“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินส่ายหัว “ช่วงนี้ถังเสวี่ยหนิงอารมณ์เสียมาก คาดว่าเพราะถูกลงโทษให้คุกเข่าในห้องบรรพชน เวลากลางคืนก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงอ่อนเพลียเป็นลมลง”“เมื่อครู่ข้าก็เตือนแล้วว่านางป่วย นางกลับไม่เชื่อและยังบอกว่าข้าด่าทอนาง"สามพี่น้องตระกูลซ่ง “???”“แม่นางหลิง โปรดอย่าพูดไร้สาระเลย เมื่อครู่น้องสาวของข้าเตือนนางไปว่าหากป่วยก็ให้ไปหาหมอ เจ้ากับนางล้วนไม่เชื่อและยังพูดว่าน้องสาวของข้าใจร้าย ยามนี้นางเป็นลมไปแล้ว จะยังมาโทษน้องสาวข้าได้อย่างไร?”ซ่งจืออวี้เร็วที่สุด เมื่อได้ยินใครพูดจาใส่ร้ายน้องสาว ก็พูดอย่างไม่ให้เกียรติเลยแม้แต่น้อยหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ตกตะลึง นึกขึ้นได้ว่าซ่งรั่วเจินเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าถังเสวี่ยหนิงป่วย ป่วยจริงงั้นหรือ?“ข้าไม่ได้พูดไร้สาระ แค่…” “แค่อะไร? น้องสาวข้าเตือนด้วยเจตนาดี เจ้ากลับช่วยนางพูดว่าน้องสาวข้าหาว่านางป่วย ช่างประหลาดเสียจริง!”ซ่งจืออวี้มีสีหน้ารังเกียจ สายตาคู่นั้นราวกับกำลังมองคนโง่เดิมทีถังหงจี้พี่ชายของถังเสวี่ยหนิงกำลังรีบร้อนหาหมอหลวง ได้ยินสิ่งที่ซ่งจืออวี้พูดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว
เมื่อถังหงจี้เห็นว่าฉู่อ๋องพูดโกหกออกมาหน้าตาเฉยเพื่อช่วยซ่งรั่วเจิน ในใจก็รู้สึกโกรธแค้นถึงขีดสุด“ฉู่อ๋อง กระหม่อมทราบว่าท่านมีสถานะสูงส่ง ทว่าช่วงนี้น้องสาวของกระหม่อมก็ลำบากมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางห่วงใยท่าน ช่วงนี้ก็คงไม่มีเรื่องยุ่งยากเหล่านี้เกิดขึ้น”“ยามนี้นางได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ทว่าท่านอ๋องกลับพูดเช่นนี้เพื่อปกป้องสตรีผู้นี้ มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เพราะเหตุการณ์แจกโจ๊ก ทำให้ทั้งสกุลถังกลายเป็นตัวตลก แม้แต่ตัวเขาเองก็ถูกหัวเราะเยาะไปด้วยวันนี้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ในอดีตทุกคนต่างตื่นเต้นมากเมื่อเห็นเขา ทว่ายามนี้กลับพยายามหลีกเลี่ยงเขาให้มากที่สุด และทั้งหมดนี้...ก็เป็นเพราะซ่งรั่วเจิน!หากไม่ใช่นางที่ยั่วยวนฉู่อ๋องและทำลายสัญญาหมั้นหมายระหว่างเสวี่ยหนิงกับฉู่อ๋อง เรื่องราวมากมายเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น!“หงจี้ ระวังคำพูดด้วย!”เมื่อสหายรักที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าถังหงจี้กล้าพูดเช่นนั้นกับฉู่อ๋องก็กระวนกระวาย หากฉู่อ๋องตำหนิขึ้นมา เช่นนั้นก็คงแย่แน่ๆ!ทว่าถังหงจี้กลับตัดสินใจทุ่มสุดตัว “กระหม่อมยอมรับว่าซ่งรั่วเจินเก่งกาจในศาสตร์ลี้ลับจริงๆ และมี
ถังหงจี้ขมวดคิ้ว รู้สึกอยากหัวเราะ “คุณชายรองซ่ง เจ้าคงมิใช่ต้องการพูดว่าโรคตาของเจ้าสามารถหายดีได้ เป็นเพราะแม่นางซ่งหรอกกระมัง?”“ข้ารู้ว่าเจ้ามีใจปกป้องน้องสาว แต่เพราะสาเหตุนี้จึงเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต นั่นตลกเกินไปแล้ว!”“คุณชายถังไม่รู้อะไรก็พูดว่าตลก ช่างเป็นกบก้นบ่อโดยแท้!”ซ่งอี้อันพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ “โรคตาของข้า รวมถึงโรคขาของพี่ใหญ่ ล้วนเป็นผลงานของน้องหญิงห้า!”“นางมีความรู้วิชาแพทย์มาตั้งนานแล้ว เห็นว่าเกิดเรื่องกับข้าและพี่ใหญ่ นี่จึงทุ่มเทแรงกายแรงใจรักษาพวกเราให้กลับมาหายดีดังเดิม”“เจ้าไร้ซึ่งความสามารถ มิได้หมายความว่าคนอื่นไม่มี ในฐานะบัณฑิต หรือแม้แต่ความตระหนักรู้เล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่มี?”“น้องหญิงของข้าเพียงถ่อมตนรักความสงบ ไม่ชอบโอ้อวดชื่อเสียง ครั้นมาถึงคุณชายถังที่นี่กลับกลายเป็นเสแสร้งแกล้งทำไปเสียได้”ซ่งอี้อันหัวเราะออกมา ใบหน้าสุภาพอ่อนโยนประดับรอยยิ้มเย้ยหยัน “อิงตามคุณชายถัง มีความสามารถน้อยนิดก็อยากประกาศให้คนรู้กันอย่างถ้วนทั่ว ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร”ถังหงจี้ได้ยินถ้อยคำเสียดสีของซ่งอี้อัน สีหน้าไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าพูดว่าใช่ก็ใช่กระ
“หมอหลวง ท่านรีบดูอาการน้องสาวของข้าเถอะว่าเป็นเช่นไร?” ถังหงจี้รีบพูดหมอหลวงขยับขึ้นไปข้างหน้าเร็วรี่ จับชีพจรถังเสวี่ยหนิง จากนั้นสีหน้าเคร่งขรึมพลันมลายหายไป เอ่ยว่า“คุณชายถังไม่จำเป็นต้องกังวล แม่นางถังเพียงแต่ไฟตับรุนแรง ม้ามและท้องไม่สู้ดี สองวันนี้ไม่ได้กินอาหารดีๆ กลางคืนไม่ได้พักผ่อนดีๆ จึงเป็นหวัด”“ภายในภายนอกปะทะกัน พลังชั่วร้ายเข้าสู่ร่างกาย อีกเดี๋ยวข้าจัดเทียบยาให้ กลับไปแล้วพักผ่อนดีๆ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”เพิ่งสิ้นคำหมอหลวง ถังหงจี้ที่ทีแรกยังมีความหวังหลายส่วน สีหน้าไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขามองทางซ่งรั่วเจินอย่างเหลือจะเชื่อ หมอหลวงถึงขั้นพูดเหมือนนางทุกกระเบียดนิ้ว!นี่เป็นไปได้เยี่ยงไร?“ท่านพูดจริงหรือ?” ถังหงจี้ถามไล่เรียงอย่างอดไม่ได้หมอหลวงพยักหน้าลง รู้สึกสงสัยภายในใจมากยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่เขาพูดว่าแม่นางถังไม่เป็นอะไรร้ายแรง คุณชายถังได้ยินแล้วน่าจะดีใจถึงจะถูก เหตุใดมองดูท่าทางแล้วแปลกเช่นนี้?ทันใดนั้น เขาถึงขั้นสงสัยขึ้นมาว่าตนเองตรวจอาการผิดไปหรือไม่ ครู่ต่อมาตรวจซ้ำอีกครั้ง เอ่ยว่า “แม่นางถังน่าจะมีแผลทั้งภายในภายนอกปาก เป็นอาการโมโหหนัก”ทุก
