“ข้าจะไม่มีวันแพ้นังแพศยานั่น นางคิดจะใช้กลอุบายหลอกผีมาทำร้ายข้า ไม่มีทางเสียหรอก!”ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทาหันมามองหน้ากัน พวกเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางวิญญาณ แต่สภาพของมารดาในตอนนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก“ท่านโหว สองวันนี้ทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่มาดูข้า?” หลี่ว์เหวินซิ่วถาม“ท่านพ่ออยู่ที่เรือนนั้นตลอด ได้ยินว่าพี่ใหญ่พบอวี้เยว่หลิงเมื่อคืน แต่ท่านพ่อกลับไม่เห็น ดังนั้นท่านถึงได้ซึมเซาเป็นเช่นนี้ตลอดทั้งวัน”ไป๋จวิ้นเทาเพิ่งจะไปหาไป๋เฉิงหงมา แต่เขากลับเพียงแค่สั่งให้ไปตามหมอมารักษามารดา ส่วนตนเองยังคงอยู่ในเรือนนั้นโดยไม่มีท่าทีว่าจะออกมาเลย“ทำไมกัน? นังแพศยานั่นตายไปแล้ว เขายังจะคอยคิดถึงนางอีกหรือ?”ในดวงตาของหลี่ว์เหวินซิ่วเต็มไปด้วยความไม่ยอม ทั้ง ๆ ที่นางคือภรรยาที่ท่านโหวแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามพิธี แต่เพราะในตอนนั้นร่างกายของนางไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เสียที ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ชอบหน้านางในตอนนั้นมีหญิงมากมายที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเป็นอนุภรรยา แต่นางไม่ยอมให้อนุเหล่านั้นตั้งครรภ์และชิงความโดดเด่นไปก่อน และไม่ต้องการถูกผู้คนหัวเราะเยาะว่าไม่มีลูก จึงเป็นฝ่าย
ราตรีดำมืดดุจน้ำหมึกสีเข้ม รอบข้างเงียบสงัด แม้ในเรือนจะจุดเทียน แต่ทันทีที่เสียงกรีดร้องของหลี่ว์เหวินซิ่วดังขึ้น ก็ทำให้ทุกคนต่างสะดุ้งด้วยความหวาดกลัว“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป?”สองพี่น้องไป๋จวิ้นอวี่พุ่งตัวเข้าไปในห้อง ก็เห็นหลี่ว์เหวินซิ่วใช้มือทั้งสองข้างบีบคอตนเองอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว ราวกับจะบีบคอตนเองจนตาย“ท่านแม่ อย่าทำให้พวกเราตกใจเช่นนี้เลย!”สายตาของไป๋จวิ้นเทาเต็มไปด้วยความหวาดผวา ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้แต่ก้าวเดียว“เร็วเข้า ท่านหมอ รีบมาดูอาการของท่านแม่ข้า!” ไป๋จวิ้นอวี่ตะโกนอย่างร้อนรนแต่เมื่อหมอหลายคนเห็นฉากแปลกประหลาดนี้ ไหนเลยจะมีใครกล้าเข้าใกล้ พวกเขาต่างพากันวิ่งหนีออกไปด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับร้องตะโกนว่า“ผีหลอก!”“ผีหลอกแล้ว!”ไป๋จวิ้นอวี่รู้สึกโกรธจัด แต่ทำได้แค่วิ่งเข้าไปพร้อมตะโกนเรียกให้ไป๋จวิ้นเทามาช่วยกันแกะมือของหลี่ว์เหวินซิ่วออก แต่กลับพบว่าหลี่ว์เหวินซิ่วมีแรงมากผิดปกติ แม้พวกเขาสองคนร่วมกันก็ยังไม่สามารถปลดมือออกได้ทันใดนั้น หลี่ว์เหวินซิ่วพลันเปลี่ยนมาบีบคอไป๋จวิ้นอวี่แทน ในดวงตาของนางเต็มไปด้
“เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าเพียงคนเดียวที่ได้ยิน ซวงซวงก็ได้ยินเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาน่าจะไปแล้ว”สีหน้าของสวีเฮ่ออันเปลี่ยนไปทันที “อะไรนะ?”ทันใดนั้น สวีเฮ่ออันก็ไม่สนใจจะพูดอะไรอีก รีบเร่งตรงไปยังตระกูลซ่งทันที เรื่องที่อวิ๋นเฉิงเจ๋อถูกลอบโจมตีในวันนี้ อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน ฉินซวงซวงมีเรื่องบาดหมางกับซ่งรั่วเจินอยู่ก่อนแล้ว หากคืนนี้จับโอกาสได้ ไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเกิดข่าวลืออะไรขึ้นบ้าง......ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูจวนตระกูลซ่งดังสนั่น ผู้คุ้มกันเปิดประตูออก มองไปที่กลุ่มของไป๋จวิ้นอวี่ด้วยความประหลาดใจ“พวกเราต้องการพบซ่งรั่วเจิน! รีบให้พวกเราเข้าไปเดี๋ยวนี้!”ไป๋จวิ้นอวี่ร้อนรนจนทนไม่ไหว หากไม่รีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้แล้ว!บ่าวในจวนตระกูลซ่งมองหน้ากัน ก่อนจะนึกถึงคำสั่งที่แม่นางของพวกเขาเคยสั่งไว้ จึงไม่ขัดขวางทว่าทันทีที่ไป๋จวิ้นอวี่และกลุ่มคนเข้ามาในจวนตระกูลซ่งได้ไม่นาน ไป๋จื่อมู่และไป๋เฉิงหงก็ได้ข่าวและรีบตามมาทันทีพวกเขาไม่คาดคิดว่าไป๋จวิ้นอวี่และคนอื่น ๆ จะก่อเรื่องเช่นนี้ กลุ่มคนมากมายมาบุกจวนตระกูลซ่งในยาม
หลี่ว์เหวินซิ่วมองเส้นดำบนฝ่ามือตนเองอย่างตกใจ เหลือเพียงนิดเดียวเส้นนั้นก็จะถึงปลายนิ้ว นางตกใจจนล้มทรุดลงกับพื้น “เหตุ...เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...”ไป๋เฉิงหงและคนอื่น ๆ เห็นเส้นดำชัดเจนบนมือของหลี่ว์เหวินซิ่ว ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกส่วนหนึ่งเพราะรู้ว่าหลี่ว์เหวินซิ่วเหลือเวลาอีกเพียงเล็กน้อย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะตะลึงกับความสามารถของซ่งรั่วเจิน เดิมทีเส้นนั้นไม่มีอยู่เลย แต่เพียงแค่นางวาดยันต์ ทุกอย่างก็ปรากฏออกมา“ซ่งรั่วเจิน เจ้ารีบช่วยข้า ข้าไม่อยากตาย!”หลี่ว์เหวินซิ่วมองดูเส้นดำที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปยังปลายนิ้ว นางไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ท่านไม่อยากตาย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเยาะเบา ๆ นางเกลียดคนอย่างหลี่ว์เหวินซิ่วที่สุดคนที่ไม่เคยเห็นค่าชีวิตของผู้อื่น ชอบชี้นิ้วสั่งการไปทั่ว แม้แต่ตอนที่ขอให้คนช่วยเหลือก็ยังทำตัวสูงส่ง ไม่รู้เลยว่าเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน?“ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีวิธีช่วยข้า แต่กลับตั้งใจไม่ช่วย ไยเจ้าช่างอำมหิตนัก?”หลี่ว์เหวินซิ่วโกรธจัด แล้วหันไปชี้นิ้วใส่ไป๋จื่อมู่ด้วยความเดือดด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าขอพูดให้ชัด ข้าจะไม่เอาทรัพย์สินจากจวนโหวแม้แต่น้อย““นับจากวันนี้ไป ข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนไป๋โหวอีกต่อไป!”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ไป๋จวิ้นอวี่และไป๋จวิ้นเทามองหน้ากันด้วยความยินดีที่แทบปกปิดไม่มิดส่วนไป๋เฉิงหงสีหน้าย่ำแย่ “เจ้าพูดบ้าอะไร? เจ้าคือบุตรของข้า จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนโหวได้อย่างไร?”“ข้าและท่านแม่ของข้าไม่ควรจะอยู่ในจวนโหวตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนั้นนางคิดจะพาข้าไป แต่ท่านที่ขัดขวางนางไว้”“ตอนนี้ข้าอยู่ในจวนโหว ก็กลายเป็นหนามยอกอกของพวกเขามานานแล้ว แม้แต่ท่านพ่อเมื่อครู่ก็ยังไม่เชื่อข้าเลยมิใช่หรือ?”ในดวงตาของไป๋จื่อมู่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้ความจริง แม้เขาจะเกลียดหลี่ว์เหวินซิ่ว แต่คนที่เขาเกลียดมากกว่าคือไป๋เฉิงหงเพราะหลี่ว์เหวินซิ่วไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง แต่ไป๋เฉิงหงคือบิดาของเขา ชายที่เคยหลอกลวงมารดาของเขา ทำลายชีวิตนาง และปิดบังความจริงจากเขามาตลอดหากไม่ใช่เพราะแม่นมสวี เขาคงตายไปแล้ว เช่นเดียวกับมารดาของเขาแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไป๋เฉิงหงกลับยังสงสัยว่าเขาวางแผนใส่ร้ายหลี่ว์เหวินซิ่ว
พลั่ก!ซ่งจืออวี้ยกเท้าถีบไป๋จวิ้นอวี่อย่างไม่ลังเล กล้าคิดแตะต้องน้องสาวของเขาต่อหน้าต่อตา อยากตายนักหรือ!ขณะเดียวกัน ฉู่จวินถิงก็ลงมือด้วยเช่นกันฉู่จวินถิงเหวี่ยงพัดในมือไปออกไป มันพุ่งกระแทกใบหน้าของไป๋จวิ้นอวี่อย่างรุนแรง!ไป๋จวิ้นอวี่ล้มลงอย่างแรง มือเท้าชี้ขึ้นฟ้าอย่างไม่เป็นท่า ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาที่หน้าท้อง ใบหน้าบวมเป่ง เลือดกำเดาไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง สภาพของเขาช่างน่าเวทนายิ่งนักซ่งจืออวี้หันไปมองฉู่อ๋องด้วยความแปลกใจ เขาจะปกป้องน้องหญิงห้าของเขาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เหตุใดฉู่อ๋องถึงได้ลงมือปกป้องน้องหญิงห้าเช่นกัน?พัดเล่มนั้น...ดูท่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกระมัง?แต่กลับโยนทิ้งไปแบบนี้!ซ่งรั่วเจินมองสอง ‘ผู้พิทักษ์’ ข้างกาย นางได้แต่ถอนใจเบา ๆ ในใจว่า ‘ยังไม่ทันได้ให้โอกาสนางลงมือเลย!’ขณะเดียวกัน ไป๋จวิ้นเทาคว้าคอเสื้อไป๋จื่อมู่ไว้แน่น พร้อมพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า“ไป๋จื่อมู่ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่? ท่านแม่ข้าเลี้ยงเจ้ามาหลายปี เจ้ากลับร่วมมือกับซ่งรั่วเจินเพื่อฆ่านาง ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”“พรุ่งนี้ข้าจะให้ทุกคนรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้า พวกเจ้าสมคบคิ
คนต่ำช้าพวกนี้!“อั่ก!”หลี่ว์เหวินซิ่วกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองจับจ้องซ่งรั่วเจินเขม็ง“ข้าพูดออกมาหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าควรช่วยข้าได้แล้วกระมัง?”“ถ้าท่านขอร้องข้าตั้งแต่สามวันก่อน ข้าพยายามสุดความสามารถอาจยังช่วยเหลือท่านได้ แต่ข้าก็บอกแล้วว่าหากผ่านพ้นคืนนั้นไป พระหรือเทพก็ยากจะช่วยเหลือได้แล้ว”“ตอนนี้ไอพยาบาทแทรกซึมเข้าร่างท่านมากจนกลายเป็นไอมรณะ นอกจากนี้ คนที่ถูกท่านทำร้ายจนตายก็ไม่ยินดีอโหสิกรรมให้ท่าน ข้าทำได้เพียงช่วยยื้อเวลาให้ท่านเท่านั้น” ซ่งรั่วเจินตอบด้วยสีหน้าลำบากใจไป๋จวิ้นเทาหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเจ้าช่วยไม่ได้งั้นรึ?”“ท่านช่วยได้งั้นรึ?” ซ่งรั่วเจินย้อนถาม“เจ้าช่วยไม่ได้แล้วมาอวดดีอยู่ตรงนี้ทำไม? หากแม่ข้าตาย เจ้าก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้!”ไป๋จวิ้นเทาตวาดเสียงกร้าว ทว่าชั่วพริบตาถัดมาก็ถูกฝักดาบฟาดอย่างรุนแรงจนสลบไป“หนวกหู”ฉู่จวินถิงแววตาเฉยเมย ถ้อยคำเพียงสองพยางค์กลับทำให้ทุกคนจากจวนสกุลไป๋ไม่กล้าโวยวายอีกแม้แต่คำเดียวไป๋จวิ้นอวี่เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว มีบทเรียนให้เห็นเมื่อครู่จึงเพียงถามเสียงอ่อน“แม่นางซ่ง เจ้าเ
“ท่านอ๋อง ส่งน้องหญิงห้ามาให้กระหม่อมเถิะพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่งจืออวี้กล่าวขึ้นอย่างอดไม่อยู่ฉู่จวินถิงฝีเท้าเร็วยิ่ง น้ำเสียงเร่งร้อน “รถม้าอยู่ข้างนอก รีบไปหาหมอสำคัญกว่า”ซ่งรั่วเจินรู้สึกได้ว่าน่าจะพ้นสายตาคนสกุลไป๋แล้วจึงลอบลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมาดูลาดเลา แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความร้อนใจของฉู่จวินถิงท่าทางแบบนั้น...ร้อนใจจริงๆ ด้วย“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ” ซ่งรั่วเจินกระซิบบอก “หม่อมฉันจงใจแสดงละครตบตาพวกเขาเพคะ”ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอด ดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นซีดขาว แลดูอ่อนแออย่างยิ่ง ขณะพูดจาแววตาหลุกหลิก สะท้อนความร้อนตัวออกมาหลายส่วน เขานึกฉุนจนหัวเราะออกมา“แสดง? แล้วทำไมหน้าเจ้าถึงซีดขนาดนั้น?”“ดีชั่วอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นหมอคนหนึ่งเหมือนกันนะเพคะ แสร้งเป็นลมก็พอจะมีชั้นเชิงอยู่บ้าง” ซ่งรั่วเจินอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนแสร้งเป็นลมแสร้งโง่ ทักษะจำเป็นแบบนี้จะขาดไปได้อย่างไรกันเล่า?ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยความอ่อนใจ “จู่ๆ เจ้าจะแสร้งเป็นลมทำไม?”“ถ้าหม่อมฉันไม่แสร้งเป็นลม คนสกุลไป๋สองคนนั้นจะยอมปล่อยหม่อมฉันไปหรือเพคะ? ท่าทางเหมือนสุน
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที