Share

บทที่ 13

Author: จี้เวยเวย
ซ่งรั่วเจินกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จก็ไปที่จวนตระกูลหลิ่ว

มองเห็นผู้คนมากมายเข้าออกประตูจวนตระกูลหลิ่วมาแต่ไกล คนไปมาหาสู่มีจำนวนไม่น้อย เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงชมเชยเซ็งแซ่

“ไต้ซือเทียนสุ่ยมีวิชาแก่กล้าจริงๆ เจ้าจำหลานชายของตระกูลจ้าวที่หมู่นี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดได้หรือไม่ หาหมอมากมายล้วนไม่เห็นผล เห็นๆ อยู่ว่าสุขภาพย่ำแย่ลงทุกทีจนแทบจะไม่ไหวแล้ว พอไต้ซือเทียนสุ่ยลงมือเท่านั้นก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง!”

“นั่นน่ะสิ หลานชายข้าพักนี้ค้าขายไม่ราบรื่น เกือบทำกิจการของตระกูลล้มละลายไปเสียแล้ว ตั้งแต่ไต้ซือเทียนสุ่ยอัญเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภมาให้ ทุกวันนี้การค้าเจริญรุ่งเรือง ดีวันดีคืน!”

“ตระกูลหลิ่วเองก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเท่าไหร่จึงสามารถเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาได้ วันหน้าจะต้องได้ดิบได้ดีแน่”

ได้ยินคำพูดแฝงความอิจฉาเหล่านั้น คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินก็เลิกขึ้นเล็กน้อย นางจะไปหยั่งเชิงไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ดูสักหน่อยว่ามีความสามารถจริงหรือไม่!

เมื่อนางเข้าไปในจวนตระกูลหลิ่ว เห็นข้ารับใช้ในจวนกำลังจัดฮวงจุ้ยตามคำแนะนำของไต้ซือเทียนสุ่ย ก็แค่นหัวเราะในใจ

ฮวงจุ้ยในจวนตระกูลหลิ่วเดิมทีก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อปรับเปลี่ยนเช่นนี้กลับกลายเป็นว่าเละเทะไปหมด ตกลงแล้วคนผู้นี้ไม่เข้าใจหลักฮวงจุ้ยเลยหรือว่ามีความแค้นกับตระกูลหลิ่วกันแน่?

“รั่วเจิน เจ้าเพิ่งถอนหมั้นไปไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมาที่นี่ได้?” หลิ่วอี้หมิง คุณชายใหญ่ตระกูลหลิ่วถามอย่างประหลาดใจ “ข้าได้ยินเรื่องที่จวนหลินโหวแล้ว เจ้า...”

“ญาติผู้พี่ ท่านอาจไม่รู้เรื่องนี้ ถึงซ่งรั่วเจินจะเป็นฝ่ายถอนหมั้น แต่ยังมีแก่ใจไปส่งสาวใช้ของตัวเองออกเรือน วันนี้มีเวลามาจวนตระกูลหลิ่วจะน่าแปลกตรงไหนกัน?”

“ยามนี้นางต้องอับอายขายหน้า อารมณ์ไม่ดีก็เริ่มไปลงกับคนใกล้ตัว ผู้หญิงจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ ท่านระวังไว้บ้างจะดีกว่า ถึงคราวเดือดร้อนเพราะนาง อย่ามาหาว่าข้าไม่เตือนท่านก็แล้วกัน!”

ซ่งรั่วเจินตวัดสายตาไปมองซุนฮั่นเฟยที่พูดจาเยาะเย้ยถากถาง สมกับที่เป็นพี่ชายของซุนเยียนเอ๋อร์ สองพี่น้องศีลเสมอกัน แค่มองหน้าเขาก็นึกอยากตบบ้องหูสักที

“เพียะ!”

ซ่งรั่วเจินไม่ได้แค่คิด แต่นางทำเช่นนั้นจริงๆ

“เจ้ากล้าตบข้า?”

ซุนฮั่นเฟยเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ซ่งรั่วเจินเป็นกุลสตรีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยลงมือทำร้ายคนอื่นมาก่อน เมื่อก่อนเขาพูดจาล้ำเส้นยิ่งกว่านี้ แต่ละครั้งล้วนทำให้ซ่งรั่วเจินโกรธจัด แต่ก็ทำเพียงอดทนอดกลั้นทั้งขอบตาแดงเรื่อเท่านั้น วันนี้คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบเขา!

