ซ่งปี้อวิ๋นสบมองเซียงอ๋องสามีภรรยาที่สนทนาอย่างออกรสออกชาติกับคนสกุลซ่งอยู่ไกลๆ ไม่สบอารมณ์ภายในใจทั้งๆ ที่ล้วนเป็นปู่ทวดคนเดียวกัน แต่บัดนี้สกุลซ่งของพวกเขาและจวนแม่ทัพซ่ง เทียบกันแล้วกลับแย่กว่าไม่น้อย!“หยวนจื่อ เจ้าว่าวันนี้ซ่งรั่วเจินจู่ๆ ก็วิ่งมาที่จวนเซียงอ๋อง คงไม่ใช่ถอนหมั้นแล้วก็หมายตาซื่อจื่อหรอกกระมัง?”ซ่งปี้อวิ๋นกังวลอย่างอดไม่ได้ เมื่อแรกยามได้รู้ว่าซ่งรั่วเจินถอนหมั้น นางก็รู้สึกมีความสุข ถือสิทธิ์อะไรล้วนเป็นคนสกุลซ่ง ซ่งรั่วเจินก็สามารถแต่งเข้าจวนโหวได้?เห็นว่านางเสียการแต่งงานที่ดีไปแล้ว อายุเองก็มากแล้ว คาดว่าไม่สามารถแต่งงานกับคนดีได้อีก ไม่คาดคิดวันนี้ถึงขั้นได้พบกันที่จวนเซียงอ๋อง ต้องรู้ว่าตัวนางเองก็จ่ายหนักมากถึงสามารถอาศัยเคอหยวนจื่อมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของจวนเซียงอ๋องได้เคอหยวนจื่อหันไปมอง เห็นคนสกุลซ่งสนทนาอย่างออกรสออกชาติไม่ผิดไปดังคาด สายตาตกลงบนตัวซ่งเยี่ยนโจวและซ่งอี้อัน เอ่ยปากว่า“ได้ยินมาว่าเซียงอ๋องและเจ้ากรมอาญาต่งรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ความสัมพันธ์ไม่เลว คาดว่าสกุลซ่งเองก็อาศัยความสัมพันธ์ของสกุลต่งถึงมีโอกาสได้พูดคุยกับเซียงอ๋องสามีภรรยา
ทว่าหลังพูดจบ ฝ่ายชายก็ดึงสติกลับมา รู้ว่าแม่นางซ่งตรงหน้าไม่มีวันจำเขาได้ซ่งรั่วเจินมองฝ่ายชายตรงหน้า ใบหน้าเผยรอยยิ้ม “ซื่อจื่อ?”“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือซื่อจื่อ?” ฉู่จิ่นหวยเอ่ยถามอย่างแปลกใจซ่งรั่วเจินยกมุมปาก “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันและซื่อจื่อเคยพบหน้ากันหนึ่งครั้งเพคะ”“เจ้าจำได้จริงหรือ?” ฉู่จิ่นหวยเบิกตากว้าง “ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่ แต่เพราะใบหน้าข้านี้จึงจำข้าได้?”“หม่อมฉันยังจำได้ เพียงแต่คิดไม่ถึงท่านจะเป็นซื่อจื่อของจวนอ๋อง”ฉู่จิ่นหวยยิ้มกว้างยิ่งขึ้น โค้งคำนับต่ำๆ ทีหนึ่ง “แม่นางซ่ง เมื่อแรกขอบคุณเงินช่วยชีวิตของเจ้ามาก มิเช่นนั้น เกรงว่าตอนนี้ข้าก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดว่าข้ามีความหวังจะได้พบท่านพ่อท่านแม่”แม้ว่าระยะนี้อยู่ในจวนอ๋องค่อยๆ ปรับตัวได้แล้ว แต่นึกถึงเรื่องทั้งหมดในตอนแรก เขายังสลดใจอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงหากมิใช่เพราะวาสนาดีได้พบซ่งรั่วเจิน ชาตินี้ของเขาก็จบสิ้นแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอกาสได้พบบิดามารดา จนกระทั่งตายไปก็ยังไม่รู้ว่าตกลงตนเองเป็นใคร“ซื่อจื่อไม่ต้องเกรงใจ ท่านกับข้าได้พบกันในตอนแรกก็คือวาสนา เกรงว่าตอนนี้ไม่รู้มีค
