“ซ่งรั่วเจินและฉู่อ๋องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เดิมทีอยากให้เชี่ยนเอ๋อร์แต่งงานกับฉู่อ๋อง ทั้งหมดจะได้คลี่คลาย ทางฝั่งฮองเฮาก็ถูกเจ้าพูดจนหวั่นไหวแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปกันเล่า?”สีหน้านายหญิงหลิงแข็งทื่อ “ยังเพราะอันใดอีกเล่า? ไม่รู้ซ่งรั่วเจินกรอกน้ำแกงลุ่มหลงอันใดให้ฉู่อ๋องกิน ภายในสายตาเขามีเพียงซ่งรั่วเจินคนเดียว ไม่สนใจเชี่ยนเอ๋อร์เลยสักนิด ไม่ว่าพวกเราพยายามมากเพียงใดก็ไร้ผล”“ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องไม่ดีแน่ เดิมทีเชี่ยนเอ๋อร์ก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้เช่ออ๋องเอาอกเอาใจนางมากไม่ใช่หรือ?”“อย่างไรเสียบัดนี้เช่ออ๋องก็ไม่มีพระชายา คนก่อนนั้นก็ถูกจับขังคุกไปแล้ว ประจวบเหมาะกับเชี่ยนเอ๋อร์พอดี ขอเพียงนางแต่งเข้าราชวงศ์ได้ ตำแหน่งของสกุลหลิงพวกเราก็จะมั่นคงขึ้นอีกนิด”หลิงไท่ซือเอ่ยปากเสียงเย็น พูดตัดสินชี้ขาดออกมานายท่านหลิงพยักหน้า มองทางนายหญิงหลิง “อีกเดี๋ยวเจ้าบอกเรื่องนี้ให้เชี่ยนเอ๋อร์รู้ ให้นางรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว”“เชี่ยนเอ๋อร์คล้ายไม่ชอบเช่ออ๋องเจ้าค่ะ” นายหญิงหลิงลังเลเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เช่ออ๋องเอาอกเอาใจเชี่ยนเอ๋อร์อย่างมากจริงๆ แต่สถานกา
จวนเช่ออ๋องฉู่เทียนเช่อได้ยินว่าหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มีเจตนาชวนเขาไปเข้าร่วมเทศกาลโคมไฟ มุมปากยกขึ้นอย่างนึกสนุกคิดว่าเขาเป็นตัวโง่งมกระนั้น?ก่อนหน้านี้เขาจงใจแสดงท่าทีเป็นมิตรกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ แต่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์กลับเย็นชาต่อเขา ตรงข้ามกันเอาอกเอาใจฉู่อ๋อง บัดนี้นี่คือเห็นว่าหมดหวังแต่งเข้าจวนฉู่อ๋องแล้ว ก็เริ่มถอยเพื่อหาสิ่งที่รองลงมา คิดแต่งงานกับเขากระนั้น?น่าเสียดาย เขาไม่ใช่คนรับขยะอะไรก็ได้!“ท่านอ๋อง แม่นางหลิงคนนั้นเป็นฝ่ายนัดหมายก่อน คาดว่ามีเจตนาเอาใจท่านอ๋อง หรือว่าท่านจะไม่ไปพ่ะย่ะค่ะ?” คนสนิทเอ่ยถามเสียงแปลกใจ“ไป เหตุใดจะไม่ไป?”เช่ออ๋องหัวเราะเสียงแผ่วเบาทีหนึ่ง “ข้ากลับอยากเห็นว่าบัดนี้หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนเป้าหมายมาหาข้าแล้ว ท่าทีจะกลายเป็นเช่นไร”“ก่อนหน้านี้มีท่าทางเย่อหยิ่งเย็นชา บัดนี้...จะเป็นเช่นไร?”“ท่านอ๋อง อันที่จริงเบื้องหลังแม่นางหลิงไม่ธรรมดา บัดนี้ตำแหน่งพระชายายังว่างอยู่ พระสนมเองก็พูดว่าให้ท่านเลือกพระชายาที่เหมาะสมสักท่านหนึ่ง”“ในเมืองหลวงมีแม่นางมากมาย บัดนี้ยังไม่มี เช่นนั้นก็ค่อยๆ หา ส่วนหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ของที่ผู้อื่นไม่ต้องการ ข้าเอ
บ่าวแปลกใจอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องของตนได้พบแม่นางกู้หนึ่งครั้งก็ซวยไปหนึ่งครั้ง จากนั้นขายหน้าไปหลายครั้ง ต่อมาเพียงได้พบแม่นางกู้ก็อยากจะหลบไปให้ไกลทว่า แม่นางกู้เองก็น่าสนใจ ขอเพียงได้เห็นท่านอ๋องของพวกเขาก็จะไล่ตามมาวันนี้ท่านอ๋องถึงขั้นเป็นฝ่ายไปหาแม่นางกู้ก่อน นี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมังใบหน้าฉู่อวิ๋นกุยเผยแววประหม่า จัดแต่งอาภรณ์พลางเอ่ยปากว่า “ย่อมไม่ใช่เพราะข้าอยากไปหานาง แต่เพื่อเสด็จพี่ ยังต้องมาสักเที่ยวหนึ่ง”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” บ่าวพยักหน้า กลับคิดว่าไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างวันนี้ก่อนท่านอ๋องออกจากบ้านก็เปลี่ยนไปหลายชุด แม้แต่จี้หยกบนเข็มขัดก็ตั้งใจเลือกเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นท่านอ๋องใส่ใจต่อการแต่งตัวเช่นนี้มาก่อน ต่อให้เป็นงานเลี้ยงในวังก็ไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้ตอนกู้ฮวนเอ๋อร์ได้รู้ว่าอวิ๋นอ๋องจะมาหานาง เบิกตากว้างอย่างสุดระงับ “เจ้าพูดผิดไปหรือไม่? เหตุใดอวิ๋นอ๋องมาหาข้าเล่า?”“คุณหนู จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ เมื่อครู่บ่าวตั้งใจไปดูมาแล้ว เป็นอวิ๋นอ๋อง!” สาวใช้รีบพูดใบหน้าเล็กของกู้ฮวนเอ๋อร์สะท้อนความดีใจออกมา คนดีใจอย่างมาก“เหตุใดอวิ๋
สวี่หยวนชิงดวงตาสว่างวาบ เขาเข้าใจแล้ว “เจ้าหมายความว่าที่ฮวนเอ๋อร์พูดเช่นนี้ แท้จริงแล้วกำลังทดสอบข้าอยู่งั้นหรือ?”“ใช่แล้ว” หวังเสวี่ยพยักหน้า “ผู้หญิงอย่างพวกเราล้วนเป็นเช่นนี้ อยากทดสอบว่าเจ้าจริงใจหรือไม่ ถ้านางไม่ชอบเจ้าเลยสักนิด แล้วเหตุใดจะต้องไปร่วมงานวันเกิดเจ้ากันเล่า?”สวี่หยวนชิงได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง “หวังเสวี่ย ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าเอ่ยเตือน ข้าก็คงไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรดี”สายตาของหวังเสวี่ยพลันไปตกลงบนรถม้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นางจำได้ว่านั่นคือรถม้าของจวนอวิ๋นอ๋อง!รถม้าของจวนอวิ๋นอ๋องมาจอดอยู่หน้าประตูจวนสกุลกู้ได้อย่างไร? หรือว่าอวิ๋นอ๋องมาหาฮวนเอ๋อร์?ชั่วขณะที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมา หัวใจหวังเสวี่ยพลันหนักอึ้ง ฮวนเอ๋อร์คงไม่ได้โชคดีขนาดนั้นจริงๆ หรอกนะ?อวิ๋นอ๋องหลบนางยังแทบไม่ทันแท้ๆ แล้วจะตั้งใจมาหานางได้อย่างไรกันเล่า หรือช่วงหลายวันที่ผ่านมามีเรื่องที่นางไม่รู้เกิดขึ้น?กู้ฮวนเอ๋อร์วิ่งตรงมาถึงประตูใหญ่แล้วค่อยผ่อนฝีเท้าลง ค่อยๆ เดินออกมาจากประตูใหญ่อย่างแช่มช้าเฉกเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ สายตากวาดไปทางรถม้าที่อยู
