Share

บทที่ 15

Author: จี้เวยเวย
สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!

ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?

“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”

น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ

“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”

ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”

“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”

ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สมองท่านถูกประตูหนีบมารึ เรื่องอะไรก็ต้องเข้ามาเอี่ยว มาค้นหาความมีตัวตนหรือเจ้าคะ?”

หญิงสาวเอ่ยวาจาเชือดเฉือน ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อย หลินจือเยว่เก็บสีหน้าไม่อยู่ น้ำเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม “เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าซวงซวงเป็นคนเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมา เจ้ายังดั้นด้นมาหาเรื่องเขา ไม่ใช่ใส่ร้ายซวงซวงแล้วจะเรียกว่าอะไร?”

“ไต้ซือเทียนสุ่ยดูฮวงจุ้ยให้ตระกูลซ่งเพื่อช่วยแก้ชะตาให้พวกเจ้า แต่เจ้าช่างกล้านัก หาว่าเขาฝังของสกปรกไว้ในบ้านเจ้า นี่ไม่ใช่แค่ว่าร้ายแล้ว แต่เป็นการใส่ร้ายกันชัดๆ!”

ฉินซวงซวงที่อยู่ข้างๆ กัดริมฝีปาก ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้นแลดูเจ็บช้ำใจสุดแสน “ข้าเข้าใจว่าแม่นางซ่งไม่พอใจที่ข้ามาอยู่ข้างกายท่านโหว แต่ข้าไม่มีเจตนาทำร้ายท่านจริงๆ หวังว่าท่านจะเชื่อข้า ข้าอยากอยู่ร่วมกับท่านอย่างสงบ”

“ที่แท้แม่นางฉินก็เป็นคนเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาหรือนี่?”

ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว ก่อนหน้านี้นางเคยนึกสงสัย แต่จากข่าวที่สืบมาล้วนพูดกันว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนเป็นคนเชิญมา เดิมนึกว่าการเปิดโปงความสัมพันธ์ระหว่างฉินซวงซวงกับไต้ซือเทียนสุ่ยต้องทุ่มเทแรงใจกว่านี้เสียอีก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะยอมรับเสียเอง นับว่าตัดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย

“เจ้ารู้อยู่แล้วชัดๆ ยังจะมาเสแสร้งอะไรอยู่ตรงนี้?”

หลินจือเยว่สีหน้าดำคล้ำ คืนวานเขายังนึกละอายใจต่อซ่งรั่วเจิน วันนี้ซวงซวงเห็นเขาอารมณ์ไม่สู้ดีจึงมาเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยเพื่อขอคำชี้แนะ คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นซ่งรั่วเจินก่อความวุ่นวายอยู่ที่นี่

เขานึกว่านางใจกว้างจริงๆ เสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะใช้ลูกไม้ลับหลังแบบนี้ นอกจากสถานะคุณหนูตระกูลซ่งก็หาดีอย่างอื่นไม่ได้แล้ว!

จิตใจคับแคบ ชั่วร้ายเห็นแก่ตัว ต่อให้เขาสามารถคลี่คลายดวงพิฆาตของซ่งรั่วเจิน เขาก็ไม่ยินดีช่วยเหลืออีกแล้ว ผู้หญิงเช่นนี้ ต่อให้แต่งเข้าเรือนมาก็มีแต่จะทำให้ครอบครัวอยู่ไม่เป็นสุข

“ข้าแสร้งไม่รู้เรื่องเกี่ยวอันใดกับท่าน? จำเป็นต้องให้ท่านมาสั่งสอนด้วยหรือ? ถ้าว่าตามคำท่าน ร้านที่หลินโหวเคยชมเชย หรือว่าขนมที่ฉินซวงซวงเคยกิน ข้าไม่สามารถพูดว่าไม่ดี มิฉะนั้นจะเท่ากับว่าข้าจงใจหาเรื่องพวกท่านงั้นรึ?”