แม่นางเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง!ซ่งจืออวี้เห็นใบหน้าถังหงจี้ดำทึบทึม ลังเลอยู่นานก็ไม่ขยับ นี่จึงสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้า“บุรุษตัวโตคนหนึ่ง กลับถนอมร่างกายตนเองยิ่งนัก ในเมื่อเจ้าไม่อาจหักใจ ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน”จากนั้น ทุกคนก็ได้เห็นซ่งจืออวี้สืบเท้าขึ้นไปอย่างว่องไวหนึ่งก้าว คว้าปกคอเสื้อของถังหงจี้มาที่ริมแม่น้ำ!“ปล่อยข้านะ!”ถังหงจี้ดิ้น ทว่าซ่งจืออวี้ไม่ใส่ใจ ไม่เพียงทำให้เขาดิ้นหนีไม่ได้ ยังยกคนขึ้นอีกด้วยทุกคนได้เห็นเรี่ยวแรงมหาศาลของซ่งจืออวี้ ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงนี่น่าตกใจเกินไปแล้วกระมัง!“ตูม!”ถังหงจี้ถูกซ่งจืออวี้โยนลงน้ำไปแล้วความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูกกระตุ้นถังหงจี้ สีหน้าเผือดซีดไปในทันใด รีบตะเกียกตะกายเข้าฝั่งยามถังเสวี่ยหนิงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาก็ได้เห็นภาพซ่งจืออวี้โยนพี่ชายของตนลงแม่น้ำ อุทานออกมาอย่างตกตะลึง “เหตุใดพวกเจ้าทำกับพี่ชายข้าเช่นนี้ ใต้หล้านี้ยังมีกฎหมายอยู่หรือไม่?”นางหันมองใบหน้าเย็นชาของฉู่จวินถิง รู้ดีอยู่ภายในใจว่าตนเองเป็นฝ่ายขอความเป็นธรรมย่อมไร้ผล ทำได้เพียงขอร้องฉู่เทียนเช่อ“เช่ออ๋อง ขอร้องท่านได้โปรดออกหน้าแทนหม
งานเลี้ยงช่วงค่ำคืนจบลง สองพี่น้องสกุลถังถูกหามกลับจวนถังไปแล้ว เรียกเสียงถอนใจจากทุกคนซ่งรั่วเจินติดตามพี่ชายของตนออกจากวังพร้อมกัน ฉู่จวินถิงเองก็เดินข้างกายนาง ซ่งอี้อันทั้งสามคนปลีกตัวเว้นระยะห่างอย่างรู้ใจกัน“เช่ออ๋องเป็นฝ่ายมาขอบคุณถึงที่เองเช่นนี้ น่ากลัวว่ายังมีเจตนาอื่น พรุ่งนี้ข้าเองก็จะไปด้วยกัน ไม่ต้องกังวล”ฉู่จวินถิงสบมองคนข้างกาย ภายใต้แสงจันทร์ ผิวของแม่นางผู้นี้ขาวดุจหิมะ ใบหน้างดงามเพริศพริ้งมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ ชวนให้คนหวั่นไหวซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ “วันนี้หม่อมฉันได้พบเช่ออ๋องแล้ว มักรู้สึกว่ามีเจตนาไม่ดี”เข้าใกล้โดยบังเอิญ มิหนำซ้ำยังคิดหาทางแสดงด้านที่ดีต่อหน้านาง ที่ผ่านมามิได้มีท่าทีเช่นนี้ อย่างไรเสียนางและฉู่อ๋องใกล้ชิดกัน เช่ออ๋องและฉู่อ๋องยังเป็นศัตรูกันอีกด้วยเรื่องผิดปกติย่อมมีเงื่อนงำแฝงอยู่ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าตกลงเช่ออ๋องกำลังวางแผนใดกันแน่ตอนนี้เอง นางกำนัลข้างกายฮองเฮาวิ่งออกจากวัง พูดว่า “ฉู่อ๋องเพคะ ฮองเฮาพูดว่านางไม่ได้พบหลิงฮูหยินนานมากแล้ว อยากสนทนาระลึกความหลังกัน น่ากลัวว่าหลิงฮูหยินจะต้องกลับช้าสักหน่อย”“แม่นางหลิงอยู่เพียงลำพัง
ทว่านางเพิ่งหันหลัง ฝ่ายชายก็จับมือของนางไว้แล้ว“อย่าไป”สุ้มเสียงของฝ่ายชายต่ำหนักแหบพร่า เจือคำวิงวอนอยู่รางๆ“ข้าจะไปส่งเจ้า ให้เวลาข้าสักหน่อย ดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินหันหน้าสบสายตาลุ่มลึกของฝ่ายชาย ไม่มีความลึกลับเยือกเย็นเหมือนที่ผ่านมา บัดนี้ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมอารมณ์ทรมานระคนตึงเครียด คล้ายสัตว์ติดกับดักได้รับบาดเจ็บและสิ้นหวัง อีกทั้งยังสะท้อนความยึดมั่นและวิงวอน“น้องหญิงห้า พวกเรากลับก่อนละ!”ซ่งจิ่งเซินสังเกตเห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เร่งคนขับรถม้าให้จากไปก่อนพวกเขาล้วนเห็นสถานการณ์ในคืนนี้และเข้าใจแล้ว รู้สึกโกรธเคืองภายในใจ ทั้งๆ ที่น้องสาวของตนดีไปหมดทุกอย่าง แต่ฮองเฮากลับไม่ชอบก่อนหน้านี้คิดให้ถังเสวี่ยหนิงแต่งกับฉู่อ๋อง บัดนี้เห็นว่าถังเสวี่ยหนิงใช้ไม่ได้แล้ว ก็มีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มาใหม่อีกคนหนึ่งอย่างไรเสีย ไม่ว่าเป็นใคร คาดว่าภายในใจฮองเฮาก็ล้วนดีกว่าน้องสาวของตนถือสิทธิ์อะไร?ซ่งรั่วเจินเห็นพวกพี่ชายของตนกลับไปก่อนแล้ว รู้สึกจนใจขึ้นมาระลอกหนึ่ง นี่จึงขึ้นรถม้าของจวนฉู่อ๋องรถม้าค่อยๆ ออกจากวังหลวง ซ่งรั่วเจินได้ยินเสียงล้อรถบดเข้ากับถนน ทอดสายตามองภายนอ
ซ่งรั่วเจินรู้ดีอย่างกระจ่างชัด ที่นี่คือยุคสมัยโบราณ ฉู่จวินถิงฐานะสูงศักดิ์ ฮองเฮาฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้ที่เขาบัดนี้ฮองเฮาไม่ชมชอบนางไปทุกจุด ต่อให้ฝืนแต่งงานกันไปจริงๆ ภายภาคหน้าก็ต้องส่งสตรีงามเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหากวันใดฉู่อ๋องขึ้นครองบัลลังก์ ความยุ่งยากก็เพิ่มมากขึ้นหากยอมถอย ก็ไม่ใช่ยอมถอยเพียงก้าวเดียว แต่ต้องยอมถอยไปทุกก้าวนางไม่ยอมปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้“ท่านและหม่อมฉัน อาจไม่เหมาะสมกันจริงๆ”“ไม่มีถังเสวี่ยหนิง ก็มีหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ต่อให้ไม่มี ภายภาคหน้าก็ยังมีคนอื่น...”ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้ยินถ้อยคำนี้ รู้สึกเพียงหัวใจรัดแน่นจนเกือบจะขาดไปอย่างกะทันหัน โลหิตทั่วทั้งสรรพางค์กายไหลย้อนกลับ ดวงตาแดงขึ้นมาในทันใดเขาขยับเข้าใกล้ ดวงตาลุ่มลึกจับจ้องคนตรงหน้าเขม็ง สุ้มเสียงร้อนรนอย่างชัดเจน “ใครพูดว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน? บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะสมกับข้ายิ่งไปกว่าเจ้าแล้ว!”ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้กันขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซ่งรั่วเจินมองใบหน้าหล่อเหลาใกล้เพียงเอื้อมตรงหน้า ดวงตากระจ่างใสเจือความโศกเศร้าอยู่รางๆ อีกทั้งยังสะท้อนความเอือมระอา
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที