แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!

ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?

“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”

น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ

“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”

ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”

“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”

ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สมองท่านถูกประตูหนีบมารึ เรื่องอะไรก็ต้องเข้ามาเอี่ยว มาค้นหาความมีตัวตนหรือเจ้าคะ?”

หญิงสาวเอ่ยวาจาเชือดเฉือน ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย หลินจือเยว่เก็บสีหน้าไม่อยู่ น้ำเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม “เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าซวงซวงเป็นคนเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมา เจ้ายังดั้นด้นมาหาเรื่องเขา ไม่ใช่ใส่ร้ายซวงซวงแล้วจะเรียกว่าอะไร?”

“ไต้ซือเทียนสุ่ยดูฮวงจุ้ยให้ตระกูลซ่งเพื่อช่วยแก้ชะตาให้พวกเจ้า แต่เจ้าช่างกล้านัก หาว่าเขาฝังของสกปรกไว้ในบ้านเจ้า นี่ไม่ใช่แค่ว่าร้ายแล้ว แต่เป็นการใส่ร้ายกันชัดๆ!”

ฉินซวงซวงที่อยู่ข้างๆ กัดริมฝีปาก ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้นแลดูเจ็บช้ำใจสุดแสน “ข้าเข้าใจว่าแม่นางซ่งไม่พอใจที่ข้ามาอยู่ข้างกายท่านโหว แต่ข้าไม่มีเจตนาทำร้ายท่านจริงๆ หวังว่าท่านจะเชื่อข้า ข้าอยากอยู่ร่วมกับท่านอย่างสงบ”

“ที่แท้แม่นางฉินก็เป็นคนเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาหรือนี่?”

ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว ก่อนหน้านี้นางเคยนึกสงสัย แต่จากข่าวที่สืบมาล้วนพูดกันว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนเป็นคนเชิญมา เดิมนึกว่าการเปิดโปงความสัมพันธ์ระหว่างฉินซวงซวงกับไต้ซือเทียนสุ่ยต้องทุ่มเทแรงใจกว่านี้เสียอีก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะยอมรับเสียเอง นับว่าตัดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย

“เจ้ารู้อยู่แล้วชัดๆ ยังจะมาเสแสร้งอะไรอยู่ตรงนี้?”

หลินจือเยว่สีหน้าดำคล้ำ คืนวานเขายังนึกละอายใจต่อซ่งรั่วเจิน วันนี้ซวงซวงเห็นเขาอารมณ์ไม่สู้ดีจึงมาเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยเพื่อขอคำชี้แนะ คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นซ่งรั่วเจินก่อความวุ่นวายอยู่ที่นี่

เขานึกว่านางใจกว้างจริงๆ เสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะใช้ลูกไม้ลับหลังแบบนี้ นอกจากสถานะคุณหนูตระกูลซ่งก็หาดีอย่างอื่นไม่ได้แล้ว!

จิตใจคับแคบ ชั่วร้ายเห็นแก่ตัว ต่อให้เขาสามารถคลี่คลายดวงพิฆาตของซ่งรั่วเจิน เขาก็ไม่ยินดีช่วยเหลืออีกแล้ว ผู้หญิงเช่นนี้ ต่อให้แต่งเข้าเรือนมาก็มีแต่จะทำให้ครอบครัวอยู่ไม่เป็นสุข

“ข้าแสร้งไม่รู้เรื่องเกี่ยวอันใดกับท่าน? จำเป็นต้องให้ท่านมาสั่งสอนด้วยหรือ? ถ้าว่าตามคำท่าน ร้านที่หลินโหวเคยชมเชย หรือว่าขนมที่ฉินซวงซวงเคยกิน ข้าไม่สามารถพูดว่าไม่ดี มิฉะนั้นจะเท่ากับว่าข้าจงใจหาเรื่องพวกท่านงั้นรึ?”