“ก่อนหน้าวันนี้ กระทั่งว่าฉินซวงซวงอยู่หรือไม่อยู่ในเมืองหลวงข้ายังไม่รู้ ถ้าจะหาเรื่องข้าคงไปหานางโดยตรงแล้ว ไยต้องมาหานักต้มตุ๋นพรรค์นี้ด้วย?”

ทุกคนรู้สึกว่าที่ซ่งรั่วเจินพูดมาก็มีเหตุผล ดูจากนิสัยที่แม่นางซ่งแสดงออกมาในยามนี้ นางไม่ใช่คนที่จะยอมกล้ำกลืนโทสะอย่างแน่นอน ถ้าจะใช้เล่ห์มาหาเรื่องไต้ซือเทียนสุ่ยเพื่อใส่ร้ายฉินซวงซวงก็ออกจะอ้อมค้อมเกินไปแล้ว

“เจ้า เจ้าหาว่าใครเป็นนักต้มตุ๋น? ใส่ร้ายกันชัดๆ!”

ไต้ซือเทียนสุ่ยเห็นซ่งรั่วเจินอ้าปากทีก็เรียกตนเองว่านักต้มตุ๋นก็อดจะร้อนใจไม่ได้ ตอนนี้เขาหาเงินในเมืองหลวงได้เป็นกอบเป็นกำ กำลังอยู่ในช่วงมีความสุขเลยทีเดียว ถ้าถูกใส่ร้าย ต่อไปยังจะหาเงินได้อย่างไร?

“ไต้ซือเทียนสุ่ยเป็นผู้มีความสามารถที่ซวงซวงเชิญมา เจ้าใส่ร้ายกันแบบนี้ออกจะเกินไปแล้ว!”

ซ่งรั่วเจินเห็นสร้อยข้อมือบนมือหลินจือเยว่ถูกถอดออกไปแล้ว รอยยิ้มพลันวาบผ่านดวงตา “หลินโหว เหตุใดท่านจึงไม่สวมสร้อยข้อมือเล่า? สร้อยข้อมือที่แม่นางฉินตั้งใจเลือกเฟ้นมาเช่นนี้ ล้ำค่ายิ่งนัก คงไม่ได้รู้แล้วว่าของสิ่งนี้ไม่ดี ถึงได้ไม่สวมหรอกกระมัง?”

ได้ยินดังนั้น หลินจือเยว่ก็อึ้งไป หันไปมองฉินซวงซวงอย่างอดไม่ได้

คืนวานหลังเขากลับไปก็พูดเรื่องสร้อยข้อมือนี้ คิดว่าในเมื่อซ่งอี้อันไม่ต้องการ อย่างไรเสียก็เป็นน้ำใจของซวงซวง เขาเก็บไว้เองก็ได้ เวลาสัมผัสให้ความรู้สึกเย็นๆ นับว่ามีเอกลักษณ์ทีเดียว

คิดไม่ถึงว่าพอซวงซวงเห็นแล้วกลับบอกให้เขาถอดสร้อยข้อมือออก เขาถามหลายครั้งหลายครา ซวงซวงก็เพียงแต่ร้องไห้อย่างทุกข์ใจ

ยามนี้เมื่อมาได้ยินคำพูดของซ่งรั่วเจิน ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ หรือสร้อยข้อมือนี้จะมีอะไรพิเศษแบบนั้นจริงๆ?

“เปล่า เปล่านะ” ฉินซวงซวงรีบร้อนปฏิเสธ “ข้าแค่คิดว่าแม่นางซ่งส่งสร้อยข้อมือคืนมา จะต้องคิดว่าข้าเลือกได้ไม่ดีเป็นแน่ รู้สึกปวดใจถึงได้ไม่ให้ท่านโหวสวม”

เห็นว่าผู้หญิงคนนี้เอาแต่ร้องห่มร้องไห้อีกแล้ว ซ่งรั่วเจินก็ยกมือขึ้นตัดบทนาง “ไม่จำเป็นต้องร้องไห้ งานมงคลของข้าที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่สองปีก่อน ของหมั้นที่คู่หมั้นส่งมาให้กลับมีเจ้าเป็นคนเลือก ข้ายังไม่ร้องไห้ เจ้าจะร้องไห้ทำไม?”

