Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ / ตอนที่ 7 พักฟื้นก่อนเริ่มงาน

Share

ตอนที่ 7 พักฟื้นก่อนเริ่มงาน

last update Last Updated: 2025-01-06 19:09:34

ภายหลังพาเหล่าทาสที่ซื้อมาถึงจวน จ้าวจางหมิ่นให้สาวใช้ทั้งสองคน ช่วยกันหุงหาอาหารสำหรับสมาชิกใหม่ ซึ่งยามนี้พวกเขายังคงอ่อนแรง แม้จะพยายามทำให้นางเห็นว่าเข้มแข็งก็ตาม นางรอจนกระทั่งพ่อบ้านกับทาสอีกสามคนกลับมา และแจกจ่ายเสื้อผ้าให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว จึงได้พูดคุยในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกท่านทุกคนก็มาอยู่ในจวนของข้าแล้ว ตัวข้ามีนามว่าจ้าวจางหมิ่น สาวใช้ทั้งสองมีชื่อว่าหนิงอวี่และฮุยอินอย่างที่พวกท่านเห็นว่า จวนของข้ามีขนาดกลางลำพังเด็กและสตรีสองคนไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง นอกจากนี้ข้ายังต้องทำการค้า ถึงได้ตัดสินใจไปซื้อตัวพวกท่านมา” จ้าวจางหมิ่นหยุดพูดเมื่อเห็นว่ามีคนอยากถามบางอย่าง

“เอ่อ ทำไมคุณหนูจ้าวถึงเลือกเฉพาะพวกข้า ที่มีวรยุทธ์ทั้งหมดเล่าขอรับ แม้แต่คนที่จะทำหน้าที่พ่อบ้านยังมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา”

“ที่ข้าเลือกพวกท่านทุกคน เพราะมองเห็นถึงความซื่อสัตย์ สตรีคอยดูแลรับผิดชอบภายในเรือน พ่อบ้านความหมายย่อมบ่งบอกอยู่แล้ว ส่วนพวกท่านหลังจากรักษาตัวจนหาย มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและทำสินค้าไว้สำหรับนำไปขาย ในอนาคตอันใกล้ข้าจะมีร้านเป็นของตนเอง จากนั้นจะมีการค้าชนิดใหม่เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ความสามารถด้านการต่อสู้ของพวกท่าน จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับกิจการของข้า”

สมาชิกใหม่ทั้งหลายเกิดความเงียบไปชั่วขณะ ซึ่งหนิงอวี่ที่เดินออกมาเพื่อบอกเรื่องอาหาร จึงถือโอกาสพูดยืนยันเรื่องความสามารถที่ออกมาจากในศีรษะเล็ก ๆ นี้ของเจ้านายน้อย

“อะแฮ่ม พวกเจ้ามิต้องคิดให้เสียเวลา เรื่องการค้าคุณหนูของข้าเป็นคนคิด และลงมือทำด้วยตนเองอย่างแน่นอน แม้คุณหนูกำลังจะมีอายุย่างเข้าเจ็ดหนาว แต่อย่าได้คิดดูถูกความฉลาดของคุณหนู ขอเพียงพวกเจ้าทำงานด้วยความซื่อสัตย์ภักดี ในอนาคตย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน” หนิงอวี่ไม่ยอมให้ใครไม่เคารพจ้าวจางหมิ่นแน่

“พวกข้ามิได้มีเจตนาจะดูถูกคุณหนูแม้แต่น้อย กลับกันท่านคือผู้มีพระคุณ ที่พาพวกข้าออกจากขุมนรกนั่นต่างหากขอรับ”

“ข้าไม่ชอบการกดขี่ข่มเหง หรือมองว่าพวกท่านมีฐานะต่ำต้อย จะเหยียบย่ำจิกหัวใช้อย่างไรก็ได้ สำหรับคนที่จะเข้ามาอยู่ใต้อาณัติของข้า ทุกคนคือลูกจ้างที่จะได้รับค่าแรง สามารถมีคนรักแต่งงานมีบุตรได้ปกติ ขอเพียงไม่กระทบกับงาน และไม่นำความในไปเล่าให้คนนอกฟัง

พวกท่านกล้าสาบานหรือไม่ว่าจะจงรักภักดี และซื่อสัตย์กับตระกูลจ้าวไปจนตาย หากกล้าจงกล่าวมันออกมา และข้าจะฉีกสัญญาทาสนี้ทิ้งต่อหน้าพวกท่านทันที อ้อ ส่วนพวกท่านสามคนไม่ต้องสาบาน เพราะข้าจะคุยเรื่องสำคัญทีหลัง” จ้าวจางหมิ่นรู้ดีอยู่แล้วนางแค่ต้องการให้พวกเขายืนยันด้วยตนเอง

เมื่อสัมผัสได้ถึงความจริงใจของจ้าวจางหมิ่น ทั้งสิบหกคนจึงได้กล่าวคำสาบานอย่างพร้อมเพรียงกัน และเจ้านายตัวน้อยก็ทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ นั่นก็คือการฉีกหนังสือสัญญาทาสทิ้ง

แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก

“ขอบคุณหนูที่เมตตาขอรับ/เจ้าค่ะ”

“อ้อ ข้าเกือบลืมถามไปเรื่องหนึ่ง พวกท่านมีชื่อเรียกว่าอันใดกันบ้าง ยามต้องการให้ช่วยงานจะได้เรียกหาตัวคนได้ถูกเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริง ๆ

ว่าที่พ่อบ้านตระกูลจ้าว เป็นตัวแทนของทุกคนเอ่ยกับนาง เรื่องการตั้งชื่อใหม่เพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ “รบกวนคุณหนูช่วยตั้งชื่อให้กับพวกข้าด้วยเถิดขอรับ”

“อืม งั้นเริ่มจากซ้ายมือของข้าก็แล้วกัน ท่านหมิงเช่อ จื่อถง หลิงฉี หยางไห่ เป่าเฟิง จงเหลียน เพ่ยตง ซีหยุน เสียอี้ เหล่ยหง และท่านที่อาวุโสที่สุดห้าวเหลียง รับหน้าที่เป็นพ่อบ้านจวนตระกูลจ้าว ส่วนท่านป้าทำหน้าที่แม่ครัวชื่อว่าหงชิง พี่สาวอีกสี่คนชื่อซูเจีย เป้ยอิง เฟิงอู่และเซินเจี๋ย นี่เป็นชื่อที่ข้าคิดออกพวกท่านพอใจหรือไม่? เจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นตั้งชื่อทุกคนเพียงสองพยาง เนื่องจากนางขี้เกียจจำชื่อยาก ๆ

“พวกเราทุกคนย่อมพอใจกับชื่อที่คุณหนูเป็นคนตั้งให้ขอรับ” ห้าวเหลียงเป็นตัวแทนทุกคนตอบคำถามของเจ้านายคนใหม่

“เช่นนั้นสิ่งแรกที่พวกท่านต้องทำในตอนนี้ คือการทำความสะอาดร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ และทานข้าวที่พี่หนิงอวี่ทำไว้ให้เรียบร้อย เรือนพักของพวกท่านอยู่ด้านหลัง สองสามวันนี้ข้าจะให้พวกท่านพักรักษาตัว จนกว่าจะแข็งแรงเสียก่อน ค่อยมาเรียนรู้การทำสินค้ากับข้าเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นเห็นถึงความดีใจ ที่พวกเขามิได้ขึ้นชื่อว่าทาสอีกต่อไป

เหว่ยหงที่เคยทำงานสำนักคุ้มภัยมาก่อน เอ่ยท้วงเนื่องจากเขาเห็นว่า พวกตนแค่ได้กินอิ่มท้องสักสองสามมื้อ นอนพักให้เต็มอิ่มร่างกายย่อมฟื้นฟูได้เร็ว “ได้อย่างไรขอรับคุณหนู พวกข้ามิได้บาดเจ็บหนักเช่นเด็กหนุ่มสองคนนี้ พักแค่หนึ่งวันก็ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้วขอรับ”

เสียอี้ที่มาจากสำนักคุ้มภัยเช่นเหว่ยหง ก็ไม่อยากพักถึงสามวันเช่นกัน “ใช่ขอรับคุณหนู ข้าแค่ได้นอนให้เต็มอิ่มก็มีแรงเช่นเดิมแล้ว คุณหนูอย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ พวกข้าอยากช่วยงานคุณหนูเร็ว ๆ มากกว่า”

