Mag-log inนับตั้งแต่แต่งงานกันมา พวกเขาก็เข้านอนด้วยกันมาตลอด พอมาวันนี้กลับกลายเป็นว่าไม่มีคนข้างกาย ก็ถึงกับนอนไม่หลับฉู่จวินถิงฟังออกถึงความพึ่งพาตนในสุ้มเสียงของหญิงสาว ฉู่อ๋องโอบนางเข้าหาอ้อมกอดเบา ๆ“ข้าเองก็เหมือนกัน เจ้าไม่อยู่ข้างกายข้า มักรู้สึกไม่คุ้นชิน”ซ่งรั่วเจินพิงศีรษะลงบนบ่าชายหนุ่ม รับสัมผัสยามอยู่ในอ้อมกอดนี้ หัวใจที่เคยเป็นกังวลเองก็คลายลงแล้ว“เสด็จพ่อตรัสว่ารอให้เจ้าคลอดบุตร จะสถาปนาข้าเป็นรัชทายาท”ซ่งรั่วเจินอึ้งงัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมอกเขา “ว่าอย่างไรนะ?”ฉู่จวินถิงหัวเราะเบา ๆ “ตอนข้าได้ยินเสด็จพ่อรับสั่ง ก็มีท่าทีตอบสนองไม่ต่างจากเจ้าเลย”“เสด็จพ่อรับสั่งจริงหรือเพคะ?” ซ่งรั่วเจินอดถามไม่ได้ คิดจะสถาปนารัชทายาทก็สถาปนาเถอะ เหตุใดต้องมาโยงกับการที่นางจะมีลูกหรือไม่มีด้วยเล่า?“เสด็จพ่อคงไม่นำเรื่องนี้มาล้อเล่น คาดว่าอาจเพราะยังไม่ถึงเวลาอันเหมาะสม”“รอให้ลูกของพวกเราลืมตาดูโลกก่อน พระองค์ก็อาจจะฉวยโอกาสนี้สถาปนาเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท”ซ่งรั่วเจินมองรอยยิ้มในแววตาของเขา เอ่ยปรามเบา ๆ “หากหม่อมฉันคลอดเป็นลูกสาวจะทำเช่นไร?”“ข้ากลับชอบลูกสาวมาก ส่วนเสด
ซ่งรั่วเจินได้พบฉู่จวินถิงก็เป็นยามบ่ายแล้วนางมองบุรุษที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ต่อมาเพ่งพิศอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีบาดแผลภายนอกชัดเจน ก็ถลันขึ้นไปเอื้อมมือจะเปิดเสื้อเขาขึ้นดูฉู่จวินถิงเห็นว่าฮูหยินของตนไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะถอดเสื้อเขาออก จึงรีบกล่าว“ฮูหยิน ที่นี่ยังเป็นด้านนอก หากเจ้าอยากดู พวกเรากลับเข้าห้องแล้วค่อยดูเถิด”ได้ยินเสียงเย้าของชายหนุ่ม ครู่ต่อมาซ่งรั่วเจินเหลือบตาดุเขาหนึ่งที “ท่านบาดเจ็บหนักมากหรือไม่?”ฉู่จวินถิงโอบเอวคอดกิ่วของฮูหยินตน ลดเสียงลงปลอบเบา ๆ “ไม่หนัก เพียงแผลถลอกเล็กน้อย เป็นข้าผิดเอง ทำให้ฮูหยินต้องเป็นกังวล”“ทั้ง ๆ ที่ท่านรู้ดีว่าไต้ซือเสวียนหยางจับตัวยาก การไปคราวนี้อันตรายอย่างยิ่ง เหตุใดท่านยังลงมือด้วยตนเองอีกเล่า?”สีหน้าซ่งรั่วเจินไม่สบอารมณ์ นางเคยเตือนมาก่อนแล้ว อย่างไรเสียคนเช่นไต้ซือเสวียนหยาง ฝีมือย่อมไม่ธรรมดาจนตรอกขึ้นมาก็อาจทำได้ทุกอย่างในฐานะคนสำนักวิชาเต๋าเช่นเดียวกัน นางย่อมรู้ดียิ่งนัก เมื่อถึงคราที่ตอบโต้กลับอย่างจริงจัง ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย“เป็นความผิดของข้า ทำให้ฮูหยินกังวลแล้ว”ฉู่จวินถิงเอ่ยขอโท
“ท่านอ๋อง ไต้ซือเสวียนหยางเป็นคนสนิทของท่าน ซื่อสัตย์ภักดีต่อท่านมาโดยตลอด ต่อให้เขาถูกจับตัวจริง คาดว่าเขาไม่มีวันหักหลังท่านแน่” ชายผู้นั้นรีบเอ่ยเหลียงอ๋องหัวเราะเย้ยทีหนึ่ง แต่แสงในดวงตากลับหม่นลง“ต่อให้เสวียนหยางไม่หักหลังข้า แต่หากเขาไม่อยู่ข้างกายข้า น่ากลัวว่าข้าก็คงไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย”จู่ ๆ ภายในสมองของเขาก็นึกถึงสีหน้าแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุดตอนที่ไต้ซือเสวียนหยางรู้ข่าวว่าฉู่อ๋องแต่งกับซ่งรั่วเจินตอนนั้นเขาเอ่ยว่าซ่งรั่วเจินไม่น่าจะมีดวงชะตาเช่นนั้น ทั้งยังไม่มีวันแต่งงานเข้าราชวงศ์ แต่นางกลับแต่งเข้ามาแล้ว ส่วนฉู่อ๋องเดิมทีมีดวงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนตาย แต่กลับมีฮูหยินเข้ามาเคียงข้างตอนนี้ลองคิดดูแล้ว ทุกความแปรผันเริ่มต้นจากวันนั้นทั้งสิ้นหากตอนนั้นสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล เขาฆ่าซ่งรั่วเจินทิ้งไป บัดนี้เรื่องทุกอย่างคงไม่เป็นเช่นนี้เพียงน่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่มีโอสถถอนความรู้สึกผิด จะเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปแล้วนับแต่ฉีชิงอีรู้ว่าท่านอ๋องถูกกักบริเวณเพราะอยู่กับอูเยว่เอ๋อร์ อารมณ์นางก็ขุ่นมัวอยู่ตลอดพันคิดหมื่นคาดอย่างไรนางก็คิดไม่ถึงเลยว่านางแพศยาค
จวนเหลียงอ๋อง วินาทีที่เหลียงอ๋องรู้ว่าเรื่องนี้ล้มเหลว เขาก็ตกอยู่ในห้วงความบ้าคลั่งทันที “ขนาดนี้แล้วยังให้ซ่งรั่วเจินหนีรอดไปได้อีกหรือ? เหตุใดนางจึงมีฝีมือเช่นนั้น!” เดิมทีเขาไม่คิดจะรีบร้อนขนาดนี้ แต่เพราะไอ้โง่อูเยว่เอ๋อร์นั่น ทำให้เขาต้องถูกกักบริเวณอยู่ในจวน ดูเหมือนเป็นเวลาแค่สามเดือน ทว่าบัดนี้ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญ ไม่อาจออกไปได้เป็นเวลานานขนาดนี้ ด้วยฝีมือของฉู่จวินถิง เกรงว่าจะสามารถทำให้เขาหมดโอกาสพลิกสถานการณ์! ท่ามกลางสถานการณ์จนปัญญา สิ่งที่เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ให้ฉู่จวินถิงต้องตกอยู่ในห้วงปัญหาไม่รู้จบ แผนนี้สำหรับเขาแล้วเป็นไม้ตาย ก่อนหน้านี้ไม่เคยใช้มาก่อน เพียงครานี้จำเป็นต้องใช้แล้ว และต้องสำเร็จแน่ เพียงแต่ว่า เขาไม่คิดเลยว่า ซ่งรั่วเจินจะมีฝีมือถึงเพียงนี้ แม้แต่กลอุบายนี้ก็ยังสามารถจัดการได้ ไม่เพียงแต่ใส่ร้ายไม่สำเร็จ แต่ยังทำให้เขาเองที่อยู่ในปัญหาเสียเอง! “ท่านอ๋อง ไต้ซือเสวียนหยางก็ยังไม่คิดว่าซ่งรั่วเจินจะมีฝีมือเช่นนี้ กลอุบายนี้พิสดารนัก แม้แต่คนในสำนักวิชาเต๋าเองก็แทบไม่มีผู้ใดรู้จัก” “ต
“ท่านพ่อ ท่านยังจำเรื่องเต้าหู้เหม็นก่อนหน้านี้ได้หรือไม่?” หลังจากที่ซ่งรั่วเจินพูดจบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น หัวใจก็ต่างเกิดเสียงตึกตัก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดี “เช่นนั้นเจ้าก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วหรือ?” “แท้จริงแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหลียงอ๋องปิดบังเอาไว้อยู่ตลอด ร่างกายของเขาหายดีตั้งนานแล้ว เพียงแต่แสร้งภายนอกทำเป็นคนขี้โรคเท่านั้นเอง” ซ่งรั่วเจินไม่ได้ปฏิเสธ บัดนี้การฟาดฟันกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป “เขารวบรวมผู้มีที่เก่งกาจเหนือคนไว้ลับหลังเพื่อทำงานให้เขา ก่อนหน้านี้ฉู่อ๋องอยู่ชายแดนมาตลอด จึงไม่ได้กระทบอะไรต่อเขา” “เพียงแต่เพราะในช่วงไม่นานนี้ ฉู่อ๋องได้ทำเรื่องดีเอาไว้หลายเรื่องติดต่อกัน จนได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ทำให้เขารู้สึกถูกคุกคาม จึงเริ่มลงมือเล่นงานพวกเรา” “จวนฉู่อ๋องคุ้มกันแน่นหนา ข้ากับท่านอ๋องก็ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ทำให้เขาไม่มีโอกาส เพราะแบบนี้เขาจึงคิดเล่นงานท่านพ่อ เพื่อใช้เรื่องนี้มาบีบข้าแทน” กู้หรูเยียนในแววตาเต็มไปด้วยความกังวล “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เล่า? เหลียงอ๋องในยามปกติภายนอกสุภาพ อ่อ
สองแม่ลูกสบตากันแวบหนึ่ง ความคิดของพวกเขาเรียกได้ว่าเหมือนกัน ฉู่จวินถิงพยักหน้า “เสด็จแม่วางใจเถิด เรื่องนี้กระหม่อมจะจัดการให้เหมาะสมแน่ ไม่ให้พระองค์ต้องเป็นกังวล” “ตั้งแต่เด็กเจ้าก็ไม่ทำให้เสด็จแม่วุ่นวายใจ ข้ารู้ดี แท้จริงแล้วตลอดหลายปีนี้ เป็นข้าที่ติดหนี้เจ้ามาตลอด ไม่อาจดูแลเจ้าให้ดีได้” ฮองเฮานึกได้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา จวินถิงต้องนำทัพไปรบภายนอกมาตลอด นางอยู่ห่างไกลนับพันลี้ อยากดูแลก็ไร้หนทาง บัดนี้ต่อให้กลับมาแล้ว กลับยังมีภัยอันตรายมากมายเช่นนี้ แต่นางเชื่อมั่นในความสามารถของจวินถิง รอให้จัดการตัวเคราะห์ภัยอย่างเหลียงอ๋องผู้นี้ได้แล้ว องค์ชายพระองค์อื่นย่อมต้องเกรงกลัว ในใจนางก็ปรารถนาให้จวินถิงได้เป็นรัชทายาท เพียงแต่ว่าทั้งหมดนี้ยังต้องดูพระประสงค์ของฮ่องเต้ “เสด็จแม่ ปกป้องบ้านเมืองก็เป็นเรื่องที่กระหม่อมควรทำอยู่แล้ว พระองค์ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย” ฉู่จวินถิงไม่เคยบ่นที่ต้องลำบากอยู่ภายนอกมาหลายปี เขารู้สึกมาตลอดว่าเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว หากไม่สามารถเอาชนะศึกได้ ก็จะมีผู้คนเพิ่มมากขึ้น ที่ต้องพลัดถิ่นไร้บ้าน...... ครั้นถึงยามอาหารเท