“ก่อนหน้าวันนี้ กระทั่งว่าฉินซวงซวงอยู่หรือไม่อยู่ในเมืองหลวงข้ายังไม่รู้ ถ้าจะหาเรื่องข้าคงไปหานางโดยตรงแล้ว ไยต้องมาหานักต้มตุ๋นพรรค์นี้ด้วย?”

ทุกคนรู้สึกว่าที่ซ่งรั่วเจินพูดมาก็มีเหตุผล ดูจากนิสัยที่แม่นางซ่งแสดงออกมาในยามนี้ นางไม่ใช่คนที่จะยอมกล้ำกลืนโทสะอย่างแน่นอน ถ้าจะใช้เล่ห์มาหาเรื่องไต้ซือเทียนสุ่ยเพื่อใส่ร้ายฉินซวงซวงก็ออกจะอ้อมค้อมเกินไปแล้ว

“เจ้า เจ้าหาว่าใครเป็นนักต้มตุ๋น? ใส่ร้ายกันชัดๆ!”

ไต้ซือเทียนสุ่ยเห็นซ่งรั่วเจินอ้าปากทีก็เรียกตนเองว่านักต้มตุ๋นก็อดจะร้อนใจไม่ได้ ตอนนี้เขาหาเงินในเมืองหลวงได้เป็นกอบเป็นกำ กำลังอยู่ในช่วงมีความสุขเลยทีเดียว ถ้าถูกใส่ร้าย ต่อไปยังจะหาเงินได้อย่างไร?

“ไต้ซือเทียนสุ่ยเป็นผู้มีความสามารถที่ซวงซวงเชิญมา เจ้าใส่ร้ายกันแบบนี้ออกจะเกินไปแล้ว!”

ซ่งรั่วเจินเห็นสร้อยข้อมือบนมือหลินจือเยว่ถูกถอดออกไปแล้ว รอยยิ้มพลันวาบผ่านดวงตา “หลินโหว เหตุใดท่านจึงไม่สวมสร้อยข้อมือเล่า? สร้อยข้อมือที่แม่นางฉินตั้งใจเลือกเฟ้นมาเช่นนี้ ล้ำค่ายิ่งนัก คงไม่ได้รู้แล้วว่าของสิ่งนี้ไม่ดี ถึงได้ไม่สวมหรอกกระมัง?”

ได้ยินดังนั้น หลินจือเยว่ก็อึ้งไป หันไปมองฉินซวงซวงอย่างอดไม่ได้

คืนวานหลังเขากลับไปก็พูดเรื่องสร้อยข้อมือนี้ คิดว่าในเมื่อซ่งอี้อันไม่ต้องการ อย่างไรเสียก็เป็นน้ำใจของซวงซวง เขาเก็บไว้เองก็ได้ เวลาสัมผัสให้ความรู้สึกเย็นๆ นับว่ามีเอกลักษณ์ทีเดียว

คิดไม่ถึงว่าพอซวงซวงเห็นแล้วกลับบอกให้เขาถอดสร้อยข้อมือออก เขาถามหลายครั้งหลายครา ซวงซวงก็เพียงแต่ร้องไห้อย่างทุกข์ใจ

ยามนี้เมื่อมาได้ยินคำพูดของซ่งรั่วเจิน ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ หรือสร้อยข้อมือนี้จะมีอะไรพิเศษแบบนั้นจริงๆ?

“เปล่า เปล่านะ” ฉินซวงซวงรีบร้อนปฏิเสธ “ข้าแค่คิดว่าแม่นางซ่งส่งสร้อยข้อมือคืนมา จะต้องคิดว่าข้าเลือกได้ไม่ดีเป็นแน่ รู้สึกปวดใจถึงได้ไม่ให้ท่านโหวสวม”

เห็นว่าผู้หญิงคนนี้เอาแต่ร้องห่มร้องไห้อีกแล้ว ซ่งรั่วเจินก็ยกมือขึ้นตัดบทนาง “ไม่จำเป็นต้องร้องไห้ งานมงคลของข้าที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่สองปีก่อน ของหมั้นที่คู่หมั้นส่งมาให้กลับมีเจ้าเป็นคนเลือก ข้ายังไม่ร้องไห้ เจ้าจะร้องไห้ทำไม?”