“ป้าเองก็เช่นกันเจ้าค่ะ เพราะไม่สร้างปัญหายามอยู่ในโรงค้าทาส จึงไม่ถูกลงโทษแค่เพียงอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น หากพักหลายวันคุณหนูกับสาวใช้อีกสองคน มิเหนื่อยแย่ยามออกไปขายของหรือเจ้าคะ” หงชิงก็เอ่ยค้านเช่นกัน นางเห็นเจ้านายตัวน้อยก็ให้รู้สึกเอ็นดูนัก แม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องครอบครัว แต่นั่นเป็นเรื่องของเจ้านาย นางแค่ต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์เพื่อตอบแทนบุญคุณก็พอ

“ในเมื่อพวกท่านเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ห้ามส่วนเรื่องงานของเหล่าบุรุษ พวกท่านหารือแบ่งหน้าที่กันดู เอาที่พวกท่านถนัดอย่าได้ฝืนทำเด็ดขาด ฉะนั้นจึงมีพวกท่านสามคน ต้องรักษาบาดแผลให้หายเสียก่อน ข้ารู้ว่าท่านมีคำถามไว้หลังทานอาหารเสร็จ ข้าจะไปพบที่เรือนเล็กเอง” จ้าวจางหมิ่นไม่คิดว่าลูกจ้างทั้งหลาย จะกระตือรือร้นในการทำงานเช่นนี้

ส่วนคุณชายน้อยหน้านิ่งผู้ที่จ้องมองนาง ด้วยมีคำถามที่ปรากฏออกมาทางสายตานั้น จ้าวจางหมิ่นย่อมต้องไปพบเป็นการส่วนตัว เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อน เพราะนางไม่อยากให้ทุกคนต้องอยู่ด้วยความระแวง

เพราะบางคนเคยเป็นบ่าวไพร่มาก่อน การเดินหาเรือนพักนั้นจึงไม่ยากเท่าใดนัก นอกจากความปิติยินดีที่ได้รับอิสระแล้ว พวกเขายังมีงานทำได้รับค่าตอบแทนทันที แม้เจ้านายจะเป็นเพียงเด็กหญิงวัยย่างเจ็ดหนาว แต่น้ำเสียงยามพูดจากลับดูมีอำนาจ และทำให้คนฟังอย่างพวกตนรู้สึกเกรงใจได้

อาหารรสชาติอร่อยแปลกลิ้น พวกเขานั่งทานร่วมกันที่ลานใกล้ห้องครัว ส่วนอีกสามคนจ้าวจ้างหมิ่นให้ฮุยอิน ยกไปให้ที่เรือนเล็กซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวของพวกเขา จนกระทั่งผ่านมื้ออาหารที่กินอิ่มท้อง ในรอบหลายเดือนมานี้แล้ว จึงได้แยกย้ายไปพักผ่อนตามคำสั่ง ส่วนคนที่เป็นหัวข้อภารกิจพิเศษ กลับนั่งคิดทบทวนบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นเงียบ ๆ

‘เสิ่นหนิงเทียน’ บุตรชายเพียงคนเดียวของเสิ่นอันโหว ผู้มีความมุ่งมั่นที่จะเข้ากองทัพ เพื่อต้องการสร้างชื่อเสียงด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งบารมีของผู้เป็นบิดาอย่างเสิ่นชิงหลาง ตัวของเสิ่นหนิงเทียนเพิ่งเข้าร่วมกองทัพได้หนึ่งปี ยังมิทันไรกลับถูกใครบางคน วางแผนสกปรกกำจัดตนเอง ขณะที่กำลังทำงานอยู่ในค่ายทหาร และขายเป็นทาสส่งมายัง

เมืองเหอเฟย ที่อยู่ติดชายแดนทิศบูรพาแห่งนี้

ความคิดของเสิ่นหนิงเทียนคิดไว้ว่า คนที่จ้องจะล้มตระกูลเสิ่นของตน ซึ่งเป็นตระกูลที่ฮ่องเต้ทรงให้ความไว้วางพระทัย คงจะเป็นใครไปมิได้ นอกจากตระกูลของเจากุ้ยเฟย ส่วนคนลงมือคงหนีไม่พ้นเจาเต๋อผิงเสนาบดีสำนักเลขานุการผู้นั้น

