คิ้วเรียวยาวดุจกิ่งหลิวของซ่งรั่วเจินขมวดแน่น คนผู้นี้ลึกลับถึงเพียงนี้ จัดการทุกเรื่องอย่างระมัดระวัง ไม่สามารถหาสิ่งของที่สามารถบ่งบอกฐานะพบหากเอาแต่เฝ้ารออยู่ที่นี่ น่ากลัวว่าไม่รู้จะต้องรอจนถึงยามใด หากมีสิ่งที่คนผู้นี้ทิ้งไว้ นางกลับสามารถใช้สิ่งของตามหาคนได้อย่างไรเสีย ไม่มีเวลาตกฟากทำนองนี้ก็ช่างเถอะ อีกทั้งยังไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ แม้แต่ของใช้จำเป็นในชีวิตก็ไม่มี ยากจะทำนายออกมาโดยอาศัยเพียงความว่างเปล่าได้ว่าคนผู้นี้เป็นใครหัวหน้าตระกูลเจียงใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทันใดนั้นพูดขึ้น “ครั้งก่อนเขาโยนผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดหนึ่งผืนทิ้ง บ่าวในเรือนข้าบังเอิญเก็บได้ ข้าไม่ได้ทิ้ง!”ตอนนั้นเขาเองก็อยากหาเบาะแสบางอย่างจากผ้าเช็ดหน้านี้ ทว่าน่าเสียดายเป็นเพียงผ้าเช็ดหน้าธรรมดา ไม่มีอันใดพิเศษ แต่เขายังเก็บรักษาไว้ดวงตาซ่งรั่วเจินทอประกาย “รีบไปหยิบมาเร็วเข้า”จากนั้นผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดมาถึงมือ สีหน้าซ่งรั่วเจินมั่นใจอย่างมาก นางสบตาฉู่จวินถิงแวบหนึ่ง ฝ่ายหลังเข้าใจในทันใด “ไปเถอะ พวกเรากลับกัน”ฉู่จวินถิงทิ้งคนไว้เฝ้าพวกหัวหน้าตระกูลเจียง สั่งให้พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่มีอันใดเกิดขึ
เดิมทีฉู่เทียนเช่อก็ไม่พอใจที่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เฝ้าหวังเพียงมาขอความช่วยเหลือจากฉู่จวินถิง ด้วยความสามารถของเขาย่อมสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้บัดนี้ได้ยินคำพูดของสองพี่น้องสกุลซ่ง นี่จึงพูด “แม่นางหลิง เป้าหมายในการมาครั้งนี้ของจวินถิงและราชครูกู้คือจัดการปัญหาอุทกภัย ช่วยเหลือราษฎร พี่ใหญ่ของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ข้าจะพาคนฝีมือดีไปช่วยเจ้าตามหาเอง”“จวินถิง เจ้า...”หลิงเชี่ยนเอ๋อร์ยังไม่ตัดใจดังเดิม ฉู่จวินถิงกลับเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง “ความปลอดภัยของพี่ใหญ่เจ้าและความปลอดภัยของราษฎรมากมาย หนักเบาเยี่ยงไร เจ้าน่าจะรู้ดี”ถ้อยคำนี้ยับยั้งคำพูดของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่ยินยอมก็ต้องรับปาก“น้องสาม เจ้าจัดการสถานการณ์เป็นเช่นไรแล้ว?” ฉู่เทียนเช่อเอ่ยถามหลิงเชี่ยนเอ๋อร์เองก็เอ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าวันนี้พวกเจ้าเริ่มแจกจ่ายโจ๊ก เช่นนั้นเมืองผิงหยางจะทำเช่นไร?”“มีราษฎรที่ใดบ้างไม่ใช่ราษฎร? ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของเมืองไห่เทียนส่วนหนึ่งก่อน พวกเราใกล้จะไปเมืองผิงหยางแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยดูสถานการณ์” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นได้ยินดังนั้น ฉู่เทียนเช่อคิดเพียงว่าฉู่จวินถิงช่าง
