Share

บทที่ 13

Penulis: จี้เวยเวย
ซ่งรั่วเจินกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จก็ไปที่จวนตระกูลหลิ่ว

มองเห็นผู้คนมากมายเข้าออกประตูจวนตระกูลหลิ่วมาแต่ไกล คนไปมาหาสู่มีจำนวนไม่น้อย เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงชมเชยเซ็งแซ่

“ไต้ซือเทียนสุ่ยมีวิชาแก่กล้าจริงๆ เจ้าจำหลานชายของตระกูลจ้าวที่หมู่นี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดได้หรือไม่ หาหมอมากมายล้วนไม่เห็นผล เห็นๆ อยู่ว่าสุขภาพย่ำแย่ลงทุกทีจนแทบจะไม่ไหวแล้ว พอไต้ซือเทียนสุ่ยลงมือเท่านั้นก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง!”

“นั่นน่ะสิ หลานชายข้าพักนี้ค้าขายไม่ราบรื่น เกือบทำกิจการของตระกูลล้มละลายไปเสียแล้ว ตั้งแต่ไต้ซือเทียนสุ่ยอัญเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภมาให้ ทุกวันนี้การค้าเจริญรุ่งเรือง ดีวันดีคืน!”

“ตระกูลหลิ่วเองก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเท่าไหร่จึงสามารถเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาได้ วันหน้าจะต้องได้ดิบได้ดีแน่”

ได้ยินคำพูดแฝงความอิจฉาเหล่านั้น คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินก็เลิกขึ้นเล็กน้อย นางจะไปหยั่งเชิงไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ดูสักหน่อยว่ามีความสามารถจริงหรือไม่!

เมื่อนางเข้าไปในจวนตระกูลหลิ่ว เห็นข้ารับใช้ในจวนกำลังจัดฮวงจุ้ยตามคำแนะนำของไต้ซือเทียนสุ่ย ก็แค่นหัวเราะในใจ

ฮวงจุ้ยในจวนตระกูลหลิ่วเดิมทีก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อปรับเปลี่ยนเช่นนี้กลับกลายเป็นว่าเละเทะไปหมด ตกลงแล้วคนผู้นี้ไม่เข้าใจหลักฮวงจุ้ยเลยหรือว่ามีความแค้นกับตระกูลหลิ่วกันแน่?

“รั่วเจิน เจ้าเพิ่งถอนหมั้นไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมาที่นี่ได้?” หลิ่วอี้หมิง คุณชายใหญ่ตระกูลหลิ่วถามอย่างประหลาดใจ “ข้าได้ยินเรื่องที่จวนหลินโหวแล้ว เจ้า...”

“ญาติผู้พี่ ท่านอาจไม่รู้เรื่องนี้ ถึงซ่งรั่วเจินจะเป็นฝ่ายถอนหมั้น แต่ยังมีแก่ใจไปส่งสาวใช้ของตัวเองออกเรือน วันนี้มีเวลามาจวนตระกูลหลิ่วจะน่าแปลกตรงไหนกัน?”

“ยามนี้นางต้องอับอายขายหน้า อารมณ์ไม่ดีก็เริ่มไปลงกับคนใกล้ตัว ผู้หญิงจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ ท่านระวังไว้บ้างจะดีกว่า ถึงคราวเดือดร้อนเพราะนาง อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือนท่านก็แล้วกัน!”

ซ่งรั่วเจินตวัดสายตาไปมองซุนฮั่นเฟยที่พูดจาเยาะเย้ยถากถาง สมกับที่เป็นพี่ชายของซุนเยียนเอ๋อร์ สองพี่น้องศีลเสมอกัน แค่มองหน้าเขาก็นึกอยากตบบ้องหูสักที

“เพียะ!”

ซ่งรั่วเจินไม่ได้แค่คิด แต่นางทำเช่นนั้นจริงๆ

“เจ้ากล้าตบข้า?”

ซุนฮั่นเฟยเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ซ่งรั่วเจินเป็นกุลสตรีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยลงมือทำร้ายคนอื่นมาก่อน เมื่อก่อนเขาพูดจาล้ำเส้นยิ่งกว่านี้ แต่ละครั้งล้วนทำให้ซ่งรั่วเจินโกรธจัด แต่ก็ทำเพียงอดทนอดกลั้นทั้งขอบตาแดงเรื่อเท่านั้น วันนี้คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบเขา!

“ญาติผู้พี่ ข้าเห็นว่าสติของท่านไม่ค่อยแจ่มใสนัก จึงตบเรียกสติให้ท่านเจ้าค่ะ!”

“ยามนี้หลินโหวรังแกข้าก่อน ข้าถอนหมั้นก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว เรื่องพื้นๆ แค่นี้ท่านยังไม่เข้าใจก็มาวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตรงนี้ ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง แบบนี้ไม่สมควรถูกตบหรือเจ้าคะ?”

“ข้าเป็นบุตรสาวตระกูลซ่ง พ่อข้าคือผิงหยางโหว ท่านประกาศปาวๆ ว่าข้ามีจิตใจชั่วร้ายโดยไม่มีหลักฐาน แล้วจะปล่อยให้ท่านมากล่าวหาส่งเดชเช่นนี้ได้อย่างไร?”

สายตาซ่งรั่วเจินเย็นเยียบ ตระกูลซุนเป็นแค่ขุนนางขั้นห้าตัวเล็กๆ ถ้าพูดถึงลำดับชั้นแล้วยังห่างไกลจากตระกูลซ่งของตน แต่เพราะปกติท่านแม่ไม่ถือสาหาความ ที่ผ่านมาเวลาพบหน้าแม้แต่พวกพี่น้องของตนก็ยอมอดทนอดกลั้นต่อพวกเขามามาก

แต่ตอนนี้นางไม่มีนิสัยของเจ้าของร่างเดิมอีก แล่นมาพูดจาถากถางต่อหน้านางแบบนี้ นางย่อมไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่!

“ข้าไปใส่ร้ายเจ้าตอนไหน? เพ่ยหลานแค่พูดผิดไปนิดเดียว เจ้าก็ให้นางแต่งไปเป็นอนุของพ่อบ้านหลิ่ว แบบนี้ไม่เรียกว่าชั่วร้ายจะให้เรียกอะไร?”

“สาวใช้ข้างกายคุณหนูบ้านใด สุดท้ายแล้วไม่ได้มีที่พักพิงดีๆ บ้าง? เจ้ากลับส่งนางไปเป็นอนุ ส่งคนไปตอนกลางดึกวันนั้น แม้แต่ตำแหน่งออกหน้าออกตาได้ก็ยังไม่มี แบบนี้ยังไม่เรียกว่าชั่วร้าย?”

ซุนฮั่นเฟยโมโหจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ วันนี้เขาตั้งใจพาสหายมาพบไต้ซือเทียนสุ่ย คิดไม่ถึงว่าจะไปได้ยินบทสนทนาระหว่างมารดาของตนเองกับพ่อบ้านหลิ่วเข้า ทั้งเห็นว่าซ่งรั่วเจินก็มาที่นี่ด้วยจึงอดจะพูดจาเหน็บแนมไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าซ่งรั่วเจินจะเปลี่ยนนิสัยแล้ว ยกมือขึ้นได้ก็ตบเขาทันที

“ญาติผู้พี่ ข้ารู้ว่าท่านไม่มีสมองมาแต่ไหนแต่ไร เพ่ยหลานทรยศข้าก่อน รับเงินจากคนอื่น นางเป็นสาวใช้ที่ท่านน้าของข้า ซึ่งก็คือท่านแม่ของท่านส่งมาให้ข้าอย่างไรเล่า!”

“ข้าไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพราะอยากรักษาหน้าตาให้ท่านน้า แต่ท่านกลับมาตำหนิข้าเพราะเรื่องนี้? ปกติข้าอดทนอดกลั้นต่อท่านมามากแล้ว แต่ท่านยังคิดจะใส่ร้ายข้า เช่นนั้นข้าก็คงต้องพูดให้ชัดเจนแล้ว!”

สหายหลายคนนั้นของซุนฮั่นเฟยย่อมรู้จักซ่งรั่วเจิน คุณหนูอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง สองปีนี้คอยดูแลจวนหลินโหว ทำให้จวนหลินโหวที่ตอนแรกทรุดโทรมนับวันก็ยิ่งรุ่งเรือง เมื่อก่อนใครเห็นแล้วไม่เอ่ยชมเชยสักสองสามประโยคบ้าง?

เรื่องเมื่อวานลือกันไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนพูดถึงเรื่องนี้แตกต่างกันไป บ้างคิดว่าหลินโหวเป็นผู้ชายหลายใจ บ้างคิดว่าซ่งรั่วเจินจิตใจคับแคบเกินไป

เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูใหญ่แล้วพูดว่าไม่แต่งก็จะไม่แต่ง ยังได้ยินซุนฮั่นเฟยพูดแล้วพูดอีกว่านางจิตใจชั่วร้าย ทุกคนบังเกิดความประทับใจที่ไม่ดีไปโดยไม่รู้ตัว คิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย?

“จะเป็นไปได้อย่างไร?”

ซุนฮั่นเฟยเห็นสายตาทุกคนที่มองตนเองเปลี่ยนไป สีหน้าพลันเปลี่ยน แต่เพ่ยหลานถูกคนซื้อตัว นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

“เรื่องนี้จะว่าไปแล้วข้าก็อยากถามญาติผู้พี่เหมือนกัน เพ่ยหลานสนิทกับท่านมากไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ท่านถึงได้มาทวงความเป็นธรรมให้สาวใช้คนหนึ่งเช่นนี้”

“คนที่ซื้อตัวนางไปคือฉินซวงซวง ข้าได้ยินมาว่าท่านสนิทสนมกับพี่ชายคนรองของฉิงซวงซวงมาก ท่านคงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้หรอกใช่ไหมเจ้าคะ? ไม่อย่างนั้น ฉินซวงซวงจะซื้อตัวสาวใช้ของข้าได้อย่างไร?”

ใบหน้าพริ้มเพราของซ่งรั่วเจินฉายแววกังขา “เรื่องที่หลินโหวต้องการแต่งแม่นางฉิน ข้าถูกปิดบังมาโดยตลอด แต่คิดว่าตระกูลฉินคงทราบเรื่องมาแต่แรก ช่วงนี้ญาติผู้พี่ไปเยี่ยมเยือนจวนตระกูลฉินบ่อยๆ ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร คงไม่ได้ช่วยคนอื่นมารังแกญาติผู้น้องอย่างข้าหรอกนะเจ้าคะ?”

สาวน้อยกล่าวพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใบหน้าเผยความเจ็บปวด

ชั่วขณะนั้น อย่าว่าแต่หลิ่วอี้หมิง แม้แต่สหายของซุนฮั่นเฟยล้วนรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนซ่งรั่วเจิน

ซ่งรั่วเจินอาจไม่รู้ แต่สหายอย่างพวกเขากลับรู้ดี ซุนฮั่นเฟยเคยบอกพวกเขาเรื่องที่หลินโหวต้องการตบแต่งฉินซวงซวง เมื่อก่อนพวกเขาไม่คิดว่ามีอันใดไม่เหมาะ แต่มารังแกญาติผู้น้องของตนเพื่อคนนอกเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?

หลายปีมานี้ตระกูลซ่งดูแลตระกูลซุนอย่างดี คนที่คุ้นเคยกันล้วนรู้ดี ช่วยน้องสาวของสหายซื้อตัวสาวใช้ข้างกายญาติผู้น้อง เรื่องแบบนี้ทำลงไปได้อย่างไร?

“ซุนฮั่นเฟย เจ้าออกจะทำเกินไปหน่อยกระมัง แม่นางซ่งได้รับความไม่เป็นธรรมถึงเพียงนี้ ดีชั่วอย่างไรเจ้าก็เป็นญาติผู้พี่ มาทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร?”

“พวกเจ้า...”

ซุนฮั่นเฟยเผยอปาก มองซ่งรั่วเจินที่ก้มหน้าด้วยท่าทางเจ็บช้ำใจก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ซ่งรั่วเจินลอบยิ้มเย็นในใจ หลายปีมานี้นิสัยเจ้าของร่างเดิมหยั่งรากลึกในจิตใจคนหมู่มาก นับว่าอำนวยความสะดวกให้นางพอดี

“แม่นางซ่ง เจ้าพูดจาเหลวไหล ใส่ร้ายญาติผู้พี่ ประพฤติชั่วด้วยวาจา ทั้งยังจิตใจคับแคบ ทำให้เดินทางผิดได้ง่าย อาตมาขอเกลี้ยกล่อมให้เจ้าสั่งสมบุญกุศลผ่านวาจา มิฉะนั้นจะไม่ได้พบจุดจบที่ดี”

เวลานั้นเอง ชายวัยกลางคนที่แต่งกายอย่างผู้บำเพ็ญพรตคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ สายตาจับจ้องซ่งรั่วเจิน สีหน้าฉายแววหยิ่งยโส

“ไต้ซือเทียนสุ่ย!”

ซุนฮั่นเฟยราวกับเห็นดาวช่วยชีวิตก็ไม่ปาน เอ่ยอย่างย่ามใจว่า “ไต้ซือเทียนสุ่ย รีบมาเป็นพยานให้ข้าเถิด นางจงใจใส่ร้ายข้า!”

ซ่งรั่วเจินมองชายตรงหน้าอย่างประเมิน ขนคิ้วเบาบาง ตาลอย หน้าตอบ โหงวเฮ้งอัปมงคลแบบคนถ่อยได้ดี คนเช่นนี้น่ะหรือที่เป็นไต้ซือ?
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 14

    ไต้ซือเทียนสุ่ยมองซ่งรั่วเจินนิ่งๆ “แม่นางซ่ง หลายวันก่อนอาตมาไปดูฮวงจุ้ยที่จวนตระกูลซ่ง หมู่นี้จวนตระกูลซ่งเกิดเรื่องติดต่อกัน ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลยเสียทีเดียว”“อ้อ? ไหนท่านลองพูดให้ฟังที ว่าเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรบ้าง?”ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน มองคนตรงหน้าด้วยความสงบเยือกเย็น นางอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะแต่งเรื่องอย่างไรออกมา!“ข้าเคยดูเวลาตกฟากของเจ้ามาก่อน เจ้าชะตาอาภัพมีดวงพิฆาต หลินโหวเป็นดาวนำโชคในชีวิตเจ้า มีเพียงต้องออกเรือนให้เขาจึงจะสามารถคลี่คลายได้”“เดิมทีหลินโหวไม่มีทางแต่งเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีการบางอย่าง แม้แต่ภรรยาหลวงเจ้าก็คงไม่ได้เป็น วันนี้เจ้าอยากอยู่อย่างสงบก็มีแต่ต้องเดินทางนี้เท่านั้น มิเช่นนั้น ดวงพิฆาตของเจ้ายังจะทำให้คนอื่นเคราะห์ร้ายไปด้วย”ได้ยินเช่นนั้น คนที่เดินตามไต้ซือเทียนสุ่ยออกมาล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจดวงพิฆาต นี่เป็นชะตาชีวิตที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุด เดิมนึกว่าหลินโหวทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเป็นการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม แต่ดูจากตอนนี้ หลินโหวเป็นดาวช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้ดีชั่ว!“มิน่าเล่า หมู่นี้ตระกูลซ่งถึงได้เกิดเรื่องไม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 15

    สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 16

    ไต้ซือเทียนสุ่ยรับคำสั่งจากฉินซวงซวง สายตาที่ทอดมองซ่งรั่วเจินเองก็เจือไอเย็น สตรีผู้นี้บังอาจมาทำลายช่องทางทำมาหากินของเขา เขาจะจัดการให้หนักเลยทีเดียว!ครู่ถัดมา เขามองผีน้อยที่ตนเลี้ยงอย่างลำพองใจ เขาต้องเสียแรงไปมากถึงจะเลี้ยงออกมาได้ ยังได้รับคำชี้แนะจากผู้มีวิชาจึงมีความสามารถเช่นนี้สายตาซ่งรั่วเจินเองก็ตกลงบนตัวผีน้อย ผีน้อยตัวนี้อายุราวหกถึงเจ็ดขวบเท่านั้น เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างดี รูปร่างกลับไม่น่ากลัว เพียงแต่กลิ่นอายชั่วร้ายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าคือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งตายอย่างไม่เป็นธรรม จึงสั่งสมไอแค้นไว้มากในฐานะคนของสำนักวิชาเต๋า เผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตเช่นนี้สมควรหาวิธีกำจัดความอาฆาตพยาบาท ช่วยเหลือเขาให้ไปเกิดใหม่ในเร็ววันไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ ใช้ประโยชน์จากความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยนี้ ทำให้กลายเป็นกลวิธีหาเงิน“ไต้ซือเทียนสุ่ย ชาตินี้ข้ายังมีหวังจะหาตัวลูกสาวของข้าพบอีกหรือไม่?” สวีฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจไต้ซือเทียนสุ่ยแสร้งหยิบกระดองเต่าออกมา ใส่แผ่นเหล็กสองชิ้นเข้าไปภายใน ปากบ่นงึมงำสวดคาถาขึ้นมาสกุลสวีตามหาลูกสาวคนนี้มานานนับสิบกว่าปีแล้ว ก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 17

    “องค์ชายสาม?”ชั่วขณะหลินจือเยว่มองเห็นฉู่จวินถิง สีหน้าก็เข้มขึ้น เขายังจำได้ดี เมื่อสองปีก่อนซวงซวงปฏิเสธเขาก็เพราะฉู่จวินถิง!“ข้าได้ยินว่ามีไต้ซือวิชาล้ำเลิศของลัทธิเต๋าท่านหนึ่งเดินทางมาเมืองหลวงจึงมาดูสักหน่อย มองรูปลักษณ์ดูแล้วยอดเยี่ยมกว่าที่คิดไว้มากนัก”ใบหน้าฉู่จวินถิงประดับยิ้ม ท่วงท่าที่แสดงออกมากลับไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงยืนอยู่ที่นั่น พูดคุยอย่างสนุกสนานแต่กลับสง่างามเจิดจรัส ทำให้คนไม่กล้าล่วงเกินชั่วขณะที่ฉินซวงซวงมองเห็นฉู่จวินถิง ก็ยังมิอาจควบคุมความหลงใหลที่สะท้อนภายในสายตาได้แม้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ยามได้พบฉู่จวินถิงก็ยังรู้สึกโหยหาอย่างมิอาจอดกลั้น บุรุษเช่นนี้ถึงจะเป็นคนที่นางต้องการอย่างแท้จริง สูงศักดิ์ หล่อเหลา ลึกลับ นางอยากรู้เหลือเกินว่าบุรุษเช่นนี้ จะเป็นอย่างไรหากวันหนึ่งเกิดหลงใหลยอมจำนนขึ้นมา?ทว่าน่าเสียดายชาติก่อนนางเสียเวลาไปมากเพียงนั้น เดินทางผิดมากเพียงนั้น สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้เขาชายตาแลได้ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบฉู่จวินถิงที่นี่ มองเห็นโชคชะตาสีแดงจนเริ่มม่วงนั้นของเขา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 18

    หลังไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำนี้หัวใจก็เต้นตึกตัก จ้าวเหวินเทากลับย้อนคิดอย่างไม่เข้าใจ “หลานชายข้าเริ่มร้องไห้ราวเมื่อเจ็ดวันก่อน ไม่ยอมกินอะไร แม้กินแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างรวดเร็ว...”พูดไปๆ เขาคล้ายนึกบางอย่างออกอย่างฉับพลัน ดวงตากลมโตหันมองเทียนสุ่ย “ไต้ซือเทียนสุ่ยคล้ายมาถึงเมืองหลวงในตอนนี้!”“ก่อนหลานชายท่านร้องไห้ เคยมีคนส่งของอันใดให้หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามอีกครั้ง“เมื่อนั้นมีคนส่งจี้หยกหนึ่งชิ้นให้หลานชายข้าจริงๆ จี้หยกนี้ปลุกเสกมาก่อนแล้ว เป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง เดิมทีข้าไม่อยากรับไว้ แต่เห็นหลานชายคล้ายชอบจนไม่ยอมปล่อยมือจึงสวมคอของเขาไว้แล้วเริ่มตั้งแต่วันที่สอง เด็กก็ร้องไห้ไม่หวาดไม่ไหว จนกระทั่งเมื่อสองวันก่อนข้าพาหลานชายมาพบไต้ซือเทียนสุ่ย ไต้ซือเทียนสุ่ยมอบหยกอีกหนึ่งชิ้นให้อาการจึงดีขึ้น แต่หยกชิ้นนั้นก่อนหน้านี้ไม่รู้หายไปที่ใดแล้ว”ใต้เท้าจ้าวเล่าถึงตรงนี้ ตอบสนองเชื่องช้าอย่างไรก็รู้ได้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นแล้วเดิมทีนี่ก็ไม่ใช่วิธีขับไล่สิ่งสกปรกที่เกาะตัวเด็ก แต่เป็นได้รับภัยโดยไร้สาเหตุ!จี้หยกชิ้นก่อนทำร้ายเด็ก ถัดมาผ่านกลวิธีของไต้ซือเทียนสุ่ย อันที่จริงขอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 19

    “ซวงซวงมิได้ตั้งใจ เหตุใดเจ้าต้องบีบคั้นคนอื่นถึงเพียงนี้?” หลินจือเยว่ปกป้องฉินซวงซวงไว้ทางด้านหลัง สีหน้าบึ้งตึง“ข้าบีบคั้นคน? คนมากมายที่นี่ถูกทำร้าย หลานชายของใต้เท้าจ้าวได้รับภัยโดยไร้สาเหตุ พี่รองข้าต้องตาบอดเพราะสวมสร้อยข้อมือเส้นนี้ บัดนี้หลินโหวพูดหนึ่งประโยคว่ามิได้ตั้งใจก็ถือว่าจบกันไปแล้วกระนั้นรึ? ท่านมีสิทธิ์อะไรพูดคำนี้กัน?”ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ของฝ่ายหญิงเจืออารมณ์โกรธขึ้ง ดวงตาดำดุจหมึกคู่งามทอประกายวาวโรจน์ ท่าทีดุดันชัดเจน ถึงขั้นทำให้หลินโหวตะลึงงัน“ไต้ซือชั่วคนนี้หลอกพวกเราหลายคนเพียงนี้ หากมิใช่เพราะฉินซวงซวงเชิญมา พวกเราจะถูกหลอกได้อย่างไร?”“ตนเองตาไม่ดีก็ช่างเถอะ ยังพาหายนะเช่นนี้มาด้วย โชคร้ายที่พวกเราแต่ละคนหลงเชื่อ ทำร้ายพวกเราอย่างรันทดถึงเพียงนี้!”“หลินโหวเองก็มิใช่ว่าถูกหญิงคนนี้ใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดจับไว้แล้วหรือ หาไม่แล้วไฉนเลยจะลุ่มหลงนาง ไม่ยอมแต่งงานกับแม่นางซ่งที่ดีเพียงนี้ ต้องแต่งกับหญิงผู้นี้เท่านั้น?”ได้ยินเสียงตำหนิเกินควร ประโยคแรกว่ารุนแรงแล้วประโยคถัดมากลับรุนแรงยิ่งกว่า สีหน้าฉินซวงซวงเผือดซีด คิดดูแล้วก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่ชาติก่อนไต้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 20

    หลินจือเยว่คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดฉู่อ๋องจึงให้ท้ายซ่งรั่วเจินฉู่อ๋องถึงวัยออกเรือนแล้ว แต่กลับยังไม่แต่งงาน คุณหนูในเมืองหลวงมากมายล้วนหลงใหล กลับไม่มีผู้ใดสามารถเข้าตาของเขาได้ เหตุใดบัดนี้กลับปกป้องซ่งรั่วเจิน?“เมื่อครู่เป็นข้าเข้าใจผิดไป ขออภัย”หลินจือเยว่พูดขอโทษอย่างฝืนๆ อึดอัดคับข้องใจเป็นที่สุด เขาเป็นขุนนางใหม่ในราชสำนัก เมื่อหลายวันก่อนทุกคนในราชสำนักล้วนชื่นชม ทุกคนที่ได้พบต่างเข้ามาผูกไมตรีกับเขา ทว่านับตั้งแต่เมื่อวานก็เริ่มขายหน้าอย่างต่อเนื่อง“หวังว่าท่านโหวจะจดจำไว้ อย่าเปิดปากขอโทษเพราะทำผิดบ่อยเกินไปนัก ข้าฟังแล้วเลี่ยนนัก” ซ่งรั่วเจินรับคำนิ่งๆ ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อยสายตาฉู่จวินถิงกวาดมองบนตัวพวกซุนฮั่นเฟย “เมื่อครู่คนพูดจาส่งเดชคล้ายมิใช่เพียงหลินโหวคนเดียวกระมัง?”เห็นสถานการณ์แล้ว หลิ่วเฟยเยี่ยนที่กำลังวางแผนหลบหลีกเข้ากลุ่มคนพลันชะงักฝีเท้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบเอาใจ “รั่วเจิน ล้วนเป็นน้าไม่ดีเอง เข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว น้าเองก็กังวลเจ้าพูดผิดไปจะสร้างปัญหาเอาได้ เจ้าไม่ถือสาน้าใช่หรือไม่?”“ญาติผู้น้อง พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน” ซุนฮั่นเฟยพูดยิ้ม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 21

    ซ่งรั่วเจินหัวเราะเยาะในใจ ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้สึกว่าตระกูลหลิ่วทั้งตระกูลไม่ใช่คนดี หลิ่วเฟยเยี่ยนกล้ากระทำการอย่างโจ่งแจ้งก็เพราะอาศัยการสนับสนุนจากตระกูลหลิ่วตอนแรกแม่ของนางก็เคยไม่พอใจ แต่ใครจะคิดว่าตระกูลนี้ลำเอียงมากนัก มักจะพูดตลอดว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ในฐานะพี่สาวควรดูแลน้องให้มาก ทั้ง ๆ ที่ผู้ที่ตกที่นั่งลำบากคือท่านแม่ของนาง ทว่าสุดท้ายกลับถูกตำหนิว่าจิตใจแคบหลายปีที่ผ่านมานี้ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเป็นปกติ เมื่อปิดประตูพูดคุยกัน ก็จะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกใส่ร้ายซ้ำอีกด้วย“จะเป็นการดูถูกได้อย่างไร? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนมากมายเช่นนี้ ท่านน้าก็บอกแล้วว่านางโดนใส่ความ แน่นอนว่าต้องให้ทุกคนได้รับรู้ความจริงเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด ข้าหวังดีต่อท่านน้าจริง ๆ นะเจ้าคะ!”ซ่งรั่วเจินมีสายตาใสบริสุทธิ์ ท่าทางจริงใจจนแม้แต่หลิ่วซวี่หยางก็ยังคล้อยตาม แต่ในใจเขารู้ดีว่าไม่มีการใส่ความอะไรทั้งนั้น“เจตนาดีของเจ้า ตารู้ดี เพียงแต่น้าของเจ้าเป็นสตรี หากมีข่าวลือออกไป...”“ข้าก็อยากฟังเหตุผลเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าตระก

Bab terbaru

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 990

    เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 989

    “อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 988

    ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 987

    ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 986

    ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 985  

    เมื่อเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ภาคภูมิใจเช่นนี้ ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ก็อดมิได้ที่จะสงสัยใคร่รู้ ว่าของล้ำค่าที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่?     “ผ่าม!”    กู้ฮวนเอ๋อร์เปิดกล่องผ้าไหมออกด้วยความตื่นเต้นยิ่ง แต่ทว่าหลังจากที่ทุกคนในงานเห็นของในกล่องผ้าไหมแล้ว ล้วนนิ่งงันไปทันที    เนื่องด้วยในกล่องนั้นมีเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง!    “แค่กๆ” ฉู่อวิ๋นกุยกระแอมครั้งหนึ่ง แต่ใบหน้ากลับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สตรีที่เขาชอบนั้น ช่างเป็นคนที่ชาญฉลาดนัก!    ซ่งรั่วเจินพลันมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้ากลับเห่อแดงขึ้นมา    แววตาของฉู่จวินถิงปรากฏแววขบขันวาบผ่าน ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีความหมายยิ่งนัก    กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นว่าหลังจากที่ตนหยิบของขวัญออกมาแล้ว ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ”นี่มันสีหน้าอะไรของพวกเจ้ากัน? หรือว่าไม่ดีงั้นหรือ?“    “เจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรองค์นี้ ข้าไปกราบขอมาโดยเฉพาะ ผ่านพิธีปลุกเสก ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก!”    ซ่งรั่วเจิน “...”    หลายครั้งนางเองก็นับถือกู้ฮวนเอ๋อร์จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่อายุน้อยขนาดนี้ แต่ความคิดที่จะมอบของขวัญให้กลับเหมือนค

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 984  

    ณ เวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นเนี่ยนชูก็ได้มาหาซ่งรั่วเจินเช่นกัน    “รั่วเจิน ยินดีกับเจ้าด้วยนะ ข้าเองก็เห็นเหตุการณ์ในงานเทศกาลโคมไฟแล้ว เดิมทีอยากจะไปแสดงความยินดีกับเจ้าอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ล่าช้าไป จึงต้องมามอบของขวัญแสดงความยินดีในวันนี้”    อวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มพลางยื่นของขวัญแสดงความยินดีไปให้ “นี่คือของสิ่งนี้ข้าเตรียมไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ฉู่อ๋องเป็นคนดีจริง ๆ เมื่อพวกเจ้าได้แต่งงานกันแล้วจักต้องครองรักกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข จนผู้คนรอบข้างพากันริษยาแน่นอน”    ซ่งรั่วเจินมองดูอวิ๋นเนี่ยนชูเปิดกล่องผ้าไหมออก ภายในบรรจุเครื่องประดับศีรษะของสตรีครบชุด เครื่องตกแต่งอื่น ๆ ไปจนถึงเครื่องประทินโฉม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด    “ของมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ดูแล้วครบชุดเลย เจ้าให้จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะหรือ?”    “ใช่แล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่ก่อนข้าครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าควรจะมอบสิ่งใดให้เจ้าเป็นของขวัญดี แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดได้เลย”    “หลังจากนั้น ข้าก็คิดว่า สิ่งที่สตรีมักจะใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มิพ้นเคร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 983  

    เมื่อได้ฟังสิ่งที่จางเหวินพูด กู้หรูเยียนกับเยี่ยนชิงอวี้ต่างก็อดมิได้ที่จะตกตะลึง    ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้จักความรักครั้งแรกก็ชอบพอเฉิงเจ๋อ ถ้าอย่างนั้น ก็ชอบพอหลายปีจริง ๆ พวกเขากลับมิรู้มาโดยตลอด คิดดูแล้ว ในใจเด็กทั้งสองคงมีสิ่งที่เก็บกลั้นไว้อยู่    “จะว่าไป ก็ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้ที่ข้ามิได้ใส่ใจให้ดีนัก เอาแต่ให้เฉิงเจ๋อคอยดูแลน้องสาวให้ดี”    “เนี่ยนชูชอบตามติดอยู่ข้างกายเฉิงเจ๋อมาตั้งแต่เล็ก ทุกครั้งที่เฉิงเจ๋อกลับจากสำนักศึกษา เป็นเวลาที่นางมักดีใจเป็นที่สุด ข้าก็นึกว่าเป็นเพียงความรักฉันพี่น้องมาโดยตลอด”    “มาตรองดูดี ๆ แล้ว ตอนนั้นข้าก็ควรพบความผิดแผกได้ หากเป็นเพียงพี่น้องธรรมดา เหตุใดเด็กทั้งสองจึงมิยอมแต่งงานจนถึงตอนนี้?”    จางเหวินยิ่งเอ่ยก็ยิ่งปวดใจ เมื่อนึกถึงคราวก่อนที่อนุอวิ๋นยังหมายจะยกอวิ๋นซีหว่านที่ยังไม่ได้แต่งงานให้แก่เฉิงเจ๋อ เกรงว่าตอนนั้น หัวใจของเด็กทั้งสองคงรวดร้าวมิใช่น้อย    ถึงขั้นที่ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นในตอนนั้น นางยังเคยกล่าวกับเฉิงเจ๋อด้วยว่า เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียจริง    นางมองเขาเป็นดั่งบุตรชายแท้ ๆ มาโดยตลอด อนาคตจะต้องเลือกคู่ค

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 982   

    “พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้ายังจะเกรงใจข้าอีกหรือ? ที่ข้ามานี้ มิใช่เพียงเพื่อช่วยรั่วเจินเตรียมงานแต่งเท่านั้น อีกทั้งยังได้เห็นหน้าชิงอินด้วย ช่างเป็นเรื่องดีเสียจริง”    ขณะที่กู้หรูเยียนและเยี่ยนชิงอวี้กำลังสนทนาหยอกเย้ากันอยู่นั้น ก็พลันสังเกตเห็นว่าจางเหวินราวกับเหม่อลอยอยู่ไม่น้อย    “หรือว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมีท่าทีเหม่อลอยเช่นนี้?” กู้หรูเยียนเอ่ยถาม    จางเหวินจึงได้คืนสติ ในใจของนางล้วนมีแต่เรื่องของเนี่ยนชูกับเฉิงเจ๋อ จนเผลอใจลอยไปโดยไม่รู้ตัว    “ข้า...”    นางเหมือนจะเอื้อนเอ่ย แต่กลับชะงักไป    เยี่ยนชิงอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้งั้นหรือ? บอกมาตามตรงเถิด”    “ที่อนุอวิ๋นพูดมามิผิดเลย ระหว่างเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อต่างก็มีใจให้กัน”    จางเหวินทอดถอนใจครั้งหนี่ง เมื่อนึกถึงภาพที่นางได้เห็นเมื่อวานยามกลับจวน เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเฉิงเจ๋อในสภาพเช่นนั้น บทสนทนาของทั้งสอง นางก็พลอยได้ยินไปด้วย    นางจึงได้รู้ว่าที่แท้เนียนชู่ชอบพอเฉิงเจ๋อมาหลายปีเพียงนี้ ในฐานะมารดาเช่นนาง นางคิดว่าตนใส่ใจบุตรเป็นอย่าง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status