“ญาติผู้พี่ ข้าเห็นว่าสติของท่านไม่ค่อยแจ่มใสนัก จึงตบเรียกสติให้ท่านเจ้าค่ะ!”

“ยามนี้หลินโหวรังแกข้าก่อน ข้าถอนหมั้นก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว เรื่องพื้นๆ แค่นี้ท่านยังไม่เข้าใจก็มาวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตรงนี้ ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง แบบนี้ไม่สมควรถูกตบหรือเจ้าคะ?”

“ข้าเป็นบุตรสาวตระกูลซ่ง พ่อข้าคือผิงหยางโหว ท่านประกาศปาวๆ ว่าข้ามีจิตใจชั่วร้ายโดยไม่มีหลักฐาน แล้วจะปล่อยให้ท่านมากล่าวหาส่งเดชเช่นนี้ได้อย่างไร?”

สายตาซ่งรั่วเจินเย็นเยียบ ตระกูลซุนเป็นแค่ขุนนางขั้นห้าตัวเล็กๆ ถ้าพูดถึงลำดับชั้นแล้วยังห่างไกลจากตระกูลซ่งของตน แต่เพราะปกติท่านแม่ไม่ถือสาหาความ ที่ผ่านมาเวลาพบหน้าแม้แต่พวกพี่น้องของตนก็ยอมอดทนอดกลั้นต่อพวกเขามามาก

แต่ตอนนี้นางไม่มีนิสัยของเจ้าของร่างเดิมอีก แล่นมาพูดจาถากถางต่อหน้านางแบบนี้ นางย่อมไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่!

“ข้าไปใส่ร้ายเจ้าตอนไหน? เพ่ยหลานแค่พูดผิดไปนิดเดียว เจ้าก็ให้นางแต่งไปเป็นอนุของพ่อบ้านหลิ่ว แบบนี้ไม่เรียกว่าชั่วร้ายจะให้เรียกอะไร?”

“สาวใช้ข้างกายคุณหนูบ้านใด สุดท้ายแล้วไม่ได้มีที่พักพิงดีๆ บ้าง? เจ้ากลับส่งนางไปเป็นอนุ ส่งคนไปตอนกลางดึกวันนั้น แม้แต่ตำแหน่งออกหน้าออกตาได้ก็ยังไม่มี แบบนี้ยังไม่เรียกว่าชั่วร้าย?”

ซุนฮั่นเฟยโมโหจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ วันนี้เขาตั้งใจพาสหายมาพบไต้ซือเทียนสุ่ย คิดไม่ถึงว่าจะไปได้ยินบทสนทนาระหว่างมารดาของตนเองกับพ่อบ้านหลิ่วเข้า ทั้งเห็นว่าซ่งรั่วเจินก็มาที่นี่ด้วยจึงอดจะพูดจาเหน็บแนมไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าซ่งรั่วเจินจะเปลี่ยนนิสัยแล้ว ยกมือขึ้นได้ก็ตบเขาทันที

“ญาติผู้พี่ ข้ารู้ว่าท่านไม่มีสมองมาแต่ไหนแต่ไร เพ่ยหลานทรยศข้าก่อน รับเงินจากคนอื่น นางเป็นสาวใช้ที่ท่านน้าของข้า ซึ่งก็คือท่านแม่ของท่านส่งมาให้ข้าอย่างไรเล่า!”

“ข้าไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพราะอยากรักษาหน้าตาให้ท่านน้า แต่ท่านกลับมาตำหนิข้าเพราะเรื่องนี้? ปกติข้าอดทนอดกลั้นต่อท่านมามากแล้ว แต่ท่านยังคิดจะใส่ร้ายข้า เช่นนั้นข้าก็คงต้องพูดให้ชัดเจนแล้ว!”

สหายหลายคนนั้นของซุนฮั่นเฟยย่อมรู้จักซ่งรั่วเจิน คุณหนูอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง สองปีนี้คอยดูแลจวนหลินโหว ทำให้จวนหลินโหวที่ตอนแรกทรุดโทรมนับวันก็ยิ่งรุ่งเรือง เมื่อก่อนใครเห็นแล้วไม่เอ่ยชมเชยสักสองสามประโยคบ้าง?

เรื่องเมื่อวานลือกันไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนพูดถึงเรื่องนี้แตกต่างกันไป บ้างคิดว่าหลินโหวเป็นผู้ชายหลายใจ บ้างคิดว่าซ่งรั่วเจินจิตใจคับแคบเกินไป

เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูใหญ่แล้วพูดว่าไม่แต่งก็จะไม่แต่ง ยังได้ยินซุนฮั่นเฟยพูดแล้วพูดอีกว่านางจิตใจชั่วร้าย ทุกคนบังเกิดความประทับใจที่ไม่ดีไปโดยไม่รู้ตัว คิดไม่ถึงว่าเบื้องหลังยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย?

“จะเป็นไปได้อย่างไร?”

ซุนฮั่นเฟยเห็นสายตาทุกคนที่มองตนเองเปลี่ยนไป สีหน้าพลันเปลี่ยน แต่เพ่ยหลานถูกคนซื้อตัว นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

“เรื่องนี้จะว่าไปแล้วข้าก็อยากถามญาติผู้พี่เหมือนกัน เพ่ยหลานสนิทกับท่านมากไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ท่านถึงได้มาทวงความเป็นธรรมให้สาวใช้คนหนึ่งเช่นนี้”

“คนที่ซื้อตัวนางไปคือฉินซวงซวง ข้าได้ยินมาว่าท่านสนิทสนมกับพี่ชายคนรองของฉิงซวงซวงมาก ท่านคงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้หรอกใช่ไหมเจ้าคะ? ไม่อย่างนั้น ฉินซวงซวงจะซื้อตัวสาวใช้ของข้าได้อย่างไร?”

ใบหน้าพริ้มเพราของซ่งรั่วเจินฉายแววกังขา “เรื่องที่หลินโหวต้องการแต่งแม่นางฉิน ข้าถูกปิดบังมาโดยตลอด แต่คิดว่าตระกูลฉินคงทราบเรื่องมาแต่แรก ช่วงนี้ญาติผู้พี่ไปเยี่ยมเยือนจวนตระกูลฉินบ่อยๆ ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร คงไม่ได้ช่วยคนอื่นมารังแกญาติผู้น้องอย่างข้าหรอกนะเจ้าคะ?”

สาวน้อยกล่าวพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใบหน้าเผยความเจ็บปวด

ชั่วขณะนั้น อย่าว่าแต่หลิ่วอี้หมิง แม้แต่สหายของซุนฮั่นเฟยล้วนรู้สึกไม่เป็นธรรมแทนซ่งรั่วเจิน

ซ่งรั่วเจินอาจไม่รู้ แต่สหายอย่างพวกเขากลับรู้ดี ซุนฮั่นเฟยเคยบอกพวกเขาเรื่องที่หลินโหวต้องการตบแต่งฉินซวงซวง เมื่อก่อนพวกเขาไม่คิดว่ามีอันใดไม่เหมาะ แต่มารังแกญาติผู้น้องของตนเพื่อคนนอกเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?

หลายปีมานี้ตระกูลซ่งดูแลตระกูลซุนอย่างดี คนที่คุ้นเคยกันล้วนรู้ดี ช่วยน้องสาวของสหายซื้อตัวสาวใช้ข้างกายญาติผู้น้อง เรื่องแบบนี้ทำลงไปได้อย่างไร?

“ซุนฮั่นเฟย เจ้าออกจะทำเกินไปหน่อยกระมัง แม่นางซ่งได้รับความไม่เป็นธรรมถึงเพียงนี้ ดีชั่วอย่างไรเจ้าก็เป็นญาติผู้พี่ มาทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร?”

“พวกเจ้า...”

ซุนฮั่นเฟยเผยอปาก มองซ่งรั่วเจินที่ก้มหน้าด้วยท่าทางเจ็บช้ำใจก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ซ่งรั่วเจินลอบยิ้มเย็นในใจ หลายปีมานี้นิสัยเจ้าของร่างเดิมหยั่งรากลึกในจิตใจคนหมู่มาก นับว่าอำนวยความสะดวกให้นางพอดี

“แม่นางซ่ง เจ้าพูดจาเหลวไหล ใส่ร้ายญาติผู้พี่ ประพฤติชั่วด้วยวาจา ทั้งยังจิตใจคับแคบ ทำให้เดินทางผิดได้ง่าย อาตมาขอเกลี้ยกล่อมให้เจ้าสั่งสมบุญกุศลผ่านวาจา มิฉะนั้นจะไม่ได้พบจุดจบที่ดี”

เวลานั้นเอง ชายวัยกลางคนที่แต่งกายอย่างผู้บำเพ็ญพรตคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ สายตาจับจ้องซ่งรั่วเจิน สีหน้าฉายแววหยิ่งยโส

“ไต้ซือเทียนสุ่ย!”

ซุนฮั่นเฟยราวกับเห็นดาวช่วยชีวิตก็ไม่ปาน เอ่ยอย่างย่ามใจว่า “ไต้ซือเทียนสุ่ย รีบมาเป็นพยานให้ข้าเถิด นางจงใจใส่ร้ายข้า!”

ซ่งรั่วเจินมองชายตรงหน้าอย่างประเมิน ขนคิ้วเบาบาง ตาลอย หน้าตอบ โหงวเฮ้งอัปมงคลแบบคนถ่อยได้ดี คนเช่นนี้น่ะหรือที่เป็นไต้ซือ?
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1242

    “นอกจากนี้ ข้าเชื่อหรอกว่าเจาย่วนเป็นคนมีเหตุมีผล สาเหตุที่นางดึงดันเช่นนี้ก็เพราะนางไม่รู้ความจริง”“เมื่อครู่ข้าพูดกับฮวนเอ๋อร์แล้วว่าให้นางหาโอกาสให้พวกข้าไปเจอฉวีเซินสักครั้ง”“ถึงยามนั้นถ้าพวกเราไปแล้วย่อมจะเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาได้แน่นอน แต่เจ้าหมอนั่นคงไม่กล้ามาเจอพวกเรา คงจะปฏิเสธบ่ายเบี่ยงด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เชื่อว่าถึงยามนั้นเจาย่วนคงจะดูออกว่าไม่ปกติ”“เจ้าพูดถูก” สวี่เหราพยักหน้าแล้วกล่าวมาอีกว่า “เช่นนั้นยันต์นี้ก็ต้องให้เจาย่วนพกไว้ด้วยใช่หรือไม่?”ซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ “หาโอกาสให้นางพกติดตัวเอาไว้นะเจ้าคะ”“ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก!”เมื่อซ่งรั่วเจินออกมา ฉู่จวินถิงก็มารอนางอยู่ข้างนอกแล้ว“เกลี้ยกล่อมได้หรือไม่?”ฉู่จวินถิงทราบว่าซ่งรั่วเจินและกู้ฮวนเอ๋อร์จากมาก่อนเพราะไปเกลี้ยกล่อมกู้เจาย่วน แต่เขารู้สึกว่าด้วยท่าทางของกู้เจาย่วนในตอนนั้นแล้วเกรงว่าคงเกลี้ยกล่อมได้ยากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วงาม “ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”“คงเกลี้ยกล่อมได้ไม่ง่ายนัก” ฉู่จวินถิงส่ายศีรษะ “แต่ข้าคิดว่าคนผู้นี้ไม่มีกระทั่งความกล้ามาพบหน้า หาใช่คู่ครองที่ดีไม่”ดวงตางามของซ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1241

    “อยู่ดีๆ เจาย่วนไปเจอผีได้อย่างไร? ถ้านางครองคู่กับคนผู้นี้จริงมิเท่ากับต้องตายหรอกรึ?”สวี่เหราร้อนใจเสียแล้ว ก่อนนี้อย่างมากก็เพียงกังวลว่าหากแต่งงานกับบัณฑิตยากจนไร้ความสามารถ เจาย่วนจะต้องลำบากในวันหน้าความจริงหากถึงขั้นนั้นจริง มีตระกูลกู้ของพวกตนอยู่ เพียงให้การดูแลสักหน่อย เจาย่วนก็สามารถมีชีวิตที่ไม่เลวได้เหมือนกัน แต่ถ้าเจอผี นั่นกลับพัวพันถึงชีวิตแล้ว!โชคดีที่วันนี้รั่วเจินมาที่นี่ หากมิได้มา ผลลัพธ์คงเลวร้ายสุดคาดคิด!ซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ “วันนี้ตอนที่ข้าเห็นเจาย่วนก็รู้สึกว่านางมีบางอย่างแปลกๆ บนร่างแฝงไว้ซึ่งไอมรณะ”“พวกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินไป ตอนนี้ค้นพบเร็ว ผลกระทบไม่ได้น่ากลัวปานนั้น”สวี่เหราค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นก็ดีจริงๆ!”ประสบเรื่องราวมามากขนาดนี้ นางรับทราบความสามารถของรั่วเจินเป็นอย่างดี ขอเพียงเป็นคำพูดของนาง นางไม่สงสัยเลยสักนิด“ต่อจากนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? ต้องฝังอะไรหรือไม่ หรือว่าเป็นเพราะฮวงจุ้ยของที่บ้านไม่ดี ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า?”สวี่เหราอดร้อนใจไม่ได้ นางจำได้ว่าตอนนั้นตระกูลซ่งประสบปัญหาติดต่อกันเป็น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1240

    “เจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีวันบอกท่านป้า!”กู้เจาย่วนครุ่นคิด พูดว่า “รอครั้งหน้าข้าถามเขาดู น่าจะได้”หลังพูดคุยจบ ซ่งรั่วเจินและกู้ฮวนเอ๋อร์ก็ออกจากเรือนพร้อมกันเห็นกู้เจาย่วนไม่ออกมา กู้ฮวนเอ๋อร์ถึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ญาติผู้พี่ พวกเราไม่ใช่มาช่วยท่านป้าเกลี้ยกล่อมเจาย่วนหรอกหรือ? เหตุใดเมื่อครู่ท่านต้องสนับสนุนเจาย่วนด้วยเล่า?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ “หากฉวีเซินคนนั้นมีความสามารถสอบติดขุนนางจริง เขาและเจาย่วนก็เป็นคู่ครองที่เหมาะสมใช่หรือไม่?”“ข้าว่าไม่ง่ายเพียงนั้น ทุกปีมีคนเข้าสอบมากน้อยเพียงใด? สอบติดมากน้อยเพียงใด?”“ไม่ใช่ทุกคนจะมีพรสวรรค์เหมือนญาติผู้พี่ หากฉวีเซินคนนั้นมีความสามารถเปี่ยมล้น ต่อให้มีชาติกำเนิดยากจน ก็ต้องมีคนสนับสนุน”กู้ฮวนเอ๋อร์ส่ายหน้า ตั้งแต่เด็กนางก็เติบโตในจวนราชครู ได้ยินมาบ้างจึงรู้ความยากของการสอบขุนนางบัณฑิตแทบจะทุกคนล้วนคิดว่าตนเองมีความสามารถ แน่ใจว่าไม่มีผู้อื่นเทียบตนเองได้ แต่พวกอ้างตนเองเช่นนี้ เหลือรอดจริงๆ มีน้อยมาก“เจาย่วนพูดว่าสอบขุนนางครั้งก่อนเขาไม่สบายจึงพลาดไป ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนญาติผู้พี่ท่านเคยพูดว่าเวลาก็คือชะตาชีวิต”“เ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1239

    กู้ฮวนเอ๋อร์สนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “นี่ช่างแปลกจริงๆ ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้า ข้าได้ยินแล้วก็รู้สึกว่านี่คือวาสนาที่บังเอิญเหลือเกินจริงๆ”ซ่งรั่วเจินได้ฟังแล้วก็เข้าใจ นี่คือวาสนาสายใยพันลี้ที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่าให้ผีเดียวดายมาหาเจ้าสาวผี!นางหันมองกู้ฮวนเอ๋อร์แวบหนึ่ง “ฮวนเอ๋อร์ เจ้าพูดเก่งถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่ไปเล่าหนังสือ?”กู้ฮวนเอ๋อร์ดึงสติกลับมาได้ในทันใด ตนเองมาช่วยท่านป้าเกลี้ยกล่อมเจาย่วน เหตุใดตนเองถึงได้ตื่นเต้นไปกับเจาย่วนกันเล่า?นางคลี่ยิ้มเก้อกระดาก “เจาย่วน แม้พูดว่าวาสนานี้บังเอิญอย่างมาก แต่บางครั้งวาสนาก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป อาจจะเป็นเวรกรรมก็ได้!”ซ่งรั่วเจิน “...”หลังกู้เจาย่วนที่กำลังดีใจได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป สีหน้ากลายเป็นเย็นชา“ข้ารู้พวกเจ้ามาพูดแทนท่านแม่ข้า เพียงแต่วาสนาของข้าและฉวีเซินเป็นสวรรค์กำหนด ไม่ว่าพวกเจ้าพูดอะไร ข้าล้วนไม่ฟัง”ซ่งรั่วเจินนี่ถึงเอ่ยปาก “เจาย่วน ข้าคิดว่าความยากจนไม่ใช่ตัวตัดสินความดี ต่อให้เป็นพวกเรา ก็แค่อาศัยมาเกิดในครอบครัวที่ดีเท่านั้น ไม่ได้ยอดเยี่ยมไปกว่าพวกเขา”“ญาติผู้พี่ ท่านเองก็คิดเช่นนี้หรือ?” กู้เจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1238

    สวี่เหราพยักหน้า “ดีๆ ๆ ลำบากพวกเจ้าแล้ว”ตอนซ่งรั่วเจินและกู้ฮวนเอ๋อร์มาถึงเรือนของกู้เจาย่วน ได้เห็นนางกำลังลอบนั่งร้องไห้อยู่ภายในห้อง“ญาติผู้พี่ ฮวนเอ๋อร์ พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”กู้เจาย่วนรีบซับน้ำตาที่หางตา เพียงแต่ท่าทางขอบตาแดงนั้นน่าสงสารมาก ทำจนคนปวดใจ“เจาย่วน พวกเรามีความสัมพันธ์อันดีตั้งแต่เด็ก เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เหตุใดเจ้าไม่รีบบอกข้า?”กู้ฮวนเอ๋อร์รีบสืบเท้าขึ้นมาอย่างว่องไว เดินมานั่งข้างกู้เจาย่วน“ข้ารู้เจ้าและอวิ๋นอ๋องกำลังจะแต่งงานกัน งานยุ่งอยู่ตลอด นี่จึงไม่ได้ไปรบกวนเจ้า”กู้เจาย่วนยกมุมปากคลี่ยิ้ม “ท่านพ่อและท่านแม่ล้วนไม่ยอมให้ข้าและฉวีเซินคบหากัน ข้าพูดไปก็ไร้ประโยชน์”“ฉวีเซิน? คนในดวงใจเจ้าหรือ?”กู้เจาย่วนพยักหน้า มองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง รู้สึกเก้อกระดากอยู่บ้าง “ญาติผู้พี่เห็นเรื่องน่าขันแล้ว”“แต่ไหนแต่ไรมาเรื่องความรู้สึกทำนองนี้ไม่สามารถบังคับได้ หัวใจสั่นไหวก็ใช่ว่าตนเองจะสามารถควบคุมได้ ข้าเข้าใจ”ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “นึกถึงปีนั้นข้าถอนหมั้นจนผู้คนต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว นี่ก็ถูกทุกคนเห็นเป็นเรื่องตลกไม่ใช่หรือ? กระนั้นก็ไม่เป็นไรเสียห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1237

    ดรุณีน้อยมักหลงใหลในความรัก ซ่งรั่วเจินเข้าใจเรื่องนี้ดี“คุณชายท่านนั้นที่เจาย่วนชอบ เจ้าเคยพบหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามกู้ฮวนเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ ทีแรกเจาย่วนไม่บอกใคร หากไม่ใช่เพราะท่านป้าแนะนำคู่ครองให้ นางก็ไม่ยอมรับปาก สุดท้ายถึงพูดออกมา”“วันนี้ท่านป้าให้ข้าเกลี้ยกล่อมเจาย่วน ท่านเองก็รู้ว่าเมื่อหลายวันก่อนอวิ๋นอ๋องป่วย ต้องการคนดูแล ข้าจึงไปอยู่ที่จวนอวิ๋นอ๋องทุกวัน ล้วนไม่ได้ใส่ใจ”“ข้าคิดว่าอีกเดี๋ยวค่อยไปถามเจาย่วน นางยังยอมพูดกับข้าเจ้าค่ะ”พูดไป กู้ฮวนเอ๋อร์เอ่ยปากกับซ่งรั่วเจิน “ญาติผู้พี่ อีกเดี๋ยวหากไม่รีบไป ไม่สู้พวกเราไปคุยกับเจาย่วนด้วยกัน”ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ได้”หลังทุกคนได้รู้เรื่องของกู้เจาย่วน บรรยากาศก็เปลี่ยนไปหลายส่วน คาดว่าสำหรับบ้านใหญ่นี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งหากกู้เจาย่วนคิดไม่ตก ต้องการแต่งงานกับบัณฑิตยากจนท่านนั้น นั่นก็มีเพียงสองผลลัพธ์ประการแรกให้นางแต่งออกไป แต่ด้วยอุปนิสัยของป้าสะใภ้ใหญ่ จะต้องไม่ยอมให้เจาย่วนแต่งไปมีชีวิตลำเค็ญเป็นแน่เช่นนี้แล้ว นั่นก็มีเพียงประการที่สอง บังคับเจาย่วนแต่งกับผู้อื่นเพียงแต่ทำเช่นนี้ สองแม่ลูกจะเกิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status