ซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ ขณะกำลังเตรียมเขียนตำรับยาถอนพิษอยู่นั้น ก็เห็นฉู่จวินถิงช่วยนางหยิบพู่กันและกระดาษมาแล้วนางหันมองเขาแวบหนึ่ง หลังจากเริ่มคุ้นเคยกับเขา นางพบว่าชายคนนี้ใส่ใจมากจริงๆ ไม่เพียงไม่เย็นชาอย่างที่แสดงออกมา ตรงข้ามกันเขามักสังเกตเห็นรายละเอียดมากมาย คิดแทนนางไปทุกจุดไม่นาน ซ่งรั่วเจินก็เขียนตำรับยาออกมาดีแล้ว “ยึดตามตำรับยานี้ ต้มน้ำสามชามจนกลายเป็นน้ำหนึ่งชาม วันละสามครั้ง”ฉู่อวิ๋นกุยรับตำรับยามาอย่างมีไหวพริบ “ข้าจะให้คนไปเตรียมเดี๋ยวนี้เลย”“คุณชายหร่วนถูกพิษมาระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายยังอ่อนแอมาก หลังกินยากระบวนการถอนพิษจะต้องทรมานมากแน่”“นี่คือยาลูกกลอนที่ก่อนหน้านี้ข้าทำขึ้น หลังกินลงไปร่างกายจะดีขึ้น สามารถบรรเทาอาการปวดได้”ซ่งรั่วเจินหยิบยาที่ก่อนหน้านี้นางทำขึ้นออกมา ช่วงที่ผ่านมานางชอบทำยาลูกกลอนยามว่าง ภายในนั้นมียาทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังทำยาถอนพิษ ตระเตรียมไว้หลายชนิดหร่วนอวี้เฉิงสมเป็นลูกผู้ชาย หลังถูกพิษแล้วยังอดทนต่อความเจ็บปวดยามค่ำคืนอยู่ได้ แม้ไม่ใช่ยามค่ำคืน เวลาอื่นเขาก็อดทนต่อความเจ็บปวดอยู่ตลอดแม้ว่าสีหน้าเผือดซีด แต่
มิน่าเล่าทุกครั้งได้พบหน้าเสด็จพี่สามจึงคิดว่าเขาอารมณ์ดีมาก ที่แท้ก็เก็บของล้ำค่ามาได้นี่เอง!ในเวลาเดียวกัน ณ พระราชวังหลังฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกปวดเมื่อยทั่วทั้งสรรพางค์กาย สำคัญที่สุดคือได้รับบาดเจ็บโดยเสียเปล่าไปแล้ว ไม่บรรลุตามแผนที่วางไว้“เหตุใดอยู่ดีๆ เสด็จพี่ใหญ่ก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นได้เล่า?”เขารู้ว่าทุกครั้งยามเสด็จพี่ใหญ่ล่าสัตว์ชอบไปทิศทางใด ดังนั้นจึงยิ่งไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ เหตุใดเสด็จพี่ใหญ่ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ถึงขั้นช่วยเขาเอาไว้แล้ว!ไม่เพียงแค่นี้ แม้แต่ฉู่จวินถิงเองก็มาช่วยคนด้วย ทั้งๆ ที่วางอุบายไว้ดีแล้ว คนลำบากที่สุดกลับเป็นเขาเอง!จงเฟยได้รู้ว่าฉู่เทียนเช่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบเข้ามา สายตาปวดใจอย่างยิ่งยวด“เทียนเช่อ วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป? ล่วงเกินใครเข้าแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงต้องการฆ่าเจ้าเล่า!”“เสด็จแม่ ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร” ฉู่เทียนเช่อมิได้พูดมาก แต่ถามว่า “หลังข้าหมดสติไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”จงเฟยส่ายหน้า “เสด็จพ่อห่วงใยเจ้ามาก พูดว่าจะต้องหาคนร้ายออกมาให้ได้ เรื่องนี้มอบให้ศาลต้าหลี่ไปตรวจสอบ เชื่อว่าจะต้องสืบหาออกมา
“ฮองเฮาไม่ชอบนาง?”ฉู่เทียนเช่อประหลาดใจ หลุบตาครุ่นคิดก็เข้าใจแล้ว “ซ่งรั่วเจินเคยถอนหมั้นมาก่อน เกรงว่าฮองเฮาจะใส่ใจเรื่องนี้”หลายปีมานี้ฉู่จวินถิงแสดงออกได้อย่างโดดเด่น ต่อให้พวกเขาต้องการจับจุดอ่อนก็ไม่สำเร็จ เจ้าเด็กคนนี้ทำเรื่องใดล้วนไร้ช่องโหว่!สายตาของฮองเฮา มีเพียงสตรีชนชั้นสูงถึงจะคู่ควรกับเขา ฐานะของสกุลซ่งไม่อาจเทียบจวนอัครเสนาบดีได้หากเขาตบแต่งกับคุณหนูจวนอัครเสนาบดี มีอัครเสนาบดีเป็นแรงสนับสนุน ก็ย่อมมีความเป็นไปได้มากที่จะได้เป็นองค์รัชทายาท ทว่านางคิดไม่ถึงว่าวิชาศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจินยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ตราบใดที่ใช้มันได้อย่างถูกต้อง ผลลัพธ์ก็อาจเหนือชั้นกว่าหนึ่งขั้น!ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่ตำแหน่งชายารองเท่านั้น สามารถสู่ขอสตรีงามเช่นนี้คนหนึ่งได้ เขาย่อมยินดี“ฮองเฮาก็เป็นเช่นนี้ นั่นก็ไม่ชอบนี่ก็ไม่ชอบ นางมีชาติกำเนิดที่ดี คนอื่นมีชาติกำเนิดไม่ดีจะเข้าตานางได้อย่างไร?”จงเฟยยิ้มเย็น นึกถึงสายตายามได้พบนางเป็นครั้งแรกของฮองเฮา สูงส่งทระนงตน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นพวกเขาเหล่านี้อยู่ในสายตา รอเทียนเช่อได้เป็นองค์รัชทายาท นางกลับอยากเห็นว่าฮองเฮายังมีอะไรให
ใบหน้าของเขาลึกซึ้ง ลายเส้นไหลลื่น ยามสบมองนางนิ่งๆ สามารถมองเห็นถึงความรู้สึกลึกซึ้งและจริงจัง ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดหยอกเย้า แต่สายตาลุ่มลึกกลับสะท้อนความจริงจังชวนให้คนไม่สามารถเห็นเป็นเรื่องตลกได้ตอนนี้เอง ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงว่าที่อยู่ตรงหน้าก็คือปีศาจหนุ่มคนหนึ่งเขากำลังยั่วยวนตน!ที่น่ากลัวที่สุดคือ...นางใกล้ถูกยั่วยวนสำเร็จแล้ว“ท่านอ๋อง ถ้อยคำเช่นนี้ออกจากปากท่านดูแล้วไม่เหมาะสมเท่าใดกระมัง? หากคนอื่นได้รู้ว่าท่านอ๋องหน้าตายถึงขั้นเปล่งวาจาเช่นนี้ออกมา ก็ไม่รู้ว่าจะตกใจมากเพียงใด” ซ่งรั่วเจินพูดฉู่จวินถิงเลิกคิ้ว ดวงตาดำดุจหินอัคนีทมิฬใต้แสงจันทร์เปล่งประกายมากเป็นพิเศษ สุ้มเสียงชวนให้คนหวั่นไหวอย่างมาก“ยามข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่อ๋องหน้าตาย ยิ่งไปกว่านั้น...ยามอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ยังจะต้องการหน้าตาอะไรอีก?”ซ่งรั่วเจินชะงักเบาๆ คิดเพียงว่าชายคนนี้พูดเก่งเกินไปแล้วกระมัง!ต่อให้ท่อง ‘คาถาชำระจิตใจ’ ภายในใจก็ยังยากที่จะไม่ถูกปีศาจหนุ่มรูปงามเช่นนี้ล่อลวงฉู่จวินถิงเห็นดวงตาทอประกายระยิบระยับของฝ่ายหญิงจับจ้องเขา ยังเจือความรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อยอีกด้วย
“คารวะเซียวอ๋อง” ซ่งรั่วเจินทำความเคารพฉู่อี้ชวนพยักหน้า แม้รู้สึกตกตะลึงภายในใจ กลับไม่เผยอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้าเลยสักเศษเสี้ยว“เสด็จพี่ ท่านเขาไปนั่งด้านในก่อนสักครู่ น้องห้าอยู่ด้านใน” ฉู่จวินถิงเอ่ยปากเสียงเรียบ ท่าทีมีเหตุผลฉู่อี้ชวนชะงักเล็กน้อย สายตาของเขากวาดมองทั้งสองคน หยั่งเดาภายในใจว่าดึกถึงเพียงนี้แล้วคงมิใช่ว่าทั้งสองคนยังมีเรื่องอะไรให้ทำหรอกกระมัง?“ได้”ซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่าที่ฉู่จวินถิงพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริง เซียวอ๋องตั้งใจเดินทางมายามวิกาล เขาให้คนไปรอภายในจวน ยึดมั่นจะไปส่งนางกลับก่อน“ท่านอ๋อง หม่อมฉันนั่งรถม้ากลับไปก็พอ ท่านกลับเข้าไปก่อนเถอะ ประเดี๋ยวเซียวอ๋องจะคอยนาน” ซ่งรั่วเจินพูดสีหน้าฉู่จวินถิงไม่เปลี่ยนไป “เขารอสักครู่ได้ไม่เป็นไร ในเมื่อข้ารับเจ้ามา ย่อมต้องพาเจ้าไปส่งอย่างปลอดภัย”“หม่อมฉันรู้ท่านกังวลความปลอดภัยของหม่อมฉัน ถ้าอย่างนั้นก็สามารถให้อวิ๋นหยางส่งหม่อมฉันกลับไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้คนที่หม่อมฉันล่วงเกินล้วนถูกจับไปแล้ว ไม่มีวันมีคนลงมือกับหม่อมฉันอีก”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ บัดนี้พวกฉินซวงซวงถูกขังอยู่ภายในคุก ไม่มีโ
“น้องสาม เจ้าได้ข่าวมากระนั้นหรือ?”ฉู่อี้ชวนมีสีหน้าจริงจัง หลังจากที่เขากลับไปก็รู้สึกว่าทุกอย่างในเรื่องนี้ดูมีพิรุธ ยิ่งไปกว่านั้นซ่งรั่วเจินยังตั้งใจหลอกล่อพาเขาไปที่นั่น พูดว่าเพื่อช่วยเขา ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล โดยเฉพาะหลังจากที่เขาถูกลอบสังหารก็ยิ่งรู้สึกว่าถูกวางแผนเล่นงาน แต่เมื่อกลับมาสืบข่าวเหล่านี้ เขาก็เริ่มตระหนักถึงปัญหาทั้งหมด...น่ากลัวว่าคือแผนการหนึ่ง! เมื่อครู่ยามเขาได้พบซ่งรั่วเจินก็อยากถามดู แต่เพราะยังไม่แน่ใจในเรื่องนี้ จึงยังไม่เหมาะที่จะเปิดเผยออกไป“เรื่องนี้ฐานะของข้าไม่สะดวกนัก จึงฝากให้ศาลต้าหลี่สอบสวนและไม่ได้ถามมากมายอันใด เรื่องนี้มีพิรุธจริงๆ คาดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะได้ผลสรุปแล้ว” ฉู่จวินถิงพูดแต่ไหนแต่ไรมาศาลต้าหลี่ทำงานว่องไวมาก ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จพ่อได้ออกพระราชโองการให้สอบสวนอย่างเคร่งครัด เวลาหนึ่งวันเพียงพอให้ศาลต้าหลี่สอบสวนข่าวสำคัญออกมาได้ ฉู่อี้ชวนรู้สึกหนักอึ้งภายในใจ หากฉู่จวินถิงเองก็ยังเห็นว่าเรื่องนี้มีพิรุธ ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาคิดถูกแล้ว เรื่องนี้น่ากลัวว่าเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ “เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณเจ้าและแม่นางซ่ง
วันต่อมา ซ่งรั่วเจินก็ได้รู้ข่าวว่าหลินจือเยว่และฉินซวงซวงถูกตัดสินเนรเทศ“เนรเทศ? ผลการตัดสินออกเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”เฉินเซียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “คุณหนู เรื่องนี้เป็นฉู่อ๋องจัดการ จะไม่เร็วได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองนางแวบหนึ่ง “ตอนนี้เจ้ากล้าขึ้นไม่น้อยเลยนะ ถึงขั้นกล้ามาหยอกล้อข้าเช่นนี้”“นั่นยังไม่ใช่เพราะรู้ว่าคุณหนูใจดีกับข้าอีกหรือ?” เฉินเซียงกลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย นางรู้ว่าคุณหนูดีต่อคนของตน“ฉินซวงซวงก็คล้ายอสรพิษ คิดอยากกัดคุณหนูอยู่ทุกขณะจิต หลังนางถูกเนรเทศไปแล้วก็จะไม่มาขัดตาคุณหนูในเมืองหลวงอีก นี่ยังไม่ใช่เรื่องดีอีกหรือ?”“การจัดการนี้ของฉู่อ๋องยอดเยี่ยมยิ่งนัก เมื่อครู่บ่าวได้ยินคุณชายรองชื่นชมด้วยเจ้าค่ะ” เฉินเซียงพูดอย่างมีความสุข ภาคภูมิใจอย่างแท้จริง“เช่นนั้นเถียนเจียวเจียวและถังเสวี่ยหนิงจะถูกจัดการเช่นไร?” ซ่งรั่วเจินถามต่อ“ทั้งสองคนถูกสั่งโบยที่ศาลาว่าการ เช้าวันนี้ถูกโบยต่อหน้าราษฎร์ โหย่วฝูตั้งใจไปดูมาเป็นพิเศษ พูดว่าการโบยนั้นแรงมากจริงๆ ชุดกระโปรงล้วนเปื้อนเลือด”ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้ว “อัครเสนาบดีถังมิได้ไปหรือ?”“ไปเจ้าค่ะ ไม่
คิดว่า ต่อให้พี่ห้าฟื้นคืนความทรงจำแล้ว ก็ไม่มีวันไร้สมองเหมือนที่ผ่านมาขณะสองพี่น้องกำลังปรึกษากันว่าจะเปิดร้านที่ใดอยู่นั้น โหย่วฝูก็รีบเร่งเข้ามาแล้ว“คุณหนู” โหย่วฝูมองซ่งจิ่งเซินอย่างลังเลแวบหนึ่ง“ไม่เป็นไร พูดเถอะ” ซ่งรั่วเจินพูดซ่งจิ่งเซินมองน้องหญิงของตนอย่างสงสัย นี่คือมีแผนอะไรที่พวกเขาไม่รู้ด้วยหรือ?“คุณหนู ทางฝั่งนั้นมีการเคลื่อนไหวแล้ว ดูท่าทางแล้ววันนี้เตรียมไปสกุลหลิ่วเจ้าค่ะ” โหย่วฝูเอ่ยออกมาซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวขึ้น “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ”“น้องหญิงห้า ใครจะไปสกุลหลิ่วหรือ?” ซ่งจิ่งเซินงุนงง“พี่สี่ ตอนนี้ไม่มีเวลาพูดมากกับท่านแล้ว พวกเราไปหาท่านแม่ก่อนเถอะ หลายวันมานี้อยู่อย่างสุขสบายเกินไป การค้าไก่ทอดเองก็ดีมาก ย่อมต้องเข้าตาครอบครัวของท่านน้าที่คอยจับตามองพวกเรา”“ในอดีตทุกครั้งล้วนเป็นท่านน้าไปสกุลหลิ่วฟ้องพวกเราก่อน ย่อมไม่สามารถถูกกระทำไปเสียทุกครั้งได้ ครั้งนี้สมควรเป็นพวกเราไปร้องทุกข์ก่อน”เพียงซ่งจิ่งเซินได้ยินก็สนใจขึ้นมาแล้ว “มิน่าเล่าสองวันนี้ข้าถึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล เกือบลืมบ้านของท่านน้าไปแล้ว!”“ในอดีตขอเพียงบ้านพวกเ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที