วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้
ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด
“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”
“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า
“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไง
และใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งออกกำลังกาย ทั้งทำงานบ้าน ไหนจะช่วยเขาซ่อมรถ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้ซวนซวนและสอนหนังสือเด็กบ้านสกุลเจียงอีก ทำให้ช่วงนี้เธอดูซูบลงไปเยอะเลย หรือจะบอกว่าผอมลงกว่าเดิมไปเยอะแล้ว เขาว่าเธอไม่ควรผอมไปมากกว่านี้ ตอนนี้กำลังดีแล้ว
“หนูรู้แล้วค่ะ พ่อไปทำงานเถอะ” อู๋ชิงซวนอ้าปากหาว ก่อนจะยกมือโบกให้พ่อตนเอง เด็กน้อยไม่ได้ไล่ แต่เพราะอยากกลับไปนอนอีกสักนิด เมื่อคืนเธอก็นั่งอ่านหนังสือให้น้าเหม่ยฟังจนดึก
“ถ้าอย่างนั้นพ่อไปทำงานแล้วนะ” อู๋เหวยละสายตาจากร่างเพรียวที่มีเอวออกมาให้เห็นบ้างแล้ว อยู่ ๆ ใบหูของเขาก็ร้อนฉ่า เขาบังคับสายตาให้กลับมามองที่ลูกสาวตนเอง
“โชคดีค่ะพ่อ”
“พ่อไปแล้วนะ”
“ค่ะหนูรู้แล้ว”
“ไปจริง ๆ แล้วนะ”
“อู๋เหวย ตกลงนายจะไปหรือไม่ไปกันแน่ มัวเล่นเจ้าคำข้าคำกันไปมา ไม่ไปสักทีฉันมีงานต้องทำอีกนะ วันนี้ต้องขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรอีก”
“เธอจะขึ้นเขาเหรอ ไม่รอวันหยุดฉันก่อนดีหรือเปล่า”
“รอทำไม หรือนายอยากจะไปช่วยฉัน อยู่ ๆ มาทำดีแปลก ๆ น่ากลัว” คนที่วัน ๆ แทบจะไม่เคยคุยกันเลย อยู่ ๆ ก็บอกจะขึ้นเขาด้วยกัน มันก็แปลก ๆ อยู่นะ อีกอย่างผู้ชายอย่างอู๋เหวยเธอไม่สนใจหรอก ถึงแม้จะแอบมองใบหน้าฟ้าประทานเหมือนเทียนเย่าอยู่บ้างก็ตาม
“เธอคิดมากไปแล้ว ฉันก็แค่อยากจะขึ้นเขาไปหาดักไก่ ดักกระต่ายมาเลี้ยงเอาไว้กินเนื้อกินไข่บ้างก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าเธอขึ้นเขาแล้วซวนซวนล่ะ พาไปฝากบ้านย่าสามเหรอ”
“อืมว่าจะฝากเอาไว้ก่อนสักครึ่งวัน” ไป๋จ้าวเหม่ยยกมือขึ้นวางบนกลางหัวของเด็กหญิง ทว่าอู๋ชิงซวนก็คว้ามือของเธอมาเขย่า
“น้าเหม่ยให้หนูไปด้วยนะ ๆ นะคะ ให้หนูไปด้วย หนูจะไม่ดื้อจะรอเฉย ๆ นะ”
“ไม่ได้มันอันตรายเกินไป” เรื่องนี้ยังไงไป๋จ้าวเหม่ยก็จะไม่ใจดีเด็ดขาด เพราะหากเกิดอะไรขึ้นเด็กน้อยจะทำยังไง อู๋เหวยฆ่าเธอตายแน่ ๆ และที่สำคัญเธอก็เป็นห่วงไม่อยากให้เกิดเรื่องกับเด็กคนนี้ ใครใช้ให้เธอตกหลุมรักเจ้าตัวยุ่งนี่กันล่ะ
“ก็ได้” ใบหน้าเล็กงอหงิก สะบัดหน้าเดินหนีเข้าไปในบ้าน หากเป็นเมื่อก่อนอู๋ชิงซวนก็คงจะนอนกลิ้งลงไปบนพื้น แต่เพราะก่อนหน้านั้นเคยทำเหมือนเดิม ทว่าไม่มีคนสนใจ ทั้งหลังจากที่หายโมโหแล้ว น้าเหม่ยก็ไม่คุยด้วยอีก เอาแต่สนใจเจินเจินและเสี่ยวจุน หลังจากนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็เลิกใช้วิธีนี้อีกต่อไป จำได้ว่าน้าเหม่ยบอกกับเธอว่า
‘เธอจะเอาแต่ใจตัวเองก็ช่าง เธอนอนกลิ้งลงไปเสื้อผ้าที่ฉันตัดเย็บให้ก็สกปรก ต่อไปฉันก็จะไม่เย็บให้อีก และเนื้อตัวเธอถูกหินกรวดบาดตัว ก็เจ็บเองจะหวังให้ใครสนใจ’ และใช่แม่เลี้ยงที่คิดว่า เธอจะง้อตนเองเสมอก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เด็กหญิงจึงเลิกนอนกลิ้ง เพราะไม่อยากให้ชุดสกปรกและไม่อยากให้ทุกคนไม่เล่นกับเธอ
“ซวนซวน” อู๋เหวยทำท่าจะตามเข้าไปด้วย ทว่าต้นแขนก็ถูกคว้าเอาไว้ก่อน เขาก้มหน้าลงมองมือเล็กที่จับที่แขนตนเอง เหมือนไป๋จ้าวเหม่ยจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงปล่อยเลยตามเลย ไม่พูดอะไรเช่นกัน
“นายไปทำงานก่อนที่จะถูกไล่ออกเถอะ ฉันจะไปดูแกเอง”
“อ้อ...ได้! นี่...” ไป๋จ้าวเหม่ยที่ก้าวขาเดินตามเด็กน้อยเข้าไปแล้ว ก็หยุดและหันกลับมามอง
“หืม”
“ฝากด้วยนะ” หญิงสาวพยักหน้าแล้วจึงหมุนตัวเดินเข้าไป
อู๋เหวยเห็นดังนั้นก็ตวัดขาขึ้นคร่อมรถจักรยาน และถีบออกไป ริมฝีปากก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ผู้หญิงก็แบบนี้ปากหนัก ถือว่าเดี๋ยวนี้ไป๋จ้าวเหม่ยรู้จักวิธีเรียกร้องความรักจากเขาถูกวิธีแล้ว เมื่อก่อนหญิงสาวเอาแต่เข้าหาเขา มากอดมาคลอเคลีย ไม่ว่าเขาจะขยับหนี ผลักออกก็ไม่เป็นผล
แต่นั่นยังไม่น่ารังเกียจเท่ากับที่เธอชอบรังแกซวนซวนตอนที่เขาไม่อยู่ ทว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงคนนั้นกลับฉลาดขึ้น รู้ว่าซวนซวนเป็นหัวใจของเขา เธออยากให้เขารัก ดังนั้นเธอจึงดีต่อลูกสาวเขาเป็นอย่างมาก บางทีหากเธอเป็นแบบนี้ไปตลอด เขาก็อาจจะพิจารณาเธอใหม่
ไป๋จ้าวเหม่ยไม่รู้ว่าอู๋เหวยกำลังคิดไร้สาระอะไรอยู่ เพราะตอนนี้เธอกำลังแบกตะกร้าเดินร้องเพลงขึ้นไปบนเขา ทว่าเมื่อเดินไปถึงกลางทาง ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติ
“ซวนซวนหนูไม่ควรตามน้าขึ้นมานะ ไม่ใช่ว่าน้าพาเราไปฝากทวดสามแล้วเหรอ ทำไมถึงแอบตามมาได้ แล้วนี่ทวดรู้หรือเปล่าว่าเราไม่ได้อยู่บ้านสกุลเจียง” น้ำเสียงหวานดุออกมา จนเด็กหญิงตัวน้อยก้มหน้าน้ำตาคลอ
ถึงแม้ที่ผ่านมาเธอจะไม่ค่อยได้ดุเด็กน้อยเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้ยังไงก็ต้องดุกันบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะเอาใหญ่แล้ว
“หนูให้พี่เจินเจินไปบอกทวดสามแล้วค่ะ” อู๋ชิงซวนรีบยื่นมือออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอจับมือของไป๋จ้าวเหม่ยเอาไว้
“ก็หนูอยากไปกับน้านี่นา นะ ๆ ให้หนูไปด้วย เนี่ยหนูเอาตะกร้ามาด้วย จะได้เก็บพุทราไปตากแห้งขายด้วย ก็น้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามันขายได้ หนูอยากช่วยพ่อกับน้าหาเงิน”
ไป๋จ้าวเหม่ยถอนหายใจออกมา ความตั้งใจของเด็กน้อยเธอรับรู้แล้ว ทว่าพุทราจีนมันขายได้นั่นแหละ แต่มันก็ไม่ได้ราคาดีเท่าไร ทว่าเห็นแก่ความกระตือรือร้นของเด็กน้อย เธอจึงไม่พูดออกไป
“ก็ได้ แต่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ทีหลังห้ามแอบตามมาอีก และกลับไปหนูต้องถูกลงโทษ ขึ้นไปแล้วก็ต้องอยู่เก็บแค่ตรงต้นพุทราห้ามร้องตามน้าลงไปข้างล่าง และเห็นอะไรก็ห้ามเอาไปเล่าให้ใครฟัง” ความจริงก็ไม่ได้อยากจะพาไปด้วย แต่หากให้เดินกลับไปส่ง วันนี้ก็คงไม่ต้องขึ้นเขากันแล้ว
“ได้ค่ะ หนูจะเชื่อฟัง” อู๋ชิงซวนดีใจเป็นอย่างมาก เธอกระชับมือของแม่เลี้ยงแน่น พร้อมทั้งเดินแกว่งมือกันไปตลอดทาง
ครั้นขึ้นมาถึงบนเขา ไป๋จ้าวเหม่ยมองหาต้นพุทราที่ห่างจากหน้าผา ลมตรงนี้ไม่แรงมากนัก อาจเพราะเธอขึ้นเขามาหลายรอบแล้ว จึงทำให้พอจะรู้ภูมิทัศน์ของภูเขาลูกนี้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นเพื่อความมั่นใจเธอจึงสำรวจรอบ ๆ อีกครั้ง ครั้นเห็นแล้วว่าปลอดภัยจึงบอกให้อู๋ชิงซวนอยู่ตรงนี้
“หนูเก็บพุทราอยู่ตรงนี้นะ ถ้าลมแรงมากก็วิ่งเข้าไปหลบที่ในถ้ำตรงนั้น น้าเข้าไปสำรวจแล้วปลอดภัย” จะบอกว่าถ้ำก็ไม่เชิง มันเป็นเพียงชะง่อนหินที่โค้งเหมือนหลังคา และตัวหินหลุบเข้าไปข้างในคล้ายถ้ำ แต่ก็ไม่ได้ลึกมากมายอะไร พอจะหลบแดดหลบฝนได้เท่านั้นเอง แน่นอนเวลาที่เธอขึ้นมาจากหุบเขา เธอก็มักจะแวะพักตรงถ้ำนี้ประจำ
“ได้ค่ะ” เด็กน้อยตอบรับเบา ๆ ความจริงก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยขึ้นมาบนเขาลูกนี้ ขอเพียงเป็นเด็กในหมู่บ้าน ทุกคนย่อมเคยขึ้นมาเล่นกันทั้งนั้น เพียงแต่ครั้งนี้เด็กน้อยขึ้นมาไกลกว่าเดิมเท่านั้นเอง
ไป๋จ้าวเหม่ยมองเด็กน้อยอีกครั้ง ครั้นเห็นว่าซวนซวนตั้งอกตั้งใจเก็บพุทราบนพื้นก็สั่งย้ำอีกรอบ ทั้งยังสอนให้เก็บทั้งผลแห้ง และผลสุกอีกด้วย จากนั้นจึงรีบเดินไปที่ทางหน้าผา หญิงสาวหยิบเชือกมาผูกเอาไว้ และปีนลงไปเช่นเดิม เดี๋ยวนี้เธอผอมลงมากแล้ว จึงทำให้การปีนเขาไม่ได้ลำบากเหมือนช่วงแรก ๆ อีก
ลงมาถึงแล้วไป๋จ้าวเหม่ยก็รีบมองหาต้นโสมซานซี ครั้นเห็นแล้วก็ลงมือเก็บไปอีก โสมซานซีขายได้ราคาสามสิบหยวน ครั้งนี้ต้องเก็บไปให้มาก ๆ ทว่าเมื่อเธอเริ่มเดินเข้าไปในหุบเขาลึกมากเท่าไร ก็เริ่มเจอสมุนไพรหายากมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนแรกคิดว่าจะเหลือเอาไว้ให้บิดาแห่งสมุนไพร แต่อย่างไรสวรรค์ลิขิตให้ท่านเหงียนต้องมาค้นพบที่นี่ อย่างไรเขาก็ต้องค้นพบ และสมุนไพรก็งอกขึ้นใหม่ได้ตลอด คราวนี้ดวงตาเรียวหันไปเจอเห็ดหลินจือดอกใหญ่ ทั้งยังเป็นดอกแฝด เธอรีบคุกเข่าลงดู ใบหน้าแสดงความดีใจจนแทบคลั่ง
“โอ้ววว ถือว่าสวรรค์ไม่ได้ใจร้ายกับฉัน เห็ดหลินจือร้อยปี โอ๊ยหัวใจจะวาย อย่างน้อย ๆ ก็ต้องหลายร้อยหยวนแหละวะ” เห็ดหลินจืออายุร้อยปีแทบจะคล้ายเนื้อไม้เข้าไปทุกที การจะเอาออกมา ก็ยากเป็นอย่างมาก ดังนั้นไป๋จ้าวเหม่ยจึงพยายามเป็นอย่างมาก เอาออกมาได้ก็แทบทรุดลงหมดแรง
ในเมื่อคราวนี้ได้กำไรแล้ว เธอก็ไม่หาอย่างอื่นอีก ทว่าคนมันจะโชคดี ก็ย่อมต้องโชคดี เพราะตอนที่กำลังก้าวขาเดินไป เธอเกือบเหยียบลงบนโสมคนอันเลอค่า ราชาแห่งโสมไปแล้ว หญิงสาววางตะกร้าลง แทบจะกลิ้งลงไปนอนกรีดร้องราวคนบ้า มือที่สั่นเทาค่อย ๆ บรรจงเอามันออกมาช้า ๆ โสมชนิดนี้รูปร่างเหมือนทารกดังนั้นจึงเรียกว่าโสมคน
“รวยแล้วไป๋จ้าวเหม่ย เธอรวยแล้วโว้ย” หญิงสาวแหงนหน้าตะโกนเสียงก้องสะท้อน ครั้นเมื่อดวงตาเหลือบมองไปบนท้องฟ้า เธอก็รีบคว้าตะกร้ามามัดอย่างแน่นหนา และวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายฝนจะตกแล้ว” ด้วยความร้อนใจ ไป๋จ้าวเหม่ยรีบก้าวขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ปลายเท้าเธอสะดุดกับรากของต้นไม้ ล้มกลิ้งไปที่พื้น
“อู๊ย...ให้ตายยิ่งรีบ ๆ ก็ยิ่งลนลาน อย่าเพิ่งตกมาเลย” ในใจนึกเป็นห่วงเด็กน้อยเป็นอย่างมาก หากฝนตกลงมา ไม่พ้นคงเปียกแน่
เธอไม่กลัวสัตว์ดุร้าย เพราะภูเขาด้านนี้ไม่มีสัตว์ใหญ่มาเพ่นพ่าน อาจเพราะพวกมันถูกล่าจนหนีไปป่าลึก แต่กระนั้นสัตว์หน้าขนก็เชื่อใจไม่ได้ มันอาจจะบาดเจ็บหนีมา ครั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจก็ร้อนรนกว่าเดิม
ตอนที่ 26 สมุนไพรแพงขนาดนี้เลยเหรอไป๋จ้าวเหม่ยเปิดถุงกระดาษหยิบชุดที่หลิวชิงฮุยซื้อมาฝากซวนซวน เมื่อตอนเย็นแม่ดอกบัวขาวใต้ตมพยายามจะชวนเด็กน้อยคุยเล่น ทว่าซวนซวนก็ไม่ได้สนใจเท่าที่ควร เธอเอาเวลาไปคัดแยกพุทราจีนที่เก็บมาจากบนเขา พรุ่งนี้พ่อของเธอจะเอาไปขายให้หลิวชิงฮุยเห็นว่าเด็กน้อยไม่สนใจ จึงได้กลับไปอย่างพ่ายแพ้“ซวนซวนหนูมาดูชุดที่พี่ชิงฮุยซื้อมาฝาก สวยดีนะ ว้าวชุดนี้เหมือนชุดกะลาสีเรือเลย”“อะไรคือกะลาสีเรือคะ” เด็กน้อยละสายตาจากแบบฝึกหัดที่กำลังเขียนอยู่ หันมาเอียงคอถามตอนนี้เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชุดใหม่อีกแล้ว อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงของเธอตัดให้จนครบเจ็ดวัน ไหนจะมีชุดที่เอาไว้ใส่ไปข้างนอก ชุดนอน ชุดใส่เล่น เต็มไปหมด อะไรที่ได้มามากพอก็ทำให้เธอหมดความสนใจ อีกอย่างชุดที่แม่เธอตัดก็สวยกว่าชุดที่วางขายมาก“ก็นี่ยังไงชุดที่มีคอปกข้างหลัง ชอบไหม ว่าไม่ได้หลิวชิงฮุยซื้อของดีมาให้เชียวนะ ผ้านุ่มเชียวใส่สบายตัวเลยละ”“ชอบค่ะ แต่ชอบชุดที่แม่ตัดเย็บให้มากกว่า เหมือนชุดนี้ไง ชุดนอนของหนู พ่อคะพ่อเห็นด้วยหรือเปล่า ชุดนอนที่แม่ทำสวยกว่าอีกเนอะ” อู๋ชิงซวนหมุนตัวหนึ่งรอบ ให้ดูชุดนอนก
ตอนที่ 25 สงสัยไป๋จ้าวเหม่ยพลาดไปแล้ว เธอพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ลืมไปได้อย่างไรว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เธอมองท้องฟ้าที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย“เธอจะให้ฉันเอาสมุนไพรไปขายให้หรือเปล่า แต่เอาไปแบบไม่ตากแห้งมันจะขายได้ไหม ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราเก็บเอาไว้ก่อน อบกับไฟก็แห้งเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”“แบบสดมันก็ขายได้ ฉันไม่แน่ใจว่าราคามันจะดีเหมือนแห้งหรือเปล่าน่ะสิ” บอกตรง ๆ เรื่องราคาของ หรือค่าเงินในยุคนี้เธอไม่ค่อยรู้เลยด้วยซ้ำ ดูอย่างที่ว่าทุกอย่างในยุคนี้ ราคาถูก เต้าหู้ก้อนหนึ่งแค่หนึ่งเหมาเท่านั้น ผ้าสวย ๆ หนึ่งพับแค่หนึ่งหยวน แต่!...มันกลับแพงยิ่งกว่าในยุคของเธอเสียอีก อาจเพราะค่าเงินมันไม่เท่ากันกระมัง“จะดีไม่ดียังไงก็ต้องขายไม่ใช่เหรอ เอาไว้หมดหน้าฝน ฉันจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรพวกนี้ให้เธอเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เงินเท่าเดิมแล้ว”ไป๋จ้าวเหม่ยพยักหน้าแกน ๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่อู๋เหวยบอกนั่นแหละ เพราะนี่ก็สองวันแล้ว หากไม่รีบขายสมุนไพรของเธอก็คงจะเหี่ยวหมดราคาแน่ ๆ เห็ดหลินจือเธอสามารถเก็บเอาไว้ขายทีหลังได้ แต่โสมคนกับโสมซานซีและสมุนไพรอื่น ๆ คงต้องขายออกไป รวมทั้งพุทราแห้งด้ว
ตอนที่ 24 ออกตามหากว่าจะปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้ ร่างอวบ ๆ ของเธอก็หนาวสั่น เธอรีบล้วงเข้าไปในตะกร้าสมุนไพร หยิบกลักไม้ขีดออกมา รวบเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้ง ๆ ที่ถูกลมปลิวพัดมากระจุกอยู่ในถ้ำ และจุดไฟให้ความอบอุ่น“ซวนซวนหนูใส่เสื้อทับด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใส่ค่ะ”“ดีเลย ตอนนี้หนูถอดเสื้อผ้าออกมาก่อน เหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในและเสื้อกล้ามก็พอ เอาออกมาอังไฟให้แห้งก่อน” อู๋ชิงซวนรีบถอดชุดออกมา รวมทั้งถุงเท้ารองเท้าทั้งหมด กางเกงในของเด็กน้อยเป็นทรงสามเหลี่ยม ที่แม่เลี้ยงตัดเย็บให้ และเสื้อกล้ามก็เป็นเสื้อที่ปิดถึงแค่เหนือสะดือ แต่เพราะที่นี่มีเพียงเธอสองคน เด็กหญิงจึงไม่อาย“รอน้าอยู่ตรงนี้แป๊บเดียว น้าจะไปเอากิ่งไม้ ถึงจะเปียกแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย” กำลังจะก้าวขาออกไป ทว่ามือเล็กก็ดึงเอาไว้ก่อน“น้าไปตรงนี้เอง หนูนั่งมองออกไปก็เห็น”“ไม่ใช่น้า” เด็กหญิงทำปากยู่ราวกับเป็ดตัวน้อยแสนงอนอย่างนั้น ไป๋จ้าวเหม่ยหลุดขำออกมา พลางยื่นมือไปบีบปากแหลม ๆ นั่น“เอาละ ๆ แม่ผิดไปแล้ว ต้องโทษที่แม่สมองไม่ดี ทำให้ลืมเสียได้ ซวนซวนน้อยไม่โกรธแม่นะคะลูก”“ไม่โกรธค่ะ แม่รีบไปรีบมานะคะ หนูนั่งผิงไฟตรงนี้ แต่แม่ถอดเส
ตอนที่ 23 ติดถ้ำเปรี้ยง! เสียงสายฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าถล่ม หญิงสาวโหนตัวอยู่ที่บนหน้าผา เธอกัดฟันปีนขึ้นไป แต่เพราะน้ำฝนที่สาดลงมาทำให้มือที่เกาะลื่น ร่างอวบร่วงพรืดลงไป มือเล็กรีบจิกเล็บลงที่ซอกหิน จนเล็บหักสิบนิ้วสื่อถึงหัวใจ ทว่าความเจ็บปวดไม่เท่ากับความหวาดกลัว คนตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่อยากตายอีก และที่สำคัญซวนซวนอยู่คนเดียว! ไม่รู้เด็กคนนั้นจะกลัวแค่ไหน ป่านนี้ไม่ใช่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วเหรอ“ฉันก็ว่าแล้ว โชคดีมันจะมาง่าย ๆ ได้ยังไง ได้โสมได้เห็ด แต่เกือบตกเขา ไม่ได้ฉันจะตายไม่ได้ซวนซวนรออยู่” เธอจะบ่นออกมาไม่ได้ ใบหูแว่วได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อย ถึงจะรู้ว่าตอนนี้คงเป็นจิตใจเธอที่ปรุงแต่งไปเอง แต่กระนั้นพอได้คิดว่าเจ้าตัวเล็กนั่นกำลังร้องไห้ เธอก็ยิ่งจิกเล็บเข้าไปในซอกหิน กัดฟันปีนป่ายขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ดีที่ครั้งนี้เธอเลือกลงเขาด้านที่มีหน้าผาบังลม หากลงที่เดิมเธอคงตกตายไปแล้วไป๋จ้าวเหม่ยรีบวิ่งไปแกะเชือกที่มัดกับต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็วิ่งไปหาอู๋ชิงซวนที่ถ้ำหิน ริมฝีปากก็ตะโกนร้องบอกว่า “ซวนซวนน้ามาแล้ว” ไปตลอดทางทางด้านอู๋ชิงซวนหลังจากที่ฝ
ตอนที่ 22 ความคิดของอู๋เหวยวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน สองหญิงสาวเดินออกมาส่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ทว่าหลายวันมานี้อู๋เหวยมักจะอิดออดไม่ยอมรีบขี่รถออกไปเร็วเหมือนเดิม เช่นเดียวกับตอนนี้ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ไป๋จ้าวเหม่ยเข้าโรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม่กับน้องของเธอไม่ได้มาขอเงินอีก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ส่งเงินไปเช่นกัน แปลกเหลือเกิน มีแต่ความแปลกเต็มไปหมด“ซวนซวนพ่อไปทำงานแล้วนะ”“ค่ะ...พ่อขี่รถดี ๆ นะคะ อย่าหักโหมนะหนูกับน้าเป็นห่วง” อู๋ชิงซวนเอ่ยถ้อยคำห่วงใยให้กับพ่อตนเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอก็อยากตามไปด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้ เธออยากอยู่เรียนหนังสือ และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากน้าเหม่ยมากกว่า“ขอบคุณครับ ซวนซวนเป็นเด็กดีอย่าดื้ออย่าซน เชื่อฟังน้าเหม่ยของลูกให้มาก ๆ นะ” สายตาอู๋เหวยเหลือบไปมองคนที่ยืนหมุนคอกระดูกลั่นดังกร๊อบ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ใช่เพราะเธอออกกำลังกายแปลก ๆ นั่นหรือไงและใช่ไป๋จ้าวเหม่ยยังคงออกกำลังกายท่าแปลก ๆ ของเธอทุกวันเหมือนเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าคนอ้วนอย่างเธอจะล้มเลิกกลางคัน แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า ไป๋จ้าวเหม่ยเอาจริง ทั้งอ
ตอนที่ 21 คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรออู๋เหวยเอาข้าวของที่ไป๋จ้าวเหม่ยซื้อมาใส่ตะกร้าหน้ารถตัวเอง ที่ใส่ไม่หมดก็ห้อยเอาไว้ เขามองข้าวของที่เต็มรถ ก็พอจะรู้ว่าเธอหมดไปหลายหยวน ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวได้เงินมาจากการขายสมุนไพร เพราะหลายวันที่ผ่านมา เขาก็เห็นแล้วว่าเธอวุ่นวายอยู่กับสมุนไพรเหล่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะขายได้ราคาดีเพียงใด“ซวนซวนหนูมาซ้อนท้ายพ่อดีไหมคะ น้าเหม่ยของลูกจะได้ไม่หนัก”“พ่อคะ!...หนูตัวไม่หนักเสียหน่อยจริงไหมคะน้าเหม่ย”“จริงจ้ะ ซวนซวนของพวกเราหุ่นดีขนาดนี้จะหนักได้ยังไง หนูมาซ้อนท้ายน้าเหมือนเดิมดีกว่า พ่อหนูถือของเต็มรถแล้ว” ไป๋จ้าวเหม่ยเห็นว่าอู๋เหวยรับหน้าที่ขนของแล้ว ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่บรรทุกคนไปเอง ทว่ายังไม่ทันที่เด็กหญิงจะได้ตอบ เสียงรีบร้อนของคนบางคนก็ตะโกนออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึงเสียอีก“ซวนซวนหนูอยากมาซ้อนรถของพี่ชิงฮุยหรือเปล่าจ๊ะ ป้าพี่ส่งจดหมายมาจากเซี่ยงไฮ้ มีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย พี่เล่าให้ฟังดีไหมจ๊ะ” หลิวชิงฮุยเห็นทั้งสามกำลังจะไปอยู่แล้ว เธอก็รีบจูงรถจักรยานตามมา ในใจนึกโมโหตั้งแต่ที่กินอาหารข้างในแล้ว มีเพียงแค่เธอที่ชวนคุย พี่เห
ตอนที่ 20 เงินก้อนแรกไป๋จ้าวเหม่ยพาอู๋ชิงซวนแวะซื้อของที่ต้องการตามร้านต่าง ๆ ธัญพืชและข้าวสารที่อู๋เหวยซื้อไปคราวก่อนยังเหลือเยอะไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม จริง ๆ เนื้อหมูเธอไปซื้อกับย่าสามเป็นประจำ แต่วันนี้ออกมาข้างนอกแล้ว เธอก็คิดว่าต้องซื้อเนื้อสามชั้นไปคืนไอ้ขี้เก๊กนั่นเสียหน่อย ต่อไปนี้จะได้มาบ่นไม่ได้แล้ว ว่าเธอแอบกินหมู!“น้าเหม่ยยังจะซื้ออะไรอีกคะ นี่มันก็เยอะมากแล้วเสียดายเงินออกค่ะ”“ไม่เป็นไรพวกเราไม่ได้ซื้อบ่อย ๆ และไม่ต้องเสียดาย เงินนี้น้าหามาได้ ไม่ใช่เงินพ่อหนูจ้ะ”“หนูรู้ค่ะว่าน้าขายสมุนไพรได้ แต่หนูก็เสียดายอยู่ดี” อู๋ชิงซวนปวดใจเป็นอย่างมาก เธอต้องเตือนน้าเหม่ยสักหน่อย ว่าไม่ควรใช้เงินมากเกินไป มีเงินควรต้องเก็บสิ“ซวนซวนเราไปร้านขนมกัน ดูสิมีขนมแบบใหม่ ๆ มาลงด้วย พวกเราไปซื้อกัน เดี๋ยววันนี้น้าจะซื้อลูกอมห่อใหญ่กลับไปด้วย เอาไว้ไปเป็นรางวัลให้กับนักเรียนสามคนแรกของน้าดีไหม”ความจริงแล้วเธอไม่อยากเป็นแม่ค้าขายสมุนไพรหรอก เธออยากเป็นครู แต่เพราะในยุคนี้ไป๋อ้วนไม่มีวุฒิการศึกษา ดังนั้นเธอจึงสมัครเป็นครูไม่ได้ และก็ไม่อาจเปิดโรงเรียนสอนหนังสือได้เช่นกัน หากทะลุไปยุคโบรา
ตอนที่ 19 อร่อยจนแสงออกปากหลังจากปิดร้านซ่อมรถ ไป๋จ้าวเหม่ยก็ไล่สองพ่อลูกไปอาบน้ำเหมือนเช่นเคย ส่วนตนเองก็มาจัดการสตูกระต่ายที่เคี่ยวเอาไว้ตั้งแต่บ่าย กระต่ายตัวนี้อาจจะแก่ไปสักหน่อย แต่ก็พอเอามาประทังชีวิตได้ ในยุคที่ยังไม่เจริญอย่างนี้จะเลือกกินก็ไม่ได้หรอก อดตายแน่ ๆ ในขณะที่ไป๋จ้าวเหม่ยกำลังเตรียมอาหาร อู๋เหวยก็แอบถามความกับลูกสาวที่บ่ออาบน้ำด้านหลังบ้าน“ซวนซวนน้าอวบของลูก ยังตีลูกอีกหรือเปล่า เธอแย่งอาหารลูกเหรอ” อู๋เหวยพยายามมองหาร่องรอยจากร่างกายของลูกในตอนที่อาบน้ำให้ลูก แต่ก็ไม่เห็น“ไม่ค่ะพ่อ น้าเหม่ยดีมาก แล้วพ่อก็ห้ามเรียกว่าน้าอวบแล้ว เพราะทวดสามบอกว่า เราไม่ควรเรียกเธอว่าอ้วนหรืออวบมันไม่ดี”“อ่าใช่แล้ว พ่อผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่เรียกน้าเหม่ยของลูกว่าอ้วนหรืออวบอีกดีไหมคะ”“ดีค่ะ พ่อคะ น้าเหม่ยเก็บสมุนไพรมาเยอะแยะเลย เธอบอกว่าเอาไว้ขายแล้วจะซื้อผ้ามาตัดชุดให้กับหนู เธอสอนหนังสือหนูด้วยนะคะ พรุ่งนี้พี่เสี่ยวจุนกับพี่เจินเจินก็จะมาเรียนที่บ้านเราด้วย ถ้าน้าเหม่ยดีกับหนูแบบนี้ตลอดไปก็คงดี”“อ่านั่นน่ะสิ พ่อว่าเธอจะต้องดีกับเราตลอดไปนั่นแหละ ซวนซวนน่ารักขนาดนี้ เธอจะไม่ร
ตอนที่ 18 เหตุผลที่อ้วนอู๋เหวยกลับมาถึงบ้านในเวลาเดิม ทว่าเมื่อเขาจอดรถที่ในบ้าน กลับไม่เห็นเงาร่างเล็ก ๆ ของลูกสาววิ่งเข้ามากอด หลายวันแล้วที่ซวนซวนไม่ได้กอดเขา รอต้อนรับเขากลับบ้าน หรือว่าเขาควรจะชินได้แล้ว แต่ก็ไม่ชินเสียที“ซวนซวนพ่อกลับมาแล้ว” ครั้นเมื่อเดินเข้าไปถึง เขาก็ได้ยินเสียงท่องหนังสือของลูกสาว และเสียงละมุนที่คอยบอกเวลาที่ซวนซวนท่องผิด คำพูดของไป๋จ้าวเหม่ยไม่มีคำไหนที่จะด่า หรือตำหนิ มีแต่ค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอน“ไป๋จ้าวเหม่ยรู้หนังสือตั้งแต่เมื่อไรกัน” ชายหนุ่มหยุดฟังอยู่พักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากทางหน้าบ้าน เป็นหลิวชิงฮุยอีกแล้ว และคราวนี้หญิงสาวสองคนที่อยู่หลังบ้านก็ได้ยินเช่นกัน“พ่อหนูมาแล้ว เอาไว้ท่องต่อกลางคืนก็ได้ ไปหาพ่อหนูเถอะ น้าล้างสมุนไพรอีกแป๊บเดียวเดี๋ยวจะตามออกไป”“ได้ค่ะ” อู๋ชิงซวนวิ่งออกไปข้างนอก อู๋เหวยได้ยินเสียงฝีเท้า ก็ย่อตัวอ้าแขนออกร่างเล็กกระโจนเข้ามากอด พร้อมกับที่คนเป็นพ่ออุ้มขึ้นมา เหวี่ยงหมุนตัวไปมา เขากดจมูกลงจูบที่หน้าผากเล็ก สูดลมหายใจเข้า กลิ่นของลูก อ้อมกอดของลูก เป็นการเพิ่มพลังชีวิตให้เขาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ไม่ว่าจะท้อ