“ท่านกล้าตบข้า! ท่านถือสิทธิ์อะไรตบข้า?”สีหน้าซ่งปี้อวิ๋นแดงจัด โมโหถลันขึ้นมาต้องการฉีกหน้าซ่งรั่วเจิน ฉู่จิ่นหวยส่งสัญญาณทีหนึ่ง บ่าวน้อยข้างกายก็ขวางคนไว้แล้ว“ซื่อจื่อ ญาติผู้น้องของข้าไม่รู้มารยาทล่วงเกินท่าน ข้าสั่งสอนแทนไปแล้ว ท่านโปรดระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินทำความเคารพพลางพูดถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ดวงตาซ่งปี้อวิ๋นเบิกกว้าง ไอโทสะในตอนแรกหายวับไปในทันใด กลายเป็นเหลือเชื่อระคนว้าวุ่น“อะไรนะ? เขาคือซื่อจื่อ?”ชายที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อนตรงหน้าคนนี้ถึงขั้นเป็นซื่อจื่อ?ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่และรัศมีสูงศักดิ์ อีกทั้งยังแปลกหน้ามาก นี่ก็คือซื่อจื่อไม่ใช่หรือ?ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนไม่เคยพบซื่อจื่อมาก่อน ย่อมมองไม่ออก เมื่อครู่นางคิดเพียงว่าซ่งรั่วเจินรู้จักจะต้องไม่ใช่คนดีอะไร ถึงขั้นลืมความเป็นไปได้นี้ไป!“เมื่อครู่เจ้าพูดเหลวไหลไม่น่าฟังจริงๆ ยังไม่รีบขอขมาซื่อจื่ออีก?”ซ่งรั่วเจินเหล่มองซ่งปี้อวิ๋นแวบหนึ่ง แม้พูดว่านับตั้งแต่ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย นางเพิ่งเคยพบหน้าญาติผู้น้องเป็นครั้งแรก แต่ภายในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกลับรู้ว่าญาติผู้น้องคนนี้ลึ
สีหน้าซ่งปี้อวิ๋นแดงเรื่อ นางไม่เคยได้รับความอับอายเพียงนี้มาก่อน นี่เห็นนางเป็นขอทานไปแล้วรึ?ยังใส่ข้าวให้นางนำกลับไปด้วย นี่นับเป็นอะไรกัน!“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ซ่งปี้อวิ๋นร้องไห้สะอึกสะอื้นจากไป ความคิดเล็กๆ ภายในใจหายไปจนเกลี้ยงเคอหยวนจื่อยืนเก้อกระดากอยู่ที่เดิม ไม่รู้ต้องทำเยี่ยงไรดี วันนี้บิดามารดานางก็มาด้วย หากนางเองก็ถูกไล่ออกไป นั่นยังไม่ทำให้ครอบครัวเสียหน้าอีกหรือ?เพราะเหตุนี้ นางทำได้เพียงกัดฟันทำความเคารพ “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้าทำพลาดไป ซื่อจื่อโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”ขอบตานางแดงเรื่อ สบมองฉู่จิ่นหวนอย่างโศกเศร้าแวบหนึ่ง คล้ายกำลังหวังให้เขาพูดปลอบตนเองหนึ่งประโยคเพียงน่าเสียดาย ฉู่จิ่นหวยโบกมืออย่างรังเกียจ “จะร้องก็ไปร้องที่อื่น เห็นแล้วอัปมงคล!”ความคิดของเคอหยวนจื่อมลายหายไปในทันใด ซื่อจื่อที่ตามหากลับมาไม่ได้เรื่องไม่ผิดไปดังคาด แม้แต่เกียรติขั้นพื้นฐานก็ไม่มี!ซ่งรั่วเจินมองฉู่จิ่นหวยอย่างแปลกใจ เมื่อครู่ฉู่จิ่นหวยและนางสนทนากันอย่างเกรงใจ แต่ท่าทีที่มีต่อสองคนนี้กลับแตกต่างออกไปฉู่จิ่นหวยเลื่อนสายตาก็สังเกตเห็นแววตาแปลกใจของซ่งรั่วเจิน พูดอย่างเก้อกระดาก