หลินจือเยว่ตั้งท่าจะปกป้องฉินซวงซวง ได้ยินประโยคนั้นก็มีอันต้องชะงักไป

คนอื่นๆ ก็ได้สติคืนมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าซ่งรั่วเจินก้าวร้าวเกินไป แต่เมื่อมาใคร่ครวญอย่างละเอียด นางเป็นคนที่มีพันธะหมั้นหมายมาตั้งแต่สองปีก่อนแท้ๆ แต่ของหมั้นทั้งหมดกลับถูกเลือกโดยหญิงอื่น ทั้งที่เป็นภรรยาเอก แต่กลับมีแววว่าจะถูกลดฐานะเป็นอนุภรรยา ไม่ว่าใครมาประสบกับเรื่องเช่นนี้ย่อมรับไม่ได้อยู่แล้ว

ฉินซวงซวงร้อนรุ่มใจ น้ำตาตรงหางตาจึงถูกสะกดกลั้นกลับไปทั้งอย่างนั้น

“หลินโหว ถ้าท่านคิดว่าข้าใส่ร้าย มิสู้มาพนันกับพวกข้าเถอะ”

“เจ้าพูดมา” หลินจือเยว่เอ่ยเสียงขรึม

“ถ้าข้าเอาชนะนักต้มตุ๋นผู้นี้ได้ ท่านจะต้องกลับไปสวมสร้อยข้อมือเส้นนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนโดยห้ามถอดออก ถ้าข้าแพ้ ข้าจะขอโทษแม่นางฉิน เป็นอย่างไร?”

“ตกลง เจ้าเป็นคนพูดเองนะ!” หลินจือเยว่ตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ฉินซวงซวงได้ยินคำพูดของซ่งรั่วเจินแล้วก็ใจกระตุกวูบ คิดจะขัดขวางหลินจือเยว่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ หวังว่าหลินโหวจะรักษาคำพูด!” ซ่งรั่วเจินแย้มยิ้ม แววตาเย้ยหยันกวาดผ่านฉินซวงซวง

ล้วนแต่เป็นนางจิ้งจอกพันปี ยังจะมามารยาใส่ข้าอีกรึ!

ฉินซวงซวงสบตากับซ่งรั่วเจินแล้ว จิตใจก็ตกตะลึงระคนงุนงงสงสัย ซ่งรั่วเจินเป็นแค่คุณหนูที่ไม่ประสาเรื่องราวทางโลกไม่ใช่หรือ? จะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? คงไม่ได้มีใครเผยพิรุธออกไปหรอกนะ?

นางลำบากไปมากกว่าจะได้สร้อยข้อมือเส้นนั้นมา จะให้สวมลงบนข้อมือท่านโหวไม่ได้เด็ดขาด!

“สวีฮูหยิน ท่านเขียนตัวอักษรมาตัวหนึ่ง ข้าจะช่วยทำนายให้ท่าน”

ไต้ซือเทียนสุ่ยถลึงตามองซ่งรั่วเจินอย่างเย็นชา แล้วค่อยหันไปมองสวีฮูหยิน

สวีฮูหยินหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนตัวอักษรคุ่น [1] หนึ่งตัว

ฉินซวงซวงมองไต้ซือเทียนสุ่ยพลางส่งสายตาให้อีกฝ่าย วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาชนะซ่งรั่วเจินให้ได้ ทำให้ทุกคนได้เห็นด้านที่ดื้อด้านไร้เหตุผลของผู้หญิงคนนี้!

----------------------------------------------

[1] คุ่น หมายถึง ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ยากจะหลุดพ้นออกมาได้
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1902

    เขายังไม่ตาย!“ขอบพระทัยรัชทายาท ขอบพระทัยพระชายารัชทายาทอย่างสูง! บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งนี้ จะขอจดจำไปชั่วชีวิต”เซียวเหวินยวนหมายจะหยัดกายขึ้นนั่ง แต่กลับพบว่าร่างกายของตนเองบัดนี้อ่อนแออย่างถึงที่สุด เพียงลุกขึ้นมานั่งได้ก็ล้มลงไปอีกครั้งทันทีซ่งรั่วเจินโบกมือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป เพราะหลายวันมานี้ไม่มีอาหารตกถึงท้อง เว้นเพียงดื่มน้ำไปเล็กน้อยเท่านั้น กอปรกับดวงวิญญาณเพิ่งคืนสู่ร่าง เจ้าควรจะพักผ่อนให้เต็มที่เสียก่อน”เซียวเหวินยวนเองก็เพิ่งเคยรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอมากถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน จึงได้แต่เอ่ยตอบกลับไปว่า“ต้องขออภัยจริง ๆ ไว้ข้าหายดีแล้วเมื่อใด จะต้องไปกล่าวขอบคุณถึงที่ด้วยตนเองแน่นอน”เขารู้ หากครั้งนี้ตนเองมิได้บังเอิญพบพระชายารัชทายาท ก็คงเหลือเพียงหนทางสู่ความตายเท่านั้นแล้ว“คุณชายใหญ่เซียว เจ้าเองก็ลำบากมากแล้ว ไม่สู้ลองคิดดูว่าหลังจากกลับไปแล้วจะแก้ไขปัญหาอย่างไรต่อไปดีกว่าหรือ เรื่องนี้จัดการไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”ซ่งรั่วเจินจินตนาการถึงภาพตอนที่เซียวเหวินยวนกลับเรือนสกุลเซียว ละครนี้จะต้องยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ถึงใจแน่นอน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1901

    ฉู่จวินถิงปรายสายตามองอวิ๋นหยางปราดหนึ่ง คนหลังรีบหยิบเงินหนึ่งร้อยตำลึงใส่มือชายชราทันที“ข้ากับเซียวเหวินยวนเพียงรู้จักกันครั้งหนึ่ง หาใช่คนในครอบครัวของเขาไม่ เพียงแต่ได้ยินว่าเขาเกิดเรื่อง จึงลองมาหาละแวกนี้”“ไว้พวกข้ากลับไปแล้วจะแจ้งให้คนในครอบครัวของเขาทราบทันที ส่วนเงินจำนวนนี้ฝากให้พวกท่านใช้ดูแลเขาด้วย ไว้เขาฟื้นเมื่อใด จะขอบคุณพวกท่านอย่างดี”ฉู่จวินถิงแววตาเรียบเฉยเย็นชา เรื่องนี้สกุลเซียวเป็นคนก่อขึ้นมาเองหากมิได้ทำเพื่อเซี่ยจือหลาน พวกเขาเองก็คร้านจะวิ่งมาที่นี่ ส่วนเรื่องบุญคุณช่วยชีวิต ก็ให้เซียวเหวินยวนตัดสินด้วยตนเองเถิดเรื่องหนี้ดอกท้อแบบนี้ ต้องให้ตัวเขาจัดการเอง!ชายชรามองเงินหนึ่งร้อยตำลึงในมือ ความจริงแล้วเขาเชิญหมอมาก็จ่ายไปเพียงไม่กี่ตำลึงเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะให้มาถึงหนึ่งร้อยตำลึงในคราวเดียวเช่นนี้ คนพวกนี้ฟุ้งเฟ้อเกินไปแล้ว“คุณชายขอรับ เงินจำนวนนี้มากเกินไปหน่อยแล้ว…”ซิ่งเอ๋อร์รีบดึงมือบิดาตนเองกลับมาทันที “ท่านพ่อ ท่านรับเอาไว้เถิด พวกเขาไม่ใส่ใจกับหนึ่งร้อยตำลึงเงินนี้นักหรอก”นางตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเพื่อให้ตนเองได้มีชีวิตที่ดีขึ้นถึ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1900

    “ลูกเอ๋ย หมอเองก็ดูอาการแล้ว บอกว่าไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ หนำซ้ำชีพจรของเขาก็ยิ่งอ่อนลงทุกที แม้แต่หมอยังบอกว่าน่ากลัวว่าจะไม่รอด พวกเราอย่าเปลืองเงินไปมากกว่านี้อีกเลย”ชายชราพูดอย่างจนใจ บ้านของพวกเขาเดิมทีก็อยู่กันอย่างลำบาก ค่าหมอที่ต้องจ่ายไปก็เกินกำลังจะรับได้ ลูกสาวคนนี้ก็ยังยืนกรานว่าต้องช่วยชายคนนี้ให้ได้ เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว ต่อให้ไม่เต็มใจก็ยังต้องรับปากแต่ซิ่งเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของบิดา กลับส่ายหน้าอย่างหนักแน่น“ท่านพ่อ ไม่ได้เจ้าค่ะ พวกเราต้องช่วยเขาให้ฟื้นให้ได้!”นางไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้าน ต้องออกเรือนไปแต่งกับชาวนาสามัญนับตั้งแต่ได้ไปเมืองหลวง นางก็ตัดสินไว้แล้วว่านางจะต้องหาทางมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้!ในตอนนี้เอง นางกลับบังเอิญพบคุณชายผู้สูงศักดิ์ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่เชิงเขาต่อให้เขาจะได้บาดเจ็บ แต่จากเสื้อผ้าที่สวมใส่ รวมถึงใบหน้าและรัศมี ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอนหากช่วยเขาไว้ได้ละก็ ด้วยบุญคุณช่วยชีวิตนี้ ไม่แน่ว่านางอาจได้กลายเป็นหงส์โบยบินขึ้นสู่ที่สูงก็เป็นได้!ในนิยายก็เขียนกันไว้แบบนั้น นางจึงเชื่อว่านี่คือโชคชะตาข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1899

    อันที่จริงใช่ว่าฉู่จวินถิงไม่รู้จักเซียวเหวินเช่ออย่างไรเสียเขาก็คือสามีของเซี่ยจือหลาน ไทเฮาเองก็เมตตาเซี่ยจือหลานเป็นพิเศษ ดังนั้นในสายตาของเสด็จพ่อ หากเซียวเหวินเช่อเป็นคนมีความสามารถจริง ส่งเสริมสักหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะเหตุนี้เอง แม้ในการสอบจอหงวนที่ผ่านมาเขาจะได้อันดับไม่สูงนัก แต่ตำแหน่งงานที่ได้รับกลับไม่เลวเลยยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเสียงของเซียวเหวินเช่อภายนอกก็ดีอย่างยิ่ง มิตรสหายต่างก็ยกย่องเขารู้หน้าไม่รู้ใจ พอมาวันนี้เมื่อรู้ว่าเขากลับทำเรื่องเช่นนี้ได้ ช่างสวนทางกับภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกต่อคนนอกอย่างสิ้นเชิง“ก่อนอื่นต้องพาเซียวเหวินยวนกลับสู่ร่างให้ได้ ทุกอย่างจะกระจ่างเอง”ซ่งรั่วเจินเหลือบมองวิญญาณของเซียวเหวินยวนที่อยู่ภายนอก พูดไปแล้วก็น่าสนใจ นับตั้งแต่คนผู้นี้ออกจากจวนสกุลเซียว กลับถามนางบนรถม้าไม่น้อยแต่พอถึงจวนฉู่อ๋อง หลังฉู่จวินถิงขึ้นรถม้าแล้ว เซียวเหวินยวนก็ออกไปนั่งด้านนอกคู่กับอวิ๋นหยางแทนมองออกว่าทั้งตอนเป็นคนหรือเป็นวิญญาณ เซียวเหวินยวนก็ยังรักษามารยาทน่าชื่นชมเอาไว้อวิ๋นหยางไม่รู้เลยว่าขณะควบม้าอยู่นั้น มีวิญญาณนั่งข้าง ๆ เขาอยู่ เขาเพีย

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1898

    ชิงเถิงเข้าใจในทันใด พูดยิ้ม ๆ ว่า “บ่าวจะเข้าไปถามเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”ไม่นานนัก ฉู่จวินถิงก็ขึ้นมานั่งบนรถม้าด้วยเขาคุ้นชินกับการโอบนางไว้ในอ้อมแขน หนำซ้ำยังจับมือของนางเล่นพลางเอ่ยถาม “จะออกไปที่ใดหรือ?”“วันนี้จะไปช่วยคนคนหนึ่ง เรื่องนี้ช่างยุ่งเหยิงเหลือเกิน ท่านได้ฟังแล้วต้องตกใจแน่”ซ่งรั่วเจินกะพริบตาปริบ ๆ ใบหน้างดงามเปี่ยมความภาคภูมิใจ สายตาดุจม่านหมอกกลับเจือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์หลายส่วนฉู่จวินถิงให้ความร่วมมืออย่างมาก เอ่ยปากอย่างตกตะลึง “เรื่องอะไรลึกลับเพียงนั้น? ฮูหยินบอกข้าทีเถิด”“เซี่ยจือหลาน ท่านรู้จักใช่หรือไม่?”ฉู่จวินถิงได้ยินชื่อคุ้นหู ก่อนจะพยักหน้าตอบ “บิดาของนางเคยเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องไทเฮาเมื่อหลายปีก่อน ไทเฮาทรงสำนึกในบุญคุณนั้นอยู่เสมอ จึงดูแลเซี่ยจือหลานเป็นพิเศษ”“วันนี้เจ้าคงได้เจอนางมาใช่หรือไม่? ข้าได้ยินว่าสามีของนางเสียชีวิต จึงสั่งคนไปเยี่ยมไว้แล้ว”ปกติเขางานยุ่ง เรื่องการไปปลอบขวัญผู้วายชนม์เช่นนี้ก็มักจะมอบให้ผู้อื่นไปแทน หรือวันนี้รั่วเจินได้ไปงานนั้นหรือ?“หม่อมฉันสงสัยว่าเซียวเหวินยวนถูกเซียวเหวินเช่อฆ่าตาย” ซ่งรั่วเจินเอ่ยฉู่จวิน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1897

    ซ่งรั่วเจินเข้าใจความกังวลของเซี่ยจือหลาน จึงยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวว่า“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เสด็จย่าหรือเสด็จแม่ออกหน้า ยังมีคนที่สามารถช่วยเจ้าได้อีกคน”“คนที่สามารถช่วยได้อีกคน?” เซี่ยจือหลานสงสัยซ่งรั่วเจินพยักหน้า “เซียวเหวินยวน”“พี่ใหญ่? แต่พี่ใหญ่ตายไปแล้วมิใช่หรือ? จะช่วยข้าได้อย่างไร?”ในสายตาของเซี่ยจือหลานเต็มไปด้วยความสงสัย ภายในใจคิดว่าพระชายารัชทายาทจะเชิญวิญญาณกลับมาช่วยอย่างนั้นหรือ? แต่ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ จะทำเรื่องเช่นนั้นได้จริงหรือ?“ในเมื่อแม่สามีของเจ้าแกล้งหมดสติไปแล้ว เจ้าก็ฉวยโอกาสนี้ตรวจนับสินเดิมของเจ้าทั้งหมด ทำบัญชีออกมาเป็นรายการให้ชัดเจน”“ให้คนของวังหลวงนับต่อหน้าพวกเขา ถึงตอนนั้น วังหลวงหนึ่งชุด และเจ้าถือไว้อีกหนึ่งชุด เช่นนี้สกุลเซียวย่อมไม่กล้าแตะต้องสินเดิมของเจ้าโดยพลการ”“เมื่อเป็นเช่นนี้ รอเซียวเหวินยวนกลับมา ไม่ว่าเจ้าจะเลือกออกจากสกุลเซียว หรือจะขอหย่า ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะสูญเสียอะไร”เดิมทีเซี่ยจือหลานรู้สึกว่าการจากไปเฉย ๆ ยังมีความแค้นติดค้างอยู่ในใจ ไม่คิดว่าจะยังอีกวิธีหนึ่ง นี่จึงรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างสุดระงับต่อให้ต้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status