กลับมาทางด้านจิ้งเจี้ยนซา หลังจากที่ดื่มเข้าไปมากมายจนครองสติแทบไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าหลันอี้ข่ายหายไปไหนแล้วไม่รู้ เขาจึงขอตัวจากทุกคนกลับห้องพัก
วันนี้เขาไม่ได้กลับบ้านเพราะรู้ว่าวันนี้ต้องเมาแน่นอน อีกทั้งร่างกายยังรู้สึกร้อนรุ่มและต้องการเรื่องนั้น เขาจึงคิดว่าคงจะเกิดจากความเมาที่ดื่มเข้าไปเยอะนั่นเอง
เมื่อเข้ามาในห้อง เขาไม่คิดที่จะอาบน้ำเพื่อให้สร่างเมา คิดว่าตื่นเช้ามาค่อยอาบทีเดียว ทว่าเมื่อล้มตัวลงนอนกลับพบกับร่างนุ่มนิ่มของใครบางคนนอนอยู่อีกคน
แต่เพราะสติสัมปชัญญะแทบจะไม่มี ดื่มไปมากความต้องการเรื่องนั้นย่อมต้องมีโดยไม่รู้เลยว่าที่เขาร้อนรุ่มเพราะเกิดจากยาที่คังปี่เจียววางยาหลันอี้ข่ายและเขาเผลอกินเข้าไปด้วย
ความขาดสติทำให้เขาลืมความผิดชอบชั่วดีโดยปริยาย
กุ้ยหนิงอันหลับสนิท โดยไม่รู้เลยว่าร่างกายของเธอกำลังโดยใครบางคนแตะต้อง และความบริสุทธิ์ที่เธอเก็บรักษามาตลอด กลับโดนพรากไปจากชายที่เธอไม่รู้จัก
เมื่อพายุสงบลง จิ้งเจี้ยนซาจึงล้มตัวนอน สติในตอนนี้ทำได้เพียงจำกลิ่นกายของเธอไว้และเสี้ยวใบหน้าที่มีผมปิดไปครึ่งหนึ่ง ก่อนจะคว้าร่างบางมากอดโดยสัญชาตญาณ
ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีกุ้ยหนิงอันรู้สึกตัวตื่น ทว่าร่างของเธอกลับโดนใครไม่รู้โอบกอดไว้ เมื่อมองหน้าชัด ๆ เธอแทบสิ้นสติ
‘นี่ไม่ใช่ผู้พันจิ้งเพื่อนเจ้าบ่าวของคุณชายรองหยางหรือ’
สัญชาตญาณเตือนเธอว่าควรจะออกไปจากห้องนี้ทันที แม้จะโกรธและเกลียดมากขนาดไหนที่ถูกเขาทำลายความบริสุทธิ์ไป ทว่าหญิงสาวชาวบ้านเช่นเธอจะมีปัญญาไปเรียกร้องอะไรได้ สุดท้ายคนที่อายคือตนเอง ดีไม่ดีอาจโดนกล่าวหาว่าเธอยั่วยวนเขาน่ะสิ
เมื่อคิดว่าต้องไปจากที่นี่โดยเร็ว กุ้ยหนิงอันจึงยกมือของเขาที่กอดเธอไว้ด้วยความเบามือที่สุดเพราะกลัวว่าเขาตื่น เมื่อหลุดจากอ้อมกอด พอก้าวเท้าแตะพื้นเธอกลับเจ็บแปลบตรงนั้น ด้วยความใจแข็งเธอจึงฝืนตนเองใส่เสื้อผ้าแล้วแอบออกมาจากห้องและรีบกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์โดยเร็วที่สุด
ทันทีที่กลับมาถึง กุ้ยหนิงอันกลับไม่เจอเพื่อสนิทอยู่ที่ห้อง ในใจได้แต่สงสัย และคิดว่าเสี่ยวซวนคงไม่เจอเหตุร้ายแบบเธอหรอกใช่ไหม ทว่าหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเธอจึงได้สำรวจร่างกายของตนเอง เมื่อเห็นรอยกุหลาบอยู่เต็มร่างกาย เธอจึงหาเสื้อผ้าปกปิดไว้เพราะกลัวเพื่อนจะสงสัย
เวลาผ่านไปไม่นานซีซวนก็กลับมา ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกัน ต่างก็พักเอาแรง กว่าจะตื่นมาอีกครั้งก็เกือบถึงเวลางาน
เช้ามากุ้ยหนิงอันและซีซวนไม่มีใครพูดอะไร ทว่าทั้งสองกลับเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ กว่าจะออกมาและไปถึงที่ทำงานก็เกือบเลยเวลาเข้างาน
