共有

ตอนที่ 3 ร่างใหม่

last update 最終更新日: 2025-12-02 09:42:01

เช้าวันใหม่ที่แสนเร่งรีบวิไลลักษณ์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสามเพื่อมาอาบน้ำเตรียมตัวไปงานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดของเธอ พ่อกับแม่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวาน เธอเรียนจบคณะเกษตรศาสตร์ ความฝันหลังเรียนจบเธออยากเปิดร้านขายพันธุ์ไม้อยู่ทางภาคอีสานสักแห่ง และเธอก็ได้เริ่มทำมันแล้ว เพราะสี่ปีที่เรียนอยู่ที่นี่เธอซึมซับเอาความเป็นอีสานเข้าไปทั้งภาษาและวัฒนธรรม เพื่อนส่วนใหญ่ก็เป็นคนภาคอีสานทั้งนั้น พ่อกับแม่เองยังนึกเป็นห่วงที่ลูกสาวไม่ยอมกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะหลังเรียนจบช่วงรอรับปริญญาเธอก็ยังขายต้นไม้อยู่ที่ภาคอีสาน

            วิไลลักษณ์ยืนรีดเสื้อผ้าอยู่ภายในห้องนอนที่คอนโดฯ เพียงลำพัง จู่ ๆ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเพราะความดีใจกับความสำเร็จของตัวเองก็หุบยิ้มลงทันควัน เธอหลับตาแน่นมือบางยกขึ้นกุมศีรษะตัวเอง ทำไมถึงได้รู้สึกมึนศีรษะแบบนี้ มือที่จับเตารีดรีบหรี่ไฟลงจนสุด ร่างที่ยืนอยู่อย่างมั่นคงในคราแรกกำลังโอนเอียง เธอลืมตาไม่ได้เลยเพราะตอนนี้ห้องมันกำลังพาเธอหมุนและมืดดำไปหมด ไม่ถึงสองนาทีร่างอรชรก็ล้มลงไปนอนกับพื้น ลมหายใจเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ แล้วก็แน่นิ่งไปในที่สุด

           

            ร่างโรยแรงที่นอนนิ่งอยู่ภายในห้องมาหลายวันค่อย ๆ ขยับกายทีละส่วน เปลือกตาอันหนักอึ้งถูกเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตากลมโตแต่นัยน์ตาแดงก่ำกลอกมองไปรอบทิศ บ้านทำด้วยไม้ไผ่ทั้งหลัง ด้านข้างมีช่องคล้ายกับหน้าต่างเปิดไว้เพื่อให้ลมโกรกเข้ามา หลังคามุงด้วยหญ้าคา สายตาเหลือบมองต่ำลงมาที่พื้นที่เป็นไม้ไผ่เช่นกัน ทุกส่วนของบ้านดูยังไม่เก่ามากนัก บนพื้นมีเพียงเสื่อหนึ่งผืนที่เธอนอนอยู่เท่านั้นที่ค่อนข้างเก่าคร่ำคร่า แต่ทว่าภายในห้องนี้ก็เล็กกว่าคอนโดฯ ของเธอหลายเท่า

            วิไลลักษณ์ค่อย ๆ ใช้สองมือยันกายลุกขึ้นด้วยความมึนงง เธอกำลังฝัน มือน้อย ๆ ลูบแผ่นไม้ไผ่ที่ปูพื้นเบา ๆ เธอสัมผัสได้ถึงความแข็งได้อย่างสมจริง เธอต้องทำอะไรสักอย่างจะมานั่งฝันนอนฝันอยู่แบบนี้ไม่ได้ วันนี้เธอต้องรีบไปแต่งหน้าเพื่อไปรับปริญญาในช่วงบ่าย คิดได้ดังนั้นสองมือก็ตบเข้าที่หน้าตัวเองแรง ๆ ทั้งสองข้างจนหน้าหัน

            เพียะ! เพียะ!