เขาและคนสนิทหายเงียบไปหลายเดือนเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่าทางด้านครอบครัวจะเป็นอย่างไรบ้างในยามนี้ คิดได้ดังนั้นเสิ่นหนิงเทียนก็มีแววตาที่เปลี่ยนไป เขาจดจำความแค้นนี้เอาไว้ หากวันใดที่มีอำนาจมากพอ ตระกูลเจาต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม

ชูชางที่เจ็บน้อยกว่าสหาย เห็นคุณชายแห่งจวนตระกูลเสิ่น เอาแต่นั่งนิ่งก็อดสงสัยไม่ได้ “คุณชายขอรับ ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่เช่นนั้นหรือ”

“ไม่มีอันใด ข้าแค่คิดเรื่องคนชุดดำที่ส่งพวกเรามาที่นี่ ว่าจะเป็นคนของผู้ใดได้บ้างเท่านั้น” เสินหนิงเทียนตอบคนสนิท ด้วยเสียงทุ้มของวัยที่กำลังเติบโต และสิ่งที่เขาคิดต้องสืบหาความจริงเมื่อกลับถึงเมืองหลวง

“บ่าวไม่คิดเลยว่า ในค่ายทหารของแม่ทัพใหญ่ไป๋ จะมีคนของเสนาบดีเจาอยู่รอจัดการพวกเรา แค่ก ๆ” เฉียนฟานรู้สึกแค้นใจไม่ต่างจากเจ้านายเช่นกัน

“อืม เพราะพวกเราประมาทและยังขาดประสบการณ์ ต่อไปต้องเรียนรู้ให้มากกว่าเดิม และต้องไม่หยุดพัฒนาตนเอง เจ้ายังบาดเจ็บอยู่มากอย่าเพิ่งพูดอันใดจะดีกว่า” เสิ่นหนิงเทียนที่ได้รับการอบรมสั่งสอน จากผู้เป็นปู่อดีตอาจารย์ของฮ่องเต้ เขาเข้าใจสาเหตุความผิดพลาดได้รวดเร็วอย่างยิ่ง

สิ้นคำพูดของเสิ่นหนิงเทียน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อบอกคนทั้งสาม ว่ายามนี้มีผู้มาเยือนพวกตนแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก แอ๊ดดด

จ้าวจางหมิ่นเดินเข้าไปในห้องโถงของเรือน มองเห็นถ้วยชามบนโต๊ะทานอาหาร ไม่มีแม้แต่เศษเม็ดข้าว ก็เข้าใจได้เพราะพวกเขาคงกินไม่อิ่มท้องมานาน

“พี่หนิงอวี่อาหารฝีมือของท่านอร่อยมากนะ คนที่ได้ทานถึงจัดการจนเกลี้ยงเช่นนี้ คารวะคุณชายเสิ่นเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นเอ่ยเย้าแขกของเรือน ก่อนทำความเคารพตามมารยาท

“คารวะคุณชายเสิ่นเจ้าค่ะ” หนิงอวี่ที่ติดตามมาจึงทำความเคารพตามจ้าวจางหมิ่น

“..??..”

เสิ่นหนิงเทียนขมวดคิ้วคมเข้าหากัน และเกิดความระแวงขึ้นมาอย่างฉับพลัน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่เสิ่น? มีใครส่งประวัติของข้ามาให้เจ้าเช่นนั้นรึ”

“จุ๊ ๆ ๆ อย่าได้คิดว่าข้าเป็นศัตรูของท่านเด็ดขาด และอย่าสนใจว่าข้าจะรู้อันใดเกี่ยวกับท่านหรือไม่ ปัญหาหรือความแค้นส่วนตัวของท่าน จงจดจำมันเอาไว้เสียก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดยามนี้ คือการพักรักษาตัวของท่านและคนสนิททั้งสอง หลังจากหายดีแล้วข้าจะให้น้าเหว่ยหงไปส่งท่านที่เมืองหลวงอย่างปลอดภัย” จ้าวจางหมิ่นมิได้มีท่าทีหวาดกลัว เมื่อเสิ่นหนิงเทียนส่งสายตาดุดันมาให้นาง

“ทำไมถึงได้ช่วยพวกข้าออกมาจากที่นั่น ข้อนี้เจ้าคงตอบข้าได้กระมังคุณหนูจ้าว”

“เรื่องนี้ข้าตอบได้เพียงว่า เป็นภารกิจที่ข้าต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ส่วนหนึ่งเพราะคุณชายเสิ่นมีความมุ่งมั่น รวมถึงความตั้งใจจริงในสิ่งที่ตนต้องการ ในวันหน้ารบกวนคุณชายเสิ่น ช่วยกำจัดขุนนางชั่วที่ไม่เห็นหัวชาวบ้าน ที่ทำงานหาเงินอย่างยากลำบาก แต่พวกเขากลับนั่งกินนอนกินอยู่บนกองเงินกองทอง ที่ฉ้อฉลคดโกงไปเป็นของตนด้วยนะเจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นตอบโดยไม่หลบสายตาคม ทำเอาเจ้าของคำถามถูกตรึงไว้ด้วย ดวงตาดอกท้อที่งดงามน่ามองเข้าอย่างไม่รู้ตัว

“อะฮึ่ม ในเมื่อเป็นความช่วยเหลือด้วยความบริสุทธิ์ใจ ข้าผู้แซ่เสิ่นต้องขอบคุณคุณหนูจ้าวเป็นอย่างมาก วันหน้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือใด สามารถส่งคนไปที่จวนตระกูลเสิ่นอันโหวได้ทุกเมื่อ” เพราะนางเป็นผู้มีพระคุณ จะให้เขาเย่อหยิ่งถือตัวว่าเป็นชนชั้นสูงได้อย่างไร

“เจ้าค่ะ แต่ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ ท่านมิใช่บุตรชายขุนนางใหญ่ ทำตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป หมั่นฟื้นฟูกำลัง

และฝึกฝนวรยุทธ์ให้ดีก็พอ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของผู้คนมากมายที่เข้าออกเมืองเหอเฟยแห่งนี้ด้วยนะเจ้าคะ ส่วนในถาดที่พี่หนิงอวี่ถือมา มีทั้งยากินและยาทารักษาแผล พวกท่านใช้ตามคำอธิบาย ที่เขียนติดเอาไว้อย่างเคร่งครัดก็พอ อีกอย่างอย่าได้อยากรู้ในสิ่งที่ข้าไม่อนุญาตหวังว่าพวกท่านจะเข้าใจ” จ้าวจางหมิ่นพูดเน้นน้ำเสียงให้ดูจริงจัง รวมถึงดวงตาที่บ่งบอกว่ามิได้พูดเล่นด้วยเช่นกัน

จ้าวจางหมิ่นยังคงจดจ้องเสิ่นหนิงเทียนตาไม่กระพริบ จนได้รับคำตอบที่น่าพอใจถึงมีรอยยิ้ม และรอยบุ๋มตรงแก้มด้านซ้ายปรากฏให้เห็น

“คุณหนูจ้าววางใจ ข้ากับคนสนิทรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”

“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ เมื่อทำความเข้าใจกันตรงกันแล้ว ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน พวกท่านจะได้พักผ่อนเสียที หากขาดเหลือสิ่งใดให้บอกกับคนของข้าได้อย่าได้เกรงใจนะเจ้าคะ”

“รบกวนคุณหนูจ้าวแล้ว”

จ้าวจางหมิ่นไม่ลืมทำความเคารพ ก่อนจะออกจากเรือนหลังเล็กนี้ไป โดยมีสายตาคู่คมคอยมองตามหลังของนาง จนเจ้าของร่างหายไปยังเรือนใหญ่ เสิ่นหนิงเทียนคิดถึงท่าทางของจ้าวจางหมิ่น ก็แอบยกยิ้มมุมปากเล็กพร้อมส่ายหน้า

คงมีเพียงนางกระมังที่ไม่ยอมหลบสายตา ยามถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาดุดันเช่นนั้น แม้แต่ญาติพี่น้องที่เป็นสตรี พวกนางไม่มีใครกล้าอย่างนางสักคน

‘หึ จ้าวจางหมิ่นข้าจดจำชื่อนี้ของเจ้าไว้แล้ว’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนพิเศษ 2 ขอบคุณที่มีบุรุษเช่นท่าน

    จ้าวจางหมิ่นพาทุกคนออกเดินทางอีกครั้ง และมาถึงเมืองหลวงตอนกลางยามเหม่า จึงได้ปลุกทุกคนให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวผ่านประตูเมือง ซึ่งเสิ่นหนิงเทียนใช้ป้ายประจำตำแหน่ง ในการเปิดทางให้จ้าวจางหมิ่น ขับพาหนะแปลกประหลาดเข้าเมืองหลวง โดยได้สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนที่พบเห็นอีกครั้งเมื่อรถตู้สีดำสนิทหยุดลงที่หน้าจวนเสิ่นอันโหว บ่าวที่เฝ้าหน้าประตูจวนจึงรีบวิ่งไปตามพ่อบ้านมาทันที“ไหน ๆ สิ่งแปลกประหลาดที่วิ่งได้ พวกเจ้าอย่าได้โกหกข้าเชียว”“ท่านพ่อบ้านข้าจะโกหกไปทำไมกัน ก็เจ้านั่นมันหยุดอยู่หน้าจวนจริง ๆ นะขอรับ”พ่อบ้านเสิ่นเมื่อวิ่งตามบ่าวออกมา ก็พบเสิ่นหนิงเทียนยืนอยู่กับจ้าวจางหมิ่น “คารวะคุณชาย ๆ ที่แท้เป็นท่านเองหรือนี่ บ่าวคิดว่าเจ้าพวกนี้โกหกเสียอีก เอ่อ คุณหนูผู้นี้คือ?”“นางก็คือนายหญิงจ้าวคู่หมั้นของข้าเอง และเป็นเจ้าของสีทาบ้านที่งดงามอย่างไรเล่า”“โอ้ว คารวะนายหญิงจ้าวขอรับ เชิญคุณชายกับนายหญิงจ้าวที่โถงรับแขกเถิด ป่านนี้นายท่านกับฮูหยินคงรู้เรื่องนี้ จากพวกสาวใช้ในจวนแล้วขอรับ”“อืม หมิ่นเอ๋อร์เข้าไปพักด้านในก่อนเถิด เจ้าคงเหนื่อยไม่น้อยเพราะขับเจ้ารถนี่เพียงลำพัง”“เจ้าค่ะพี่ชายเสิ่

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนพิเศษ 1 พาเสิ่นหนิงเทียนนั่งรถกลับเมืองหลวง

    ณ เมืองหลวงแคว้นเฉินภายหลังสินค้าจำนวนมากบนรถบรรทุก ที่สามารถมาถึงเมืองหลวงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็ได้สร้างปรากฏการณ์แตกตื่นขึ้น เนื่องจากรถบรรทุกไม่สามารถเข้าประตูเมืองได้ จึงต้องจอดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ภายนอกกำแพงเมือง โดยหยางไห่รับหน้าที่เข้าไปรายงานต่อเสิ่นฮูหยินที่จวนเสิ่นอันโหวรู้สึกแปลกใจมากกับเรื่องนี้ เพราะไม่น่าเป็นไปได้ที่สินค้าจากเมืองชายแดน จะมาถึงเมืองหลวงได้รวดเร็วในเวลาไม่กี่วัน จึงได้ตามเสิ่นฮูหยินออกมาดูด้วยตาตนเอง ว่าที่หยางไห่บอกกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่เมื่อหยางไห่พาเสิ่นอันโหวและเสิ่นฮูหยิน ออกมาเจอกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำเอาทั้งสองคนตกตะลึงพูดอันใดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เป็นเสิ่นฮูหยินที่เรียกสติของตนกลับมาได้“หยางไห่เจ้าบอกว่าสินค้าที่อยู่บนรถ รถอะไรนะ?”“อ้อ นายหญิงเรียกมันว่ารถบรรทุกขอรับเสิ่นฮูหยิน” หยางไห่ตอบตามที่เขาจดจำมาจากคำพูดของจ้าวจางหมิ่น“ชะ ชะ ใช่เจ้ารถบรรทุก สินค้าที่ต้องส่งเข้าวังหลวงทั้งหมด อยู่บนหลังรถบรรทุกตรงหน้านี้ และนี่เป็นสิ่งที่หมิ่นเอ๋อร์จัดการด้วยตนเองงั้นรึ”หยางไห่ยืดอกตอบอย่างฉะฉาน “ถูกต้องแล้วขอรับเสิ่นฮูหยิน นายหญิงขอ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 49 รักแท้มีอยู่ในโลกแห่งนี้สินะ (จบ)

    คำสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากของเสิ่นฮูหยิน ถูกส่งผ่านนกพิราบสื่อสารของร้านอาหารหงอวิ้นไหล ซึ่งคำสั่งซื้อนี้มาถึงจวนตระกูลจ้าวแห่งเหอเฟย ขณะที่จ้าวจางหมิ่นกำลังสอนลูกจ้าง ฝึกทำปอเปี๊ยะทอดสำหรับเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย ที่จะทำขายเพิ่มในร้านอาหารของนางเซิ่งปินที่ดูแลความเรียบร้อยของเรือนใหญ่ เมื่อเห็นนกพิราบบินมาเกาะยังกิ่งไม้ต้นเดิม ก็เดินไปหยิบจดหมายจากกระบอกไม้เล็ก ๆ และนำมามอบให้จ้าวจางหมิ่นยังห้องครัว“นายหญิงขอรับ มีจดหมายจากเมืองหลวงเพิ่งมาถึงที่นี่ขอรับ”จ้าวจางหมิ่นรับมาเปิดอ่านด้วยท่าทางปกติ แต่เพียงชั่วพริบตาก็เริ่มตาโตจากข้อความในจดหมาย “โอ้ว! แม่เจ้า เงินทองไหลมาเทมาหาพวกเราได้ทุกวันสิน่า”คนที่ทนไม่ไหวมากที่สุดคงหนีไม่พ้นสาวใช้ทั้งสอง และฮุยอินจึงถามเพื่อคลายความสงสัยแทนทุกคน “นายหญิงเจ้าคะ ที่ท่านพูดมาหมายความว่าเช่นไรหรือเจ้าคะ ท่านถึงดูตกใจและดีใจในเวลาเดียวกันเช่นนี้”จ้าวจางหมิ่นเงยหน้ามองทุกคนในห้องครัว ที่เฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “นี่เป็นจดหมายจากมารดาของพี่ชายเสิ่น บอกเอาไว้ว่าฮ่องเต้ทรงต้องการสีทาบ้านจำนวนหนึ่งหมื่นถังเจ้าค่ะ”“ห๋า!! หนึ่งหมื่นถัง!!”หย่างไห่ถึงกับละล่ำ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 48 ชื่อเสียงโด่งดังร่ำรวยเงินทอง

    การเปิดกิจการสีทาบ้านของจ้าวจางหมิ่นครั้งนี้ มิได้มีการจัดงานหรือจุดประทัดให้เสียงดังแต่อย่างใด นางเพียงอาศัยร้านอาหารเป็นตัวอย่างสินค้า และการตอบคำถามของเหล่าลูกจ้าง เมื่อมีลูกค้าในร้านอาหารสอบถามเท่านั้นเพียงเท่านี้ก็มีลูกค้ามาต่อแถวซื้อสีทาบ้าน จนพ่อบ้านห้าวต้องให้เหล่ยหง รวมถึงลูกจ้างอีกหลายคนในจวน ออกมาช่วยกันจัดระเบียบแถวของลูกค้า เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ในวันแรกที่เปิดขายสีทาบ้าน จ้าวจางหมิ่นได้กำไรถึงหลักพันตำลึงทองหนิงอวี่ที่ได้ช่วยนายหญิงของตนทำบัญชี ยังอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “โอ้ว นายหญิงเจ้าคะบ่าวมิได้คิดเลขผิดใช่หรือไม่ เพียงแค่ท่านเปิดขายสีทาบ้านวันแรก จากการพูดปากต่อปาก ก็ได้กำไรมากมายเช่นนี้แล้วนะเจ้าคะ”ฮุยอินที่นับทั้งก้อนเงินและตั๋วเงิน เพื่อให้ตรงกับบัญชีรายรับในมือของสหาย ยังคงมีอาการตื่นเต้นดีใจไม่หาย “นั่นสิเจ้าคะนายหญิง นี่ท่านเพิ่งขายให้คนในเมืองเหอเฟยเท่านั้น ยังได้กำไรหลักพันตำลึงทองแล้ว บ่าวไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อสีทาบ้านไปถึงเมืองหลวง เหล่าขุนนางหรือคนที่ฐานะร่ำรวยไม่มีทางที่จะไม่อยากได้นะเจ้าคะ คงมีคนสั่งซื้อสินค้าชนิดนี้จำ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 47 นายหญิงจ้าวเปิดกิจการเพิ่ม

    เรื่องการลงโทษสาวใช้ของเสิ่นหนิงเทียน บ่าวไพร่ในจวนปิดปากเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าพูดหรือนำไปเล่าต่อแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขายังอยากมีชีวิต ทำงานแลกเงินส่งให้ครอบครัวและก่อนจะแยกย้ายกันเพื่อพักผ่อน จ้าวจางหมิ่นจึงบอกเสิ่นหนิงเทียนว่า นางมีเรื่องอยากพูดคุยกับเขาเล็กน้อย “พี่ชายเสิ่นเจ้าคะ รบกวนท่านอยู่พูดคุยกับข้าสักประเดี๋ยวเถิดเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นว่ายังไม่ดึกมากเสิ่นหนิงเทียนจึงนั่งลงที่เดิม “ได้สิ ว่าแต่หมิ่นเอ๋อร์มีเรื่องอันใดจะคุยกับพี่งั้นหรือ”“ไม่มีอันใดมากหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่มีของมอบให้ท่านเล็กน้อย เพื่อขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์ยกปิ่นปักผมให้ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นของมีค่ากับท่านมาก ข้าจึงอยากตอบแทนสิ่งที่คล้ายกันกลับไปให้ท่านบ้างเจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นพูดจบก็หันไปรับกล่องไม้ ที่หนิงอวี่กลับไปหยิบจากในห้องพักมาให้นางเสิ่นหนิงเทียนมองกล่องไม้ในมือบาง พร้อมกับเลิกคิ้วเข้มด้วยความอยากรู้ ว่าสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นคืออันใดกันแน่ “เจ้านำสิ่งใดมาให้พี่เช่นนั้นหรือ ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นสิ่งของชิ้นใด ล้วนไม่สำคัญเท่ากับเจ้าหรอกนะหมิ่นเอ๋อร์”“ท่านรับไว้เถิดเจ้าค่ะ เพราะข้าตั้งใจมอบให้ท่านจริง ๆ”

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐีนีในยุคโบราณ   ตอนที่ 46 มีสตรีอยากปีนเตียงท่านแม่ทัพ

    หลังจากเห็นว่าจ้าวจางหมิ่นนอนหลับสนิท เสิ่นหนิงเทียนย้อนกลับไปที่เดิมอีกครั้ง เพื่อจัดการกับพวกหมิงเฉียว แต่เขากลับพบกับความว่างเปล่า คนตั้งมากมายกลับหายไปอย่างไร้ร่อยรอย แม้แต่เลือดสักหยดยังไม่มีให้เห็น “เป็นไปได้อย่างไรกัน? คนหลายสิบคนหายไปพร้อมกัน ใครจะมีความสามารถจัดการได้รวดเร็วเช่นนี้”เสิ่นหนิงเทียนจึงเดินกลับด้วยความงุนงง และมีข้อสงสัยมากมายอยู่ในใจของเขา ว่าเหตุการณ์ประหลาดนี้ เป็นฝีมือของคนหรือภูตผีปีศาจกันแน่ เสิ่นหนิงเทียนรู้สึกเสียดายไม่น้อย ที่คนของตนกลับนอนหลับสนิท ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาสักนิด มิเช่นนั้นเขาคงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใดเมื่อยามเช้ามาถึงภายหลังจัดการเรื่องอาหารมื้อเช้า ทุกคนช่วยกันเก็บของทั้งหมดเพื่อเดินทางต่อ โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอันใดอีก ครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางกลับเร็วกว่าเล็กน้อย แต่พวกเขามาถึงเมืองฟู่ชิงในเขตชายแดนแคว้นเฉิน ก็เข้าสู่ปลายยามเซินแล้ว เสิ่นหนิงเทียนไม่อยากให้จ้าวจางหมิ่นเดินทางยามค่ำคืน จึงได้เชิญนางพักเสียที่จวนของตน“หมิ่นเอ๋อร์ตอนนี้ใกล้จะมืดค่ำเข้าไปทุกที เจ้ากับคนอื่น ๆ พักเสียที่จวนของพี่เถิด พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับเมืองเหอเฟยจะดีกว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status