“อันอัน ฉันต้องกลับบ้านแล้วนะ” ทันทีที่มาถึงที่ทำงานซีซวนเอ่ยกับเพื่อนสนิท
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงรีบกลับ”
“เมื่อวานพ่อโทรมาให้กลับไปช่วยงานของครอบครัว แต่ไม่ว่ายังไงเราทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนกันเสมอ ฉันจะทิ้งเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ไว้ให้ เธอสามารถเขียนจดหมายหาฉันได้ เมื่อไหร่ที่ฉันว่าง ฉันจะกลับมาเยี่ยมเธอนะ”
“แล้วเธอจะลาออกเมื่อไหร่” ต่อให้สงสัยเพียงใดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิท ในใจนั้นภาวนาว่าอย่าให้ซีซวนเจอเหตุการณ์แบบเธอเมื่อคืนเลย
“วันนี้ และฉันขอร้อง ไม่ต้องบอกใครที่นี่ว่าฉันลาออก เอกสารสมัครงานฉันใช้ชื่อปลอม”
นี่คือความลับ เพราะต้องการหาประสบการณ์และหาเพื่อนแท้ ซีซวนจึงให้คนของพ่อปลอมแปลงเอกสารส่วนตัวให้ ต่อให้เธอหายไป ซีซวนเชื่อว่าคงไม่มีใครหาเธอพบ
“ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ไม่ว่ายังไง อันอันคนนี้ยังเป็นเพื่อนกับเธอเสมอ เมื่อไหร่ที่ฉันกลับบ้านหรือย้ายกลับไปที่บ้าน ฉันจะเขียนจดหมายบอกเธอแล้วกัน”
ในขณะที่ทั้งสองคุยกัน จิ้งเจี้ยนซาที่ตื่นขึ้นมาและเห็นรอยบางอย่างบนผ้าปูเตียง ชายหนุ่มรีบวิ่งลงมาด้านล่างเพื่อสอบถามบางอย่าง กุ้ยหนิงอันเห็นจิ้งเจี้ยนซาจึงรีบหลบ
“หากคุณชายจิ้งมาถามอะไร เธอไม่รู้ไม่เห็นนะเสี่ยวซวน คิดว่าช่วยฉันได้ไหม”
แม้จะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทหมายความว่าเช่นไร ซีซวนได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มรับเมื่อจิ้งเจี้ยนซามาถึง ส่วนเพื่อนของเธอเดินหลบไปแล้ว
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ค่ะ”
“พอดีผมจะสอบถามว่าเมื่อเช้ามีใครออกมาจากห้องผมหรือเปล่า หรือว่ามีใครเข้าห้องสามหนึ่งสองเมื่อคืนหรือไม่ครับ”
“ไม่ทราบว่ามีอะไรของลูกค้าหายหรือเปล่าคะ ฉันจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ และจะสอบถามพนักงานที่อยู่เมื่อคืนด้วย”
“ไม่ครับ ไม่มีอะไรหาย ขอบคุณมากครับแต่ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกนะครับ ผมต้องขอตัวก่อนที่มารบกวน”
กล่าวจบจิ้งเจี้ยนซาจึงรีบเดินจากไปทันที เมื่อชายหนุ่มเดินลับตาไปแล้ว กุ้ยหนิงอันจึงออกมาจากที่ซ่อน
“เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนใช่ไหมอันอัน”
ซีซวนใบหน้าเคร่งขรึมกล่าวกับเพื่อนสนิท ในส่วนของเธอไม่เป็นไรหรอกเพราะเธอสมัครใจช่วยเขาเอง แต่เพื่อนของเธออย่างอันอันเป็นเพียงหญิงสาวจากชนบทต้องมีใครเล่นแง่แน่ ๆ
อีกทั้งฐานะอย่างผู้พันจิ้งทั้งหล่อทั้งรวย แถมอนาคตอันใกล้นี้อาจจะได้เป็นท่านนายพล เขาคงไม่บังคับขืนใจเพื่อนสนิทของเธอใช่ไหม
“ฉันอยากลาออก และไม่อยากให้ใครตามหาฉันพบ ฉันอยากกลับบ้าน เสี่ยวซวนฉันจะไม่ถามฐานะที่แท้จริงของเธอ แต่เธอช่วยฉันสักครั้งได้ไหม ฉันไม่อยากให้ประวัติของฉันอยู่ในฝ่ายบุคคลต่อหลังจากนี้”
เวลาเพียงไม่นานกุ้ยหนิงอันตัดสินใจได้ทันทีว่าเธอควรจะลาออกจากที่นี่และกลับบ้าน เรื่องการแต่งงานในครั้งนั้นน่าจะจบสิ้นแล้ว อย่างน้อยเธอมีประสบการณ์การทำงาน หากจะหางานใหม่ในตำบลที่เธออยู่คงไม่ยากเกินไป
“เรื่องนี้ฉันรับปาก แต่ฉันถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
เธอเชื่อว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง และเพื่อนของเธอไม่ใช่คนแบบนั้น
“อืม แต่ฉันขอตัวไปลาออกก่อน ป้าจิงเป็นคนฝากงานให้ ฉันไม่อยากให้ป้าเดือดร้อนหรือโดนคนตำหนิ”
“ได้ เธอรีบไปลาออกก่อนเถอะ ส่วนเรื่องเอกสารฉันจะหาวิธีทำลายให้เธอเอง”
“อืม ซวงฟางเอาน้ำผลไม้ให้ฉันดื่มเมื่อคืนในงานเลี้ยง จากนั้นฉันไม่รู้อะไรอีกเลย ตื่นมาก็อยู่กับเขาแล้ว”
ความรู้สึกตอนนี้ขัดแย้งกันเล็กน้อย หากผู้พันจิ้งวางแผนนี้จริง ๆ เขาจะตามหาทำไมว่าใครอยู่กับเขาเมื่อคืนนี้ ที่ตัดสินใจพูดเพราะแถวนี้ไม่มีพนักงานคนอื่น จากนั้นกุ้ยหนิงอันจึงเดินไปแผนกฝ่ายบุคคลเพื่อยื่นหนังสือลาออก
ซีซวนแววตาวาวโรจน์อย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อรู้ว่ามีคนวางยาเพื่อนสนิทของเธอ จากนั้นจึงยกหูโทรศัพท์ของโรงแรมเพื่อติดต่อใครบางคน
หลังจากที่ลาออกแล้วกุ้ยหนิงอันและซีซวนจึงกลับมายังอะพาร์ตเมนต์และแจ้งกับจิงซือว่าจะขอคืนห้อง
แม้จิงซือจะตกใจแต่พอฟังเหตุผลว่าจะกลับบ้านเพราะครอบครัวอยากให้อยู่ใกล้บ้าน จิงซือจึงเข้าใจ เธอเองยังอยากให้ลูก ๆ อยู่ใกล้ และครอบครัวของทั้งสองคงคิดเหมือนกัน เธอจึงไม่ห้ามและไม่ถามอะไรอีก
ส่วนทางด้านหลันอี้ข่ายเมื่อตื่นขึ้นมาเขาจึงควานหาตัวคนข้างกาย เมื่อไม่เจอใครจึงรีบดีดตัวขึ้นมานั่งเพื่อเรียกสติตนเอง
หลังจากทบทวนทุกอย่างแล้ว ในใจคิดว่าการที่หญิงสาวเมื่อคืนหายไป ไม่แน่ว่าอาจจะเรียกร้องเงินเพิ่ม เขาจึงรีบแต่งตัวเพื่อให้คนของตนเองไปสอบถามว่าเมื่อคืนหญิงสาวคนนั้นชื่ออะไร ดูแล้วน่าจะเป็นพนักงานของโรงแรมด้วยเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่
ทว่าไม่ว่าจะสืบหาอย่างไรเขาก็ไม่พบหญิงสาวคนนั้นจนถึงวันที่เขาเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
บทส่งท้ายครอบครัวที่มีความสุขจิ้งเจี้ยนซาพาลูก ๆ มาที่เซียงไฮ้ และแวะมาเยี่ยมเยียนซีซวนด้วย ซ่งซีซวนนำลูก ๆ ออกมาต้อนรับเพื่อนสนิทด้วยความคิดถึง พอเจอหน้ากันก็รีบโผกอดอย่างเร็ว“ซวนซวนเป็นยังไงบ้าง” กุ้ยหนิงอันผละออกและเปิดปากถามก่อน“ก็เรื่อย ๆ ตอนนี้งานฉันเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว”ซีซวนก็กลอกตามองบน ตอบคำถามไปอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะตั้งแต่แต่งงานมา เธอยังไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เนื่องจากถูกนายท่านสามลากไปเรียนรู้งาน พอกลับมาบ้าน ก็ต้องรับมือกับลูก ๆ ตกดึกยังมีสามีที่นอนรออยู่บนเตียงอีก“เธอกับสามีล่ะ” จากนั้นก็ถามกุ้ยหนิงอันกลับไป พร้อมกับเหลือบไปมองสามีของเธอ และเพื่อนสนิทที่กำลังดูแลลูก ๆ อยู่“ก็กำลังปรับตัวกันอยู่ พี่เจี้ยนซาเขาไม่ค่อยถนัดงานบริหาร ฉันเองก็ต้องเรียนรู้ไปกับเขาด้วย” กุ้ยหนิงอันจึงตอบกลับไป เธอเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนนัก“พอเธอมา ฉันเลยหาข้ออ้างที่จะหยุดกับอาสามได้”ซีซวนบ่นอุบให้เพื่อนสนิทฟังอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็พรั่งพรูความลำบากที่ถูกนายท่านสามซ่งใช้งานอย่างหนัก โดยมีกุ้ยหนิงอันนั่งฟังไปด้วย หัวเราะไปด้วยส่วนจิ้งเจี้ยนซาและหลันอี้ข่าย ก็รับหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสี่ค
บทที่ 73ช่วยกันทำงานหลังจากที่นายท่านจิ้งเริ่มวางมือ งานของจิ้งเจี้ยนซาก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้แผนงานของเขานั้นแทบไม่มีเวลาที่จะได้อยู่กับภรรยา กุ้ยหนิงอันก็มาช่วยงานสามีเช่นกัน ในฐานะผู้ช่วย“สวัสดีครับคุณชายจิ้ง”นายท่านไช่ คู่ค้าของธุรกิจตระกูลจิ้ง ตั้งแต่รุ่นพ่อที่มีนัดกับจิ้งเจี้ยนซาในวันนี้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อชายหนุ่มที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กเดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นและเอ่ยทักทาย“สวัสดีครับท่าน” จิ้งเจี้ยนซาก็คุ้นเคยกับชายวัยกลางคนตรงหน้าไม่น้อย เนื่องจากนายท่านไช่นั้นเป็นรุ่นน้องของพ่อเขาอีกที“ไม่เจอกันเสียนาน งานแต่งงานต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไป”นายท่านไช่เอ่ยขอโทษ เพราะงานแต่งงานของจิ้งเจี้ยนซานั้นเขาไม่ได้ไปร่วม เนื่องจากมีงานด่วนที่ต่างประเทศ ทำได้เพียงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเท่านั้น“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจว่าท่านไปต่างประเทศ” ซึ่งจิ้งเจี้ยนซาก็เข้าใจ“ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะ” นายท่านไช่จึงแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง“ขอบคุณครับ นี่กุ้ยหนิงอัน ภรรยาของผมครับ” จิ้งเจี้ยนซาตอบรับ และแนะนำภรรยาที่มาด้วยกันให้ผู้ใหญ่รู้จัก“สวัสดีค่ะนายท่านไช่” กุ้ยหนิงอันค้อมก
บทที่ 72ค่าสินสอดที่ถูกกล่าวขาน จิ้งเจี้ยนซาพาครอบครัวภรรยา และลูก ๆ เดินทางมาที่ปักกิ่ง เพื่อจัดเตรียมงานแต่งงานของเขาที่นี่ ถ้าว่ากันตามความจริงแล้ว ก็ไม่เชิงว่ามาจัดเตรียมงานเท่าไรนัก เพราะคนที่จัดการเรื่องนี้ และอาสาทำเองทุกอย่างคือนายท่านจิ้งที่เดินทางมาจัดเตรียมงานก่อนพวกเขาเสียอีกครอบครัวกุ้ยได้เชิญคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีมาด้วย แต่เว้นแต่บ้านใหญ่ ที่ตอนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว และคนที่ถูกเชิญก็จะตามมาเมื่อใกล้ถึงวันงาน โดยมีบ้านสามกุ้ยเป็นคนพามานั่นเองพอจิ้งเจี้ยนซา และคนบ้านกุ้ยมาถึงปักกิ่งก็เข้าพักที่คฤหาสน์ของตระกูลจิ้งกันวันแรกถือเป็นการพักผ่อน และทำตัวให้ชินในเมืองหลวง ซึ่งคนบ้านกุ้ยก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้วแต่วันที่สองนั้นกุ้ยหนิงอันก็ถูกสามีลากมาลองชุดแต่งงานที่ห้องเสื้อแห่งหนึ่ง หญิงสาวก็ให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ“ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เธอลองชุดออกมาให้สามีดูเป็นชุดที่ห้า ซึ่งเขาก็ดูพอใจกับทุกชุด เพียงแต่แค่เขาเห็นส่วนไหนที่วาบหวิวเพียงนิดเดียว ก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที“ชุดนี้ดีครับ” จิ้งเจี้ยนซาพยักหน้าพอใจเมื่อเห็นภรรยาในชุดแต่งงาน เขาอยากใ
บทที่ 71 งานมงคลของซ่งซีซวนหลังจากที่กุ้ยจื่อหลงจัดการปัญหากับบ้านใหญ่แล้ว คนบ้านกุ้ยก็มาทุ่มเทให้กับสวนผลไม้ โดยมีจิ้งเจี้ยนซาคอยช่วยเหลือทุกอย่าง เนื่องจากเขาลาออกจากราชการแล้วจึงมีเวลาช่วยงานภรรยากุ้ยหนิงอันเองก็ช่วยสามีทำงานเช่นกัน เพราะตอนนี้นายท่านจิ้งนั้นได้เริ่มวางมือให้ลูกชายไปช่วยดูแลธุรกิจให้แล้ว ทำให้สองสามีภรรยาไม่ค่อยมีเวลาว่างกันเลยจนใกล้วันที่เป็นงานแต่งงานของซ่งซีซวนและหลันอี้ข่ายแล้ว บ้านกุ้ยจึงขนกันไปที่เซียงไฮ้ เพื่อร่วมงานแต่งงานของทั้งสองคนในส่วนงานแต่งงานของกุ้ยหนิงอันและจิ้งเจี้ยนซานั้น ตกลงกันไม่ได้ เพราะนายท่านจิ้งก็อยากจะจัดงานที่ปักกิ่งด้วย จึงทำให้จะมีงานแต่งงานถึงสองที่ด้วยกัน งานแต่งงานของซีซวนในครั้งนี้ จิ้งเจี้ยนซาก็ถือโอกาสมาแจกการ์ดงานแต่งงานของเขาด้วยเช่นกันงานแต่งงานของซ่งซีซวนรอบบ่ายจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนายหญิงหลันที่เป็นคนจัดเตรียมทุกอย่าง ทำให้งานออกมาอลังการเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ทางเข้างานก็รับรู้ได้ถึงความหรูหรา ส่วนตอนเช้าได้ทำพิธียกน้ำชาตามธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วกุ้ยหนิงอันนั้นถือว่าเป็นญาติทางซีซวน จึงมีคนมาพาเธอและลูก ๆ ไ
บทที่ 70 รบเร้าอยากแต่งงานหลังจากงานศพของแม่เฒ่ากุ้ยผ่านพ้นไป กุ้ยจื่อหลงแม้จะมีเศร้าใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นทุกข์ตรม แต่ว่าพอเสร็จสิ้นงานศพ พี่ใหญ่ หรือลุงใหญ่กุ้ยก็มาคุยกับเขา คือเรื่องที่อีกฝ่ายนั้นใช้เงินไปจนหมดกับการจัดงานแล้ว ไหนจะหลานชายที่ถูกจับตัวไปอีก ทางนั้นต้องการให้เขาบอกกับลูกเขย ใช้เส้นสายพาหลานชายออกมา“พ่อเป็นอะไรไปคะ” กุ้ยหนิงอันเดินผ่านไปแล้วเห็นพ่อนั่งคิดอะไรอยู่จึงเดินเข้าไปถามไถ่“อันอัน”“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” กุ้ยหนิงอันเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อก็รู้สึกไม่ดี เพราะพ่อกุ้ยเหมือนมีเรื่องเครียดอะไรที่เธอไม่รู้“ลุงใหญ่ของลูกขอให้ช่วยลูกชายเขาที่ติดคุกอยู่ตอนนี้”แต่เมื่อกุ้ยจื่อหลงเอ่ยออกมา กุ้ยหนิงอันกลับมีสีหน้าที่เอือมระอา ขนาดตงเฉิงทำเรื่องร้ายแรง จนทำให้ย่ากุ้ยต้องตายไป บ้านใหญ่ยังถือหางอยากจะช่วยเขาอีก เธอไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายของลุงใหญ่จะเติบโตมาแบบนี้“เราช่วยไม่ได้หรอกนะคะพ่อ เขาทำผิด ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีเอง” และแน่นอนว่าเธอต้องปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้“พ่อว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับงานศพของย่า อันอันคิดเห็นยังไงลูก”กุ้ยจื่อหลงก็ไม่ได้ค
บทที่ 69 ตัดสินใจลาออก หลังจากผ่านเรื่องราวร้าย ๆ ในที่สุดก็ถึงวันที่ซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนนายท่านซ่ง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนหรือกรรมการต่างก็เห็นด้วย เพราะรู้ดีว่าซีซวนนั้นเป็นสะใภ้รองของตระกูลหลัน และยังมีตระกูลหยางรวมถึงเธอยังเป็นเพื่อนรักกับสะใภ้เพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจิ้งอีกด้วยวันนี้ภายในงานจึงมีแขกมากมายมาร่วมยินดี ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจไม่ใช่เพราะซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนบิดา แต่เป็นคนที่ซีซวนเอ่ยขึ้นเพื่อให้รักษาการในตำแหน่งนี้แทนเธอมากกว่า“วันนี้ต้องขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงาน วันนี้ฉันจะขอแจ้งรายชื่อรองผู้นำ ซึ่งนั่นก็คือซ่งโหมวช่าย หรือก็คืออาสามของฉันเอง”นายท่านสามซ่งได้แต่นิ่งค้างเมื่อตำแหน่งรองผู้นำตระกูลตกลงมาบนหัว ก่อนจะมองหน้าพี่ชายและหลานสาวด้วยคำถามทันทีที่เห็นพี่ชายพยักหน้าให้ เขาจึงเดินมาหาหลานสาวบนเวที“เพราะอะไรซีซวน”“เพราะอาไม่เคยคิดร้ายฉันและคุณพ่อยังไงล่ะคะ อีกทั้งตัวฉันเองอายุยังน้อย ยังต้องศึกษาอีกหลายเรื่อง เมื่อคุณพ่อวางมืออาสามจึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว อีกทั้งเราคือครอบครัวเดียวกันค่ะ”ต่อให้ที่ผ่านมาเธอใช้ความรู้คำว่าครอบครัวต