แชร์

ลานชักผ้า

ผู้เขียน: ต้าเหนิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-14 09:02:14

หลี่อวี้จิงมองกองผ้ากองโตตรงหน้าอย่างสงบ แม้มือจะเริ่มเปียกน้ำจากการชักผ้า แต่นางยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งท่าทีอิดออดเหมือนที่บ่าวไพร่คาดหวัง

เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบด้าน

"ดูสิ นางกำลังจะยอมแพ้หรือเปล่า?"

"หึ! นางคุณหนูเคยแต่ใช้นิ้วชี้สั่งคนอื่น คงไม่รู้หรอกว่าการซักผ้ามันเหนื่อยเพียงใด"

แต่แทนที่หลี่อวี้จิงจะถอนหายใจ หรือแสดงท่าทีอ่อนล้า นางกลับกวาดตามองรอบ ๆ ลานซักผ้าอย่างพินิจพิเคราะห์ นางสังเกตเห็นว่าบ่อน้ำอยู่ไม่ไกลนัก และรางไม้ที่ใช้รองรับน้ำไหลผ่านลานชักผ้านั้นถูกออกแบบให้สามารถแบ่งน้ำไปได้หลายทิศทาง

"หากข้าใช้แรงมากเกินไป ข้าจะหมดแรงเร็วขึ้น เช่นนั้นก็ต้องใช้สติให้มากกว่ากำลัง"

นางเดินไปใกล้บ่อและยกถังไม้ขึ้น แต่แทนที่จะตักน้ำด้วยแรงของตนเอง นางกลับใช้คานไม้ที่อยู่ใกล้เคียงมาพาดเป็นคานงัด ทำให้สามารถยกถังน้ำขึ้นได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก

"นางทำอะไรน่ะ?" บ่าวไพร่บางคนเริ่มสงสัย

หลังจากนั้น นางนำผ้าหลายผืนไปแช่ในรางน้ำที่ไหลผ่านลานชักผ้า ก่อนจะใช้ไม้ซักผ้าขัดเพียงเบา ๆ แทนที่จะต้องออกแรงขยี้หนัก ๆ แบบที่บ่าวไพร่ทำ

"ข้าเพียงแค่ใช้กระแสน้ำให้เป็นประโยชน์เท่านั้น" นางยิ้มบาง ๆ พลางใช้มือสะบัดฟองสบู่ให้หลุดจากเนื้อผ้าอย่างง่ายดาย

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ผ้าที่นางซักกลับสะอาดกว่าของบ่าวไพร่หลายคนที่ใช้แรงอย่างหนัก

"เป็นไปได้อย่างไร!?"

"นางโกงหรือไม่?"

บ่าวไพร่หลายคนเริ่มหันมามองนางด้วยความตกตะลึง พวกนางไม่เข้าใจว่านางคุณหนูที่เคยเป็นสตรีอ่อนแอ หยิ่งยโส และไม่เคยแตะต้องงานหนักมาก่อน เหตุใดจึงสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าพวกตน?

"ข้าเพียงใช้สติให้มากขึ้นเท่านั้น" หลี่อวี้จิงเอ่ยเสียงเรียบ พลางซักผ้าผืนสุดท้ายอย่างคล่องแคล่ว

บ่าวไพร่บางคนเริ่มรู้สึกอับอาย นางที่ควรจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และถูกดูแคลน กลับทำให้พวกตนรู้สึกว่ากำลังใช้แรงอย่างสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์

และในขณะเดียวกัน…

ข่าวเรื่อง "นายหญิงแห่งจวนแม่ทัพลงมือซักผ้าได้เหนือชั้นกว่าบ่าวไพร่" ก็เริ่มกระจายไปทั่วจวนอย่างรวดเร็ว...

ข่าวเรื่อง "นายหญิงแห่งจวนแม่ทัพซักผ้าได้เหนือชั้นกว่าบ่าวไพร่" แพร่กระจายไปทั่วจวนอย่างรวดเร็ว จนไปถึงหูของลู่เหรินเจ๋อ

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินรายงานจากองครักษ์คนสนิท

"นายหญิงกำลังซักผ้า? และนางทำได้ดีกว่าบ่าวไพร่?"

องครักษ์พยักหน้า "ขอรับ กระหม่อมเองก็ไม่เชื่อ จึงไปดูด้วยตาตนเอง นางใช้วิธีซักผ้าโดยอาศัยแรงน้ำและการจัดการที่ชาญฉลาด ทำให้สามารถซักผ้าได้รวดเร็วและสะอาดยิ่งกว่าบ่าวไพร่ที่ใช้แรงอย่างเดียว"

ลู่เหรินเจ๋อขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจและสงสัย

"หญิงผู้นั้น เคยเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?"

เขาไม่เคยเห็นหลี่เหมยหยุนทำงานหนักมาก่อน นางเคยแต่ข่มเหงบ่าวไพร่ หยิ่งยโส และเอาแต่ใจ แต่สิ่งที่เขาได้ยินในวันนี้กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

"ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตา"

ที่ลานชักผ้า บ่าวไพร่บางคนยังคงซุบซิบด้วยความตกตะลึง หลี่อวี้จิงเองก็เพิ่งซักเสร็จ นางสะบัดน้ำออกจากมือก่อนจะบิดผ้าผืนสุดท้ายแล้วแขวนไว้ตาก

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเงียบกริบแต่หนักแน่นก็ดังขึ้น พร้อมกับเงาของบุรุษสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา

ทุกคนในลานเงียบกริบ บ่าวไพร่รีบหลบทางเมื่อเห็นร่างของ แม่ทัพลู่เหรินเจ๋อ ปรากฏตัว

หลี่อวี้จิงที่กำลังจะเดินออกจากลานชักผ้าหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

สายตาของลู่เหรินเจ๋อเต็มไปด้วยความเย็นชาและจับจ้องไปที่นางราวกับต้องการอ่านทุกการกระทำของนาง

"ข้ามิคิดเลยว่าฮูหยินของข้าจะขยันขันแข็งถึงเพียงนี้" เสียงของเขาแฝงไปด้วยความประชดประชัน

หลี่อวี้จิงรู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากบุรุษตรงหน้า นางสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "งานซักผ้าไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงรู้วิธีจัดการ ย่อมทำได้ง่ายขึ้น"

"หึ..." ลู่เหรินเจ๋อหัวเราะเย็นชา "เจ้าคิดว่าตนเองเปลี่ยนไปแล้วหรือ? คิดว่าเพียงแค่แสร้งทำเป็นขยันขันแข็ง แล้วข้าจะมองเจ้าเป็นสตรีที่ดีงั้นหรือ?"

หลี่อวี้จิงสบตาเขาโดยไม่หลบเลี่ยง "ข้าก็มิได้คาดหวังให้ท่านมองข้าเป็นสตรีที่ดี แต่ข้าเพียงต้องการใช้ชีวิตของข้าโดยไม่ให้ใครดูแคลน"

บ่าวไพร่ที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างกลั้นหายใจไปตาม ๆ กัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา แม้แต่น้อย

สายตาของลู่เหรินเจ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเหตุใดหลี่เหมยหยุนถึงเปลี่ยนไปมากเพียงนี้ แต่นางในตอนนี้แตกต่างจากหญิงที่เขาเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง

เขาจ้องหน้านางครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ "เช่นนั้น... ข้าก็อยากจะดูต่อไป ว่าเจ้าจะสามารถรักษาคำพูดนี้ได้นานแค่ไหน"

พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงบ่าวไพร่ที่ยังคงตกตะลึง และหลี่อวี้จิงที่ยืนอยู่กลางลานชักผ้า พร้อมกับแววตาที่แน่วแน่กว่าเดิม...