            “โอ๊ย! ทำไมเจ็บจริงวะ” วิไลลักษณ์หลุดปากร้องออกมาเสียงดัง เธอก้มมองฝ่ามือของตัวเองสายตาไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มือไม่ใช่ นิ้วไม่ไช่ ผิวพรรณและรูปร่างก็ไม่ใช่ ถึงมันจะไม่ได้ดูแย่มากแต่ร่างนี้ก็ผอมเกินไป เนื้อตัวมีแต่รอยแผลที่น่าจะเกิดจากมดหรือแมลงต่าง ๆ กัด เธอเบิกตากว้าง เนื้อตัวสั่นเทา ลำคอแห้งผาก เมื่อเห็นรอยสักรูปหัวเสืออยู่ที่ส่วนท้องแขนตรงข้อมือข้างซ้ายของตน ร่างนี้ไม่ใช่ร่างของเธออย่างแน่นอน

            แอ๊ดดดดด!

            สติยังไม่ทันกลับมาดีก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาก่อน พร้อมกับร่างของเด็กผู้หญิงเดินเข้ามา วิไลลักษณ์เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตางุนงง

            “พี่คำแก้ว! พี่คำแก้วฟื้นแล้ว” เด็กหญิงวัยแรกรุ่นเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอีสาน ภาษาที่เธอค่อนข้างคุ้นเคยจนสามารถพูดได้คล่อง เพราะใช้กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยทุกวัน ไม่ถึงนาทีก็มีคนอีกสามคนวิ่งเข้ามาในห้อง คำพองได้ยินเสียงคำแพงบอกว่าคำแก้วฟื้นแล้วก็รีบวิ่งออกจากครัวจนลืมไปว่าตัวเองกำลังป่วย เข้มกับคำพากำลังช่วยกันรดน้ำผักสวนครัวอยู่ก็รีบวิ่งขึ้นมาดูเช่นกัน

ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเรียวแต่อิดโรยของคำแก้ว

            “คำแก้วลูกแม่ฟื้นแล้ว” คำพองนั่งลงข้างที่นอนลูก คนอื่น ๆ ก็นั่งตาม เธอสลบไปสี่วันเต็มไม่มีใครคิดว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาอีก หลวงตาโมกที่วัดป่าก็บอกให้ทำใจไว้แล้ว

            คำแก้ว! ลูก! หมายความว่าอย่างไร? ดวงตากลมคู่นั้นฉายแววดูสับสน เธอสูดหายใจเข้าลึกและตั้งสติเพื่อลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอตื่นขึ้นมารีดผ้า แต่ด้วยความที่เมื่อคืนนอนดึกเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจึงนอนไม่ค่อยหลับ เธอรู้สึกมึนศีรษะเพราะนอนน้อยและอาจจะเป็นเพราะเธอเป็นโรคความดันต่ำอยู่แล้วจึงทำให้เธอ…เป็นลมหมดสติและทุกอย่างก็มืดสนิทในเวลาต่อมา

            รู้สึกตัวอีกทีก็มานอนอยู่ตรงนี้แล้ว

            แล้วที่นี่คือที่ไหน ทุกคนที่มองเธอหน้าสลอนอยู่ตอนนี้เป็นใครกัน ดูจากการแต่งกายก็น่าจะไม่ใช่ยุคปัจจุบัน วิไลลักษณ์ยังทำหน้างง

            “คำแก้วจำพ่อกับแม่ไม่ได้หรือลูก” ผู้ชายอายุราวสี่สิบต้นเอ่ยถาม เมื่อเห็นแววตาสับสนของลูก ขาของชายคนนั้นข้างหนึ่งพิการ มีผ้าฝ้ายสีขาวพันแผลเอาไว้

            วิไลลักษณ์ไล่สายตามองหน้าทีละคน ความทรงจำร่างเดิมค่อย ๆ กระจ่างชัดขึ้น แต่ทำไมความทรงจำมันถึงได้มีน้อยนิดเพียงนี้ เธอรู้เพียงว่าร่างนี้ชื่อคำแก้วอีกเดือนเดียวอายุก็จะครบสิบแปดปีเต็ม ชายหญิงวัยกลางคนสองคนนี้คือแม่คำพองกับพ่อเข้ม เด็กผู้ชายคนที่นั่งถัดจากแม่คือน้องคำพา ส่วนผู้หญิงน้องเล็กสุดของบ้านก็คือคำแพง ในความทรงจำของหล่อนตอนนี้ทราบแค่นี้

            ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น วิไลลักษณ์พยายามกลืนน้ำลายที่แทบจะไม่มีลงคอสามสี่ครั้ง ถึงจะรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เธอก็ต้องควบคุมสติให้ดี ห้ามกระโตกกระตาก และต้องพิสูจน์ให้แน่ชัด วิไลลักษณ์ตัดสินใจเอ่ยถามออกไปว่า “ฉันเป็นอะไรไปคะ” เธอพูดภาษาเดียวกันกับทุกคน

            คำพองยิ้มพร้อมกับหยดน้ำใสก็ไหลรินออกมาจากตาด้วยความดีใจสุดซึ้ง “เอ็งเป็นไข้ไม่ได้สติมาสี่วันแล้ว ก่อนจะหมดสติก็ไข้สูงมาเกือบสองอาทิตย์ แม่คิดว่าเอ็งจะไม่ฟื้นกลับมาหาพวกเราเสียแล้ว” พูดพลางยกมือหยาบกร้านขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง

            “พี่คำแก้วลุกไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ พี่ไม่ได้กินข้าวตั้งหลายวัน” คำแพงกล่าว ผู้เป็นแม่เอื้อมมือไปลูบคลำใบหน้าลูกสาวอย่างทะนุถนอม เลื่อนมือมาตามแขนอันเรียวเล็กแผ่วเบา แท้จริงแล้วคำที่หลวงตาบอกว่าคำแก้วชะตาขาดมันก็เป็นแค่คำพูดแก้เคล็ดเท่านั้น

            “ลุกไหวไหม มา เดี๋ยวแม่ช่วย” คำพองช่วยพยุงลูกสาวลุกขึ้น คนอื่นเดินไปข้างนอกแล้ว ส่วนพ่อของเธอก็ใช้ไม้ค้ำงอเข่าขาข้างพิการไว้แล้วเดินตามหลังคำพากับคำแพงออกไป ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี

            “ฉันเดินเองได้ค่ะแม่” ถึงจะรับรู้ได้ว่าร่างนี้ผอมแห้งเพราะล้มป่วยมาหลายวัน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอ่อนแรงอีกแล้ว อยู่ดี ๆ ไม่รู้ว่าพลังมาจากไหนถึงได้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนคนไม่เคยป่วยมาก่อน

            แปลกจริง แต่ก็ดีแล้ว เธอไม่ชอบตอนร่างกายป่วยเลยสักนิด

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวล้มหัวฟาดพื้นไปจะแย่” แม่พูดดังนั้นคำแก้วจึงตามใจ

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ทะลุมิติอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้   ตอนที่ 11 กลับบ้าน

    เดินออกมาถึงปากทางเข้าก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คำแก้ว!” มันดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่าใหญ่ เป็นเสียงของพ่อเธอเอง คำแก้วหยุดฟังพลางคิดว่าพ่อของเธอจะมาที่ป่านี้ได้อย่างไร เธออาจจะหูฝาด จากนั้นก็รีบสาวเท้าออกมาจากป่าโดยเร็ว เพลานี้ก็น่าจะบ่ายแก่แล้ว ป่านนี้พ่อสิงห์ แม่บุญรอด และดวงคงกลับไปก่อนแล้ว ทุกคนคงเป็นห่วงเธอแย่ รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่เดินเข้าไปในป่าลึกโดยไม่ได้บอกใคร ก็มันเดินเพลินจนลืมตัว ตลอดเวลาที่เดินออกมาจากป่าคำแก้วต้องหยุดเดินอยู่หลายรอบ รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเดินตามมาข้างหลัง แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่เจอใครเธอจึงรีบก้าวเท้าเร็วขึ้น คำแก้วเดินออกมาถึงทางห้าแยกที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสี่แจและหมู่บ้านอื่น ๆ ก็เจอกับชายฉกรรจ์สามคนยืนขวางอยู่ตรงหน้า คำแก้วเดินต่ออย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว “เฮ้ย! มีคนเดินมาทางนี้ว่ะ” “ลูกพี่มันแบกหมูป่าตัวเบ้อเร่อมาด้วย” “เอาของมีค่าทั้งหมดมาจากมันให้ได้” “แต่มันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เองนะลูกพี่” “พ่อมึงสอนให้โจรอย่างพวกมึงใจดีกับพวกผู้หญิงเหรอวะ” คนที่เ

  • ทะลุมิติอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้   ตอนที่ 10 เดินป่าอย่างเพลิดเพลิน

    คำแก้วเดินเข้ามาในป่าลึกและก็ไม่รู้ว่าลึกมากเท่าไรแล้ว แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลยสักนิด ยิ่งเดินเข้ามาก็ยิ่งสนุก สายตามองเห็นต้นมะพอกใหญ่ต้นหนึ่งประมาณสิบคนโอบ ที่โคนต้นของมันมีโพรงขนาดใหญ่พอที่คนจะเดินเข้าไปได้ กระรอกตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากตรงนั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเดินเข้าไปดูว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง บนหลังสะพายกระบุงที่มีเห็ดถอบอยู่เกือบครึ่ง ป่านี้อุดมสมบูรณ์จริง ๆ ถ้าช่วงฤดูใบไม้ผลิคงมีทั้งผักป่าและไข่มดแดงแน่ เธอก้าวขาเข้าไป พอก้าวที่สามกลับมีแสงวาบสีรุ้งสาดส่องออกมา อยู่ดี ๆ ร่างเธอก็โดนดูดเข้าไปในนั้นแบบไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!” เธอกรีดร้องเสียงดังและไม่อาจต้านแรงดึงดูดนั้นได้จนหน้าแทบคะมำ คำแก้วยืนนิ่งงันเมื่อตั้งหลักได้ มองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้นเจือประหลาดใจ มันเป็นป่าสมุนไพรนานาพรรณ และที่สำคัญมีผลไม้หลากชนิดให้เธอเลือกกิน ผลไม้ทุกต้นลูกดกเต็มต้น มันเป็นเหมือนป่าวิเศษที่ไม่จำกัดฤดูกาลก็มีผลไม้ให้กินตลอด ดวงตากลมโตมองสิ่งที่อยากกินอยู่เบื้องหน้าแค่เพียงมือเอื้อมก็เก็บกินได้แล้ว คำแก้วกลืนน้ำลาย

  • ทะลุมิติอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้   ตอนที่ 9 หลงป่า

    คำแก้วเปิดผ้าคลุมหน้าออกมือข้างขวาเสยผมยาวไปด้านหลัง ทำท่าทางกวน ๆ สาวเท้าไปหายายทั้งสองแล้วพูดเสียงดังเหมือนหาเรื่อง “เอ๋อแล้วมันหนักกบาลใครมิทราบ” ยายสองคนถึงกับหน้าเหวอ คนอื่นที่ยืนอยู่เริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าคำแก้วจะกล้าตอบโต้ด้วยวาจาที่ค่อนข้างก้าวร้าวเช่นนี้ “ถ้าอีเอ๋อตบคนแก่ก็คงไม่ผิดสินะ จริงไหมคะ” คำแก้วพูดทีเล่นทีจริงทำท่าเอียงคอเหมือนเด็กปัญญาอ่อนตามที่พวกเขาเข้าใจ คำแก้วกัดกรามแน่นง้างฝ่ามือเล็กขึ้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ส่งเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “สักทีดีไหมฮึ”“ว้าย!” ยายทั้งสองร้องเสียงหลง และเอียงหน้าหลบยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ด“อย่านะ อย่าเข้ามานะ อีเด็กปัญญาอ่อน ชอบใช้กำลังเหมือนพ่อมึง” ยายจูเอาตัวไปหลบอยู่ด้านหลังชาวบ้านคนอื่นที่มาด้วยกัน“ถ้าไม่อยากโดนฉันตบหน้าหมุนก็รีบพากันไปเก็บเห็ดซะ ก่อนที่ฉันจะอดใจไม่ไหว” ไม่ใช่แค่หน้าหมุน หัวอาจจะหลุดไปด้วยก็ได้ เพราะเธอยังไม่เคยลองใช้ฝ่ามือพิฆาตตบใครสักคน และเธอก็คงไม่ตบใครพร่ำเพรื่อด้วย“ไปกันเถอะพวกเรา ไอ้ลูกคนบ้านป่าเมืองเถื่อน” ไม่วายยายนุ่นยังหันกลับมาพูดอีกทุกคนเดินจากไปด้วยแววตาหวาดกลัว กลัวว่าคำแก้วจะได้เลือดโจรจากพ

  • ทะลุมิติอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้   ตอนที่ 8 อีเอ๋อ อีลูกโจร

    เช้าวันรุ่งขึ้นคำแก้วสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาไม่เจอแม่ คาดว่าเธออาจจะลุกมาหุงหาอาหาร เธอมองดูผ้าถุงของตัวเองด้วยความตกใจ ชายผ้าถุงเกือบจะเลื่อนขึ้นมาพันอยู่ที่เอวเพราะเธอไม่เคยสวมผ้าถุงนอน กว่าจะนุ่งได้เมื่อวานตอนอาบน้ำเสร็จก็ลองจนเมื่อย ชายผ้าถุงไม่เสมอกันก็ช่างมันเถอะ เธอจะสวมแบบนี้ ใครจะมองยังไงเธอก็ไม่สนใจคำแก้วเดินย่องตามออกมา เมื่อคืนหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวพอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดเมื่อยร่างกายไม่น้อย พื้นบ้านมันแข็งเกินไปเธอจึงยังไม่ค่อยชินแต่เอาเถอะ! มีที่ให้นอนก็ดีแล้ว ใช่ว่าที่เรียนปริญญาตรีมาสี่ปีเธอจะไม่เคยลำบากเลยเสียงคำพองหักกิ่งไม้เล็กใส่ในเตาไฟเพื่อเป็นเชื้อเพลิง สายตาเธอหันมามองเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนเดินมาด้านหลังคำพองตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่เดินออกมาแต่เช้ามืด “คำแก้ว ตื่นเร็วจังลูก”“ฉันอยากช่วยแม่ทำอาหารค่ะ”“…งั้นไปเอาน้ำใส่หม้อนึ่งมาให้แม่ก็แล้วกัน” ส่วนมากลูกทั้งสามจะตื่นพร้อมกันก็ต่อเมื่อตอนฟ้าสางแล้ว แต่วันนี้คำแก้วดูแปลกไป“ค่ะ” ถ้าเธอสามารถช่วยครอบมครัวได้เธอก็อยากจะทำ ทุกคนจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก แม่กับน้องคงทำงานหนักมาตลอด เธออยากจะชดเชยส่วนนี้ให้กับพวกเขาคำแก

  • ทะลุมิติอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้   ตอนที่ 7 ทำไมขาพ่อถึงพิการ

    คำพองวางบัวรดน้ำแล้วเดินเข้ามาหา “ขอบใจมากนะ” คำพองหยิบขนุนที่ผ่าครึ่งลูกออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่แล้ววางไว้บนแคร่ ไม่ลืมที่จะเด็ดใบตองมาวางรองเพื่อไม่ให้ยางของมันเปื้อนแคร่“พรุ่งนี้แม่ชวนแม่คำพองไปเก็บเห็ดด้วยค่ะ”“อืม แม่คงไปด้วยไม่ได้ แม่ไม่สบายยังไม่ค่อยหายดีเท่าไร กลัวจะไปเป็นลมล้มในป่าเดี๋ยวจะเป็นภาระทุกคน” คำพองบอกดวงนภาด้วยความเกรงใจ เธอยังมีอาการมึนศีรษะอยู่มากจึงไม่กล้าไปเก็บของป่าด้วยคำแก้วเดินตามหลังแม่มาได้ยินเข้าจึงเอ่ยขึ้นทันที “ให้ฉันไปกับดวงนะคะแม่” เธออยากลองไปหาของป่าดูบ้าง เพราะตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็เคยไปเก็บเห็ดกับเพื่อนในป่าของมหาวิทยาลัยเหมือนกัน แต่ป่าก็ไม่ได้กว้างมากมายนักคำพองหันมาถามลูกสาวด้วยแววตาฉงน “รู้เหรอว่าเห็ดไหนกินได้กินไม่ได้” ทุกครั้งที่ให้ไปด้วยก็ถามทุกครั้งจนคนโดนถามเมื่อยปากไปหมด เห็ดชนิดเดียวถามอยู่เป็นร้อยรอบ ทางที่ดีให้คำแก้วอยู่บ้านจะดีกว่า“ให้ดวงบอกก็ได้ค่ะ จริงไหมจ๊ะดวง” คำแก้วหันไปขอความเห็นจากเพื่อน เธอมีความจำดี ถามแค่ครั้งเดียวก็รู้หมดว่าเห็ดชนิดนั้นกินได้หรือไม่“คำแก้วหายป่วยแล้วเหรอ” ดวงนภาได้ยินข่าวว่าเธอป่วยหนักมาหลายวัน นี่ก

  • ทะลุมิติอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้   ตอนที่ 6 พลังมหาศาล

    คำแก้วเรียงดุ้นฟืนที่ยาวประมาณหนึ่งศอกเป็นกองเล็กแล้วลองแบกขึ้นบ่า พอรู้สึกว่าเบาไปจึงหยิบขึ้นเติมเรื่อย ๆ จนแขนเริ่มโอบไม่มิด แต่ก็ยังรู้สึกเบาราวกับแบกนุ่นคำแก้วขมวดคิ้วแล้วพึมพำกับตัวเอง “ทำไมไม่รู้สึกหนักเลยนะ”เพื่อให้ทุกอย่างกระจ่าง คำแก้ววางฟืนทั้งหมดลงจากบ่าแล้วเดินไปยังหินก้อนใหญ่ที่อยู่ข้างริมธาร เดินไปถึงก็มองไปรอบทิศ มั่นใจว่าไม่มีคนเห็นเธอจึงก้มลงยกหินก้อนใหญ่ขึ้นมา มันน่าจะหนักราวสองร้อยกิโลกรัมได้ คำแก้วยกหินก้อนนั้นขึ้นได้อย่างง่ายดายทั้งที่ดูเหมือนเธอผอมแห้งแรงน้อยเช่นนี้ เธอทึ่งในความสามารถของตัวเองก่อนจะวางหินก้อนนั้นลงที่เดิมเจ๋งว่ะ!ยังมีเรื่องอะไรให้ประหลาดใจอีกไหม เธอเริ่มจะชอบกับการที่จะได้ใช้ร่างนี้ผจญภัยในยุคนี้เสียแล้วสิ มีทั้งอาวุธ มีทั้งพลัง แบบนี้คงสนุกไม่น้อยคำแก้วแบกฟืนมัดใหญ่ขึ้นไปบนเรือน ผู้เป็นพ่อเห็นก็ตกใจ“คำแก้ว แบกมาเยอะแบบนั้นเดี๋ยวก็หลังหักกันพอดี” ทั้งที่ลูกสาวเพิ่งหายป่วย แต่เธอไม่มีท่าทีว่าเหนื่อยหอบเลยสักนิด เรียงฟืนขึ้นบนบ่าได้อย่างสวยงามอีกต่างหาก“ฉันทำได้ค่ะพ่อมันไม่หนักหรอกค่ะ” คำแก้วยิ้มให้พ่อเต็มใบหน้าเข้มจ้องใบหน้าลูกสาวอย่างไม่

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status