หลินจือเยว่ตั้งท่าจะปกป้องฉินซวงซวง ได้ยินประโยคนั้นก็มีอันต้องชะงักไป

คนอื่นๆ ก็ได้สติคืนมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าซ่งรั่วเจินก้าวร้าวเกินไป แต่เมื่อมาใคร่ครวญอย่างละเอียด นางเป็นคนที่มีพันธะหมั้นหมายมาตั้งแต่สองปีก่อนแท้ๆ แต่ของหมั้นทั้งหมดกลับถูกเลือกโดยหญิงอื่น ทั้งที่เป็นภรรยาเอก แต่กลับมีแววว่าจะถูกลดฐานะเป็นอนุภรรยา ไม่ว่าใครมาประสบกับเรื่องเช่นนี้ย่อมรับไม่ได้อยู่แล้ว

ฉินซวงซวงร้อนรุ่มใจ น้ำตาตรงหางตาจึงถูกสะกดกลั้นกลับไปทั้งอย่างนั้น

“หลินโหว ถ้าท่านคิดว่าข้าใส่ร้าย มิสู้มาพนันกับพวกข้าเถอะ”

“เจ้าพูดมา” หลินจือเยว่เอ่ยเสียงขรึม

“ถ้าข้าเอาชนะนักต้มตุ๋นผู้นี้ได้ ท่านจะต้องกลับไปสวมสร้อยข้อมือเส้นนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนโดยห้ามถอดออก ถ้าข้าแพ้ ข้าจะขอโทษแม่นางฉิน เป็นอย่างไร?”

“ตกลง เจ้าเป็นคนพูดเองนะ!” หลินจือเยว่ตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ฉินซวงซวงได้ยินคำพูดของซ่งรั่วเจินแล้วก็ใจกระตุกวูบ คิดจะขัดขวางหลินจือเยว่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ หวังว่าหลินโหวจะรักษาคำพูด!” ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้ม แววตาเย้ยหยันกวาดผ่านฉินซวงซวง

ล้วนแต่เป็นนางจิ้งจอกพันปี ยังจะมามารยาใส่ข้าอีกรึ!

ฉินซวงซวงสบตากับซ่งรั่วเจินแล้ว จิตใจก็ตกตะลึงระคนงุนงงสงสัย ซ่งรั่วเจินเป็นแค่คุณหนูที่ไม่ประสาเรื่องราวทางโลกไม่ใช่หรือ? จะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? คงไม่ได้มีใครเผยพิรุธออกไปหรอกนะ?

นางลำบากไปมากกว่าจะได้สร้อยข้อมือเส้นนั้นมา จะให้สวมลงบนข้อมือท่านโหวไม่ได้เด็ดขาด!

“สวีฮูหยิน ท่านเขียนตัวอักษรมาตัวหนึ่ง ข้าจะช่วยทำนายให้ท่าน”

ไต้ซือเทียนสุ่ยถลึงตามองซ่งรั่วเจินอย่างเย็นชา แล้วค่อยหันไปมองสวีฮูหยิน

สวีฮูหยินหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนตัวอักษรคุ่น [1] หนึ่งตัว

ฉินซวงซวงมองไต้ซือเทียนสุ่ยพลางส่งสายตาให้อีกฝ่าย วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาชนะซ่งรั่วเจินให้ได้ ทำให้ทุกคนได้เห็นด้านที่ดื้อด้านไร้เหตุผลของผู้หญิงคนนี้!

----------------------------------------------

[1] คุ่น หมายถึง ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ยากจะหลุดพ้นออกมาได้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1498

    นางไม่เคยปรารถนาสิ่งใด สิ่งเดียวที่หวังก็คือให้ลูกสาวได้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดี อย่าได้มีมารดาไร้ประโยชน์เช่นนางอีกเลยในฐานะมารดา แม้แต่ลูกของตนเองก็ยังปกป้องไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูลูกของตนถูกส่งไปตาย!“ท่านมองเห็นลูกของข้าจริงหรือ?” สายตาของจิ้งอินซือไท่จับจ้องซ่งรั่วเจิน เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังซ่งรั่วเจินพยักหน้า สายตาหันไปยังด้านข้างตัวนาง “ความจริงแล้วลูกสาวของท่านอยู่ข้างกายท่านมาโดยตลอด นางสามารถไปเกิดใหม่ได้ตั้งนานแล้ว แต่เพราะห่วงใยท่าน จึงยังไม่ยอมไป”เด็กหญิงคนนั้นเห็นว่าซ่งรั่วเจินมองเห็นตนจริง ก็ดีใจขึ้นมาซ่งรั่วเจินจึงค่อยๆ ถ่ายทอดความรู้สึกและคำพูดที่เด็กหญิงอยากบอกออกมา“นางบอกว่าคนที่นางรักที่สุดก็คือแม่ นางเข้าใจดีว่าท่านจำต้องทำเช่นนั้น แต่ไรมาไม่เคยโกรธเคืองท่านเลย”เพียงเอ่ยออกมา จิ้งอินซือไท่ก็ยกมือปิดหน้าร้องไห้ ความขมขื่นที่กดทับอยู่ในใจตลอดหลายปีพลันระเบิดออกมาทั้งหมดในห้วงขณะนั้น“ท่านโกหกข้า! ลูกของข้าเด็กเพียงนั้น กลับต้องตายไปก่อนเวลาอันควร ข้าที่เป็นแม่ไร้ค่าคนหนึ่งทำไม่ได้แม้แต่ปกป้องนาง นางจะไม่โกรธเคืองข้าได้อย่างไรกัน! นางต้องเกลียดข้าแน่ๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1497

    จิ้งอินซือไท่เผชิญหน้ากับคำถามไล่เรียงนั้น นางเพียงแต่ส่ายหน้า สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ราวกับตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็มิปาน“ใต้เท้า ข้าไม่รู้เรื่อง หากท่านไม่เชื่อ ก็ฆ่าข้าเถิด”“เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้หนีไม่พ้นพวกเจ้า เจ้าคิดหรือว่าปิดบังเช่นนี้แล้วพวกเราจะสืบหาความจริงไม่พบ?”ใบหน้าเสนาบดีศาลต้าหลี่พลันเย็นชา เดิมทีคิดว่าคนของสำนักเทียนฉือน่าจะพูดจาง่าย ไม่นึกเลยว่าล้วนเป็นพวกหัวแข็ง ถามไล่เรียงอย่างไรก็ไม่อาจเค้นเอาความจริงที่เป็นประโยชน์ออกมาได้แม้สักนิด“จิ้งอินซือไท่ ท่านรู้สึกผิดต่อลูกสาวของตนมาตลอดใช่หรือไม่?” จู่ๆ ซ่งรั่วเจินก็เอ่ยขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แววตาของจิ้งอินซือไท่พลันสะท้อนความตกใจวูบหนึ่ง แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอันใด”“จิ้งอินซือไท่ ลูกสาวของท่านใช่หรือไม่ว่ามีผิวขาวดุจหยก ดวงตาสดใสดั่งดวงจันทร์ มัดผมเปียสองข้าง ชอบสวมกระโปรงสีเขียว?”“น่าเสียดาย วันที่นางถูกพาตัวไป กลับถูกเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีแดงทั้งชุด อีกทั้งยังสวมปลอกคอประดับกระดิ่งเงินที่นางชื่นชอบที่สุด” “นางร้องไห้อ้อนวอนท่าน นางไม่อยากถูกพาไป แต่แม้ท่านจะพยายามจนหมดส