ซ่งรั่วเจินมองผ่านสีหน้าฉู่จิ่นหวยก็เข้าใจว่าตอนนี้เขาเองก็ลำบากแม้ไม่มีชีวิตตรากตรำอดอยากอีกแล้ว ทว่าในฐานะซื่อจื่อ ทุกคนต่างสนใจ คนข้างกายเองก็พรั่งพร้อมด้วยความมั่งคั่งและบารมีแม้ว่าต่อหน้าไม่พูด คนเยาะหยันลับหลังจะต้องมีไม่น้อย หากไม่ระวังทำเรื่องน่าขันจะกลายเป็นจุดอ่อนเอาได้ อยู่ในจวนอ๋องไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งมากมายนักหากเขาเป็นคนไม่ใส่ใจอะไร ตราบใดมีของกินของดื่มก็ช่างเถอะ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เป็นเช่นนั้น“ซื่อจื่อ ร่างกายท่านยังต้องดูแลให้ดีๆ ไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิเพราะเรื่องเหล่านี้”“เดิมทีก็เป็นความผิดของคนร้าย ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง หากมีคนเยาะหยันท่านเพราะเรื่องนี้ เกินกว่าครึ่งนั้นคือริษยา ในเมื่อสามารถทำให้พวกเขาริษยาได้ ก็เพียงพอให้พิสูจน์ว่าท่านแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขา”ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากปลอบโยน นางรู้ฉู่จิ่นหวยจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า ทว่าเพราะเพิ่งกลับมาจึงยังไม่เป็นอะไร แต่ต่อให้เริ่มแสวงหาความรู้ในตอนนี้ แม้ประสบความสำเร็จช้าแต่ก็สำเร็จฉู่จิ่นหวยชะงักเบาๆ คนที่ได้พบหลังเขากลับมาล้วนหาทางเอาใจเขาทีแรกเขาคิดว่าพวกเขาหวังด
จากนั้น เพียงนั่งลงก็สังเกตเห็นสายตาหลายคู่ หนึ่งในนั้นก็คือสายตาของถังเสวี่ยหนิงไม่เพียงแค่ถังเสวี่ยหนิง แม่นางคนอื่นสองสามท่านเองก็ทอดสายตามองนางอย่างดูเบา โอหังอย่างเห็นได้ชัดซ่งรั่วเจิน “...” นี่คือกำลังวางมาดโอหังหรือ?“แม่นางซ่ง เมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าและซื่อจื่อสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ หรือว่าก่อนหน้านี้เจ้ารู้จักกับซื่อจื่อ?”ถังเสวี่ยหนิงเลิกคิ้ว ลอบเยาะหยันภายในใจ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าซ่งรั่วเจินมีศักดิ์ศรี เห็นหลินจือเยว่สู่ขอภรรยาหลวงลำดับทัดเทียมกันจึงถอนหมั้นบัดนี้ได้เห็นนางเกี้ยวพาฉู่อ๋องก่อน ตอนนี้ก็เริ่มเกี้ยวพาซื่อจื่อ นี่คือต้องการแต่งกับคนระดับสูง ก็ไม่ดูตนเองบ้างว่ามีฐานะเยี่ยงไร คู่ควรหรือไม่!ซ่งรั่วเจินได้ยินก็ปรายตามองเคอหยวนจื่อนิ่งๆ แวบหนึ่ง เมื่อครู่ยามนางสนทนากับซื่อจื่อ มีเพียงเคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นรู้เรื่อง ซ่งปี้อวิ๋นถูกไล่ออกไปแล้ว เหลือเพียงนางเท่านั้นดูท่าแล้วในช่วงเวลานี้ เคอหยวนจื่อเล่าเรื่องออกไปแล้ว ความเร็วนับว่าว่องไวมากทีเดียว!เคอหยวนจื่อสังเกตเห็นสายตาของซ่งรั่วเจิน หลบสายตาอย่างประหม่า ลอบร้อนตัวภายในใจทั้งๆ ที่ไม่พบกันเ
ถ้อยคำนี้พูดออกไปแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเจี่ยงเหวินจิ้ง แม้แต่ถังเสวี่ยหนิงเองก็นั่งไม่ติดแล้ว วาจาของพวกเขาไม่น่าฟังจริงนั่นล่ะ แต่ซ่งรั่วเจินนี่คือกำลังด่าคน!“นี่เจ้าไปฟังมาจากที่ใด? เห็นได้ชัดว่าจงใจสร้างข่าวลือ!” พานเหราชี้หน้าด่าว่าซ่งรั่วเจินอย่างโมโห“ข้าตั้งใจสร้างข่าวลือ? พวกเจ้าต่างหากกระมัง?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว สายตาเย็นชาลงทีละน้อย“มองไม่ออกว่าเดิมทีข้าไม่อยากใส่ใจพวกเจ้ากระนั้น? แต่ละคนก็ไม่ดูตนเองบ้างว่านับเป็นตัวอะไร คิดว่าสองสามคนสมรู้ร่วมคิดกันมาเยาะหยันสองประโยคก็แสดงความยุติธรรมได้แล้วรึ?”“อยากสนทนากับซื่อจื่อเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไปด้วยตนเองเถอะ ไม่เห็นจะต้องคนอื่นพูดหนึ่งประโยคก็ริษยาตาแดงเช่นนี้ หน้าตาใจแคบเชิดหน้าชูตาไม่ได้โดยแท้!”“ข้าเห็นพวกเจ้าเช่นนี้ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่คล้ายคุณหนูสายตรง กลับคล้ายท่าทางของอนุคนหนึ่ง น่าสนใจจริงๆ”พริบตาต่อมาคนอื่นบนโต๊ะล้วนเบิกตากว้าง คิดเพียงว่าถ้อยวาจาของซ่งรั่วเจินคมกริบเกินไปแล้ว คำพูดเช่นนี้พูดลับหลังก็นับว่าใจกล้ามากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดว่าถึงขั้นพูดต่อหน้า!ฉีกหน้ากันจนหมดแล้วจริงๆ ไม่ไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อย!เพีย
“ข้ากลับสงสัยมากว่าท่านอ๋องพระชายาออกคำสั่งห้ามมิให้ใครพูดคุยกับซื่อจื่อหรือ? หรือว่าพวกเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของท่านอ๋องกับพระชายาได้?”“มิสู้ไล่ข้าออกไปโดยตรงเสียเลย หาไม่แล้วหากข้ายังอยู่ต่อไป มิใช่ว่าจะกลายเป็นข้าล่วงเกินจวนเซียงอ๋องหรอกหรือ?”เพราะการกระทำบนโต๊ะไม่เบา สองสามโต๊ะรอบข้างเองก็ได้ยินแล้ว เดิมทีงานเลี้ยงไม่มีอะไรน่าสนใจ กลับครึกครื้นขึ้นมาแล้ว“ข้าเห็นว่าซ่งรั่วเจินเองก็พูดได้ไม่เลว ต่อให้พูดคุยกับซื่อจื่อสองสามประโยคจริงยังมีอันใดพิเศษกันเล่า? ก็เพราะหัวใจสายตาสกปรกมองสิ่งใดก็สกปรก!”“ปกติพวกเจี่ยงเหวินจิ้งก็เชี่ยวชาญเรื่องรังแกคนมิใช่หรือ? แต่ละคนล้วนปากร้าย ดังนั้นทุกคนจึงเลือกเดินอ้อมไม่ขอข้องเกี่ยว ไม่ยอมสนใจพวกเขาเท่านั้นแล้ว”“เมื่อครู่ข้าได้ยินตอนพระชายาเซียงอ๋องและซ่งฮูหยินพูดคุยกัน ได้ยินว่าแม่นางซ่งใจดีมีเมตตา เมื่อแรกซื่อจื่อเร่ร่อนอยู่ภายนอกเกือบหิวตาย เป็นแม่นางซ่งไม่รังเกียจ มอบเงินก้อนหนึ่งให้เขา”“ซื่อจื่อจำเรื่องนี้ไว้อยู่ตลอด ดังนั้นถึงตั้งใจเชิญทั้งจวนสกุลซ่งมา ครั้นอยู่ในปากพวกเขาก็กลายเป็นซ่งรั่วเจินหาทางยั่วยวนซื่อจื่อ ทำเลยเถิดเกินไปจริงๆ!”
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที