共有

ลานชักผ้า

last update 最終更新日: 2025-05-14 09:02:14

หลี่อวี้จิงมองกองผ้ากองโตตรงหน้าอย่างสงบ แม้มือจะเริ่มเปียกน้ำจากการชักผ้า แต่นางยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งท่าทีอิดออดเหมือนที่บ่าวไพร่คาดหวัง

เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบด้าน

"ดูสิ นางกำลังจะยอมแพ้หรือเปล่า?"

"หึ! นางคุณหนูเคยแต่ใช้นิ้วชี้สั่งคนอื่น คงไม่รู้หรอกว่าการซักผ้ามันเหนื่อยเพียงใด"

แต่แทนที่หลี่อวี้จิงจะถอนหายใจ หรือแสดงท่าทีอ่อนล้า นางกลับกวาดตามองรอบ ๆ ลานซักผ้าอย่างพินิจพิเคราะห์ นางสังเกตเห็นว่าบ่อน้ำอยู่ไม่ไกลนัก และรางไม้ที่ใช้รองรับน้ำไหลผ่านลานชักผ้านั้นถูกออกแบบให้สามารถแบ่งน้ำไปได้หลายทิศทาง

"หากข้าใช้แรงมากเกินไป ข้าจะหมดแรงเร็วขึ้น เช่นนั้นก็ต้องใช้สติให้มากกว่ากำลัง"

นางเดินไปใกล้บ่อและยกถังไม้ขึ้น แต่แทนที่จะตักน้ำด้วยแรงของตนเอง นางกลับใช้คานไม้ที่อยู่ใกล้เคียงมาพาดเป็นคานงัด ทำให้สามารถยกถังน้ำขึ้นได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก

"นางทำอะไรน่ะ?" บ่าวไพร่บางคนเริ่มสงสัย

หลังจากนั้น นางนำผ้าหลายผืนไปแช่ในรางน้ำที่ไหลผ่านลานชักผ้า ก่อนจะใช้ไม้ซักผ้าขัดเพียงเบา ๆ แทนที่จะต้องออกแรงขยี้หนัก ๆ แบบที่บ่าวไพร่ทำ

"ข้าเพียงแค่ใช้กระแสน้ำให้เป็นประโยชน์เท่านั้น" นางยิ้มบาง ๆ พลางใช้มือสะบัดฟองสบู่ให้หลุดจากเนื้อผ้าอย่างง่ายดาย

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ผ้าที่นางซักกลับสะอาดกว่าของบ่าวไพร่หลายคนที่ใช้แรงอย่างหนัก

"เป็นไปได้อย่างไร!?"

"นางโกงหรือไม่?"

บ่าวไพร่หลายคนเริ่มหันมามองนางด้วยความตกตะลึง พวกนางไม่เข้าใจว่านางคุณหนูที่เคยเป็นสตรีอ่อนแอ หยิ่งยโส และไม่เคยแตะต้องงานหนักมาก่อน เหตุใดจึงสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าพวกตน?

"ข้าเพียงใช้สติให้มากขึ้นเท่านั้น" หลี่อวี้จิงเอ่ยเสียงเรียบ พลางซักผ้าผืนสุดท้ายอย่างคล่องแคล่ว

บ่าวไพร่บางคนเริ่มรู้สึกอับอาย นางที่ควรจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกดูแคลน กลับทำให้พวกตนรู้สึกว่ากำลังใช้แรงอย่างสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์

และในขณะเดียวกัน…

ข่าวเรื่อง "นายหญิงแห่งจวนแม่ทัพลงมือซักผ้าได้เหนือชั้นกว่าบ่าวไพร่" ก็เริ่มกระจายไปทั่วจวนอย่างรวดเร็ว...

ข่าวเรื่อง "นายหญิงแห่งจวนแม่ทัพซักผ้าได้เหนือชั้นกว่าบ่าวไพร่" แพร่กระจายไปทั่วจวนอย่างรวดเร็ว จนไปถึงหูของลู่เหรินเจ๋อ

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินรายงานจากองครักษ์คนสนิท

"นายหญิงกำลังซักผ้า? และนางทำได้ดีกว่าบ่าวไพร่?"

องครักษ์พยักหน้า "ขอรับ กระหม่อมเองก็ไม่เชื่อ จึงไปดูด้วยตาตนเอง นางใช้วิธีซักผ้าโดยอาศัยแรงน้ำและการจัดการที่ชาญฉลาด ทำให้สามารถซักผ้าได้รวดเร็วและสะอาดยิ่งกว่าบ่าวไพร่ที่ใช้แรงอย่างเดียว"

ลู่เหรินเจ๋อขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจและสงสัย

"หญิงผู้นั้น เคยเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?"

เขาไม่เคยเห็นหลี่เหมยหยุนทำงานหนักมาก่อน นางเคยแต่ข่มเหงบ่าวไพร่ หยิ่งยโส และเอาแต่ใจ แต่สิ่งที่เขาได้ยินในวันนี้กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

"ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตา"

ที่ลานชักผ้า บ่าวไพร่บางคนยังคงซุบซิบด้วยความตกตะลึง หลี่อวี้จิงเองก็เพิ่งซักเสร็จ นางสะบัดน้ำออกจากมือก่อนจะบิดผ้าผืนสุดท้ายแล้วแขวนไว้ตาก

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเงียบกริบแต่หนักแน่นก็ดังขึ้น พร้อมกับเงาของบุรุษสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา

ทุกคนในลานเงียบกริบ บ่าวไพร่รีบหลบทางเมื่อเห็นร่างของ แม่ทัพลู่เหรินเจ๋อ ปรากฏตัว

หลี่อวี้จิงที่กำลังจะเดินออกจากลานชักผ้าหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

สายตาของลู่เหรินเจ๋อเต็มไปด้วยความเย็นชาและจับจ้องไปที่นางราวกับต้องการอ่านทุกการกระทำของนาง

"ข้ามิคิดเลยว่าฮูหยินของข้าจะขยันขันแข็งถึงเพียงนี้" เสียงของเขาแฝงไปด้วยความประชดประชัน

หลี่อวี้จิงรู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากบุรุษตรงหน้า นางสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "งานซักผ้าไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงรู้วิธีจัดการ ย่อมทำได้ง่ายขึ้น"

"หึ..." ลู่เหรินเจ๋อหัวเราะเย็นชา "เจ้าคิดว่าตนเองเปลี่ยนไปแล้วหรือ? คิดว่าเพียงแค่แสร้งทำเป็นขยันขันแข็ง แล้วข้าจะมองเจ้าเป็นสตรีที่ดีงั้นหรือ?"

หลี่อวี้จิงสบตาเขาโดยไม่หลบเลี่ยง "ข้าก็มิได้คาดหวังให้ท่านมองข้าเป็นสตรีที่ดี แต่ข้าเพียงต้องการใช้ชีวิตของข้าโดยไม่ให้ใครดูแคลน"

บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างกลั้นหายใจไปตาม ๆ กัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา แม้แต่น้อย

สายตาของลู่เหรินเจ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเหตุใดหลี่เหมยหยุนถึงเปลี่ยนไปมากเพียงนี้ แต่นางในตอนนี้แตกต่างจากหญิงที่เขาเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง

เขาจ้องหน้านางครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ "เช่นนั้น... ข้าก็อยากจะดูต่อไป ว่าเจ้าจะสามารถรักษาคำพูดนี้ได้นานแค่ไหน"

พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงบ่าวไพร่ที่ยังคงตกตะลึง และหลี่อวี้จิงที่ยืนอยู่กลางลานชักผ้า พร้อมกับแววตาที่แน่วแน่กว่าเดิม...

หลังจากเสร็จจากงานชักผ้า หลี่อวี้จิงรู้สึกเมื่อยล้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางไม่ได้ใช้แรงงานหนักมานาน ร่างกายจึงเริ่มส่งสัญญาณเตือน ท้องของนางร้องขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องเติมพลัง

นางหันไปหาบ่าวรับใช้คนสนิทที่ติดตามนางมาด้วย เป็นสาวใช้ตัวเล็ก ๆ นามว่า เสี่ยวถิง นางเป็นบ่าวที่ถูกส่งมาให้รับใช้นางเมื่อนางแต่งเข้ามาในจวน

“เสี่ยวถิง ข้าหิวแล้ว ไปที่เรือนใหญ่กันเถอะ”

เสี่ยวถิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “คุณหนู… เอ่อ… นายหญิงเจ้าคะ ปกติเรือนใหญ่มักจะเตรียมอาหารให้แต่คุณชายเล็กและแม่ทัพเพคะ นายหญิง… เอ่อ… ส่วนใหญ่ต้องสั่งให้บ่าวไปหาเอง”

หลี่อวี้จิงขมวดคิ้ว “เช่นนั้นในเรือนของข้ามีอาหารหรือไม่?”

เสี่ยวถิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “เมื่อเช้าบ่าวไปดูที่โรงครัวมาแล้วเจ้าค่ะ ของที่ส่งมาถูกลดลง แถมไม่มีใครเตรียมสำรับไว้ให้เลย”

นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า หลี่เหมยหยุนเดิมทีเป็นคนเอาแต่ใจและมักใช้กำลังบังคับให้บ่าวไพร่เชื่อฟัง พวกบ่าวไพร่ในเรือนนี้คงจงใจกลั่นแกล้งโดยไม่เตรียมอาหารให้นางเลย

“ขนาดอาหารยังไม่ให้ข้ากิน นี่มันจวนแม่ทัพหรือจวนอสรพิษกันแน่?” นางบ่นในใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วหันไปพูดกับเสี่ยวถิง

“เช่นนั้นก็ไปโรงครัวกัน ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าในนั้นยังเหลือสิ่งใดให้ข้ากินได้บ้าง”

โรงครัวจวนแม่ทัพ

หลี่อวี้จิงเดินเข้าไปในโรงครัวพร้อมเสี่ยวถิง ภายในเต็มไปด้วยบ่าวที่กำลังจัดเตรียมอาหารสำหรับเรือนใหญ่

เมื่อบ่าวไพร่เห็นนางเดินเข้ามาก็พากันหยุดมือ มองนางด้วยแววตาสงสัยปนไม่พอใจ บางคนถึงกับกระซิบกันเบา ๆ

"นางมาทำอะไรที่นี่?"

"หรือจะมาสั่งให้เราทำอาหารให้นางอีก?"

หลี่อวี้จิงไม่สนใจเสียงซุบซิบ นางกวาดตามองโรงครัวอย่างละเอียด และเห็นได้ชัดว่าอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้นั้น ล้วนแต่เป็นของสำหรับคนอื่นทั้งสิ้น ไม่มีส่วนใดที่เป็นของเรือนนางเลย

“เสี่ยวถิง เจ้าไปดูสิว่ายังมีวัตถุดิบเหลือหรือไม่”

เสี่ยวถิงรีบเดินไปเปิดตู้กับข้าวและห้องเก็บเสบียง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ “นายหญิงเจ้าคะ… เหลือเพียงข้าวสารเล็กน้อย ไข่เป็ดสองฟอง และผักที่เริ่มเหี่ยวแล้วเจ้าค่ะ”

หลี่อวี้จิงเลิกคิ้วเล็กน้อย นางพอจะเดาได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แต่นั่นมิใช่ปัญหา

“เท่านี้ก็มากพอแล้ว”

บ่าวไพร่ที่ได้ยินถึงกับงุนงง นางไม่โวยวาย? ไม่อาละวาด?

แต่หลี่อวี้จิงกลับยกแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มลงมือหุงข้าว ตีไข่ และหั่นผักด้วยความคล่องแคล่ว

กลิ่นหอมที่กระจายไปทั่ว

หลังจากไม่นาน กลิ่นหอมของข้าวที่หุงใหม่ ๆ ผสมกับกลิ่นไข่เจียวและผัดผักก็ลอยอบอวลไปทั่วโรงครัว

“หืม? กลิ่นอะไรกัน?”

“เหตุใดกลิ่นถึงน่ากินถึงเพียงนี้?”

บ่าวไพร่ที่เฝ้ามองอยู่เริ่มกลืนน้ำลาย พวกนางเคยชินกับอาหารที่พ่อครัวในจวนทำ ซึ่งมักเป็นอาหารที่ซับซ้อนและปรุงด้วยเครื่องเทศมากมาย แต่นี่เป็นเพียงข้าว ไข่ และผักธรรมดา แต่กลับส่งกลิ่นหอมน่ากินจนน่าเหลือเชื่อ

หลี่อวี้จิงตักข้าวใส่จาน วางไข่เจียวและผัดผักลงไป ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วลองชิม

“อืม… รสชาติใช้ได้” นางพยักหน้าพอใจ ก่อนจะยื่นอีกจานให้เสี่ยวถิง “เจ้ากินด้วยกันเถอะ”

เสี่ยวถิงเบิกตากว้าง นางไม่คิดว่านายหญิงของตนจะทำอาหารได้ แต่เมื่อรับมาและลองชิม นางก็ต้องตกใจ

"อร่อยมากเจ้าค่ะ!"

บ่าวไพร่ที่เฝ้ามองอยู่ต่างพากันกลืนน้ำลาย พวกนางไม่เคยเห็นนายหญิงในลักษณะนี้มาก่อนเลย…

และในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังขึ้นที่หน้าประตูโรงครัว

ทุกคนหันไปมอง และพบว่า ลู่เหรินเจ๋อ ยืนอยู่ที่ทางเข้า สายตาของเขามองตรงมายังหลี่อวี้จิงอย่างลึกซึ้ง…

 

 

 

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   จบ

    สามวันผ่านไปหลังจากงานแต่งงานของลู่เหรินเจ๋อและหลี่เหมยหยุน ข่าวการแต่งงานของพวกเขาสร้างความฮือฮาไปทั่วแคว้น และในวันนี้ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกจัดขึ้น โดยมีเหล่าทูตจากแคว้นต่างๆ และคุณหนูจากตระกูลขุนนางมากมายมาร่วมงานบริเวณลานกว้างของวังหลวงถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าสีสดใส เสียงดนตรีขับกล่อมดังกังวานไปทั่ว ผู้คนมากมายต่างแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา งานเลี้ยงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองทั่วไป แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่เหล่าตระกูลชั้นสูงจะได้พบปะสานสัมพันธ์ในหมู่แขกที่มาร่วมงาน หลี่เหมยหยุนเองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม นางอยู่ในชุดสีแดงเข้มปักลวดลายดอกโบตั๋น ตัวเสื้อบางเบาแต่สง่างามเข้ากับรูปร่างของนางได้อย่างพอดี ความงามของนางทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างพากันมองอย่างไม่อาจละสายตาลู่เหรินเจ๋อซึ่งอยู่ไม่ไกล มองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ แม้ในงานจะมีหญิงงามจากทั่วทุกแคว้นเข้าร่วม แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครงดงามไปกว่าหลี่เหมยหยุนอีกแล้ว“ท่านสามี งานเลี้ยงในวันนี้ดูยิ่งใหญ่มากทีเดียว” หลี่เหมยหยุนกล่าวพลางหันไปมองเขาลู่เหรินเจ๋อพยักหน้า “แน่นอน มันเป็นโอกาสสำค

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   39

    แสงเช้าที่สาดส่องเข้ามาในตำหนักของพระเอก อากาศเย็นสบายในยามเช้าทำให้ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่ภายในจวนของพระเอกกลับเต็มไปด้วยความเครียดและความตึงเครียดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อข่าวการสังหารตระกูลซ่งแพร่กระจายไปถึงตำหนักต่างๆ และจวนของชนชั้นสูงหลายๆ ตระกูล ทุกคนที่ได้รับข่าวต่างตกใจและหวาดกลัวไปตามๆ กัน ราวกับมีเงื้อมมือของความตายที่แผ่กระจายไปทั่วเมืองหลวง“ท่านอ๋อง...” ขันทีในชุดขาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับท่าทางที่ไม่มั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด “ข่าวเรื่องตระกูลซ่ง...เริ่มแพร่กระจายไปถึงตระกูลอื่นๆ แล้วขอรับ หลายท่านเริ่มวิตกกังวลและสงสัยว่า...ท่านอ๋องจะลงโทษกับพวกเขาเช่นเดียวกันหรือไม่”พระเอกนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางราบเรียบและไม่แสดงอารมณ์มากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของขันที เขาก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “ทุกคนในราชสำนักต้องรู้ไว้ ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนั้นจะต้องได้รับการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใคร”ขันทีได้ยินดังนั้น ก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้ แม้ว่าพระเอกจะไม่แสดงท่าทีรุนแรงอะไร แต่คำพูดนั้นก็แฝงไปด้วยความเด็ดขาดท

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   38

    ซ่งจิ้นหมิงถูกนำตัวไปยังห้องสอบสวนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันตราย ภายในห้องนั้นมีทั้งพระเอกและข้าราชการที่พร้อมจะรับฟังคำสารภาพจากเขา ท่ามกลางความเงียบงัน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่จิ้นหมิงที่ถูกผูกมัดอยู่ในเก้าอี้พระเอกยืนอยู่ข้างโต๊ะยาว พร้อมกับสายตาที่ไม่ละสายตาจากผู้ต้องสงสัย "ท่านซ่ง ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมพี่ชายของข้า" เสียงของพระเอกดังขึ้นอย่างแน่วแน่ ท่ามกลางความเงียบซึ่งทำให้ความกดดันในห้องเพิ่มสูงขึ้นซ่งจิ้นหมิงเริ่มเหงื่อไหลซึมจากหน้าผาก เขาพยายามดึงตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ แต่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามและความหวาดกลัว เขาเคยคิดว่าคำสั่งที่ได้รับมาจะสามารถทำให้การตัดสินใจของเขาง่ายดาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่อาจหลีกหนีได้"ท่านจะทำอย่างไรกับข้า?" ซ่งจิ้นหมิงถามเสียงเบาหวิว เขาเข้าใจแล้วว่าคำตอบจากพระเอกจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลพระเอกยืนนิ่งก่อนจะตอบกลับอย่างเย็นชา "ไม่ใช่ข้า ที่จะตัดสินชีวิตท่าน แต่ความจริงจะเป็นผู้ตัดสินเอง"การเงียบไปชั่วขณะ ซ่งจิ้นหมิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาเริ่มกล่าวเสียงสั่น "ข้าไม่ได้ฆ

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   37

    หลังจากเหตุการณ์การลอบสังหารที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร และการตรวจสอบที่ไม่พบเบาะแสที่ชัดเจน พระเอกได้เริ่มดำเนินการหาข้อมูลและเชื่อมโยงเงื่อนงำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตพระเอกยืนอยู่หน้าห้องทำงานส่วนตัวของเขา สีหน้าครุ่นคิดไปในหลายทิศทาง เขาหมายมั่นที่จะเอาความจริงออกมาให้ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะยากเย็นและเต็มไปด้วยอุปสรรคที่อาจทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่คิดว่าจะต้องเป็นศัตรู"ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนที่ฆ่าพี่ชายข้าไปง่าย ๆ ได้" พระเอกพูดเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ในใจหลี่เหมยหยุนยืนอยู่ข้าง ๆ รับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจของสามี เธอเข้าใจดีว่าเขาต้องการหาความจริง และเธอจะอยู่เคียงข้างเขาเพื่อช่วยสืบหาผู้กระทำ"ท่านสามี ข้าจะช่วยท่านเอง" หลี่เหมยหยุนกล่าวด้วยความมั่นใจพระเอกหันไปมองภรรยา แล้วยิ้มบาง ๆ "ข้ารู้ ข้าจะต้องใช้ความช่วยเหลือของเจ้ามากในการหาข้อมูลครั้งนี้"ทหารที่ได้รับคำสั่งจากพระเอกเริ่มดำเนินการสืบสวนไปในทุกทิศทาง ทั้งจากบันทึกในค่ายทหาร การสนทนาของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ และการสืบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่พี่ชายของพระเอกเสียชีวิตแต่ก็ยั

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   36

    พระเอกนั่งอยู่ในห้องมืดสนิทภายในตำหนักของตน ดวงตาของเขาจ้องไปที่เอกสารในมืออย่างตั้งใจ ข้อมูลทุกชิ้นที่เขาได้รับมาในช่วงที่ผ่านมาเริ่มบ่งชี้ทิศทางที่น่าสงสัย—เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชายของเขากำลังจะเปิดเผยเบื้องหลังที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน"ท่านอ๋อง..." เสียงของหลี่เหมยหยุนดังขึ้นข้างหลังเขา นางเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางนุ่มนวล และเห็นพระเอกที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความคิด นางเข้าไปยืนข้าง ๆ พระเอก แล้วจ้องไปที่เอกสารในมือ "ท่านพบอะไรหรือไม่?"พระเอกหันไปมองหลี่เหมยหยุน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด "ข้าเพิ่งได้ข้อมูลที่สำคัญ..." เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ "ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่ชายข้าคือพี่ชายของคุณหนูซ่ง"หลี่เหมยหยุนเบิกตากว้าง "ท่านหมายความว่าอย่างไร? พี่ชายของคุณหนูซ่งเป็นคนฆ่าพี่ชายของท่าน?"พระเอกพยักหน้า "ใช่...จากข้อมูลที่ข้าได้รับ ข้าเชื่อว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ข้าค้นพบว่าพี่ชายของคุณหนูซ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการลับที่พี่ชายข้าพบเข้าโดยบังเอิญ และเมื่อพี่ชายข้าเริ่มสงสัยเขา เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้หลุดไปได้"หลี่เหมยหยุนขมวดคิ้ว "ทำไมพ

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   ปลอดภัยแล้ว

    หลังจากที่หลี่เหมยหยุนและเด็กแฝดกลับไปยังตำหนักได้สำเร็จ ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่ในอากาศ ในขณะที่พระเอกนั่งอยู่ข้างหลี่เหมยหยุนที่กำลังโอบเด็กทั้งสองในอ้อมกอด เขาสังเกตเห็นสีหน้าของภรรยาที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวลใจ แม้ว่าเด็กทั้งสองจะปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบลง"เราคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป" พระเอกกล่าวเสียงทุ้มหลี่เหมยหยุนพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่เด็กแฝดที่นั่งอยู่บนตักของเธอ ทั้งสองคนยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ยอมให้เด็กทั้งสองต้องเผชิญกับอันตรายอีกเด็ดขาด"ในช่วงเวลานั้นเอง ขันทีที่เฝ้าประตูเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน "ท่านอ๋อง เจ้าค่ะ มีข่าวจากตระกูลซ่ง ว่าคนลักพาตัวที่ถูกจับไปเมื่อคืนนี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลซ่ง"คำพูดนี้ทำให้หลี่เหมยหยุนถึงกับเงียบไป หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างหนัก "หมายความว่าอย่างไร?" เธอถามออกไปขันทีกราบ "มีข่าวลือว่าคุณหนูซ่งได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจในตระกูลซ่ง ให้ทำแผนนี้เพื่อแย่งชิงเด็กแฝดไป แต่แผนกลับล้มเหลวเสียก่อน"หลี่เหมยหยุนรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status