หลังจากเสร็จจากงานชักผ้า หลี่อวี้จิงรู้สึกเมื่อยล้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางไม่ได้ใช้แรงงานหนักมานาน ร่างกายจึงเริ่มส่งสัญญาณเตือน ท้องของนางร้องขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องเติมพลัง

นางหันไปหาบ่าวรับใช้คนสนิทที่ติดตามนางมาด้วย เป็นสาวใช้ตัวเล็ก ๆ นามว่า เสี่ยวถิง นางเป็นบ่าวที่ถูกส่งมาให้รับใช้นางเมื่อนางแต่งเข้ามาในจวน

“เสี่ยวถิง ข้าหิวแล้ว ไปที่เรือนใหญ่กันเถอะ”

เสี่ยวถิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “คุณหนู… เอ่อ… นายหญิงเจ้าคะ ปกติเรือนใหญ่มักจะเตรียมอาหารให้แต่คุณชายเล็กและแม่ทัพเพคะ นายหญิง… เอ่อ… ส่วนใหญ่ต้องสั่งให้บ่าวไปหาเอง”

หลี่อวี้จิงขมวดคิ้ว “เช่นนั้นในเรือนของข้ามีอาหารหรือไม่?”

เสี่ยวถิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “เมื่อเช้าบ่าวไปดูที่โรงครัวมาแล้วเจ้าค่ะ ของที่ส่งมาถูกลดลง แถมไม่มีใครเตรียมสำรับไว้ให้เลย”

นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า หลี่เหมยหยุนเดิมทีเป็นคนเอาแต่ใจและมักใช้กำลังบังคับให้บ่าวไพร่เชื่อฟัง พวกบ่าวไพร่ในเรือนนี้คงจงใจกลั่นแกล้งโดยไม่เตรียมอาหารให้นางเลย

“ขนาดอาหารยังไม่ให้ข้ากิน นี่มันจวนแม่ทัพหรือจวนอสรพิษกันแน่?” นางบ่นในใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วหันไปพูดกับเสี่ยวถิง

“เช่นนั้นก็ไปโรงครัวกัน ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าในนั้นยังเหลือสิ่งใดให้ข้ากินได้บ้าง”

โรงครัวจวนแม่ทัพ

หลี่อวี้จิงเดินเข้าไปในโรงครัวพร้อมเสี่ยวถิง ภายในเต็มไปด้วยบ่าวที่กำลังจัดเตรียมอาหารสำหรับเรือนใหญ่

เมื่อบ่าวไพร่เห็นนางเดินเข้ามาก็พากันหยุดมือ มองนางด้วยแววตาสงสัยปนไม่พอใจ บางคนถึงกับกระซิบกันเบา ๆ

"นางมาทำอะไรที่นี่?"

"หรือจะมาสั่งให้เราทำอาหารให้นางอีก?"

หลี่อวี้จิงไม่สนใจเสียงซุบซิบ นางกวาดตามองโรงครัวอย่างละเอียด และเห็นได้ชัดว่าอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้นั้น ล้วนแต่เป็นของสำหรับคนอื่นทั้งสิ้น ไม่มีส่วนใดที่เป็นของเรือนนางเลย

“เสี่ยวถิง เจ้าไปดูสิว่ายังมีวัตถุดิบเหลือหรือไม่”

เสี่ยวถิงรีบเดินไปเปิดตู้กับข้าวและห้องเก็บเสบียง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ “นายหญิงเจ้าคะ… เหลือเพียงข้าวสารเล็กน้อย ไข่เป็ดสองฟอง และผักที่เริ่มเหี่ยวแล้วเจ้าค่ะ”

หลี่อวี้จิงเลิกคิ้วเล็กน้อย นางพอจะเดาได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง แต่นั่นมิใช่ปัญหา

“เท่านี้ก็มากพอแล้ว”

บ่าวไพร่ที่ได้ยินถึงกับงุนงง นางไม่โวยวาย? ไม่อาละวาด?

แต่หลี่อวี้จิงกลับยกแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มลงมือหุงข้าว ตีไข่ และหั่นผักด้วยความคล่องแคล่ว

กลิ่นหอมที่กระจายไปทั่ว

หลังจากไม่นาน กลิ่นหอมของข้าวที่หุงใหม่ ๆ ผสมกับกลิ่นไข่เจียวและผัดผักก็ลอยอบอวลไปทั่วโรงครัว

“หืม? กลิ่นอะไรกัน?”

