ซ่งปี้อวิ๋นมีสีหน้าน้อยใจ “ข้าก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้มาเจอซ่งรั่วเจินโดยบังเอิญขนาดนี้ นางกับข้าเดิมก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันอยู่แล้ว เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องตั้งตัวเป็นอริมาตั้งแต่เด็ก”“วันนี้เห็นได้ชัดว่าจงใจสร้างความลำบากให้ ช่างน่าชังยิ่งนัก!”“หวยอัน ท่านโทษข้าไม่ได้นะ วันนี้นางรังแกข้าอย่างไรบ้าง ท่านเองก็ได้เห็นแล้ว เวลาอยู่ต่อหน้าข้ากับเวลาอยู่ต่อหน้าฉู่มู่เหยาเป็นคนละคนกันเลย!”ซ่งปี้อวิ๋นกล่าวพลางถลาเข้าไปแนบชิดเสิ่นหวยอัน “ข้าคบท่านก่อนชัดๆ วันนี้กลับต้องมองดูท่านเอาใจฉู่มู่เหยา ข้าปวดใจยิ่งนัก”สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มที่แนบชิดกับแขนของตัวเอง เสิ่นหวยอันจิตใจว้าวุ่น น้ำเสียงจึงอ่อนลงกว่าเดิม“ข้ารู้ว่าทำให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม แต่เจ้าก็รู้สถานการณ์ของข้าในตอนนี้ดี ถ้าไม่กรุยทางให้ตัวเอง ถูกพี่ชายสายตรงผู้นั้นของข้ากดไว้แบบนั้น ข้าจะมีวันลืมตาอ้าปากได้อย่างไรกันเล่า?”“หวยอัน ความจริงข้าไม่สนใจเลยว่าท่านจะมีตำแหน่งใหญ่โตหรือไม่”“แม้ครอบครัวข้าจะสู้ตระกูลซ่งไม่ได้ แต่ข้าออกเรือนทั้งที ท่านพ่อท่านแม่คงจะไม่ดูดายข้าจนเกินไป ถึงท่านจะเป็นลูกอนุ แต่แม่ของท่า
“ข้าว่าช่วงหลายวันหลังจากนี้พวกเราอย่าเพิ่งมาเจอกันชั่วคราวจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกจับพิรุธได้ ไม่อย่างนั้นที่พยายามมาทั้งหมดคงได้สูญเปล่ากันพอดี”“ไม่นะ?” ซ่งปี้อวิ๋นรู้สึกจิตใจไม่สงบ เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกว่าซ่งรั่วเจินจะเยี่ยมยอดตรงไหน ถึงจะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่กลับมีนิสัยคร่ำครึ นางจึงไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาแต่ว่าช่วงที่ผ่านมาซ่งรั่วเจินเปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจจริงๆ“พวกเราซื้อร้านอาหารไปแล้วนะ ตอนนี้จะทำอย่างไรเล่า?”“ก็ต้องเปิดต่อไปอยู่แล้ว” เสิ่นหวยอันครุ่นคิดพลางกล่าว “เรื่องนี้ยกให้เจ้าก็แล้วกัน ถึงยามนั้นต่อให้องค์หญิงถามขึ้นมาก็บอกว่าเป็นการค้าขายที่พวกเราร่วมมือกันก็พอแล้ว”ซ่งปี้อวิ๋นเห็นว่าเสิ่นหวยอันยังคงให้นางดูแลร้านก็ค่อยวางใจลงได้“วันนี้โชคดีที่พวกเราแย่งร้านอาหารมาได้ ไม่อย่างนั้นทันทีที่สกุลซ่งเปิดร้านปิ้งย่างทางฝั่งนี้ กิจการของพวกเราคงแย่แล้ว” ซ่งปี้อวิ๋นกล่าวอย่างได้ใจเสิ่นหวยอันขมวดคิ้วน้อยๆ “เจ้าบอกว่าจะแย่งคนจากร้านของตระกูลซ่งมาไม่ใช่หรือ? หรือว่าทำไม่สำเร็จ?”“วางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอน!”ซ่งปี้อวิ๋นแย้มยิ้มบาง ในใจกลับครุ่น
เมื่อซ่งรั่วเจินได้ยินว่าตนเองถูกเรียกตัวเข้าวังก็รู้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉู่จวินถิงพูดไว้ ฮองเฮาทรงต้องการพบนางแล้วจริงๆ ด้วยหลังจากที่ทุกคนในสกุลซ่งได้ยินข่าวนี้ก็อดเป็นห่วงนางไม่ได้“เจินเอ๋อร์ ตอนเจ้าเข้าวังไปคราวก่อน ฮองเฮาก็สร้างความลำบากให้หลายครั้ง คราวนี้เรียกเจ้าเข้าวัง คงไม่ได้...”แววตากู้หรูเยียนเต็มไปด้วยความกังวล คราวก่อนถ้าไม่ใช่เพราะรั่วเจินเฉลียวฉลาด ทั้งยังมีไทเฮาออกหน้าให้ เกรงว่าคิดจะออกมาจากวังอย่างราบรื่นคงไม่ง่ายดายปานนั้น ถ้าคราวนี้ก็มีเจตนาแอบแฝงอีก ใช่ว่าจะสามารถโชคดีแบบนั้นไปเสียทุกครั้ง“เจินเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว อย่างมากพ่อเข้าวังไปด้วยกันกับเจ้า ถึงนางจะเป็นฮองเฮา แต่ถ้าจะมารังแกเจ้าโดยไร้เหตุผล พ่อจะกราบทูลฝ่าบาทเอง”ซ่งหลินมีสีหน้าเย็นชา หลังจากกลับมา ภรรยาก็บอกเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงในช่วงก่อนหน้านี้ให้เขาฟังหมดแล้วเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าในช่วงเวลาหนึ่งปีกว่ามานี้จะเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเช่นนี้!“ข้าว่ารีบส่งข่าวไปแจ้งท่านอ๋องจะดีกว่า มีท่านอ๋องไปด้วยคงจะไม่เกิดอะไรขึ้น” ซ่งเยี่ยนโจวย่นคิ้วกล่าวซ่งจืออวี้ออกจะไม่พอใจ “ข้าว่าฮองเฮา
ได้เจอกันวันนี้ นางพลันพบว่าสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ดีขึ้นมาก สีหน้าท่าทางก็ดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมากฮูหยินผู้เฒ่าลู่พยักหน้ายิ้มๆ “ข้าบอกไว้แล้วไม่ใช่รึว่าตอนข้ากลับมาคราวนี้ เพราะได้แม่นางคนหนึ่งช่วยประคองไว้ ข้าจึงไม่ล้มน่ะ?”“แม่นางผู้นั้นไม่เพียงหน้าตางดงาม จิตใจก็ยังดีงาม ทั้งยังเชี่ยวชาญวิชาแพทย์อีกต่างหาก”“ยามนั้นยาของข้ากระจายไปบนพื้น แม่นางผู้นั้นมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าข้าเป็นโรคไอจึงบอกข้าว่าถ้ากินยาแล้วยังไม่ดีขึ้นก็ให้ลองเปลี่ยนยาดู”“ตอนแรกข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่สองวันมานี้อยู่ในจวนก็ยังไอไม่หยุด หมอพูดไปพูดมาก็มีแต่เรื่องเดิมๆ อาการข้าไม่เห็นว่าจะดีขึ้น จึงลองทำตามที่แม่นางผู้นั้นบอก”“ไม่คิดเลยว่าพอลองดูก็ได้ผลจริงๆ ด้วย!”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่คิดถึงแม่นางที่ได้พบในวันนั้นแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ “นั่นเป็นแม่นางที่ดีจริงๆ เดิมทีข้าอยากแนะนำนางให้จวินถิง แต่จวินถิงมีคนในดวงใจแล้วจึงได้แต่ล้มเลิกไป”วันนั้นนางให้คนไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับแม่นางผู้นั้นมาแล้ว อยากแนะนำให้จวินถิงรู้จักโดยเร็วที่สุด แต่หลังจากที่รู้ว่าไม่มีหวัง นางจึงบอกว่าไม่ต้องไปรบกวนอีกแล้วยิ่งคิ
ซ่งรั่วเจินเพิ่งลงมาจากรถม้า มองปราดเดียวก็เห็นฉู่จวินถิงที่กำลังรออยู่ ความประหลาดใจวาบผ่านดวงตาคู่งาม“ท่านตั้งใจมารับหม่อมฉันหรือเพคะ?”ฉู่จวินถิงพยักหน้า “ข้าได้ยินข่าวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วจึงรู้ว่าเสด็จแม่เรียกเจ้าเข้าวัง เจ้าวางใจได้ ข้าจะรออยู่ข้างนอก”“ถ้าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล แค่เจ้าร้องเรียก ข้าก็จะเข้าไปทันที ทุกอย่างล้วนมีข้าอยู่”เห็นท่าทางจริงจังทั้งยังจริงใจของชายหนุ่ม ทั้งที่เตรียมการทุกอย่างไว้แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังกลัวว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น มุมปากซ่งรั่วเจินค่อยๆ โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ ท่านเตรียมการไว้เรียบร้อยเช่นนี้ ไม่เกิดอันใดขึ้นหรอกเพคะ”ฉู่จวินถิงมองหญิงสาวยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างน่ามอง สวมชุดสำหรับฤดูหนาวสีอ่อน คอเสื้อประดับขนสัตว์สีขาวขับเน้นให้นางแลดูน่ารักเป็นพิเศษเขาชอบสตรีคนหนึ่งเป็นครั้งแรก ทั้งยังชอบมากกว่าที่เคยคิดไว้มากมายนักชอบจนถึงขนาดที่ว่าหากนางได้รับความไม่เป็นธรรมแม้เพียงน้อยนิด เขาก็ยังยากจะอดทนเอาไว้ได้เมื่อมองเห็นรอยยิ้มของนางในยามนี้ก็รู้สึกว่าความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากในหัวใจสามารถขับไล่ความเหน็บหนาวทั้งหมด
เห็นที...วิชาแพทย์ของนางคงจะล้ำเลิศจริงๆ“ข้านึกแล้วเชียวว่าสายตาของจวินถิงจะต้องไม่แย่อย่างแน่นอน ช่างเป็นแม่นางที่ดีจริงๆ” ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ปีติยินดีอย่างสุดแสน “เรื่องระหว่างเจ้ากับจวินถิง ข้าพอได้ยินมาบ้างแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีเรื่องเข้าใจผิดกันไปบ้าง เจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”ซ่งรั่วเจินยังคงตั้งรับไม่ถูกอยู่บ้าง คิดถึงว่าตอนที่เจอกันระหว่างทางตอนนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็อบอุ่นเป็นมิตรเช่นนี้ วันนี้ยิ่งเป็นกันเองเป็นพิเศษ“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านกล่าวหนักไปแล้วเจ้าค่ะ”“ข้ารู้ว่าเจ้านิสัยดี ไม่เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ คนก็ยังจิตใจดีอีกต่างหาก”“ข้ารู้นิสัยฮองเฮาดีที่สุดแล้ว ปากร้ายแต่ใจดี รอจนได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ เจ้าจะเข้าใจเอง”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่มีรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า คิดว่าหลายปีมานี้เรื่องมงคลของจวินถิงไม่ได้กำหนดแน่นอนเสียที ตอนนี้ได้มาเจอแม่นางที่ดีเช่นนี้ การรอคอยหลายปีก็นับว่าคุ้มค่าแล้วเดิมนั้นฮองเฮายังครุ่นคิดอยู่ว่าจะพูดถึงเรื่องในอดีตกับซ่งรั่วเจินอย่างไรดี เพื่อสตรีนางเดียว จวินถิงถึงขั้นคิดจะไปเฝ้าชายแดน นางย่อมอยากผ่อนคลายความสัมพันธ์ของสองฝ่ายแต่เรื่องแบบนี้
ฉู่จวินถิงเห็นสายตาเสด็จแม่ของตนเองก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายรอยยิ้มวาบผ่านดวงตาเขา เข้าใจยิ่งว่าด้วยนิสัยของเสด็จแม่แล้ว วันนี้สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็แสนจะไม่ง่ายแล้ว นางกำลังเป็นฝ่ายริเริ่มไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ก่อนเขายังเข้าใจว่าในเมื่อเสด็จแม่กล่าววาจาเช่นนี้ออกมาแล้ว วันหน้ายิ่งไม่มีทางจงใจสร้างความลำบากให้รั่วเจิน“เสด็จแม่ ท่านเข้าใจแล้วช่างดียิ่งนัก ข้ากลัวจริงๆ ว่าพี่สะใภ้จะถูกคนอื่นชิงตัวไป ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนข้าไปร่วมงานเลี้ยงก่อนหน้านี้มีคนมากมายเท่าไรที่อิจฉาเสด็จพี่”สีหน้าฉู่มู่เหยาเต็มไปด้วยความยินดี ก่อนหน้านี้นางเคยพูดกับเสด็จแม่แล้ว แต่เสด็จแม่กลับไม่เชื่อแต่นางเข้าใจยิ่งนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าชาติตระกูลของพี่สะใภ้ดียิ่งนัก คนยังมีหน้าตางดงาม เรียกได้ว่าเป็นโฉมงามที่ยากจะพบพานในเมืองหลวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความมั่งคั่งของสกุลซ่งภรรยาที่เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมงดงามและความสามารถ ทั้งยังมีเงินเช่นนี้ เรียกได้ว่าหาตัวจับยากโดยแท้!หากไม่ติดที่สถานะของเสด็จพี่ ผู้ชายมากมายก็คงอยากลองแย่งชิงดูสักครั้งกระมัง?ฮองเฮาเห็นว่าลูกสาวของตนเองคำก็พี่สะใภ้สองคำก็พี่สะใภ้ ท่
ฉู่มู่เหยาเห็นท่าทางเหมือนคนรักที่ในที่สุดก็สมหวังเสียทีของพวกฉู่จวินถิงสองคน ดวงตาก็ฉายแววอิจฉา ภาพเสิ่นหวยอันปรากฏขึ้นมาในความคิดโดยไม่รู้ตัวนางก็ถึงวัยออกเรือนแล้วเหมือนกันหลายวันก่อนนางได้ยินเสด็จแม่กับแม่นมพูดถึงเรื่องนี้ แต่บรรดาคุณชายที่ทั้งคู่พูดถึง นางไม่สนใจเลยสักนิดในหัวปรากฏภาพเสิ่นหวยอันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว คืนวานหลังเมาสุรา เขาพูดความในใจออกมาอย่างอดไม่ไหว นางค่อยรู้ว่าที่แท้เขาก็ชอบตนเองมาโดยตลอด แต่ติดที่ฐานะจึงไม่กล้าพูดออกมาก่อนหน้านั้นไปอีก ตอนที่พวกนางพบกันครั้งแรก เสิ่นหวยอันก็ชอบนางแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงพยายามคิดหาวิธีมาอยู่ข้างกายนางคืนวานนี้ ภาพต่างๆ ตั้งแต่พวกนางรู้จักกันโผล่เข้ามาในความคิดของนางไม่หยุดสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้นาง นางล้วนเห็นอยู่กับตา ทุกความห่วงใยและความเอาใจใส่ล้วนทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวคิดถึงตรงนี้ ฉู่มู่เหยาคล้ายกับว่าจะตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว อาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังอารมณ์ดียิ่ง นางพูดความคิดของตนเองออกมา“ความจริง...ข้าก็มีคนในดวงใจแล้วเหมือนกันเจ้าค่ะ”ชั่วขณะที่ฉู่มู่เหยาพูดออกมา ห้องที่เดิมทีกำลังคึกคักราวกับว่าเงียบสงัดลงในชั่วพริ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที