หัวหน้าหมู่หยางป๋อประจำการอยู่ที่ค่ายทหารชายแดนได้รับอนุญาตให้ลาพักเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่เขาต้องใช้ชีวิตในค่ายทหารมากว่าหกปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
หยางป๋อเดินทางมาด้วยรถไฟใช้เวลาร่วมสามวันสามคืน เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีในเมืองเขาก็ก้าวลงจากรถไฟด้วยท่าทางองอาจ มาดมั่น ชุดเครื่องแบบทหารที่ตัดเย็บอย่างดีทำให้ดูมีสง่าราศี รูปร่างสูงใหญ่ของเขาและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วงทำให้ผู้คนรอบข้างต่างต้องชื่นชม หยางป๋อในวัยยี่สิบหกปีนั้นเป็นหนุ่มหล่อที่มีเสน่ห์อย่างมาก ใบหน้าคมเข้มและดวงตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมองตามด้วยความสนใจ
สายลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านมาพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่น หยางป๋อสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกสดชื่นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องอดทนกับการฝึกซ้อมและภารกิจหนักหน่วงที่ค่ายทหารมาตลอด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่ได้กลับมาเจอครอบครัว
เขามองไปรอบๆ สถานีรถไฟที่คุ้นเคย เห็นร้านค้าขนาดเล็กที่ยังคงตั้งอยู่ในที่เดิม ๆ ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก บรรยากาศในเมืองยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง การกลับมาบ้านครั้งนี้ทำให้เขานึกถึงความทรงจำในวัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นอยู่ในเมืองนี้
ขณะที่เขาก้าวเดินไปตามถนนในเมือง สายตาของชาวเมืองต่างหันมามองเขาด้วยความชื่นชม หลายคนจำเขาได้และทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวที่ยืนอยู่ริมทางเดินต่างพากันส่งสายตาให้เขา บางคนถึงกับกระซิบกระซาบกับเพื่อนๆ อย่างเขินอาย ความหล่อเหลาและท่าทางที่องอาจของหยางป๋อทำให้เขากลายเป็นที่สนใจของสาวๆ ในเมืองในทันที
หยางป๋อยิ้มบางๆ ให้กับทุกคนที่ทักทายเขา เขารู้สึกอบอุ่นใจที่ได้รับการต้อนรับอย่างดี แม้จะไม่ได้กลับบ้านนานแต่ความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อเมืองนี้ยังคงเหมือนเดิม
สถานีรถไฟอยู่ไม่ไกลจากตลาดมากนัก หยางป๋อคิดว่าน่าจะดีถ้าได้ซื้ออาหารเช้าไปฝากพ่อแม่และน้องสาวก่อนกลับบ้าน เพราะเช้าขนาดนี้คงยังไม่มีใครตื่นมาทำอาหารอย่างแน่นอน เขาเดินเข้ามาในตลาดที่เริ่มคึกคักกับพ่อค้าแม่ค้าที่จัดเตรียมสินค้ากันแต่เช้าตรู่
กลิ่นหอมของอาหารเช้าโชยมาแตะจมูกเขาทันที หยางป๋อเดินตามกลิ่นไปจนมาหยุดอยู่หน้าร้านขายน้ำเต้าหู้ร้านหนึ่ง ร้านนี้ดูเรียบง่ายแต่มีความสะอาดเรียบร้อย โต๊ะไม้ถูกตั้งเรียงรายไว้หน้าร้าน ตอนนี้เป็นเวลาที่เช้ามาก ๆ จึงยังไม่มีลูกค้าคนอื่นมาที่ร้าน
สายตาของหยางป๋อมองไปที่หม้อน้ำเต้าหู้ใบใหญ่ที่กำลังเดือดพล่านอยู่บนเตา กลิ่นหอมของถั่วเหลืองต้มที่อบอวลในอากาศทำให้เขารู้สึกหิวขึ้นมาทันที เขามองเห็นว่าข้างๆ กันนั้นมีถาดปาท่องโก๋ที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ๆ วางอยู่ด้วย ปาท่องโก๋ตัวใหญ่อวบอ้วนสีเหลืองทองน่ากินมาก
ที่ร้านขายน้ำเต้าหู้แห่งนี้มีบรรยากาศอบอุ่น เด็กชายวัยห้าขวบกำลังนั่งปั้นแป้งปาท่องโก๋ลงทอดอย่างขะมักเขม้น เด็กน้อยผู้นี้มีความขยันขันแข็งเกินวัย ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มสดใส หยางป๋อมองดูเด็กชายด้วยความเอ็นดู เขาสั่งน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋กับเด็กชายที่กำลังทำงานอย่างคล่องแคล่ว
“น้องชาย ขอน้ำเต้าหู้สี่ขวดกับปาท่องโก๋สิบตัวหน่อย” หยางป๋อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“รอแป๊บนึงนะครับ”เด็กชายเงยหน้ามองแล้วพยักหน้ารับคำ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อเรียกให้แม่ของเขาออกมาขาย
ไม่นานนักเว่ยเถียนเถียนก็ออกมาพร้อมกับแป้งสองห่อในมือ ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น บนแก้มมีฝุ่นแป้งเปรอะเปื้อนเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะ รอสักครู่นะคะ” เธอพูดพร้อมกับวางแป้งลงแล้วเริ่มตักน้ำเต้าหู้ให้เขา
แต่การปรากฏตัวของเว่ยเถียนเถียนนั้นถึงกับทำให้หยางป๋ออึ้งจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก เป็นเพราะว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้คือคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเธออีก
“ไม่...ไม่เป็นไรครับ” หยางป๋อตอบพร้อมรอยยิ้ม พลางมองดูเธอที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง เว่ยเถียนเถียนตักน้ำเต้าหู้ใส่ขวดแล้วปิดฝาขวดอย่างเรียบร้อย ก่อนจะหยิบปาท่องโก๋ใส่ถุงกระดาษให้เขา
เมื่อหยางป๋อเห็นเว่ยเถียนเถียนยืนอยู่ที่ร้านขายน้ำเต้าหู้ในตลาดก็ถึงกับตกใจไปชั่วขณะ ด้วยเหตุผลที่ลึกซึ้งและซับซ้อนในใจ เพราะเขาจำได้ว่าเธอคือลูกสาวของเพื่อนท่านนายพลที่เคยมาเยี่ยมค่ายทหารของเขาเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นเขายังเป็นแค่พลทหาร และแม้จะมีโอกาสได้พบกันเพียงชั่วครู่แต่เขาก็ไม่สามารถลืมความงามของเธอได้เลย
ในวันนั้นเว่ยเถียนเถียนมาที่ค่ายทหารพร้อมกับพ่อแม่ของเธอ โดยมีการพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองกับนายทหารระดับสูงที่ค่าย การมีโอกาสได้พบกับลูกสาวของเพื่อนท่านนายพลทำให้หยางป๋อรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจ แต่ในขณะนั้นเขายังเป็นแค่พลทหารที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากเฝ้าดูเธอจากระยะไกล
สายตาของทหารคนอื่น ๆ ที่เห็นเว่ยเถียนเถียนก็ไม่ต่างจากหยางป๋อเลย ทุกคนต่างพากันมองเธอด้วยความสนใจ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาไม่กี่วันที่เธอมาเที่ยวชมที่ค่าย ทหารในค่ายต่างพากันแอบมองเธออยู่แทบทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน หยางป๋อในตอนนั้นมองตามเธอจนลืมไม่ได้ยินที่คำสั่งครูฝึกสั่งให้ทำ ทำเอาเขาถูกลงโทษให้วิ่งรอบสนามอยู่หลายรอบ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขาเคยพบกับเธอที่ค่ายทหาร ถึงแม้ว่าเธอจะจำเขาไม่ได้แต่เขาก็จำได้ว่าเธอมีท่าทีที่สง่างามและเป็นมิตร แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือเหตุผลที่ทำให้เธอถึงต้องมาขายน้ำเต้าหู้ที่ตลาดในเมืองนี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอกันแน่ทำไมถึงได้เปลี่ยนจากการเป็นคุณหนูมาขายของในตลาด เขาตั้งข้อสงสัยว่าชีวิตของเธอว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง และสิ่งที่เขาสามารถเดาได้ก็คือเด็กชายที่กำลังปั้นแป้งปาท่องโก๋อยู่ที่ร้านน่าจะเป็นลูกชายของเธอ
“ขายดีไหมครับ” หยางป๋อถามขึ้นขณะรับถุงจากเธอ
“ค่อนข้างขายดีค่ะ ตอนนี้เริ่มมีลูกค้าประจำเข้ามาซื้อทุกเช้า ลูกค้าบอกว่าน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ของเราหอมอร่อยและสะอาด” เว่ยเถียนเถียนยิ้มและตอบ
“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ กลิ่นหอมจนอดใจไม่ไหวเลย” หยางป๋อพูดพลางยิ้ม
เว่ยเถียนเถียนรู้สึกปลื้มใจที่ได้รับคำชมจากลูกค้า “ขอบคุณมากค่ะ ถ้าชอบก็แวะมาซื้อบ่อยๆ นะคะ เราทำสดใหม่ทุกวัน”
“แน่นอนครับ” หยางป๋อตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เขาจ่ายเงินและขอบคุณเว่ยเถียนเถียนก่อนจะเดินออกจากร้านไป แต่ก่อนที่จะไปเขาหันไปมองเด็กชายที่กำลังปั้นแป้งปาท่องโก๋ต่อด้วยความเอ็นดู
ระหว่างที่หยางป๋อนั่งอยู่ในเกวียนที่กำลังเคลื่อนตัวกลับไปยังหมู่บ้าน เขาก็ไม่สามารถปัดความคิดเกี่ยวกับเว่ยเถียนเถียนออกไปจากหัวใจได้ เขานั่งคิดซ้ำไปซ้ำมาเกี่ยวกับชีวิตของเธอที่เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ เขาเริ่มสงสัยว่าเหตุใดเธอถึงได้เลือกเส้นทางนี้และที่ผ่านมานั้นมีสิ่งไหนเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอกันแน่
เขาพยายามนึกถึงสามีของเธอ เพราะที่ร้านเมื่อสักครู่ก็เห็นว่ามีแค่เธอกับลูกชายแค่สองคนไม่เห็นจะมีคนอื่นอีก พอคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ยิ่งสงสัยว่าสามีของเธออยู่ที่ไหน หรือว่าเขาอาจจะออกไปทำงานหรือมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้
ภายใต้ความสงสัยนั้นกลับมีความรู้สึกเป็นห่วงอยู่ท่วมท้น อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกลึก ๆ ที่เขาเคยแอบชอบเธอมาก่อนจึงทำให้เป็นห่วงเธอมาก และการที่ได้มาพบเธอในครั้งนี้ก็เหมือนกับว่าจุดประกายความหวังให้เขาอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าระหว่างที่พักอยู่ที่บ้านจะต้องสืบเรื่องราวของเธอให้ได้
หยางป๋อเดินทางกลับมาถึงบ้าน สายลมอ่อนพัดผ่านท้องทุ่งนาและกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม บรรยากาศที่บ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความตื่นเต้น เมื่อคนในครอบครัวเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้าน นางหลิวหู่แม่ของหยางป๋อรีบวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า นางโผกอดลูกชายแน่น หยางสุ่ยพ่อของหยางป๋อซึ่งเป็นชายชราที่ยังแข็งแรงแม้จะมีอายุแล้วก็ยิ้มกว้างพลางตบหลังลูกชายเบา ๆ"ต้าป๋อ ลูกกลับมาแล้ว แม่คิดถึงลูกมาก" นางหลิวหู่พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ"ผมก็คิดถึงพ่อกับแม่ครับ" หยางป๋อตอบพลางยิ้มให้แม่ของเขา เขาหันไปกอดพ่อและยิ้มให้กับน้องสาวที่กำลังยืนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถวทันทีที่ข่าวการกลับมาของหยางป๋อแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เพื่อนบ้านที่สนิทกับบ้านหยางเขาก็เริ่มทยอยกันมาเยี่ยมเยียน ทุกคนต่างนำของขวัญและสิ่งของมามอบให้เขาเป็นการต้อนรับกลับบ้าน มีทั้งผลไม้สด อาหารพื้นบ้าน และข้าวของเครื่องใช้ในค่ำคืนนั้นคนบ้านหยางได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่ลานบ้าน แสงไฟจากโคมสว่างไสวทั่วบริเวณ กลิ่นหอมของอาหารที่นางหยางเจี่ยทำเองลอยมาตามลม มีทั้งเป็ดตุ๋น หมูสามชั้นต้มซีอ
บทที่ 11 ความฝันของเด็กชายเช้าวันถัดมาหยางป๋อตื่นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง นาฬิกาในบ้านยังแสดงเวลาเพียงแค่ตีห้า เขาหยิบชุดธรรมดาที่ดูดีและเหมาะสมมาสวมใส่ เลือกเสื้อผ้าสีเรียบแต่มีรสนิยมที่สะท้อนถึงความเรียบร้อย เมื่อลงมาจากบ้านก็คว้าเสื้อคลุมและหมวกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเดินออกไปยังลานหน้าบ้านพ่อแม่และน้องสาวของเขายืนอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นเขากำลังเตรียมตัวออกจากบ้านในช่วงเวลาตรู่จึงหากันมองอย่างสงสัย ในใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมถึงต้องเร่งรีบออกจากบ้านแต่เช้าขนาดนี้"ลูกชายของแม่จะไปไหนตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้" นางหลิวหู่ถามด้วยความสงสัยขณะยืนอยู่ที่หน้าบ้านหยางป๋อหันมาหาแม่และยิ้มอย่างอบอุ่น "ผมแค่จะเข้าไปในเมืองนิดหน่อยครับ ผมต้องการซื้อของบางอย่าง และยังมีเรื่องที่อยากทำ""พี่ชายจะไปซื้ออะไรเหรอคะ" หยางเสี่ยวเจียงน้องสาวของเขาถามขึ้น"พี่ตั้งใจจะซื้ออาหารเช้าให้พวกเราน่ะ พี่ชอบน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาก” หยางป๋อตอบ&ld
บทที่ 12 ลูกค้าประจำหยางป๋อยังคงมาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ในตอนเช้าทุกวัน ทั้งสองคนค่อยๆสนิทสนมกันมากขึ้น จากที่เคยซื้อกลับไปกินที่บ้าน ตอนนี้เว่ยเถียนเถียนได้จัดโต๊ะเก้าอี้ให้เขานั่งกินที่ร้านแล้ว จางเสวียอี้ก็ดีใจมากที่ได้พบกับคุณลุงทุกวัน พอได้พูดคุยกันมากขึ้นเด็กน้อยก็ยิ่งชื่นชอบเขาเช้าวันหนึ่งในขณะที่หยางป๋อนั่งกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ จางเสวียอี้ก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม“คุณลุงหยางครับ เล่าเรื่องในค่ายทหารให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” จางเสวียอี้ถามด้วยความตื่นเต้นหยางป๋อยิ้มและวางถ้วยน้ำเต้าหู้ลง “ได้สิ ชีวิตในค่ายทหารนั้นมีหลายอย่างที่น่าสนใจ เสวียอี้อยากจะฟังเรื่องอะไรก่อนล่ะ”จางเสวียอี้ตาเป็นประกาย นั่งลงข้างๆ เขา “ในค่ายทหารมีอะไรบ้างครับคุณลุง”หยางป๋อเริ่มเล่า “ในค่ายทหาร พวกเรามีกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำกันทุกวัน เราตื่นเช้ากันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจากนั้นเราก็ทำการฝึกซ้อมร่างกาย วิ่งออ
บทที่ 13 จัดการกับสามีเก่า ช่วงสาย ๆ จนเกือบเที่ยงแสงแดดกำลังสาดส่อง อากาศค่อนข้างร้อนเมื่อเทียบกับตอนเช้า นางหยางเจี่ยที่เพิ่งจะซักผ้าเสร็จก็หอบกะลังที่มีผ้าอยู่เต็มเตรียมจะเอามาตากที่ราวตากผ้าข้างบ้าน เมื่อเปิดประตูบ้านออกมาก็พบว่ามีผู้คนมายืนล้อมกันอยู่ที่หน้าบ้างจางเต็มไปหมด ในนั้นมีตำรวจ 2 นาย หยางป๋อแล้วก็ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง นางหยางเจี่ยเห็นดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนหน้าหนาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร กลับตะโกนถามตำรวจไปว่า “ตำรวจมาที่บ้านของฉันมีธุระอะไร ปกติแล้วฉันไม่มีธุระกับพวกตำรวจทหารหรอกนะ” สีหน้าของนางหยางเจี่ยบอกบุญไม่รับ นางมองตำรวจและชาวบ้านอย่างไม่คิดจะแยแส “คุณคือแม่ของจางกวนหย่งใช่ไหมครับ พวกเ
บทที่ 14 เรื่องร้ายผ่านพ้นไปแล้ว เรื่องดีก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน เมื่อเสร็จเรื่องแล้วทั้งสามคนก็กลับมาที่ร้าน เว่ยเถียนเถียนมองดูร้านที่พังเละเทะนั้นพลางถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าวัตถุดิบที่เธอเอาออกมาใช้เหล่านี้จะไม่ได้มีต้นทุนแต่ทว่าก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะ พอเห็นมันเสียหายไปแล้วก็อดที่จะเสียดายไม่ได้ ทั้งน้ำเต้าหู้ที่ทำเสร็จแล้วแล้วก็มีพวกแป้งปาท่องโก๋อีกที่ตอนนี้แห้งแข็งติดโต๊ะไปแล้ว “ไม่ต้องเสียดายไปหรอกเถียนเถียน ว่าแต่คุณมีเงินทุนไปซื้อของอีกไหม” หยางป๋อถาม เพราะเห็นว่าข้าวของเสียหายไปเยอะ หากคิดเป็นเงินแล้วละก็หายสิบหยวนเลยทีเดียว เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงคิดว่าจะเอาเงินของตัวเองบางส่วนออกให้ก่อน “เรื่องเงินไม่มีปัญหาค่ะ ฉันเพียงเสียดายของพวกนี้ที่ต้องทิ้งมันไปโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย แต่ก็ช่
บทที่ 15 ความหวังใหม่ หลังจากที่หยางป๋อจากไปแล้ว เว่ยเถียนเถียนรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจแต่ก็ไม่ยอมให้ความเหงานั้นมาขวางกั้นความตั้งใจของเธอ ทุกๆ เช้าเธอยังคงลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่เตรียมทำปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ด้วยความมุ่งมั่น จางเสวียอี้เองก็คอยช่วยเหลือแม่ของเขาอย่างเต็มที่เว่ยเถียนเถียนตระหนักว่าจะต้องพยายามมากกว่านี้หากต้องการพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าหญิงหม้ายหย่าสามีก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพื่อให้หยางป๋อภูมิใจในตัวเธอและให้สังคมยอมรับในคุณค่าของเธอเองวันเวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนเริ่มคำนึงถึงอนาคตของตัวเองกับลูกชายมากขึ้น เข้าใจดีว่าการขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างฐานะให้มั่นคงและร่ำรวยได้จึงคิดถึงวิธีที่จะขยายกิจการหรืออาจจะทำสิ่งอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้มีรายได้มากขึ้นเธอนั่งคิดและวางแผนในช่วงเวลาว่างหลังจากปิดร้าน มองดูรอบๆ ร้านเพื่อหาว่ามีอะไรที่สามารถทำได้บ
บทที่ 16จดหมายจากชายแดน หลังจากที่เว่ยเถียนเถียนเริ่มทำเต้าหู้ขาย เธอก็พบว่าเต้าหู้ของเธอได้รับการตอบรับอย่างดีมาก จากที่ทำขายวันละสี่สิบก้อนก้อนเป็นเต้าหู้แบบแข็งและแบบอ่อนอย่างละครึ่ง ลูกค้าที่มาซื้อไปต่างชื่นชมและบอกต่อกันไปทั่วถึงความนุ่มและรสชาติอร่อยของเต้าหู้ที่เธอทำ พวกเขาต่อแถวซื้อกันจนของไม่พอขายเว่ยเถียนเถียนรับฟังคำชมของลูกค้าอย่างมีความสุขและรู้สึกดีใจที่ความพยายามของเธอได้รับการยอมรับ"เต้าหู้ของคุณนุ่มมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยกินเต้าหู้ที่อร่อยแบบนี้มาก่อน" ลูกค้าคนหนึ่งพูดขณะที่เว่ยเถียนเถียนกำลังหยิบเต้าหู้ใส่ถุง "ฉันอยากให้คุณทำออกมาขายเยอะ ๆ เพราะบางวันฉันมาต่อคิวแล้วก็ไม่ทันได้ซื้อ"“ฉันเองก็คิดว่าจะทำเพิ่มอยู่เหมือนกันค่ะ ช่วงนี้แค่ลองตลาดดูก่อน” เว่ยเถียเถียนพูด“ทำออกมาเยอะ ๆ เลย ยังไงก็ขายได้แน่นอน” ลูกค้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันเห็นด้วยเมื่อเถ้าแก่ร้า
บทที่ 17กรรมวิธีใหม่หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวของบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของถั่วเหลืองอบอวลเต็มไปหมด เธอมีความคิดที่หนึ่งอยู่ในใจหลังจากอ่านจดหมายของหยางป๋อ ถึงแม้จะดีใจมากที่เขาเขียนจดหมายมาหาแต่ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้กังวลใจซึ่งก็คือการที่เขาอยู่ที่กองทัพแล้วจะไม่มีของอร่อยกิน การฝึกที่กองทัพนั้นหนักมากและทหารทุกคนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไรเธอเริ่มคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการส่งน้ำเต้าหู้และของกินอื่นๆ ไปให้เขา แต่การส่งของที่มีระยะเวลาการเก็บสั้นอย่างน้ำเต้าหู้ที่สดใหม่ก็คงจะเน่าเสียก่อนถึงกองทัพอย่างแน่นอน อาหารแห้งอย่างอื่นเก็บไว้ได้นานก็จริงแต่สิ่งที่เธออยากให้เขาได้กินก็คือน้ำเต้าหู้ฝีมือของเธอนั่งคิดอยู่หลายวันจนกระทั่งความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวซึ่งก็คือการพาสเจอไรส์ เธอจำได้ว่าชาติก่อนตอนเรียนมัธยมได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีนี้ซึ่งสามารถทำให้น้ำเต้าหู้เก็บได้นานโดยไม่เน่าเสีย วิธีการพาสเจอไรส์คือการทำให้ของเหลวร้อนขึ้นที่อุณหภูมิสูงพอสมควรเพื
บทที่ 25ร้านใหม่หลังจากที่ได้พบกันในครั้งนี้เว่ยเถียนเถียนรู้สึกมั่นใจในตัวหยางป๋อมากยิ่งขึ้น ทุกการกระทำและคำพูดของเขาในวันที่ช่วยเธอจากคนร้ายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความรักและความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ เขาไม่เพียงแค่ปกป้องเธอจากภัยอันตรายแต่ยังยืนหยัดเคียงข้างเธอในทุกสถานการณ์ ความเชื่อมั่นและความรักที่เขามีให้เป็นสิ่งที่เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนความรักที่เว่ยเถียนเถียนมีต่อหยางป๋อเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความมั่นคงที่เขามอบให้ ความห่วงใยและความตั้งใจจริงของหยางป๋อทำให้เธอเปิดใจให้เขาเต็มที่ เธอไม่กลัวที่จะรักเขาอย่างหมดใจ เพราะรู้ว่าเขาคือคนที่รักเธอมากที่สุดกลับมาถึงร้านเว่ยเถียนเถียนเห็นหลินเสี่ยวเป้ยกับลูกชายกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น สถานการณ์ในร้านคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีคนสั่งซื้อฟองเต้าหู้มากมาย เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นความตั้งใจของทุกคนจางเสวียอี้เห็นแม่ของเขากลับมาก็วิ่งมากอดขาด้วยความดีใจ"แม่กลับมาแล้
บทที่ 24ต้องกำจัดเย็นวันนั้นเว่ยเถียนเถียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องพักของโรงแรมที่เธอพักอยู่ ความเงียบสงบของช่วงเย็นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย แต่ความสงบนั้นกลับถูกทำลายเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรุนแรง เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย และเมื่อเปิดออกมาก็ต้องตะลึงเมื่อผู้ชายสองคนที่เธอไม่รู้จักบุกเข้ามาในห้องทันที"เธอคือเว่ยเถียนเถียนใช่ไหม" หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงข่มขู่เว่ยเถียนเถียนพยายามถอยหลัง แต่ถูกดันให้ถอยจนชนกับผนังห้อง "ใช่...พวกคุณต้องการอะไร"ชายคนหนึ่งยิ้มเย็น "มีคนสั่งพวกเราให้มาสั่งสอนเธอ ให้เธอรู้ว่าไม่ควรยุ่งกับคนของคนอื่น"พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้ เว่ยเถียนเถียนรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เธอพยายามถอยหลังไปอีกแต่ว่าตอนนี้ชนกับผนังห้องแล้ว ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก ความหวาดกลัวที่ท่วมท้นเข้ามาทำให้มือของเธอสั่นและเหงื่อไหลออกมาตามหน้าผาก ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก มองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
บทที่ 23หัวใจที่หนักแน่น หลังจากที่ฝึกเสร็จหยางป๋อก็รีบตรงดิ่งเข้ามาในเมืองทันที วันนี้เลิกเร็วคงพอมีเวลาอยู่กับเว่ยเถียนเถียนได้นานหน่อยเขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขารออยู่ที่หน้าโรงแรมพอเห็นเธอเดินออกมาก็ยิ้มอย่างดีใจ “วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่พาไปกินนะ” “เอาที่พี่คิดว่าอร่อยที่สุดค่ะ” เว่ยเถียนเถียนตอบ “ที่อร่อยที่สุดพี่พาเถียนเถียนไปกินมาแล้ว เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวพี่พาไปกินซวนล่าเฝิ่นร้านคุณลุงจวงดีกว่า ที่นั่นพี่ไปกินกับเพื่อน ๆ บ่อย ค่อยข้างอร่อยเลยล่ะ” หยางป๋อเสนอ “ได้ค่ะ พี่พาไปที่ไหนฉันก็ไปหมดแหละ” เว่ยเถียนเถียนยิ้มอย่างดีใจ
บทที่ 22ศัตรูหัวใจวันต่อมาเว่ยเถียนเถียนมาหาหยางป๋อที่กองทัพในตอนเย็นและวันนี้เธอตั้งใจนำของจากมิติมาฝากเพื่อนทหารของเขาด้วย เขาพาเธอเข้าไปยังพื้นที่หน่วยของเขา เมื่อเพื่อน ๆ เห็นเว่ยเถียนเถียนมาด้วยทุกคนต่างก็เข้ามาต้อนรับและทักทายอย่างอบอุ่น“สวัสดีครับคุณเว่ย” เสียงหนึ่งของทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น“สวัสดีค่ะพี่ ๆ ทุกคน วันนี้ฉันนำของมาให้ทุกคนลองชิมกัน” เว่ยเถียนเถียนยิ้มหวานและกล่าวอย่างใจดีเธอเอาของออกมาจากมิติมากมายหอบมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด โดยเฉพาะผลไม้ที่สดและหายากในพื้นที่นี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่เธอนำมา“โอ้โห ผลไม้เยอะขนาดนี้ พวกเราจะได้กินกันหลายวันเลย” ทหารคนหนึ่งพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าในช่วงนี้พวกพี่ ๆ คงอยากกินอะไรหวาน ๆ อร่อย ๆ จะได้หายเหนื่อยจากการฝึก” เว่ยเถียนเถียนตอบ“เถียนเถียน คุณน่ารักมากจริง ๆ ยังถึงคิดถึงพวกเราขนาดน
บทที่ 21ลูกค้ารายใหญ่ เช้าวันรุ่งขึ้นหยางป๋อมารับเว่ยเถียนเถียนที่โรงแรมแต่เช้าตรู่ ทั้งสองเตรียมตัวให้พร้อมแล้วนั่งสามล้อเข้าไปที่กองทัพด้วยกัน เว่ยเถียนเถียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้การเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จจึงฮึดสู้ขึ้นมา เมื่อพวกเขามาถึงกองทัพผู้พันและคุณนายก็รออยู่แล้วเมื่อได้พบกันหยางป๋อก็แนะนำเว่ยเถียนเถียนให้ผู้พันและคุณนายรู้จัก "ผู้พันครับ นี่คือเว่ยเถียนเถียน เธอคือคนที่ทำฟองเต้าหู้ที่พวกเราทดลองกินกันเมื่อคราวก่อน"ผู้พันยิ้มแย้ม "ยินดีที่ได้รู้จัก คุณเว่ย ฟองเต้าหู้ที่คุณทำอร่อยมาก ผมและภรรยาชอบมาก ๆ เลย""ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะผู้พัน คุณนาย ขอบคุณที่ชื่นชอบฟองเต้าหู้ที่ฉันทำนะคะ" เว่ยเถียนเถียนยิ้มและโค้งตัวให้หลังจากทักทายกันเรียบร้อยพวกเขาเริ่มเข้าเรื่องการค้ากัน เว่ยเถียนเถียนนำฟองเต้าหู้แห้งรูปแบบต่าง ๆ ออกมาเสนอให้ผู้พันและคุณนายดู แต่ละแบ
บทที่ 20ข่าวดีผู้พันเรียกให้หยางป๋อมาพบในเช้าวันถัดมา เมื่อหยางป๋อมาถึงห้องทำงานของผู้พันเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น“หัวหน้าหมู่หยาง นั่งก่อนสิผมมีเรื่องจะพูดกับคุณเกี่ยวกับฟองเต้าหู้พวกนั้น” ผู้พันเริ่มต้นการสนทนาด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง“ผมสนใจฟองเต้าหู้พวกนี้มาก มันมีรสชาติดีมากก็เลยคิดว่าจะเอาไปขายที่ร้านค้าของภรรยา ตอนนี้ร้านของเธอมีสาขาอยู่ที่สามเมือง ถ้าคุณสนใจผมจะช่วยนัดพบกับภรรยาให้พวกเราจะได้คุยเรื่องการค้ากัน”หยางป๋อฟังด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกยินดีที่สินค้าของเว่ยเถียนเถียนได้รับความสนใจอย่างมาก “ฟองเต้าหู้พวกนี้เป็นคนรักของผมที่ทำขึ้นมาครับ เธอส่งมาจากเมืองบ้านเกิดของผม ถ้าผู้พันอยากคุยเรื่องการค้าผมก็จะนัดเธอให้ครับ”“ดีมาก หัวหน้าหมู่หยาง ผมก็จะนัดภรรยามาด้วยเช่นกัน พวกเรามาเจอกันในวันหยุดดีไหม” ผู้พันถามหยางป๋อตอบรับด้วยความเต็มใจ “ได้ครับผู้พัน ผมจะแจ้งคนรักขอ
บทที่ 19 ขยายกิจการ เมื่อมีหลินเสี่ยวเป้ยมาช่วยงานแล้วก็ทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น เว่ยเถียนเถียนจึงคิดที่จะขยายกิจการเพิ่ม เธอเริ่มสำรวจตลาดอย่างละเอียดก็พบว่ามีฟองเต้าหู้ขายแต่ว่ามีอยู่แบบเดียว อีกทั้งยังไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไร ในขณะที่เดินสำรวจเธอคิดย้อนกลับไปถึงชาติที่แล้ว ฟองเต้าหู้หลายแบบที่เธอส่งออกในเวลานั้นได้รับความนิยมมากและเป็นที่ต้องการสูงในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศความคิดเกี่ยวกับฟองเต้าหู้ที่หลากหลายชนิดนั้นทำให้เธอตื่นเต้น ภาพในจินตนาการของเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ร้านอาหารหลายแห่งโดยเฉพาะร้านหม้อไฟในยุคนี้ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเห็นว่ามีโอกาสมากมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เว่ยเถียนเถียนนั่งคิดถึงการทำฟองเต้าหู้แบบต่าง ๆ ในใจ เธอจำได้ถึงวิธีการทำฟองเต้าหู้ทั้งแบบบาง แบบหนา แบบตากแห้ง ที่สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ใช้ห่อเ
บทที่ 18ผู้ช่วยคนแรกของร้าน เวลาผ่านไปเว่ยเถียนเถียนและหยางป๋อต่างเขียนจดหมายหากันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งสองใช้ตัวอักษรเป็นสะพานเชื่อมความรู้สึกจากใจถึงใจ ทุกถ้อยคำที่ส่งถึงกันทำให้ความรักระหว่างพวกเขาเบ่งบานและเติบโตอย่างงดงามทุกเดือนเว่ยเถียนเถียนจะส่งจดหมายและของฝากมาให้หยางป๋อที่กองทัพ ในกล่องของขวัญที่เธอส่งมามักมีของกินที่หยางป๋อชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งน้ำเต้าหู้ที่เธอพาสเจอร์ไรส์ด้วยความพิถีพิถันเพื่อให้เก็บได้นานขึ้น การได้รับจดหมายและของฝากจากเธอเป็นความสุขที่เขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อทุกครั้งที่จดหมายและของฝากมาถึงหยางป๋อจะรีบเปิดอ่านจดหมายก่อนเสมอ เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเวลาที่อ่านถ้อยคำอ่อนโยนและห่วงใยจากเว่ยเถียนเถียน เขามักจะเก็บจดหมายของเธอไว้อย่างดีและเมื่อมีเวลาว่างก้จะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำทำให้ความรักที่มีต่อเธอเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้อยคำเธอทำให้เขามีกำลังใจในการฝึกซ้อมและทำหน้าที่ในฐานะทหารอย่างไม่ย่อท้อ
บทที่ 17กรรมวิธีใหม่หญิงสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวของบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของถั่วเหลืองอบอวลเต็มไปหมด เธอมีความคิดที่หนึ่งอยู่ในใจหลังจากอ่านจดหมายของหยางป๋อ ถึงแม้จะดีใจมากที่เขาเขียนจดหมายมาหาแต่ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้กังวลใจซึ่งก็คือการที่เขาอยู่ที่กองทัพแล้วจะไม่มีของอร่อยกิน การฝึกที่กองทัพนั้นหนักมากและทหารทุกคนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไรเธอเริ่มคิดถึงวิธีที่ดีที่สุดในการส่งน้ำเต้าหู้และของกินอื่นๆ ไปให้เขา แต่การส่งของที่มีระยะเวลาการเก็บสั้นอย่างน้ำเต้าหู้ที่สดใหม่ก็คงจะเน่าเสียก่อนถึงกองทัพอย่างแน่นอน อาหารแห้งอย่างอื่นเก็บไว้ได้นานก็จริงแต่สิ่งที่เธออยากให้เขาได้กินก็คือน้ำเต้าหู้ฝีมือของเธอนั่งคิดอยู่หลายวันจนกระทั่งความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวซึ่งก็คือการพาสเจอไรส์ เธอจำได้ว่าชาติก่อนตอนเรียนมัธยมได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีนี้ซึ่งสามารถทำให้น้ำเต้าหู้เก็บได้นานโดยไม่เน่าเสีย วิธีการพาสเจอไรส์คือการทำให้ของเหลวร้อนขึ้นที่อุณหภูมิสูงพอสมควรเพื