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1496

    เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าเซียวอ๋องไม่ชั่วร้ายต่ำต้อยเช่นเดียวกับเช่ออ๋อง กลับดูเหมือนเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหากไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ ในชาติที่แล้วก็คงไม่ถูกเช่ออ๋องใส่ร้ายป้ายสีจนกลายเป็นองค์ชายไร้อำนาจ“เมื่อคนเราผ่านประสบการณ์มามาก ก็ย่อมคิดตก” ฉู่จวินถิงคีบอาหารให้ซ่งรั่วเจินพลางพูดว่า “ทีแรกยังกลัวว่าเจ้ามาที่นี่แล้วจะรู้สึกเบื่อเสียอีก ตอนนี้ดีเลย มีเรื่องวุ่นวายให้ดู พอดีเลยไม่ใช่หรือ?”ซ่งรั่วเจินยกมือเกาจมูก อยู่ด้วยกันนานแล้ว ความลับเล็กๆ น้อยๆ ล้วนปิดไม่มิดหลังกินข้าวแล้ว ซ่งรั่วเจินเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราไปดูศพเถอะ หมอชันสูตรน่าจะนับได้ไม่น้อยแล้ว จากปริมาณย่อมสามารถมองออกได้ว่าทิศทางที่พวกเราวิเคราะห์นั้นถูกหรือไม่”ถังเสวี่ยหนิงสามคนเองก็กินเสร็จแล้ว เดิมทีพวกเขาก็ไม่สนใจอาหารเจอยู่แล้ว เพียงกินๆ ไปเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นตามซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงไปสืบคดีพร้อมกันเห็นดังนั้น ทั้งสองคนหันมองเหลียงอ๋อง อยากติดตามไปด้วย“พระชายาเหลียงอ๋อง โครงกระดูกในเรือนหลังนี้น่าตกใจเป็นพิเศษ ข้าชี้แนะพวกท่านอย่าไปเลยจะดีที่สุด” เสนาบดีศาลต้าหลี่เอ่ยเตือน“ถ้าอย่างนั้นเหตุใด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1495

    “เจ้ากับเซียวอ๋องเดิมทีก็ไม่คุ้นเคยกัน ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มอยู่ร่วมกัน อีกอย่าง เจ้าก็ยังมิได้แสดงความในใจ เซียวอ๋องจะรักษาระยะห่างกับเจ้าก็ปกติ” “เขาเป็นถึงท่านอ๋อง หรือเจ้าหวังว่าเขามาทำตัวเอาอกเอาใจเจ้าเหมือนบุรุษอื่นหรือ?” ฉีชิงอีเห็นว่าถังเสวี่ยหนิงเพิ่งเจออุปสรรคเพียงเล็กน้อยก็เริ่มคิดถอย แววตาจึงฉายความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกนางคบหากัน ถังเสวี่ยหนิงมั่นใจอยู่เสมอไม่ใช่หรือ? ท่าทางในวันนี้ แม้แต่นางยังรู้สึกดูแคลน! “เจ้าควรคิดให้ดีนะ ข้าที่อุตส่าห์มาเมืองฉีหยางพร้อมท่านอ๋องก็เพื่อช่วยเจ้า หากเจ้าคิดจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้จริง ๆ พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว” น้ำเสียงของฉีชิงอีแฝงความไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าเมิ่งชิ่นกำลังจะได้เป็นพระชายาหยางอ๋อง และความสัมพันธ์ระหว่างตนกับองค์หญิงฉีเยว่ก็แย่ลงเพราะเรื่องวุ่นวายครั้งก่อน อีกทั้งไม่มีผู้ช่วยที่เหมาะสมอยู่ข้างกาย นางก็คงไม่คิดจะดึงถังเสวี่ยหนิงขึ้นมา หากถังเสวี่ยหนิงได้เป็นพระชายาเซียวอ๋อง แม้แต่นางเองก็ต้องเรียกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับการถูกซ่งรั่วเจินกดไว้ อย่า

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1494    

    ว่าพลาง เขาก็ไม่สนใจถังเสวี่ยหนิงกับพวก ก่อนจะไปนั่งลงตรงที่ว่างระหว่างซ่งรั่วเจินและพวก และตักข้าวใส่ชามให้ตนเอง โชคดีที่เขาถือว่ามาไม่สายเกินไป ช่วงหลายวันนี้กินแต่อาหารมังสวิรัติมากพอแล้วจริง ๆ เดิมยังคิดว่าเสนาบดีศาลต้าหลี่ไปทำธุระแล้ว ใครจะคิดว่าบุรุษผู้นี้ช่างหัวไวจริง ๆ ถึงกลับตามมากินข้าวแล้ว ซ่งรั่วเจินเห็นท่าทีเช่นนั้นของเซียวอ๋องก็ชะงักไปชั่วขณะ นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเซียวอ๋องจะมีสติถึงเพียงนี้ เสนาบดีศาลต้าหลี่อดหัวเราะไม่ได้ แต่ก่อนก็เห็นว่าเซียวอ๋องกับฉู่อ๋องมีสถานะที่อ่อนไหว เวลาอยู่ด้วยกันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะขัดแย้งกัน กลัวว่าจะยุ่งยากไม่น้อย แต่ว่าหลังจากผ่านช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันที่ศาลต้าหลี่ความสัมพันธ์ก็ดูปรองดองอย่างเห็นได้ชัด เข้ากันได้ดีไม่น้อย ซ่งรั่วเจินมองไปที่ฉู่จวินถิง ก็พบว่าเขาไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจเลย เห็นได้ชัดว่าได้คาดเดาท่าทีของเซียวอ๋องไว้นานแล้ว “เซียวอ๋องเห็นว่าฝีมือเจ้าดีมาโดยตลอด เพียงแต่ตั้งแต่คราวก่อน เจ้าก็ไม่ได้ส่งอาหารมาอีก คราวก่อนยังได้ยินเขากับเสนาบดีศาลต้าหลี่พูดถึงเรื่องนี้ด้วยความเสียดายอยู่เลย” ฉู่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1493

    ตอนที่เหลียงอ๋องกับพวกมาถึง ก็เห็นซ่งรั่วเจินกับอีกสองคนกำลังนั่งที่โต๊ะเล็กและเริ่มกินกันแล้ว ถังเสวี่ยหนิงเดิมคิดว่าในสำนักเทียนฉือคงไม่มีอะไรอร่อยแน่ ๆ ไม่นึกเลยว่าจะมีเนื้อสัตว์ด้วย จึงอดประหลาดใจไม่ได้ เซียวอ๋องบอกว่ามากินอาหารมังสวิรัติไม่ใช่หรือ? ครู่ถัดมา เมื่อนางเห็นอาหารมังสวิรัติที่เตรียมไว้ ก็อดตะลึงไม่ได้ อาหารมังสวิรัติที่จืดชืดเช่นนี้ดูแล้วไม่น่ากินเอาเสียเลย จึงอดถามไม่ได้ว่า “ฝ่าบาท เหตุใดพวกเรากินไม่เหมือนพวกเขา?” ฉีชิงอีเห็นซ่งรั่วเจินกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “พระชายาฉู่อ๋องคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวเล่นจริง ๆ หรอกกระมัง ถึงกับตั้งใจพาพ่อครัวมาด้วย?” ในแววตาของฉีชิงอีฉายความภาคภูมิใจ นางได้ยินมานานแล้วว่าซ่งรั่วเจินถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม ใช้ชีวิตในเมืองหลวงเรียกได้ว่าฟุ่มเฟือยสิ้นดี ใครให้สกุลซ่งร่ำรวย ร้านค้าเหล่านั้นในมือซ่งรั่วเจินแต่ละแห่งล้วนเป็นก้อนทองคำที่ออกไข่ได้ เดิมทีก็ไม่เห็นมีอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่บัดนี้มาที่สำนักเทียนฉือเพื่อสืบคดีกับฉู่อ๋อง แล้วยังฟุ่มเฟือยเช่นนี้ ก็ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง! ฉู่อ๋องมา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status