี้ เจ้าทำเองหรือ”

หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มละไม “ใช่เจ้าค่ะ ท่านลองดูได้ ไม่อันตรายแน่นอน”

ชายหนุ่มมองนางชั่วครู่ ก่อนจะหยิบมาทาบนหลังมือ กลิ่นน้ำผึ้งอบอวล เขายกมุมปากเล็กน้อย

“กลิ่นดี แต่ข้าไม่เชื่อจนกว่าจะได้ตรวจวัตถุดิบที่ใช้เสียก่อน”

“เชิญท่านตรวจได้เลยเจ้าค่ะ” นางตอบอย่างไม่หวั่น

“เพราะข้าไม่ได้ใส่สิ่งที่เป็นพิษต่อผิวแม้แต่น้อย”

ไป๋จิ้งเซียวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดเสียงต่ำเบา

“แม่นางผู้นี้ น่าสนใจดีนี่”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 34 กลิ่นที่ไม่เคยเลือน

    องค์ชายรองรีบเข้าประคองนางที่เริ่มทรุดลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ กลิ่นที่ออกมาจากเตาแก้วกลับค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมอ่อนละมุน กลิ่นที่ทุกคนในลานจำได้ทันที“นั่นคือกลิ่นเดียวกันกับวันที่พิธีถวายครั้งก่อน!”ฮ่องเต้ลุกจากบัลลังก์ พระสุรเสียงสั่นเล็กน้อย“กลิ่นนี้คือกลิ่นแห่งสันติ!”กลิ่นทองอ่อนค่อย ๆ แผ่ไปทั่วตำหนัก คนที่หมดสติเริ่มฟื้น ขุนนางที่สิ้นแรงกลับมายืนได้อีกครั้ง อี้เฟยถอยหลังไปอย่างสิ้นหวัง“ไม่ เป็นไปไม่ได้ กลิ่นหัวใจไม่มีอยู่จริง! ไม่มีทาง!”องค์ชายรองจ้องเขา “มันมีจริง แค่เจ้าไม่เคยมีหัวใจที่หอมพอที่จะเข้าใจมัน”อี้เฟยกัดฟันแน่น ก่อนจะพุ่งตัวหนี แต่ถูกองครักษ์หลวงเข้าล้อมจับไว้หลังเหตุการณ์สงบ ฮ่องเต้เสด็จลงจากบัลลังก์ สายพระเนตรทอดมองหลินเย่วเอ๋อร์ที่ยังคุกเข่า มือทั้งสองยังคงสั่น“หลินเย่วเอ๋อร์ เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่า กลิ่นหัวใจของเจ้าบริสุทธิ์กว่ากลิ่นใด ๆ”ฮ่องเต้ตรัสพร้อมยิ้มบาง “ข้าขอพระราชทานตำแหน่งให้เจ้าและให้เจาดูแลหอปรุงเครื่องหอมรวมถึงหอปรุงเครื่องประทินโฉมของราชสำนักทั้งหมด”เสียงขุนนางดังขึ้นพร้อมกัน “ฝ่าบาททรงพระปรีชา”องค์ชายรองหันมามองนาง แววตาเต็มไปด้วยความภ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 33 อี้เฟย

    “กลิ่นนั้นเปลี่ยนเพราะหัวใจคนต่างหาก ไม่ใช่พิษและไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นผลจากความบริสุทธิ์ของผู้สร้าง”ขุนนางบางคนส่ายหน้า “ฝ่าบาท องค์ชายรองพูดเช่นนี้ก็เท่ากับยอมรับว่ามันมีอิทธิพลต่อจิตใจจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเห็นควรให้แยกทั้งสองออกจากกัน เพื่อป้องกันภัยในอนาคต!”เสียงเห็นด้วยดังขึ้นระลอกใหญ่ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอย่างเงียบ ๆ อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ“เจ้าบอกว่าให้ข้าแยกพวกเขาออกจากกันเพราะกลัวกลิ่นเช่นนั้นหรือ?”ขุนนางทุกคนก้มศีรษะ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เพื่อความมั่นคงของราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้าจะทำเช่นไร หากกลิ่นนี้ไม่ใช่อาวุธ แต่คือชีวิตของผู้คน?”ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ขึ้น ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งตำหนัก“เมื่อสามวันก่อน กลิ่นนี้ช่วยชีวิตคนทั้งร้านหยกมรกตจากพิษหอมที่แผ่ไปทั่ว เจ้าจะเรียกมันว่าอาวุธได้หรือ?”ขุนนางหลายคนก้มหน้าด้วยความอับอาย องค์ชายรองค้อมกาย“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเมตตา”ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาที่หลินเย่วเอ๋อร์ “หลินเย่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นเพียงสามัญชน แต่สร้างกลิ่นที่แม้แต่สวรรค์ยังมิอาจคาดถึง ข้าขอถามเจ้าตรง ๆ เจ้าคิดเช่นไรกับอำนาจของสิ่งที่เจ้าสร้าง?”หลินเย่วเอ๋อร์สูด

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 32 สีของหัวใจ

    เสียงนกร้องยามเช้าแว่วลอดหน้าต่างเข้ามาเบา ๆ แสงแดดอ่อนจากสวนเหมยลอดผ่านผ้าม่านบาง กระทบใบหน้าของหญิงสาวที่ยังหลับใหลบนเตียง อาเซียงนั่งเฝ้าข้างเตียงด้วยตาแดง ๆ“คุณหนู ตื่นเถิดเจ้าคะ ข้านั่งเฝ้าท่านมาสามวันแล้วนะ คุณหนู ฮืออ...”องค์ชายรองที่นั่งอยู่อีกฝั่งเงียบ ๆ เงยหน้าขึ้น เขายังอยู่ในชุดเรียบธรรมดา สีหน้าอ่อนล้าแต่ดวงตายังคงจ้องมองนางไม่ละสาย“นางยังไม่ฟื้นเลยหรือ” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว“ยังเพคะ แต่ชีพจรกลับมาปกติแล้ว เพียงแต่อาจเหนื่อยจากการใช้พลังกลิ่นมากเกินไป” อาเซียงตอบทั้งน้ำตาองค์ชายรองลอบถอนหายใจ เขายื่นมือไปแตะหลังมือของหลินเย่วเอ๋อร์เบา ๆ และในวินาทีนั้นเอง...กลิ่นชาอุ่นปนดอกเหมยที่เคยลอยอ่อน ๆ ในห้อง เปลี่ยนเป็นกลิ่นใหม่ กลิ่นนั้นอ่อนโยนกว่าเดิม แต่มีความหอมแปลก คล้ายกลิ่นหวานของกลีบเหมยผสมกลิ่นน้ำผึ้ง อาเซียงเบิกตา“องค์ชาย! กลิ่นเปลี่ยนแล้วเพคะ!”องค์ชายรองชะงักไป “กลิ่นเปลี่ยน?”เขามองรอบห้อง แสงจากหน้าต่างสาดกระทบขวดแก้วที่ตั้งอยู่ข้างเตียง ขวดนั้นเปล่งสีทองอ่อนราวกับเรืองแสงจากภายใน หลินเย่วเอ๋อร์ขยับนิ้วเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“ที่นี่คือที่ใดกัน” เสียงของนางแผ่

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 31 กลิ่นสุดท้ายของความแค้น

    “เขาคนนั้นเคยเป็นพี่ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับข้า” องค์ชายรองเอ่ยช้า ๆ“เขาเคยเป็นคนที่ท่านอาจารย์เฟยหานโปรดปรานที่สุด แต่เพราะความทะเยอทะยาน เขาขโมยสูตรยาสร้างกลิ่นต้องห้าม แล้วถูกขับออกจากวัง”หลินเย่วเอ๋อร์นิ่งงัน “เขากลับมาเพื่อแก้แค้นท่าน...”“ไม่ใช่แค่ข้า” เขามองออกไปนอกหน้าต่าง “แต่เพื่อล้มล้างทุกสิ่งที่เกี่ยวกับกลิ่นบริสุทธิ์ที่อาจารย์สร้างไว้”ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดคุยกันต่อ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกห้อง อาเซียงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา“คุณหนู! มีชายชุดดำเข้ามาในร้านอีกแล้วเจ้าค่ะ!”องค์ชายรองหันขวับ “พาเย่วเอ๋อร์ไปหลบข้างใน!”แต่ไม่ทันแล้ว เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมลมแรงพัดกลิ่นชาเย็นจัดเข้ามาปะทะกลิ่นเหมยอบอุ่นในห้องทันที อี้เฟยก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเย็นตา“ข้าเพียงมาขอชาแก้วเดียว แต่เห็นทีจะได้กลิ่นของความกลัวกลับไปด้วย”องค์ชายรองก้าวไปข้างหน้า “เจ้ากลับมาทำไม อี้เฟย”“เพื่อพิสูจน์ว่า กลิ่นของข้าเหนือกว่ากลิ่นของเจ้า และเพื่อให้คนที่เจ้ารักฃได้รู้ว่า กลิ่นเดียวกัน ฃบางครั้งก็ใช้ทำร้ายได้”อี้เฟยเปิดขวดแก้วในมือ กลิ่นชาเย็นจัดแผ่กระจายไปทั่วห้องในชั่วพริบตา หลินเย่วเอ๋อร์รู้สึกเหมือ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 30 กลิ่นแรกแห่งหัวใจ

    สามวันหลังจากคืนฝนตกนั้น ร้านหยกมรกตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลิ่นหอมของดอกชาหอมเอยและน้ำอบจากถังไม้ไผ่ลอยอบอวลไปทั่วร้าน อาเซียงวิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าระรื่น“คุณหนูกลับมาแล้ว! พวกพ่อค้าแม่ค้าหน้าร้านแทบตั้งโต๊ะบูชาท่านแล้ว!”หลินเย่วเอ๋อร์หัวเราะ “ตั้งโต๊ะบูชาอะไรกันเล่า ข้าเพียงไปวังหลวงไม่กี่วันเอง”“ก็เพราะไม่กี่วันนั่นแหละเจ้าค่ะ! แต่กลับมาพร้อมข่าวลือว่าองค์ชายรองถึงกับทรงชงชาให้ท่านด้วยพระองค์เอง!”นางรีบปิดปากสาวใช้ “อาเซียง! ระวังคำพูดหน่อย เจ้าอยากให้ร้านข้ากลายเป็นหัวข้อซุบซิบของเมืองเว่ยเจินหรืออย่างไร”อาเซียงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าเพียงพูดความจริงนะเจ้าคะ ว่าในที่สุดกลิ่นของคุณหนูก็หอมไปถึงหัวใจคนบางคนแล้ว~”หลินเย่วเอ๋อร์กลอกตา “หากเจ้ากล้าพูดอีก ข้าจะให้เจ้าไปกวนดอกไม้ในครกทั้งวันแน่!”“ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ!” อาเซียงหัวเราะวิ่งหนีไปหลังร้านหลินเย่วเอ๋อร์เดินไปยังห้องปรุงกลิ่น โต๊ะไม้เรียงรายเต็มไปด้วยขวดแก้วหลากสี วัตถุดิบหายากวางอยู่ในถาดทองแดง มีกลีบดอกบัวแห้งจากบึงอวิ๋นเฟิง และไม้หอมจากหุบผาหลงหลิว“ครั้งนี้ ข้าจะสร้างกลิ่นใหม่ให้ท่าน” นางพึมพำเบา ๆมือเรียวเริ่มบดกลีบดอ

  • ทะลุมิติมาเป็นเถ้าแก่ร้านเครื่องประทินโฉม   ตอนที่ 29 ลมหายใจในแสงจันทร์

    เวลาผ่านไปช้า ๆ เหมือนแม่น้ำที่ไหลในความเงียบ หลินเย่วเอ๋อร์เทน้ำชารอบสองให้องค์ชายรอง กลิ่นอ่อนหวานของใบชาผสมกลีบเหมยลอยขึ้นในอากาศ เขารับถ้วยไว้ แล้วพูดเสียงแผ่วแต่ชัดเจน“เจ้าเคยพูดว่ากลิ่นทุกกลิ่นมีความทรงจำซ่อนอยู่ เจ้าคิดว่ากลิ่นของข้าคืออะไร”หลินเย่วเอ๋อร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบอย่างช้า ๆ“เป็นกลิ่นของชาในคืนฝนตกเพคะ อุ่นแต่เศร้า ละมุนแต่หนักแน่น”องค์ชายรองหัวเราะเบา ๆ “ฟังดูเหมือนเจ้ามองข้าออกหมดทุกอย่าง”“เปล่าเพคะ ข้าเพียงรู้ว่าคนที่แบกความเจ็บไว้ในใจ มักจะพยายามทำให้กลิ่นรอบตัวสงบ เพื่อกลบเสียงของหัวใจตนเอง”“แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้ไหม” เขาถามตรง ๆ “ได้เพคะ”“อย่างไร”หลินเย่วเอ๋อร์ยิ้มบาง “ด้วยกลิ่นของความสุขที่ข้าจะปรุงให้ท่านเองอย่างไรเล่าเพคะ”องค์ชายรองมองนางเนิ่นนาน แววตาที่เคยเย็นชาเริ่มอ่อนลงทีละน้อย“ในวังแห่งนี้ เจ้าคือคนเดียวที่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้”“เพราะข้ามิได้อยู่ในวังเพคะ” หลินเย่วเอ๋อร์ตอบ “หัวใจข้าอยู่ที่ร้านหยกมรกต ที่ซึ่งกลิ่นทุกกลิ่นและทุกอย่างเกิดจากความจริง ไม่ใช่คำลวง”เขาพยักหน้าเบา ๆ “นั่นสินะ ความจริงของเจ้ามันหอมกว่าทุกสิ่ง”ทั้งสองนั่งนิ่งมองพระ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status