共有

บทที่ 16

作者: จี้เวยเวย
ไต้ซือเทียนสุ่ยรับคำสั่งจากฉินซวงซวง สายตาที่ทอดมองซ่งรั่วเจินเองก็เจือไอเย็น สตรีผู้นี้บังอาจมาทำลายช่องทางทำมาหากินของเขา เขาจะจัดการให้หนักเลยทีเดียว!

ครู่ถัดมา เขามองผีน้อยที่ตนเลี้ยงอย่างลำพองใจ เขาต้องเสียแรงไปมากถึงจะเลี้ยงออกมาได้ ยังได้รับคำชี้แนะจากผู้มีวิชาจึงมีความสามารถเช่นนี้

สายตาซ่งรั่วเจินเองก็ตกลงบนตัวผีน้อย ผีน้อยตัวนี้อายุราวหกถึงเจ็ดขวบเท่านั้น เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างดี รูปร่างกลับไม่น่ากลัว เพียงแต่กลิ่นอายชั่วร้ายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าคือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่ง

ตายอย่างไม่เป็นธรรม จึงสั่งสมไอแค้นไว้มาก

ในฐานะคนของสำนักวิชาเต๋า เผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตเช่นนี้สมควรหาวิธีกำจัดความอาฆาตพยาบาท ช่วยเหลือเขาให้ไปเกิดใหม่ในเร็ววัน

ไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ ใช้ประโยชน์จากความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยนี้ ทำให้กลายเป็นกลวิธีหาเงิน

“ไต้ซือเทียนสุ่ย ชาตินี้ข้ายังมีหวังจะหาตัวลูกสาวของข้าพบอีกหรือไม่?” สวีฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

ไต้ซือเทียนสุ่ยแสร้งหยิบกระดองเต่าออกมา ใส่แผ่นเหล็กสองชิ้นเข้าไปภายใน ปากบ่นงึมงำสวดคาถาขึ้นมา

สกุลสวีตามหาลูกสาวคนนี้มานานนับสิบกว่าปีแล้ว กลับหาไม่พบมาโดยตลอด หากไต้ซือเทียนสุ่ยสามารถหาคนพบได้จริง นั่นก็ไม่มีอันใดดีไปมากกว่านี้แล้ว

ไต้ซือเทียนสุ่ยฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญ จากนั้นพลังที่คุ้นชินกลับไม่แผ่ออกมา แผ่นเหล็กในกระดองเต่าก็ตกลงบนโต๊ะ

“เกิดอะไรขึ้น?”

ไต้ซือเทียนสุ่ยหันมองผีน้อยทางข้างหลังอย่างรวดเร็ว ผีน้อยมีพลังวิญญาณอยู่บ้าง ใช้งานผ่านวิธีนี้ย่อมมอบเบาะแสให้บางส่วน ทว่าบัดนี้ถึงขั้นไม่มีอันใดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ถัดมา ยามเขาหันหน้ากลับมาก็พบว่าปากของผีน้อยที่ตนเลี้ยงคล้ายถูกผนึกไว้แล้ว ขณะเดียวกันกำลังดิ้นอย่างรุนแรง แต่กลับคล้ายมีพลังงานไร้รูปร่างสายหนึ่งควบคุมเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย

“นี่...เหตุใดเป็นเช่นนี้?”

ซ่งรั่วเจินยกมุมปากยิ้มเยาะ “ไต้ซือเทียนสุ่ย การแสดงเลี้ยงดูผีน้อยพรรค์นี้ ยามอยู่ต่อหน้าข้าไม่พอให้ชายตาแลหรอกนะ”

คำนี้พูดออกมา สีหน้าไต้ซือเทียนสุ่ยเปลี่ยนไป สายตาตื่นตะลึงอย่างหนักสะท้อนออกมาแวบหนึ่ง

ซ่งรั่วเจินถึงขั้นมองเห็น!

ครู่ถัดมา ซ่งรั่วเจินเหยียดนิ้วมือและงอทีหนึ่ง ผีน้อยตัวนั้นก็เดินไปหยุดข้างกายนางอย่างเชื่อฟัง

“ไต้สือเทียนสุ่ย นี่หมายความว่าอย่างไร?”

สวีฮูหยินเห็นท่าทีของไต้ซือเทียนสุ่ยเปลี่ยนเป็นตกตะลึงหวาดกลัวอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นในใจก็ให้ตกตะลึงไปชั่วขณะ มิใช่ว่าบุตรสาวของนางตายไปแล้วกระมัง?

ไต้ซือเทียนสุ่ยยากจะลงจากหลังเสือแล้ว ทำได้เพียงแสร้งสุขุม “ฮูหยิน ลูกสาวของท่านวาสนาตื้นเขิน ถูกกำหนดให้ต้องอยู่ห่างไกลพันลี้ แต่ลูกสาวของท่านยังมีชีวิตอยู่บนโลก ด้วยวิชาเต๋าของข้าในตอนนี้ ทำนายได้เพียงลูกสาวของท่านอยู่ทางทิศอาคเนย์ หากต้องการตามหาก็สามารถไปหาทางทิศนี้ได้”

“มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว ๆ ” สวีฮูหยินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง นี่ก็คือข่าวดีที่สุด

“ไต้ซือ สามารถบอกให้ชัดเจนยิ่งกว่านี้ได้หรือไม่? ขอเพียงสามารถหาลูกสาวของข้าพบ เงินมากน้อยเพียงใดข้าก็ยินดีมอบให้!”

“ความลับสวรรค์มิอาจเปิดเผย แม้ข้าสามารถคำนวณหาตำแหน่งของนางได้ แต่เรื่องของวาสนาก็คือสวรรค์กำหนด ผู้อื่นไม่สมควรเข้าไปยุ่ง มิเช่นนั้นภัยจะย้อนเข้าตัว”

ฉินซวงซวงมองเทียนสุ่ยอย่างไม่พอใจ นางรู้ความสามารถของคนผู้นี้ ขอเพียงคำนวณออกมาแม่นยำยิ่งกว่านี้ได้ คำพูดของซ่งรั่วเจินก็จะกลายเป็นแพ้ภัยตนเอง ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว!

บัดนี้โอกาสอันดีก็วางอยู่ตรงหน้า เขาถึงขั้นคำนวณออกมาไม่ได้?

เทียนสุ่ยกระวนกระวายคุมสติไม่อยู่ ไฉนเลยยังจะสนใจฉินซวงซวงอีก?

เห็นดังนั้น สวีฮูหยินเผยสีหน้าผิดหวัง สาวใช้ข้างกายจึงพูดปลอบ “ฮูหยิน ขอเพียงคุณหนูยังมีชีวิตอยู่ จะต้องมีวันได้พบหน้ากันอีกเป็นแน่”

ซ่งรั่วเจินเองก็สำรวจหน้าตาของสวีฮูหยินเฉกเดียวกัน เห็นสามีภรรยามีดวงชะตาดี แม้ด้านลูกชายลูกสาวขาดหายไปบ้าง แต่ก็เริ่มสมบูรณ์แล้ว มิใช่สัญญาณของการพลัดพราก

“สวีฮูหยิน ข้าขอดูมือขวาของท่านได้หรือไม่?”

อันที่จริงสวีรั่วหลานไม่เชื่อซ่งรั่วเจิน กระนั้นเห็นนางเอ่ยปากพร้อมไปด้วยมารยาท ก็ยื่นมือออกไป

ซ่งรั่วเจินตรวจลวดลายบนฝ่ามือ มั่นใจในการตัดสินใจของตนแล้ว

“ลูกสาวท่านยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”

ได้ยินแล้ว ซุนฮั่นเฟยก็หัวเราะออกมา “ข้าว่าญาติผู้น้อง เมื่อครู่ไต้ซือเทียนสุ่ยเองก็พูดคำนี้มาก่อนแล้ว เจ้าพูดเช่นนี้ยังมีความหมายอันใดอีก? มีความสามารถเจ้าก็หาคนออกมา นั่นต่างหากจึงจะยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง!”

“รั่วเจิน ข้ารู้เจ้ามีโทสะภายในใจ ต่อให้ไม่ชอบแม่นางฉินก็ไม่ควรพูดให้ร้ายไต้ซือเทียนสุ่ย ยังสร้างเรื่องต่อไปเช่นนี้ ที่ขายหน้าก็คือทั้งสกุลซ่งนะ”

หลิ่วเฟยเยี่ยนรีบถลันออกมา แม้คล้ายพูดเกลี้ยกล่อม แต่พูดไปพูดมากลับใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของซ่งรั่วเจิน

“ต่อให้ข้าทำให้สกุลซ่งเสียหน้าจริงก็ไม่เกี่ยวอันใดกับท่าน ตรงข้ามกันท่านน้ายังไม่รู้ผล ทุกถ้อยคำก็พูดว่าข้าใส่ร้าย ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่เข้าใจเพราะเหตุใดญาติผู้พี่จึงยื่นแขนออกนอกบ้านเข้าข้างผู้อื่น ที่แท้ก็เรียนรู้มาจากท่านน้านี่เอง!”

สีหน้าหลิ่วเฟยเยี่ยนแข็งทื่อ นางก็คิดเช่นนี้จริง แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกซ่งรั่วเจินเปิดโปงอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

“แม่นางซ่ง เจ้าไม่ชอบข้าก็ช่างเถอะ ซุนฮูหยินเป็นน้าของเจ้า เหตุใดเจ้าพูดเช่นนี้?” ฉินซวงซวงขมวดคิ้วพลางพูด

“แม่นางฉินช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ชี้แนะอดีตคู่หมั้นข้าให้มอบของขวัญ บัดนี้ก็มาสอนข้าให้เป็นคนดี เจ้ามีหลักการยิ่งใหญ่เพียงนี้ เหตุใดไม่มีใครสอนเจ้าว่าไม่ควรยั่วยวนชายมีคู่หมั้นแล้วกันเล่า?” ซ่งรั่วเจินเยาะหยันทีหนึ่ง สายตาสุกสกาวมองนางอย่างสงสัย

ฉินซวงซวงรู้สึกเก้อกระดากขึ้นมาในทันใด ครู่ถัดมาดึงมือหลินจือเยว่ ฝ่ายหลังเตรียมอ้าปาก ซ่งรั่วเจินก็เลิกคิ้ว “อะไรกัน? ท่านเองก็จะสอนข้าให้เป็นคนดีด้วยหรือ?”

คำพูดที่กำลังจะหลุดจากปากหลินจือเยว่กลืนกลับไปแล้ว

“ความหมายของแม่นางซ่งก็คือ สามารถหาตัวแม่นางสวีพบงั้นหรือ?” ฉินซวงซวงกำหมัดแน่น เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันภายในใจ ใบหน้าไม่เผยอารมณ์ใดออกมา

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “แน่นอน!”

สวีฮูหยินจับมือนางอย่างตื่นเต้น “แม่นางซ่ง ที่เจ้าพูดเป็นความจริงกระนั้นหรือ? ขอเพียงเจ้าสามารถช่วยข้าหาลูกสาวพบ ข้าจะจดจำบุญคุณยิ่งใหญ่นี้เอาไว้ ภายภาคหน้าหากมีเรื่องใดต้องการให้สกุลสวีของพวกเราช่วยเหลือก็ขอให้พูดออกมาตามตรง”

“ลูกสาวของท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว”

คำนี้พูดออกมา ทุกคนที่นี่ล้วนตะลึงงัน ถัดมาหันมองทุกทิศทาง ซ่งรั่วเจินกำลังพูดอะไร?

“เจ้าไม่รู้ตั้งแต่แรก ไฉนเลยพูดส่งเดชออกมาได้?” หลินจือเยว่ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว “หรือเจ้าไม่รู้สวีฮูหยินเพื่อตามหาลูกสาวต้องลงแรงไปมากน้อยเพียงใด เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวก็ทำให้ผู้อื่นเสียใจ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ไร้เหตุผลจริงๆ!”

ฉินซวงซวงเองก็ไม่เข้าใจ “แม่นางซ่ง แม่นางสวีจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เกรงว่าเจ้าพูดผิดไปแล้วกระมัง?”

“หลินโหว แม่นางซ่งยังไม่พูด เหตุใดเจ้าก็รู้ว่านางพูดไม่ถูก?”

ตอนนี้เอง เสียงเยียบเย็นห่างเหินพลันดังขึ้นเนิบๆ

ทุกคนหันไปมองโดยไม่รู้ตัว มองเห็นเงาร่างงดงามหล่อเหลาไม่ธรรมดาสายหนึ่ง ประหนึ่งเทพเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ก็มิปาน สง่างามน่าเกรงขาม รัศมีอยู่เหนือทุกคน

ฝ่ายชายสวมชุดสีดำ ปักลายดิ้นทองสะท้อนแสงประกายเรืองรอง ทั้งเรียบง่ายทั้งหรูหรา แต่กลับมิอาจบดบังรัศมีของใบหน้าหล่อเหลานั้นได้

สายตาลุ่มลึกดุจดวงดาวในมหาสมุทร คิ้วงามขับเน้นให้ดวงหน้าคมเข้มยิ่งขึ้น เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ก็คล้ายกำลังเย้ยหยันอย่างไม่ใส่ใจ
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (6)
goodnovel comment avatar
ภัทรภร ว่องไว
สมัครสมาชิกไปหลายวันแล้ว แต่จะใช้ได้ต้องรอ วันที่ 1 สิงหาคม เฮ้อ
goodnovel comment avatar
ปนัสยา ประสงค์เงิน
ทำไมกลับมาที่บทเดิมทั้งที่ทำตามและอ่านมาถึงบทที่ 27แล้วแต่กลัมาบที่ 17อีกเกิดอะไรหรือ
goodnovel comment avatar
Suthida Pornjamroen
อยากอ่านต่อ
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1490  

    “พิธีสวดพระสูตรขอความสุขความเจริญเจ็ดวันนี้ หรือจะเป็นการสวดเพื่อปลดปล่อยวิญญาณของซากโครงกระดูกเหล่านี้?” เสนาบดีศาลต้าหลี่โพล่งขึ้นด้วยความตื่นตกใจ ซ่งรั่วเจินมองซากโครงกระดูกที่ห่างออกไปไม่ไกล ก็ผงกศีรษะพลางเอ่ยว่า “มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว” “ข้าเพิ่งสังเกตเมื่อครู่ ซากศพเหล่านั้นมีทั้งชายและหญิง อายุราวสามขวบห้าขวบเห็นจะได้ และเท่าที่ข้าประเมินจำนวนด้วยสายตาเหมือนจะมีเป็นคู่ ๆ” “ให้ดีที่สุดก็ควรให้ขุนนางชันสูตรมาจัดการต่อซากกระดูกเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน และตรวจสอบดูว่าจำนวนเท่ากันหรือไม่” เมื่อสิ้นวาจาของซ่งรั่วเจิน ทั้งฉู่จวินถิงและเสนาบดีศาลต้าหลี่พลันหันหน้าสบตากันทันที ในใจมีข้อสันนิษฐานบางประการไว้แล้ว เด็กช่วงวัยประมาณนี้ อีกทั้งยังเป็นคู่ชายหญิง เช่นนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือการบูชายัญ ในบางหมู่บ้านห่างไกล เพื่อขอให้ฟ้าอากาศราบรื่นและมีฝนตกต้องตามฤดูกาล ก็จะมีคนไปเลือกเด็กชายเด็กหญิงมาทำพิธีกรรมบูชายัญ อธิษฐานขอพรให้วันรุ่งขึ้นได้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ และบ่อยครั้ง เรื่องพวกนี้แม้กระทั่งบุพการีของพวกเด็ก ๆ ก็ยังไม่มีอำนาจตัดสินใจเลยด้วยซ้ำ ทว่าในตอนนี้ราชสำนั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1489  

    หลังจากซ่งรั่วเจินพูดคุยกันไปได้ครู่หนึ่ง ก็รู้แน่ชัดแล้วว่าแม่ชีอายุน้อยเหล่านี้แทบไม่มีใครทราบเรื่องเหล่านี้กันเลยจริง ๆ ส่วนคนที่พอเป็นไปได้ว่าจะรู้เรื่องราวก็มีเพียงจิ้งอินซือไท่และจิ้งอวิ๋นซือไท่ผู้ซึ่งสนิทสนมกับจิ้งเฉินซือไท่มากที่สุดเท่านั้น นึกถึงตอนแรกธูปและตะเกียงของสำนักเทียนฉือก็หาได้รุ่งเรืองไม่ จิ้งเฉินซือไท่ในตอนแรกเข้ามาที่สำนักเทียนฉือด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง ซือไท่รูปก่อนเห็นนางน่าสงสาร จึงรับนางมาอยู่ในความดูแล ไม่เพียงเท่านี้ จิ้งเฉินซือไท่ในตอนแรกก็มีความมุ่งมั่นจะจบชีวิตอยู่ในใจ เพียงแต่ปลิดชีวิตตนเองไม่สำเร็จเพราะมีคนมาช่วยไว้ได้เสียก่อน สุดท้ายภายใต้การเตือนสติของซือไท่รูปก่อน นางจึงอุทิศตนเป็นซือไท่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจแทน ต่อมาเมื่อซือไท่รูปก่อนชราลง ก็ส่งมอบสำนักเทียนฉือไว้ในการดูแลของจิ้งเฉินซือไท่สืบไป “พวกเขาบอกว่าจิ้งอินซือไท่และจิ้งเฉินซือไท่มีที่มาจากจุดเดียวกันหรือ?” คิ้วเรียวรูปใบหลิวของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นเล็กน้อย พลางขบคิดถึงความนัยที่ซ่อนไว้ภายใต้คำพูดนี้ “จิ้งเฉินซือไท่ในตอนแรกก็สิ้นหวังหมดอาลัยตายอยาก สุดท้ายจึงได้มาที่สำนักเทียนฉือ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1488  

    พวกแม่ชีในสำนักเทียนฉือครั้นเห็นซ่งรั่วเจิน แววตาของทุกคนต่างเผยความหวาดกลัวออกมาอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อครู่พวกเขาก็เห็นชัดแล้ว แม่นางผู้ซึ่งรูปงามดั่งเทพเซียนบนสวรรค์ท่านนี้เข้ามาพร้อมกับคนของเสนาบดีศาลต้าหลี่ เพียงแต่พวกเขาไม่ทราบว่ามีฐานะอะไร “พวกท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าได้ยินมาว่าที่สำนักเทียนฉือแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ถึงได้ลองแวะมาดู คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอเหตุการณ์เช่นนี้เข้า” ซ่งรั่วเจินถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง “เมื่อหลายปีก่อนข้ากับท่านแม่เคยพบท่านจิ้งเฉินซือไท่มาก่อน ตอนนั้นในเรือนข้าเกิดปัญหาขึ้น ทำให้มารดาของข้าเศร้าหมองกลัดกลุ้มอยู่ไม่เว้น หมอบอกว่าความกลัดกลุ้มอัดแน่นอยู่ในใจ เคราะห์ดีที่จิ้งเฉินซือไท่ช่วยมารดาคลายความกลัดกลุ้มเศร้าหมองในใจสำเร็จ” “เดิมทีแล้วข้ากับมารดาตั้งใจจะมาตอบแทนพระคุณจิ้งเฉินซือไท่ที่สำนักเทียนฉือ คิดไม่ถึงว่าจิ้งเฉินซือไท่จะ…นางจะ…” ซ่งรั่วเจินเอ่ยพลาง ขอบตารื้นแดง นั่นเรียกได้ว่าพรั่งพรูความรู้สึกออกมาจากหัวใจเลยทีเดียว เหล่าแม่ชีในสำนักเทียนฉือได้ฟังถ้อยคำของซ่งรั่วเจินแล้ว แต่ละคนต่างแสดงสีหน้าโศกเศร้าออกมาอย่างอดไม่ได้ บางคนยังถึงขั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1487  

    ทุกคนต่างสืบเท้าเข้าไปยังสำนักเทียนฉือพร้อมกัน ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาพินิจพิจารณาสำนักเทียนฉือไปตลอดทาง จากบรรยากาศและทุกสิ่งในที่แห่งนี้สามารถมองออกได้ไม่ยากเลยว่าสำนักเทียนฉือแห่งนี้เป็นวัดที่ธูปเทียนและตะเกียงเจริญรุ่งเรือง มีศาสนิกชนหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายในทุกวัน น่าจะครึกครื้นเป็นอย่างมาก ทว่า ในยามนี้กลับเงียบเหงาวังเวงยิ่งนัก แม่ชีภายในสำนักครั้นเห็นว่าพวกเขาเข้ามา แววตาของแต่ละคนล้วนสะท้อนความหวาดกลัวและเคร่งเครียดวิตกกังวลออกมา นั่นคือความคิดอยากหลบเลี่ยงที่เกิดขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ และเป็นการต่อต้านไม่อยากพบเจอผู้ใดจากศาลต้าหลี่ทั้งสิ้น “คนเหล่านี้พวกท่านทำการสอบสวนครบทุกคนแล้วหรือ?” ซ่งรั่วเจินกระซิบถามฉู่จวินถิงด้วยเสียงเบา ฉู่จวินถิงพยักหน้า “หลายวันที่ผ่านมาคนของศาลต้าหลี่ได้ทำการสอบสวนพวกนางทุกคนจนครบถ้วนแล้ว มีเพียงแม่ชีที่อายุน้อยที่ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ” “ตอนที่ขุดศพออกมา สีหน้าตกใจของพวกนางดูไม่คล้ายเสแสร้งแกล้งทำขึ้นมาแม้แต่น้อย คงจะมีเพียงซือไท่อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เสียดายก็แต่พวกนางกลับปิดปากเงียบ”เซียวอ๋องในตอนนี้เองก็มอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1486  

    “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่สำนักเทียนฉือขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาตลอด บรรดาแม่ชีแต่ละคนในนั้นล้วนจิตใจดีมีเมตตา ยิ่งซือไท่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก!” “ข้าเองก็มักจะไปที่นั่นเดือนละครั้ง บัดนี้จู่ ๆ กลับไม่ให้เข้าไปเสียอย่างนั้น จิตใจรู้สึกกระวนกระวายไม่สบายใจเอาเสียเลย” ซ่งรั่วเจินได้ฟังเสียงวิจารณ์และถกเถียงของเหล่าชาวบ้านเรื่อยมาตลอดทาง ก็สัมผัสได้ว่าพวกเขามีความประทับใจต่อสำนักเทียนฉือไม่เลวเลยทีเดียว เห็นได้ชัดเจนเลยว่าทั้งซือไท่รวมถึงแม่ชีแต่ละคน ล้วนมิใช่คนที่เป็นพิษเป็นภัยกับใครอย่างแน่นอน ฉู่จวินถิงมองเห็นความสงสัยของซ่งรั่วเจิน จึงอธิบายมา “จากข้อมูลที่ข้าให้คนไปสืบทราบมา ชาวบ้านในละแวกนี้ล้วนชื่นชมและศรัทธาในสำนักเทียนฉือทั้งสิ้น โดยเฉพาะซือไท่คนที่เพิ่งปลิดชีวิตตนเองไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่ผ่านมาคอยหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ชาวบ้านไปไม่น้อย” “ว่ากันว่านางมีจิตใจดั่งโพธิสัตว์อย่างแท้จริง เมื่อปีที่เกิดทุพภิกขภัย สำนักเทียนฉือเคยรับเลี้ยงดูผู้ประสบภัยไว้จำนวนไม่น้อย เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลให้ชาวบ้านในละแวกนี้เคารพเลื่อมใสพวกเขามากเป็นพิเศ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1485  

    เซียวอ๋องเห็นฉู่จวินถิงและซ่งรั่วเจินเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียว แววตาพลันฉายประกายซับซ้อนขึ้นมา เมื่อก่อนเขามิได้รู้สึกอะไร ทว่าบัดนี้เห็นฉู่อ๋องใช้ชีวิตแต่งงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ความรักความผูกพันที่มีให้ซ่งรั่วเจินก็มิได้จืดจาง กลับกันยังยิ่งแนบแน่นเหมือนตังเม ความรู้สึกภายในใจจึงยิ่งซับซ้อน คิดถึงตอนแรกที่ตนเองรีบร้อนแต่งงาน ในขณะที่ฉู่จวินถิงปฏิเสธการแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อตอนนั้นเสด็จพ่อและเสด็จแม่เอาแต่กลัดกลุ้มเป็นกังวลเรื่องการแต่งงานของฉู่จวินถิงไม่หยุด ทว่าฉู่จวินถิงกลับหมกมุ่นอยู่กับการยกทัพทำศึกท่าเดียว ตนเองยังเคยรู้สึกสะใจอยู่บ้าง คิดถึงตอนแรกที่เขารีบร้อนเข้าพิธีอภิเษก ยิ่งเห็นฉู่จวินถิงปฏิเสธการแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่า และเสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ทรงกังวลเรื่องพิธีอภิเษกของเขาไม่หยุด ในขณะที่เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการรบทัพจับศึก ในใจยังเคยนึกสะใจอยู่บ้าง ทว่าบัดนี้เรือนชั้นในของเขาวุ่นวายปั่นป่วนจนกลายเป็นสภาพนี้ไปแล้ว ทว่าฉู่จวินถิงในตอนนี้กลับเป็นที่ชื่นชมของทุกคนไม่ขาดปาก จริงดังคำกล่าวที่ว่าสามสิบปีแม่น้ำประจิม สามสิบปีแม่น้ำบูรพา ไม่ถึงตอนสุดท้าย

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status