ซ่งจิ่งเซินได้ฟังคำพูดของน้องสาวบ้านตน ทันใดนั้นเข้าใจขึ้นมาแล้ว “หากพวกเขาได้ยินว่าสามารถหาเงินได้ จะต้องกลัวไล่ตามหลังจึงส่งเสบียงอาหารมา”“ถึงตอนนั้นขอเพียงพวกเราพูดว่าไม่ต้องการ ทำให้ราคาเสบียงอาหารลดลงจนกลับมาเป็นราคาปกติ คาดว่าพวกเขาจะต้องเลือกขายออก ชนิดที่ว่าลดราคาขายเลยทีเดียว” ซ่งรั่วเจินเอ่ยรับซ่งจิ่งเซินยกมุมปาก “เพราะหากพวกเขาส่งเสบียงอาหารกลับมา เพียงเงินค่าขนส่งก็ไม่ใช่จำนวนน้อยแล้ว”ทุกคนได้ยินสองพี่น้องซ่งรั่วเจินพูดรับส่งกัน ดวงตาค่อยๆ ทอประกาย “นี่กลับเป็นวิธีที่ดีอย่างแท้จริง!”“วิธีการนี้ หากสามารถทำได้ เมืองผิงหยางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสบียงอาหารแล้ว!”กู้หวยซวี่ชื่นชมอย่างอดไม่ได้ บัดนี้ขาดแคลนเสบียงอาหารที่สุด หากมีเสบียงอาหาร ปัญหาอย่างอื่นก็จะคลี่คลาย!พวกเขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี ภายในสมองเชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาภายในราชสำนัก แต่ความเห็นของรั่วเจินในครั้งนี้ มองจากมุมของพ่อค้า ยังเป็นวิธีการที่ดีอีกด้วย!“เรื่องนี้จะต้องปรึกษากับทางการให้ดี จากนั้นค่อยปล่อยข่าวให้พ่อค้าผู้มั่งคั่งเหล่านี้”ซ่งรั่วเจินใคร่ครวญแล้วจึงเอ่ยปาก หันมองทางซ่งจิ่งเซิน “พี
น่ากลัวว่าข่าวนี้ปล่อยออกมาแล้ว เสียงบ่นตำหนิจะต้องดังขึ้นภายในเมืองไห่เทียนอย่างรวดเร็วแน่“เจ้าวางใจเถอะ ขอเพียงปล่อยข่าวนี้ออกไป อีกไม่นานปัญหาภายในเมืองผิงหยางก็จะคลี่คลาย” ฉู่จวินถิงเอ่ยจ้าวชิงหยวนเองก็ไม่กล้าถามมากนัก เพียงทำตามคำสั่งของฉู่อ๋อง แต่ต่อมาใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้วก็เข้าใจขึ้นหลายส่วน“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าถึงขั้นคิดวิธีนี้ไม่ออก!”จ้าวชิงหยวนตบศีรษะ สีหน้ายากจะปกปิดความตื่นเต้น “แม่นาง พวกเจ้ายอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ไม่ต้องเปลืองแรงก็สามารถทำให้ราษฎรอิ่มท้องได้!”ก่อนหน้านี้เขาคิดหาทางมากมาย หากสามารถมีเสบียงอาหารเพียงพอ ราษฎรก็ไม่ต้องหิว แต่น่าเสียดายไม่มีคนส่งมอบให้ในราคาเดิม ตรงข้ามกันยังคิดฉวยโอกาสนี้โก่งราคาอีกด้วยซ่งรั่วเจินยิ้มน้อยๆ “พวกเราเองก็บังเอิญคิดวิธีนี้ขึ้นได้ ใต้เท้าจ้าวจะต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามมิให้ข่าวหลุดรอดออกไปได้เล่า”“แม่นางวางใจได้ ข้าจะปิดปากให้สนิท ขอเพียงราษฎรได้อิ่มท้อง ไม่ว่าให้ข้าทำอันใดก็ยอม”ซ่งรั่วเจินเองก็วางใจมาก ขณะเตรียมจากไปกลับถูกจ้าวชิงหยวนร้องเรียกไว้“แม่นาง ข้ารู้ว่าเจ้าเชี่ยวชาญวิชาศาสตร์ลี้ลับ แท้จริง
ตลอดการเดินทางหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เข้าใกล้ตำแหน่งของพี่ชายตน รู้สึกกระวนกระวายภายในใจทั้งๆ ที่พวกเขาจัดการเรื่องที่สมควรทำก่อนกลับเมืองหลวงไว้ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอุทกภัยเมืองผิงหยางเกิดขึ้นโดยบังเอิญได้ไม่นาน พวกเขาฉวยโอกาสกอบโกยทรัพย์สินก่อนจะจากไป ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเดิมทีขอเพียงพี่ใหญ่จัดการเรียบร้อยแล้วก็สามารถกลับเมืองหลวงได้ บัดนี้ยังไม่ยอมกลับจึงเรียกความสนใจจากคนมากมาย ตกลงเกิดเรื่องอันใดทำให้เสียเวลากันแน่?ฉู่จวินถิงมุ่งหน้าไปยังเมืองผิงหยาง ราชครูกู้เองก็ไม่ใช่คนรับมือง่าย คงไม่เกิดเรื่องอันใดหรอกกระมัง?เดิมทีนางอยากพาฉู่จวินถิงไปด้วยกัน ขอเพียงขัดขวางพวกเขาได้ ก็สามารถยื้อเวลาให้พี่ใหญ่ได้มากขึ้น ใครคิดเล่าว่าฉู่จวินถิงจะเป็นคนหัวรั้น ไม่สนใจนางเลยสักนิด!นางไม่เชื่อหลอกว่าฉู่จวินถิงจะสามารถต้านทานความเย้ายวนได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษคนหนึ่ง จะโทษก็ต้องโทษซ่งรั่วเจินมีเล่ห์เหลี่ยมมากเกินไป ไม่เพียงมีราชครูกู้ ยังมีสองพี่น้องสกุลซ่งร่วมเดินทางอีกด้วยต่อให้ฉู่จวินถิงเกิดความคิด ก็ไม่อาจทำอันใดยามอยู่ต่อหน้าพวกเขาได้ น่าแ
“ตำแหน่งของท่านพ่ออยู่ห่างจากพวกเราไม่ไกล พรุ่งนี้พวกเราก็น่าจะสามารถตามหาพบ”ภายในสายตาซ่งจืออวี้เปี่ยมความหวัง เขาไม่ได้พบบิดานานมากแล้ว ก่อนหน้านี้ข่าวร้ายถูกส่งมาไม่เคยคิดเชื่อ บัดนี้ใกล้จะได้พบบิดาแล้ว เขารู้สึกดีใจอย่างมาก!ซ่งรั่วเจินเองก็เกิดความหวังอย่างอดไม่ได้ นางรู้ว่าซ่งหลินเป็นบิดาที่มีความเมตตาและดีต่อนางมากมาโดยตลอดผ่านความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเพราะมีนางเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงได้รับความรักและเอ็นดูเป็นพิเศษ รอกลับถึงเมืองหลวง พวกเขาก็จะได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวแล้วราชครูกู้อยู่บัญชาการที่เมืองไห่เทียนดังเดิม รับผิดชอบให้พ่อค้าปล่อยข่าว ในเวลาเดียวกันยังติดต่อทางการให้เพิ่มราคาธัญพืช ดังนั้นจึงไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย“ท่านอ๋อง ท่านกำลังคิดอันใดอยู่หรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินมองเห็นสายตาลุ่มลึกของฉู่จวินถิงคล้ายกำลังถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาเป็นชั้นๆ ภายในนั้นเป็นความหนักใจที่นางมองแล้วไม่เข้าใจฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจิน กลับไม่คิดปิดบัง เขาเชื่อใจซ่งรั่วเจินอย่างมาก“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าดวงชะตาของหลิงเชี่ยนเอ๋อร์แปลกอยู่บ้าง มีพลังโลหิตแฝงอยู่ เป็น
อีกด้านหนึ่งซ่งหลินซ่อนตัวอยู่ในป่าบนภูเขา ตรงทรวงอกมีเลือดซึมออกมา ใบหน้าหล่อเหลาเด็ดเดี่ยวบัดนี้เป็นสีขาวซีด“ท่านแม่ทัพ ท่านยังทนไหวหรือไม่?” หร่วนเฉิงมีสีหน้าเป็นห่วงซ่งหลินโบกมือเบาๆ “แผลเล็กน้อยแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก”เขาเคยออกรบมาตั้งหลายครั้ง เคยได้แผลใหญ่น้อยมานับไม่ถ้วน อาการบาดเจ็บแค่นี้ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด“ท่านแม่ทัพ เจ้าหมอนั่นเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว คราวนี้ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส คงหนีไปได้ไม่ไกลนักหรอก”หร่วนเฉิงกวาดสายตามองบริเวณใกล้เคียง ภูมิประเทศในป่าแถบนี้เดิมก็ซับซ้อน นอกจากนี้แถวนี้ยังไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่ พวกเขาคงยากจะหาคนพบในเวลาอันสั้น“คราวนี้จะต้องจับเจ้าหมอนี่ให้ได้เลยเชียว!”ซ่งหลินกล่าวอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไล่สังหารข้ามานานปานนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกสารเลวนี่ ข้าก็คงไม่ถึงกับไม่ได้กลับบ้าน!”เพียงคิดถึงว่าข่าวการเสียชีวิตของเขาส่งกลับไปแล้ว ภรรยาและลูกๆ จะต้องโศกเศร้าเสียใจเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ เดิมทีทั้งตระกูลซ่งล้วนต้องพึ่งพาเขา แต่บัดนี้ทุกคนล้วนเข้าใจว่าเสาหลักอย่างเขาไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหรูเยียนและพวกเด็กๆ จ
พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนที่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน บัดนี้พยัคฆ์ร้ายตกที่นั่งลำบากถูกสุนัขรังแก กระทั่งยังถูกคนกลุ่มนี้ตามล่าสังหารไปทั่ว ยามนี้จึงเข่นฆ่าจนประสาทด้านชามาแต่แรกแล้วซ่งหลินฉีกผ้าแถบหนึ่งลงมาพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วถือกระบี่คมกริบกระโจนเข้าไปในวงตะลุมบอนขณะเดียวกัน ซ่งรั่วเจินเห็นยันต์นำทางของตนเองย้อมสีแดงบางส่วน แววตาก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านพ่ออยู่ในอันตราย!”สิ้นเสียงนั้น ซ่งจืออวี้และฉู่จวินถิงล้วนหน้าเปลี่ยนสี“ท่านอ๋อง ท่านดูแลน้องสาวข้าด้วย ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง!” ซ่งจืออวี้กล่าวด้วยความร้อนใจฉู่จวินถิงมองไปทางพวกอวิ๋นหยาง “เร็วเข้า ตามไปทั้งหมด จะต้องรับรองความปลอดภัยของแม่ทัพซ่งให้ได้!”“ข้าน้อยรับบัญชา!”พวกอวิ๋นหยางสะบัดแส้ยาวในมือ เร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวติดปีกซ่งรั่วเจินก็ร้อนใจเช่นกัน รีบลงมาจากรถม้าแล้วมองไปทางฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว“ขึ้นม้า พวกเราก็ตามไปเหมือนกัน” ฉู่จวินถิงยื่นมือมาให้ฉับพลันนั้น ซ่งรั่วเจินก็ถลาขึ้นไปบนหลังม้า คนทั้งสองโผนทะยานไปท่ามกลางป่าเขา“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!”พวกซ่งหลินตกอยู่ในวงล้อม ถึงยามนี้จ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที