หลังจากที่เห็นผลตอบรับจากการขายน้ำเต้าหู้ในวันแรกดีเกินคาดเว่ยเถียนเถียนก็เริ่มคิดแผนการสำหรับวันถัดไป เธอตัดสินใจว่าจะเพิ่มปริมาณน้ำเต้าหู้ให้มากขึ้นและยังมีความคิดที่จะเพิ่มเมนูใหม่คือปาท่องโก๋เข้ามาขายควบคู่กันด้วย เนื่องจากน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เป็นของคู่กันที่หลายคนชื่นชอบ
เช้าวันรุ่งขึ้นเว่ยเถียนเถียนปลุกจางเสวียอี้แต่เช้าเพื่อมาขายย้ำเต้าหู้ช่วย หลังจากปิดร้านก็ชวนกันไปตลาดเพื่อหาซื้อของที่จำเป็นสำหรับการขยายกิจการเล็ก ๆ ของพวกเขา
"เสวียอี้...วันนี้เราจะไปซื้อหม้อใบใหญ่กว่าเดิมนะ จะได้ทำทีเดียวได้เยอะ ๆ หน่อย" เว่ยเถียนเถียนบอกลูกชาย
จางเสวียอี้พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น การได้ไปเดินตลาดและช่วยแม่เลือกของเป็นสิ่งที่เขาอยากทำเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองเดินทางมาถึงตลาด เว่ยเถียนเถียนเดินเลือกหม้อขนาดใหญ่กว่าที่เคยใช้ พร้อมทั้งเลือกเตาที่สามารถวางได้หน้าร้าน เพื่อจะได้ทำน้ำเต้าหู้สด ๆ ให้ลูกค้าดูได้เลย นอกจากนี้ยังเดินหาซื้ออุปกรณ์สำหรับการทำปาท่องโก๋ ทั้งกระทะใบใหญ่ ตะหลิว ไม้นวดแป้ง และอื่น ๆ อีกมากมาย
หลังจากได้ของครบทั้งสองคนก็เดินทางกลับบ้าน จางเสวียอี้ช่วยแม่ถืออุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนเว่ยเถียนเถียนก็หอบเตาและหม้อใบใหญ่ เมื่อถึงบ้านทั้งสองเริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์และวางแผนว่าจะเริ่มต้นทำอะไรก่อน
เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังจากที่เหนื่อยล้าจากการเดินตลาดและการจัดเตรียมอุปกรณ์ เว่ยเถียนเถียนก็ตัดสินใจว่าจะไม่ปิดบังเรื่องมิติของเธอกับลูกชายอีกต่อไป แต่ก่อนจะบอกเธอกำชับลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "เสวียอี้...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอก แต่ลูกต้องสัญญากับแม่นะว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เข้าใจไหม"
จางเสวียอี้ทำหน้าตาสงสัยแต่เขาก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย "ครับแม่ ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใคร"
เว่ยเถียนเถียนยิ้มอย่างพอใจจากนั้นก็จับมือลูกชายแน่น "งั้นตามแม่มา แม่จะพาไปดูบางอย่าง"
เมื่อเว่ยเถียนเถียนพาจางเสวียอี้เข้ามาในห้องนอนจากนั้นก็เริ่มเปิดประตูเข้าสู่มิติพิเศษของเธอ จางเสวียอี้ทำหน้าตาประหลาดใจเมื่อเห็นบรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีที่ประตูมิติถูกเปิดออก ทั้งสองคนถูกดึงเข้าสู่มิติที่เต็มไปด้วยของมากมาย ข้าวของที่ถูกเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ ทุกอย่างดูแตกต่างจากโลกภายนอก ทั้งความกว้างใหญ่ของพื้นที่และสิ่งของต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
เด็กน้อยถึงกับอ้าปากค้าง เขายืนนิ่งมองรอบตัวด้วยความตื่นเต้น "แม่...นี่มันที่ไหนกัน ทำไม่มีของเยอะแยะมากมายขนาดนี้"
“นี่คือมิติพิเศษของแม่ ในนี้เราสามารถเก็บของต่าง ๆ ไว้ได้มากมาย เราสามารถเอาของพวกนี้ออกไปทำกินและทำขายได้” เว่ยเถียนเถียนตอบ
จางเสวียอี้กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เขารีบวิ่งไปตรงชั้นวางที่มีเนื้อสัตว์สดและอาหารอื่น ๆ ที่ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ “แม่...ที่นี่มีเนื้อเยอะมาก พวกเราสามารถทำอาหารได้ทุกอย่างเลย”
"ต่อไปนี้เสวี่ยอี้อยากกินอะไรบอกแม่ได้เลยนะ พวกเราวัตถุดิบมีมากมายแล้ว แต่ว่าตอนนี้พวกเราต้องขนวัตถุดิบสำหรับทำน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ออกไปก่อน" เว่ยเถียนเถียนหัวเราะเบา ๆ
จากนั้นทั้งสองแม่ลูกก็เริ่มขนวัตถุดิบออกมา เว่ยเถียนเถียนจัดการเอาถั่วเหลืองมาวางใส่ตะกร้า ก่อนจะหยิบแป้งและเครื่องปรุงอื่น ๆ มาวางเรียงกันอย่างดี ขณะที่จางเสวียอี้ช่วยขนวัตถุดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น น้ำมันสำหรับทอดและเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่จะใช้ในวันพรุ่งนี้
เว่ยเถียนเถียนมองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ เธอรู้สึกดีใจที่มีลูกชายที่เข้มแข็งและพร้อมช่วยเหลือเธอในทุกสถานการณ์ ถึงแม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะยังไม่แน่นอนแต่เธอก็เชื่อว่าการทำงานหนักและความตั้งใจของเธอกับลูกจะทำให้สามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้
เช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยอากาศเย็นสบาย เว่ยเถียนเถียนตื่นแต่เช้ามืดเหมือนเคย เธอปลุกลูกชายที่ยังหลับอยู่ให้ตื่นขึ้นมาช่วยเตรียมร้านสำหรับขายน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ในวันนี้ จางเสวียอี้ยังงัวเงียเล็กน้อยแต่เมื่อได้ยินว่าจะได้ช่วยแม่นวดแป้งสำหรับปาท่องโก๋ก็ลุกขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
“ลูกตื่นเร็วจริง ๆ นะวันนี้” เว่ยเถียนเถียนแซวเบา ๆ พลางยิ้มให้ลูกชาย
“ก็ผมอยากเล่นแป้งนี่ครับแม่ สนุกจะตาย” จางเสวียอี้ยิ้มตอบ
เว่ยเถียนเถียนก็หันมาจัดเตรียมแป้งสำหรับทำปาท่องโก๋ เธอนำแป้งสาลีมาวางไว้ในชามใหญ่ แล้วเทน้ำเปล่าลงไปทีละน้อย จางเสวียอี้นั่งอยู่ข้าง ๆ มองด้วยความตั้งใจ
“ลูกดูนะ การนวดแป้งต้องทำแบบนี้” เว่ยเถียนเถียนพูดพร้อมกับเริ่มนวดแป้งในชาม ช้า ๆ และสม่ำเสมอ “เราต้องนวดแป้งให้เนียนนุ่ม แต่อย่ากดแรงเกินไป เพราะจะทำให้แป้งเหนียว”
จางเสวียอี้พยักหน้า “ผมอยากลองบ้างครับแม่”
“มาเลย มือลูกนวดได้สบายอยู่แล้ว” เว่ยเถียนเถียนยื่นกะละมังใส่แป้งให้ลูกชาย
เด็กน้อยรีบลุกขึ้นยืนแล้วเอามือลงในชามแป้ง เขารู้สึกสนุกสนานเมื่อมือของเขาจมอยู่ในเนื้อแป้งนุ่ม ๆ การนวดแป้งสำหรับจางเสวียอี้เหมือนการเล่นสนุก เขาชอบความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับเนื้อแป้งอุ่น ๆ
“รู้สึกยังไงบ้าง” เว่ยเถียนเถียนถามพลางยิ้มอย่างเอ็นดู
“ดีครับแม่ สนุกมากเลย” จางเสวียอี้ตอบกลับอย่างตื่นเต้น มือเล็ก ๆ ของเขานวดแป้งไปมาอย่างตั้งใจ แม้ว่าจะยังไม่ชำนาญนัก แต่เขาก็พยายามทำตามที่แม่สอนอย่างสุดความสามารถ
หนึ่งเดือนผ่านไป กิจการของสองแม่ลูกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ร้านน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่พวกเขาเปิดขายกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนในละแวกตลาดและชุมชนรอบ ๆ ทุกเช้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี ผู้คนเริ่มมาต่อแถวที่หน้าร้านเล็ก ๆ ของพวกเขาแล้ว บ้างมาสั่งน้ำเต้าหู้ บ้างมารอซื้อปาท่องโก๋ร้อน ๆ
เสียงกระทะน้ำมันร้อนเดือดซู่ซ่าดังอย่างต่อเนื่อง กลิ่นหอมของปาท่องโก๋ทอดใหม่ ๆ ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ ดึงดูดลูกค้าที่เดินผ่านไปมาให้ต้องหยุดแวะซื้อติดมือกลับบ้าน ในขณะที่น้ำเต้าหู้หอมอ่อน ๆ ที่ต้มสดใหม่ก็กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมสำหรับมื้อเช้าของคนงานและชาวบ้านทั่วไป ความนุ่มนวลและกลมกล่อมของน้ำเต้าหู้ที่เว่ยเถียนเถียนตั้งใจปรุงอย่างพิถีพิถัน ทำให้คนที่ได้ลิ้มลองต่างพากันพูดถึงจนกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
นอกจากชาวบ้านทั่วไปแล้วเถ้าแก่เจ้าของร้านอาหารหลายร้านในตลาดก็เริ่มสนใจมาสั่งน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋จากเว่ยเถียนเถียนเพื่อนำไปขายเป็นอาหารเช้าในร้านของตนเอง
ทุกวันก่อนสิบโมงเช้าน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ของพวกเขาจะขายหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ลูกค้าที่มาไม่ทันมักจะต้องกลับไปด้วยความเสียดาย และบางครั้งก็มีคนมาต่อแถวรอตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ซื้อก่อนที่ของจะหมด การเห็นลูกค้ายิ้มแย้มและพึงพอใจในสินค้าของพวกเขาทำให้เว่ยเถียนเถียนอบอุ่นใจและรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทุกอย่างนั้นคุ้มค่า
ในแต่ละวันหลังจากขายของเสร็จ เว่ยเถียนเถียนจะนั่งนับเงินกับจางเสวียอี้ พวกเขาได้เงินเป็นกอบเป็นกำจากการขาย แม้ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่รายได้ที่เข้ามานั้นเกินกว่าที่เว่ยเถียนเถียนเคยคาดคิดไว้
“แม่วันนี้ได้กี่หยวนเหรอ” จางเสวียอี้นั่งอยู่ที่ตรงข้ามกับแม่ เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
“วันนี้ได้สามสิบหยวนเลยนะ เยอะกว่าทุกวันเลย น่าจะเป็นเพราะว่าพวกเราทำปาท่องโก๋เยอะกว่าเดิม” เว่ยเถียนเถียนตอบ“สี่สิบหยวนนี้ซื้ออะไรได้บ้างเหรอครับ” จางเสวียอี้ถามอีก เด็กน้อยไม่รู้ว่าสามสิบหยวนนั้นมีมูลค่าเท่าไร
เว่ยเถียนเถียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบ “ก็ซื้อได้เยอะเลย ซื้อเสื้อผ้า ซื้อของใช้ ว่าแล้ววันนี้พวกเราก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านกันดีกว่า”
“เย้ ๆ ไปตลาดกัน” จางเสวียอี้กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
หัวหน้าหมู่หยางป๋อประจำการอยู่ที่ค่ายทหารชายแดนได้รับอนุญาตให้ลาพักเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่เขาต้องใช้ชีวิตในค่ายทหารมากว่าหกปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงหยางป๋อเดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลาร่วมสามวันสามคืน เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีในเมืองเขาก็ก้าวลงจากรถไฟด้วยท่าทางองอาจ มาดมั่น ชุดเครื่องแบบทหารที่ตัดเย็บอย่างดีทำให้ดูมีสง่าราศี รูปร่างสูงใหญ่ของเขาและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงทำให้ผู้คนรอบข้างต่างต้องชื่นชม หยางป๋อในวัยยี่สิบหกปีนั้นเป็นหนุ่มหล่อที่มีเสน่ห์อย่างมาก ใบหน้าคมเข้มและดวงตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมองตามด้วยความสนใจสายลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านมาพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่น หยางป๋อสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกสดชื่นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องอดทนกับการฝึกซ้อมและภารกิจหนักหน่วงที่ค่ายทหารมาตลอด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่ได้กลับมาเจอครอบครัวเขามองไปรอบๆ สถานีรถไฟที่คุ้นเคย เห็นร้านค้าขนาดเล็กที่ยังคงตั้งอยู่ในที่เดิม ๆ ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึก
หยางป๋อเดินทางกลับมาถึงบ้าน สายลมอ่อนพัดผ่านท้องทุ่งนาและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม บรรยากาศที่บ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความตื่นเต้น เมื่อคนในครอบครัวเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้าน นางหลิวหู่แม่ของหยางป๋อรีบวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า นางโผกอดลูกชายแน่น หยางสุ่ยพ่อของหยางป๋อซึ่งเป็นชายชราที่ยังแข็งแรงแม้จะมีอายุแล้วก็ยิ้มกว้างพลางตบหลังลูกชายเบา ๆ"ต้าป๋อ ลูกกลับมาแล้ว แม่คิดถึงลูกมาก" นางหลิวหู่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ"ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่ครับ" หยางป๋อตอบพลางยิ้มให้แม่ของเขา เขาหันไปกอดพ่อและยิ้มให้กับน้องสาวที่กำลังยืนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวทันทีที่ข่าวการกลับมาของหยางป๋อแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนบ้านที่สนิทกับบ้านหยางเขาก็เริ่มทยอยกันมาเยี่ยมเยียน ทุกคนต่างนำของขวัญและสิ่งของมามอบให้เขาเป็นการต้อนรับกลับบ้าน มีทั้งผลไม้สด อาหารพื้นบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ในค่ำคืนนั้นคนบ้านหยางได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่ลานบ้าน แสงไฟจากโคมสว่างไสวทั่วบริเวณ กลิ่นหอมของอาหารที่นางหยางเจี่ยทำเองลอยมาตามลม มีทั้งเป็ดตุ๋น หมูสามชั้นต้มซีอ
บทที่ 11 ความฝันของเด็กชายเช้าวันถัดมาหยางป๋อตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นาฬิกาในบ้านยังแสดงเวลาเพียงแค่ตีห้า เขาหยิบชุดธรรมดาที่ดูดีและเหมาะสมมาสวมใส่ เลือกเสื้อผ้าสีเรียบแต่มีรสนิยมที่สะท้อนถึงความเรียบร้อย เมื่อลงมาจากบ้านก็คว้าเสื้อคลุมและหมวกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไปยังลานหน้าบ้านพ่อแม่และน้องสาวของเขายืนอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นเขากำลังเตรียมตัวออกจากบ้านในช่วงเวลาตรู่จึงหากันมองอย่างสงสัย ในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมถึงต้องเร่งรีบออกจากบ้านแต่เช้าขนาดนี้"ลูกชายของแม่จะไปไหนตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้" นางหลิวหู่ถามด้วยความสงสัยขณะยืนอยู่ที่หน้าบ้านหยางป๋อหันมาหาแม่และยิ้มอย่างอบอุ่น "ผมแค่จะเข้าไปในเมืองนิดหน่อยครับ ผมต้องการซื้อของบางอย่าง และยังมีเรื่องที่อยากทำ""พี่ชายจะไปซื้ออะไรเหรอคะ" หยางเสี่ยวเจียงน้องสาวของเขาถามขึ้น"พี่ตั้งใจจะซื้ออาหารเช้าให้พวกเราน่ะ พี่ชอบน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาก” หยางป๋อตอบ&ld
บทที่ 12 ลูกค้าประจำหยางป๋อยังคงมาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ในตอนเช้าทุกวัน ทั้งสองคนค่อยๆสนิทสนมกันมากขึ้น จากที่เคยซื้อกลับไปกินที่บ้าน ตอนนี้เว่ยเถียนเถียนได้จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เขานั่งกินที่ร้านแล้ว จางเสวียอี้ก็ดีใจมากที่ได้พบกับคุณลุงทุกวัน พอได้พูดคุยกันมากขึ้นเด็กน้อยก็ยิ่งชื่นชอบเขาเช้าวันหนึ่งในขณะที่หยางป๋อนั่งกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ จางเสวียอี้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม“คุณลุงหยางครับ เล่าเรื่องในค่ายทหารให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” จางเสวียอี้ถามด้วยความตื่นเต้นหยางป๋อยิ้มและวางถ้วยน้ำเต้าหู้ลง “ได้สิ ชีวิตในค่ายทหารนั้นมีหลายอย่างที่น่าสนใจ เสวียอี้อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”จางเสวียอี้ตาเป็นประกาย นั่งลงข้างๆ เขา “ในค่ายทหารมีอะไรบ้างครับคุณลุง”หยางป๋อเริ่มเล่า “ในค่ายทหาร พวกเรามีกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำกันทุกวัน เราตื่นเช้ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจากนั้นเราก็ทำการฝึกซ้อมร่างกาย วิ่งออ
บทที่ 13 จัดการกับสามีเก่า ช่วงสาย ๆ จนเกือบเที่ยงแสงแดดกำลังสาดส่อง อากาศค่อนข้างร้อนเมื่อเทียบกับตอนเช้า นางหยางเจี่ยที่เพิ่งจะซักผ้าเสร็จก็หอบกะลังที่มีผ้าอยู่เต็มเตรียมจะเอามาตากที่ราวตากผ้าข้างบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านออกมาก็พบว่ามีผู้คนมายืนล้อมกันอยู่ที่หน้าบ้างจางเต็มไปหมด ในนั้นมีตำรวจ 2 นาย หยางป๋อแล้วก็ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง นางหยางเจี่ยเห็นดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนหน้าหนาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร กลับตะโกนถามตำรวจไปว่า “ตำรวจมาที่บ้านของฉันมีธุระอะไร ปกติแล้วฉันไม่มีธุระกับพวกตำรวจทหารหรอกนะ” สีหน้าของนางหยางเจี่ยบอกบุญไม่รับ นางมองตำรวจและชาวบ้านอย่างไม่คิดจะแยแส “คุณคือแม่ของจางกวนหย่งใช่ไหมครับ พวกเ
บทที่ 14 เรื่องร้ายผ่านพ้นไปแล้ว เรื่องดีก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน เมื่อเสร็จเรื่องแล้วทั้งสามคนก็กลับมาที่ร้าน เว่ยเถียนเถียนมองดูร้านที่พังเละเทะนั้นพลางถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าวัตถุดิบที่เธอเอาออกมาใช้เหล่านี้จะไม่ได้มีต้นทุนแต่ทว่าก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะ พอเห็นมันเสียหายไปแล้วก็อดที่จะเสียดายไม่ได้ ทั้งน้ำเต้าหู้ที่ทำเสร็จแล้วแล้วก็มีพวกแป้งปาท่องโก๋อีกที่ตอนนี้แห้งแข็งติดโต๊ะไปแล้ว “ไม่ต้องเสียดายไปหรอกเถียนเถียน ว่าแต่คุณมีเงินทุนไปซื้อของอีกไหม” หยางป๋อถาม เพราะเห็นว่าข้าวของเสียหายไปเยอะ หากคิดเป็นเงินแล้วละก็หายสิบหยวนเลยทีเดียว เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงคิดว่าจะเอาเงินของตัวเองบางส่วนออกให้ก่อน “เรื่องเงินไม่มีปัญหาค่ะ ฉันเพียงเสียดายของพวกนี้ที่ต้องทิ้งมันไปโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย แต่ก็ช่
บทที่ 15 ความหวังใหม่ หลังจากที่หยางป๋อจากไปแล้ว เว่ยเถียนเถียนรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจแต่ก็ไม่ยอมให้ความเหงานั้นมาขวางกั้นความตั้งใจของเธอ ทุกๆ เช้าเธอยังคงลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่เตรียมทำปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ด้วยความมุ่งมั่น จางเสวียอี้เองก็คอยช่วยเหลือแม่ของเขาอย่างเต็มที่เว่ยเถียนเถียนตระหนักว่าจะต้องพยายามมากกว่านี้หากต้องการพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าหญิงหม้ายหย่าสามีก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพื่อให้หยางป๋อภูมิใจในตัวเธอและให้สังคมยอมรับในคุณค่าของเธอเองวันเวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนเริ่มคำนึงถึงอนาคตของตัวเองกับลูกชายมากขึ้น เข้าใจดีว่าการขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างฐานะให้มั่นคงและร่ำรวยได้จึงคิดถึงวิธีที่จะขยายกิจการหรืออาจจะทำสิ่งอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้มีรายได้มากขึ้นเธอนั่งคิดและวางแผนในช่วงเวลาว่างหลังจากปิดร้าน มองดูรอบๆ ร้านเพื่อหาว่ามีอะไรที่สามารถทำได้บ
บทที่ 16จดหมายจากชายแดน หลังจากที่เว่ยเถียนเถียนเริ่มทำเต้าหู้ขาย เธอก็พบว่าเต้าหู้ของเธอได้รับการตอบรับอย่างดีมาก จากที่ทำขายวันละสี่สิบก้อนก้อนเป็นเต้าหู้แบบแข็งและแบบอ่อนอย่างละครึ่ง ลูกค้าที่มาซื้อไปต่างชื่นชมและบอกต่อกันไปทั่วถึงความนุ่มและรสชาติอร่อยของเต้าหู้ที่เธอทำ พวกเขาต่อแถวซื้อกันจนของไม่พอขายเว่ยเถียนเถียนรับฟังคำชมของลูกค้าอย่างมีความสุขและรู้สึกดีใจที่ความพยายามของเธอได้รับการยอมรับ"เต้าหู้ของคุณนุ่มมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยกินเต้าหู้ที่อร่อยแบบนี้มาก่อน" ลูกค้าคนหนึ่งพูดขณะที่เว่ยเถียนเถียนกำลังหยิบเต้าหู้ใส่ถุง "ฉันอยากให้คุณทำออกมาขายเยอะ ๆ เพราะบางวันฉันมาต่อคิวแล้วก็ไม่ทันได้ซื้อ"“ฉันเองก็คิดว่าจะทำเพิ่มอยู่เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้แค่ลองตลาดดูก่อน” เว่ยเถียเถียนพูด“ทำออกมาเยอะ ๆ เลย ยังไงก็ขายได้แน่นอน” ลูกค้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันเห็นด้วยเมื่อเถ้าแก่ร้า
บทที่ 25ร้านใหม่หลังจากที่ได้พบกันในครั้งนี้เว่ยเถียนเถียนรู้สึกมั่นใจในตัวหยางป๋อมากยิ่งขึ้น ทุกการกระทำและคำพูดของเขาในวันที่ช่วยเธอจากคนร้ายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ เขาไม่เพียงแค่ปกป้องเธอจากภัยอันตรายแต่ยังยืนหยัดเคียงข้างเธอในทุกสถานการณ์ ความเชื่อมั่นและความรักที่เขามีให้เป็นสิ่งที่เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนความรักที่เว่ยเถียนเถียนมีต่อหยางป๋อเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความมั่นคงที่เขามอบให้ ความห่วงใยและความตั้งใจจริงของหยางป๋อทำให้เธอเปิดใจให้เขาเต็มที่ เธอไม่กลัวที่จะรักเขาอย่างหมดใจ เพราะรู้ว่าเขาคือคนที่รักเธอมากที่สุดกลับมาถึงร้านเว่ยเถียนเถียนเห็นหลินเสี่ยวเป้ยกับลูกชายกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น สถานการณ์ในร้านคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีคนสั่งซื้อฟองเต้าหู้มากมาย เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นความตั้งใจของทุกคนจางเสวียอี้เห็นแม่ของเขากลับมาก็วิ่งมากอดขาด้วยความดีใจ"แม่กลับมาแล้
บทที่ 24ต้องกำจัดเย็นวันนั้นเว่ยเถียนเถียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องพักของโรงแรมที่เธอพักอยู่ ความเงียบสงบของช่วงเย็นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย แต่ความสงบนั้นกลับถูกทำลายเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรุนแรง เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย และเมื่อเปิดออกมาก็ต้องตะลึงเมื่อผู้ชายสองคนที่เธอไม่รู้จักบุกเข้ามาในห้องทันที"เธอคือเว่ยเถียนเถียนใช่ไหม" หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงข่มขู่เว่ยเถียนเถียนพยายามถอยหลัง แต่ถูกดันให้ถอยจนชนกับผนังห้อง "ใช่...พวกคุณต้องการอะไร"ชายคนหนึ่งยิ้มเย็น "มีคนสั่งพวกเราให้มาสั่งสอนเธอ ให้เธอรู้ว่าไม่ควรยุ่งกับคนของคนอื่น"พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้ เว่ยเถียนเถียนรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เธอพยายามถอยหลังไปอีกแต่ว่าตอนนี้ชนกับผนังห้องแล้ว ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นเข้ามาทำให้มือของเธอสั่นและเหงื่อไหลออกมาตามหน้าผาก ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก มองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
บทที่ 23หัวใจที่หนักแน่น หลังจากที่ฝึกเสร็จหยางป๋อก็รีบตรงดิ่งเข้ามาในเมืองทันที วันนี้เลิกเร็วคงพอมีเวลาอยู่กับเว่ยเถียนเถียนได้นานหน่อยเขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขารออยู่ที่หน้าโรงแรมพอเห็นเธอเดินออกมาก็ยิ้มอย่างดีใจ “วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่พาไปกินนะ” “เอาที่พี่คิดว่าอร่อยที่สุดค่ะ” เว่ยเถียนเถียนตอบ “ที่อร่อยที่สุดพี่พาเถียนเถียนไปกินมาแล้ว เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวพี่พาไปกินซวนล่าเฝิ่นร้านคุณลุงจวงดีกว่า ที่นั่นพี่ไปกินกับเพื่อน ๆ บ่อย ค่อยข้างอร่อยเลยล่ะ” หยางป๋อเสนอ “ได้ค่ะ พี่พาไปที่ไหนฉันก็ไปหมดแหละ” เว่ยเถียนเถียนยิ้มอย่างดีใจ
บทที่ 22ศัตรูหัวใจวันต่อมาเว่ยเถียนเถียนมาหาหยางป๋อที่กองทัพในตอนเย็นและวันนี้เธอตั้งใจนำของจากมิติมาฝากเพื่อนทหารของเขาด้วย เขาพาเธอเข้าไปยังพื้นที่หน่วยของเขา เมื่อเพื่อน ๆ เห็นเว่ยเถียนเถียนมาด้วยทุกคนต่างก็เข้ามาต้อนรับและทักทายอย่างอบอุ่น“สวัสดีครับคุณเว่ย” เสียงหนึ่งของทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“สวัสดีค่ะพี่ ๆ ทุกคน วันนี้ฉันนำของมาให้ทุกคนลองชิมกัน” เว่ยเถียนเถียนยิ้มหวานและกล่าวอย่างใจดีเธอเอาของออกมาจากมิติมากมายหอบมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด โดยเฉพาะผลไม้ที่สดและหายากในพื้นที่นี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่เธอนำมา“โอ้โห ผลไม้เยอะขนาดนี้ พวกเราจะได้กินกันหลายวันเลย” ทหารคนหนึ่งพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าในช่วงนี้พวกพี่ ๆ คงอยากกินอะไรหวาน ๆ อร่อย ๆ จะได้หายเหนื่อยจากการฝึก” เว่ยเถียนเถียนตอบ“เถียนเถียน คุณน่ารักมากจริง ๆ ยังถึงคิดถึงพวกเราขนาดน
บทที่ 21ลูกค้ารายใหญ่ เช้าวันรุ่งขึ้นหยางป๋อมารับเว่ยเถียนเถียนที่โรงแรมแต่เช้าตรู่ ทั้งสองเตรียมตัวให้พร้อมแล้วนั่งสามล้อเข้าไปที่กองทัพด้วยกัน เว่ยเถียนเถียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้การเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จจึงฮึดสู้ขึ้นมา เมื่อพวกเขามาถึงกองทัพผู้พันและคุณนายก็รออยู่แล้วเมื่อได้พบกันหยางป๋อก็แนะนำเว่ยเถียนเถียนให้ผู้พันและคุณนายรู้จัก "ผู้พันครับ นี่คือเว่ยเถียนเถียน เธอคือคนที่ทำฟองเต้าหู้ที่พวกเราทดลองกินกันเมื่อคราวก่อน"ผู้พันยิ้มแย้ม "ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเว่ย ฟองเต้าหู้ที่คุณทำอร่อยมาก ผมและภรรยาชอบมาก ๆ เลย""ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะผู้พัน คุณนาย ขอบคุณที่ชื่นชอบฟองเต้าหู้ที่ฉันทำนะคะ" เว่ยเถียนเถียนยิ้มและโค้งตัวให้หลังจากทักทายกันเรียบร้อยพวกเขาเริ่มเข้าเรื่องการค้ากัน เว่ยเถียนเถียนนำฟองเต้าหู้แห้งรูปแบบต่าง ๆ ออกมาเสนอให้ผู้พันและคุณนายดู แต่ละแบ
บทที่ 20ข่าวดีผู้พันเรียกให้หยางป๋อมาพบในเช้าวันถัดมา เมื่อหยางป๋อมาถึงห้องทำงานของผู้พันเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น“หัวหน้าหมู่หยาง นั่งก่อนสิผมมีเรื่องจะพูดกับคุณเกี่ยวกับฟองเต้าหู้พวกนั้น” ผู้พันเริ่มต้นการสนทนาด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง“ผมสนใจฟองเต้าหู้พวกนี้มาก มันมีรสชาติดีมากก็เลยคิดว่าจะเอาไปขายที่ร้านค้าของภรรยา ตอนนี้ร้านของเธอมีสาขาอยู่ที่สามเมือง ถ้าคุณสนใจผมจะช่วยนัดพบกับภรรยาให้พวกเราจะได้คุยเรื่องการค้ากัน”หยางป๋อฟังด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกยินดีที่สินค้าของเว่ยเถียนเถียนได้รับความสนใจอย่างมาก “ฟองเต้าหู้พวกนี้เป็นคนรักของผมที่ทำขึ้นมาครับ เธอส่งมาจากเมืองบ้านเกิดของผม ถ้าผู้พันอยากคุยเรื่องการค้าผมก็จะนัดเธอให้ครับ”“ดีมาก หัวหน้าหมู่หยาง ผมก็จะนัดภรรยามาด้วยเช่นกัน พวกเรามาเจอกันในวันหยุดดีไหม” ผู้พันถามหยางป๋อตอบรับด้วยความเต็มใจ “ได้ครับผู้พัน ผมจะแจ้งคนรักขอ
บทที่ 19 ขยายกิจการ เมื่อมีหลินเสี่ยวเป้ยมาช่วยงานแล้วก็ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น เว่ยเถียนเถียนจึงคิดที่จะขยายกิจการเพิ่ม เธอเริ่มสำรวจตลาดอย่างละเอียดก็พบว่ามีฟองเต้าหู้ขายแต่ว่ามีอยู่แบบเดียว อีกทั้งยังไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไร ในขณะที่เดินสำรวจเธอคิดย้อนกลับไปถึงชาติที่แล้ว ฟองเต้าหู้หลายแบบที่เธอส่งออกในเวลานั้นได้รับความนิยมมากและเป็นที่ต้องการสูงในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศความคิดเกี่ยวกับฟองเต้าหู้ที่หลากหลายชนิดนั้นทำให้เธอตื่นเต้น ภาพในจินตนาการของเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ร้านอาหารหลายแห่งโดยเฉพาะร้านหม้อไฟในยุคนี้ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเห็นว่ามีโอกาสมากมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เว่ยเถียนเถียนนั่งคิดถึงการทำฟองเต้าหู้แบบต่าง ๆ ในใจ เธอจำได้ถึงวิธีการทำฟองเต้าหู้ทั้งแบบบาง แบบหนา แบบตากแห้ง ที่สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ใช้ห่อเ
บทที่ 18ผู้ช่วยคนแรกของร้าน เวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนและหยางป๋อต่างเขียนจดหมายหากันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสองใช้ตัวอักษรเป็นสะพานเชื่อมความรู้สึกจากใจถึงใจ ทุกถ้อยคำที่ส่งถึงกันทำให้ความรักระหว่างพวกเขาเบ่งบานและเติบโตอย่างงดงามทุกเดือนเว่ยเถียนเถียนจะส่งจดหมายและของฝากมาให้หยางป๋อที่กองทัพ ในกล่องของขวัญที่เธอส่งมามักมีของกินที่หยางป๋อชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งน้ำเต้าหู้ที่เธอพาสเจอร์ไรส์ด้วยความพิถีพิถันเพื่อให้เก็บได้นานขึ้น การได้รับจดหมายและของฝากจากเธอเป็นความสุขที่เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อทุกครั้งที่จดหมายและของฝากมาถึงหยางป๋อจะรีบเปิดอ่านจดหมายก่อนเสมอ เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเวลาที่อ่านถ้อยคำอ่อนโยนและห่วงใยจากเว่ยเถียนเถียน เขามักจะเก็บจดหมายของเธอไว้อย่างดีและเมื่อมีเวลาว่างก้จะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำทำให้ความรักที่มีต่อเธอเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้อยคำเธอทำให้เขามีกำลังใจในการฝึกซ้อมและทำหน้าที่ในฐานะทหารอย่างไม่ย่อท้อ
บทที่ 17กรรมวิธีใหม่หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวของบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของถั่วเหลืองอบอวลเต็มไปหมด เธอมีความคิดที่หนึ่งอยู่ในใจหลังจากอ่านจดหมายของหยางป๋อ ถึงแม้จะดีใจมากที่เขาเขียนจดหมายมาหาแต่ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้กังวลใจซึ่งก็คือการที่เขาอยู่ที่กองทัพแล้วจะไม่มีของอร่อยกิน การฝึกที่กองทัพนั้นหนักมากและทหารทุกคนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไรเธอเริ่มคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการส่งน้ำเต้าหู้และของกินอื่นๆ ไปให้เขา แต่การส่งของที่มีระยะเวลาการเก็บสั้นอย่างน้ำเต้าหู้ที่สดใหม่ก็คงจะเน่าเสียก่อนถึงกองทัพอย่างแน่นอน อาหารแห้งอย่างอื่นเก็บไว้ได้นานก็จริงแต่สิ่งที่เธออยากให้เขาได้กินก็คือน้ำเต้าหู้ฝีมือของเธอนั่งคิดอยู่หลายวันจนกระทั่งความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวซึ่งก็คือการพาสเจอไรส์ เธอจำได้ว่าชาติก่อนตอนเรียนมัธยมได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีนี้ซึ่งสามารถทำให้น้ำเต้าหู้เก็บได้นานโดยไม่เน่าเสีย วิธีการพาสเจอไรส์คือการทำให้ของเหลวร้อนขึ้นที่อุณหภูมิสูงพอสมควรเพื