“เหตุใดกลิ่นถึงน่ากินถึงเพียงนี้?”

บ่าวไพร่ที่เฝ้ามองอยู่เริ่มกลืนน้ำลาย พวกนางเคยชินกับอาหารที่พ่อครัวในจวนทำ ซึ่งมักเป็นอาหารที่ซับซ้อนและปรุงด้วยเครื่องเทศมากมาย แต่นี่เป็นเพียงข้าว ไข่ และผักธรรมดา แต่กลับส่งกลิ่นหอมน่ากินจนน่าเหลือเชื่อ

หลี่อวี้จิงตักข้าวใส่จาน วางไข่เจียวและผัดผักลงไป ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วลองชิม

“อืม… รสชาติใช้ได้” นางพยักหน้าพอใจ ก่อนจะยื่นอีกจานให้เสี่ยวถิง “เจ้ากินด้วยกันเถอะ”

เสี่ยวถิงเบิกตากว้าง นางไม่คิดว่านายหญิงของตนจะทำอาหารได้ แต่เมื่อรับมาและลองชิม นางก็ต้องตกใจ

"อร่อยมากเจ้าค่ะ!"

บ่าวไพร่ที่เฝ้ามองอยู่ต่างพากันกลืนน้ำลาย พวกนางไม่เคยเห็นนายหญิงในลักษณะนี้มาก่อนเลย…

และในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังขึ้นที่หน้าประตูโรงครัว

ทุกคนหันไปมอง และพบว่า ลู่เหรินเจ๋อ ยืนอยู่ที่ทางเข้า สายตาของเขามองตรงมายังหลี่อวี้จิงอย่างลึกซึ้ง…

 

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Nattery
องครักษ์แทนตัวกระหม่อม ท่านแม่ทัพเป็นเชื้อพระวงศ์เร้อะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   จบ

    สามวันผ่านไปหลังจากงานแต่งงานของลู่เหรินเจ๋อและหลี่เหมยหยุน ข่าวการแต่งงานของพวกเขาสร้างความฮือฮาไปทั่วแคว้น และในวันนี้ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกจัดขึ้น โดยมีเหล่าทูตจากแคว้นต่างๆ และคุณหนูจากตระกูลขุนนางมากมายมาร่วมงานบริเวณลานกว้างของวังหลวงถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าสีสดใส เสียงดนตรีขับกล่อมดังกังวานไปทั่ว ผู้คนมากมายต่างแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา งานเลี้ยงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองทั่วไป แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่เหล่าตระกูลชั้นสูงจะได้พบปะสานสัมพันธ์ในหมู่แขกที่มาร่วมงาน หลี่เหมยหยุนเองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม นางอยู่ในชุดสีแดงเข้มปักลวดลายดอกโบตั๋น ตัวเสื้อบางเบาแต่สง่างามเข้ากับรูปร่างของนางได้อย่างพอดี ความงามของนางทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างพากันมองอย่างไม่อาจละสายตาลู่เหรินเจ๋อซึ่งอยู่ไม่ไกล มองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ แม้ในงานจะมีหญิงงามจากทั่วทุกแคว้นเข้าร่วม แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครงดงามไปกว่าหลี่เหมยหยุนอีกแล้ว“ท่านสามี งานเลี้ยงในวันนี้ดูยิ่งใหญ่มากทีเดียว” หลี่เหมยหยุนกล่าวพลางหันไปมองเขาลู่เหรินเจ๋อพยักหน้า “แน่นอน มันเป็นโอกาสสำค

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   39

    แสงเช้าที่สาดส่องเข้ามาในตำหนักของพระเอก อากาศเย็นสบายในยามเช้าทำให้ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่ภายในจวนของพระเอกกลับเต็มไปด้วยความเครียดและความตึงเครียดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อข่าวการสังหารตระกูลซ่งแพร่กระจายไปถึงตำหนักต่างๆ และจวนของชนชั้นสูงหลายๆ ตระกูล ทุกคนที่ได้รับข่าวต่างตกใจและหวาดกลัวไปตามๆ กัน ราวกับมีเงื้อมมือของความตายที่แผ่กระจายไปทั่วเมืองหลวง“ท่านอ๋อง...” ขันทีในชุดขาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับท่าทางที่ไม่มั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด “ข่าวเรื่องตระกูลซ่ง...เริ่มแพร่กระจายไปถึงตระกูลอื่นๆ แล้วขอรับ หลายท่านเริ่มวิตกกังวลและสงสัยว่า...ท่านอ๋องจะลงโทษกับพวกเขาเช่นเดียวกันหรือไม่”พระเอกนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางราบเรียบและไม่แสดงอารมณ์มากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของขันที เขาก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “ทุกคนในราชสำนักต้องรู้ไว้ ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนั้นจะต้องได้รับการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใคร”ขันทีได้ยินดังนั้น ก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้ แม้ว่าพระเอกจะไม่แสดงท่าทีรุนแรงอะไร แต่คำพูดนั้นก็แฝงไปด้วยความเด็ดขาดท

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   38

    ซ่งจิ้นหมิงถูกนำตัวไปยังห้องสอบสวนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันตราย ภายในห้องนั้นมีทั้งพระเอกและข้าราชการที่พร้อมจะรับฟังคำสารภาพจากเขา ท่ามกลางความเงียบงัน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่จิ้นหมิงที่ถูกผูกมัดอยู่ในเก้าอี้พระเอกยืนอยู่ข้างโต๊ะยาว พร้อมกับสายตาที่ไม่ละสายตาจากผู้ต้องสงสัย "ท่านซ่ง ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมพี่ชายของข้า" เสียงของพระเอกดังขึ้นอย่างแน่วแน่ ท่ามกลางความเงียบซึ่งทำให้ความกดดันในห้องเพิ่มสูงขึ้นซ่งจิ้นหมิงเริ่มเหงื่อไหลซึมจากหน้าผาก เขาพยายามดึงตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ แต่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามและความหวาดกลัว เขาเคยคิดว่าคำสั่งที่ได้รับมาจะสามารถทำให้การตัดสินใจของเขาง่ายดาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่อาจหลีกหนีได้"ท่านจะทำอย่างไรกับข้า?" ซ่งจิ้นหมิงถามเสียงเบาหวิว เขาเข้าใจแล้วว่าคำตอบจากพระเอกจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลพระเอกยืนนิ่งก่อนจะตอบกลับอย่างเย็นชา "ไม่ใช่ข้า ที่จะตัดสินชีวิตท่าน แต่ความจริงจะเป็นผู้ตัดสินเอง"การเงียบไปชั่วขณะ ซ่งจิ้นหมิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาเริ่มกล่าวเสียงสั่น "ข้าไม่ได้ฆ

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   37

    หลังจากเหตุการณ์การลอบสังหารที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร และการตรวจสอบที่ไม่พบเบาะแสที่ชัดเจน พระเอกได้เริ่มดำเนินการหาข้อมูลและเชื่อมโยงเงื่อนงำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตพระเอกยืนอยู่หน้าห้องทำงานส่วนตัวของเขา สีหน้าครุ่นคิดไปในหลายทิศทาง เขาหมายมั่นที่จะเอาความจริงออกมาให้ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะยากเย็นและเต็มไปด้วยอุปสรรคที่อาจทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่คิดว่าจะต้องเป็นศัตรู"ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนที่ฆ่าพี่ชายข้าไปง่าย ๆ ได้" พระเอกพูดเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ในใจหลี่เหมยหยุนยืนอยู่ข้าง ๆ รับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจของสามี เธอเข้าใจดีว่าเขาต้องการหาความจริง และเธอจะอยู่เคียงข้างเขาเพื่อช่วยสืบหาผู้กระทำ"ท่านสามี ข้าจะช่วยท่านเอง" หลี่เหมยหยุนกล่าวด้วยความมั่นใจพระเอกหันไปมองภรรยา แล้วยิ้มบาง ๆ "ข้ารู้ ข้าจะต้องใช้ความช่วยเหลือของเจ้ามากในการหาข้อมูลครั้งนี้"ทหารที่ได้รับคำสั่งจากพระเอกเริ่มดำเนินการสืบสวนไปในทุกทิศทาง ทั้งจากบันทึกในค่ายทหาร การสนทนาของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ และการสืบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่พี่ชายของพระเอกเสียชีวิตแต่ก็ยั

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   36

    พระเอกนั่งอยู่ในห้องมืดสนิทภายในตำหนักของตน ดวงตาของเขาจ้องไปที่เอกสารในมืออย่างตั้งใจ ข้อมูลทุกชิ้นที่เขาได้รับมาในช่วงที่ผ่านมาเริ่มบ่งชี้ทิศทางที่น่าสงสัย—เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชายของเขากำลังจะเปิดเผยเบื้องหลังที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน"ท่านอ๋อง..." เสียงของหลี่เหมยหยุนดังขึ้นข้างหลังเขา นางเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางนุ่มนวล และเห็นพระเอกที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความคิด นางเข้าไปยืนข้าง ๆ พระเอก แล้วจ้องไปที่เอกสารในมือ "ท่านพบอะไรหรือไม่?"พระเอกหันไปมองหลี่เหมยหยุน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด "ข้าเพิ่งได้ข้อมูลที่สำคัญ..." เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ "ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่ชายข้าคือพี่ชายของคุณหนูซ่ง"หลี่เหมยหยุนเบิกตากว้าง "ท่านหมายความว่าอย่างไร? พี่ชายของคุณหนูซ่งเป็นคนฆ่าพี่ชายของท่าน?"พระเอกพยักหน้า "ใช่...จากข้อมูลที่ข้าได้รับ ข้าเชื่อว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ข้าค้นพบว่าพี่ชายของคุณหนูซ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการลับที่พี่ชายข้าพบเข้าโดยบังเอิญ และเมื่อพี่ชายข้าเริ่มสงสัยเขา เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้หลุดไปได้"หลี่เหมยหยุนขมวดคิ้ว "ทำไมพ

  • ทะลุมิติสวมรอยเป็นแม่เลี้ยง   ปลอดภัยแล้ว

    หลังจากที่หลี่เหมยหยุนและเด็กแฝดกลับไปยังตำหนักได้สำเร็จ ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่ในอากาศ ในขณะที่พระเอกนั่งอยู่ข้างหลี่เหมยหยุนที่กำลังโอบเด็กทั้งสองในอ้อมกอด เขาสังเกตเห็นสีหน้าของภรรยาที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวลใจ แม้ว่าเด็กทั้งสองจะปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบลง"เราคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป" พระเอกกล่าวเสียงทุ้มหลี่เหมยหยุนพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่เด็กแฝดที่นั่งอยู่บนตักของเธอ ทั้งสองคนยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ยอมให้เด็กทั้งสองต้องเผชิญกับอันตรายอีกเด็ดขาด"ในช่วงเวลานั้นเอง ขันทีที่เฝ้าประตูเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน "ท่านอ๋อง เจ้าค่ะ มีข่าวจากตระกูลซ่ง ว่าคนลักพาตัวที่ถูกจับไปเมื่อคืนนี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลซ่ง"คำพูดนี้ทำให้หลี่เหมยหยุนถึงกับเงียบไป หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างหนัก "หมายความว่าอย่างไร?" เธอถามออกไปขันทีกราบ "มีข่าวลือว่าคุณหนูซ่งได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจในตระกูลซ่ง ให้ทำแผนนี้เพื่อแย่งชิงเด็กแฝดไป แต่แผนกลับล้มเหลวเสียก่อน"หลี่เหมยหยุนรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status