ท่านแม่เคยถามนางว่า คิดว่าสวี่หยวนชิงเป็นอย่างไรนางกับสวี่หยวนชิงโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ต่างฝ่ายเรียกได้ว่าไม่อาจคุ้นเคยกันไปมากกว่านี้ ไม่เคยมีความคิดทำนองนั้นมาก่อน แค่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา นางก็รู้สึกว่าน่ากลัวแล้วถึงสุดท้ายแล้วอวิ๋นอ๋องจะยังคงไม่ชอบนาง นางก็ไม่สามารถแต่งงานกับสวี่หยวนชิงได้อยู่ดี“คราวก่อนข้าพูดกับเจ้าชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?”หากเป็นเมื่อก่อน สวี่หยวนชิงได้ยินวาจาเช่นนี้จะต้องเสียใจมากเป็นแน่ แต่บัดนี้หลังจากได้รับการชี้แนะจากหวังเสวี่ย เขากลับไม่รู้สึกเสียใจอีกแล้วนี่ก็คือการทดสอบเขา!“ฮวนเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าล้วนไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางฝืนใจเจ้า ข้าจะรอ รอจนกว่าจะถึงวันที่เจ้าเปลี่ยนใจ!”กู้ฮวนเอ๋อร์ “???”วันนี้สวี่หยวนชิงเป็นอะไรไปกันแน่?ฉู่อวิ๋นกุยได้ยินบทสนทนาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอย่างชัดเจน เขาเลิกผ้าม่านรถม้าแล้วก้าวลงมา“แม่นางกู้ พวกเราควรไปได้แล้ว”เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้สวี่หยวนชิงชะงักไป กวาดสายตามองมาโดยสัญชาตญาณก็พบว่าอวิ๋นอ๋องอยู่ด้านหลังเขาสังเกตเห็นรถม้าคันนี้ตั้งแต่ก่อนห
บนรถม้าในที่สุดกู้ฮวนเอ๋อร์ก็สลัดพวกสวี่หยวนชิงสองคนได้เสียที ทันใดนั้นก็พลันโล่งอกแล้วลอบมองฉู่อวิ๋นกุยอย่างอดไม่อยู่ หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆนางอยากอธิบายเรื่องเข้าใจผิดเมื่อครู่ ระหว่างนางกับสวี่หยวนชิงไม่มีอันใดทั้งนั้น หวังว่าอวิ๋นอ๋องจะไม่เข้าใจผิด แต่ถ้านางอธิบายแล้วอวิ๋นอ๋องรู้สึกว่านางประหลาดหรือทำอะไรเกินจำเป็น จะมิชวนกระอักกระอ่วนใจแย่หรือ?ฉู่อวิ๋นกุยคิดว่ากู้ฮวนเอ๋อร์จะต้องรีบอธิบายทันทีที่ขึ้นมาบนรถม้าเป็นแน่ อย่างไรเสียนิสัยที่ผ่านมาของนางก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่พบกัน นางดูเหมือนจะมีเรื่องพูดมากมาย ไม่ว่าเขาจะฟังหรือไม่ฟัง นางก็ยังคงพูดต่อไปวันนี้พวกเขานั่งรถม้าคันเดียวกัน เหตุใดจู่ๆ แม่นางผู้นี้ก็เงียบไปเสียอย่างนั้น?เขามองใบหน้าเล็กๆ ที่ค่อนข้างแดงเรื่อของนาง ในหัวนึกถึงสวี่หยวนชิงที่ก่อนหน้านี้พร่ำพูดว่าชอบนาง หมายความว่า...นางหน้าแดงเพราะคำพูดของสวี่หยวนชิงงั้นหรือ?คิดถึงตรงนี้ ฉู่อวิ๋นกุยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ นางก็ดูเหมือนจะไม่ชอบความเงียบนี่นา“เจ้าชอบคุณชายสวี่ผู้นั้น?” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยถามเสียงเรียบกู้ฮวนเอ๋อร์กำลังลังเลอยู่ว่าควรทำอย่างไรด
“ข้าอยากเตือนเจ้าว่าหวังเสวี่ยอาจไม่ใช่สหายที่ควรค่าแก่การคบหา รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าไม่ยินดีไปเจอสวี่หยวนชิง นางก็ยังพาคนมาหาครั้งแล้วครั้งเล่า”“หากไม่ใช่เพราะนางโง่เขลา ไม่เข้าใจเรื่องระหว่างผู้คน เข้าใจไปเองว่าหวังดีต่อเจ้า ทั้งยังคิดว่าเจ้าไม่รับน้ำใจ”“ไม่อย่างนั้นก็เป็นเพราะว่ามีจุดประสงค์แอบแฝงมาแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อเจ้าทั้งนั้น”น้ำเสียงฉู่อวิ๋นกุยแฝงไว้ซึ่งความอ่อนใจ แม่นางผู้นี้เข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับสายตาของเขาหรือเปล่า?ตอนเห็นหวังเสวี่ยครั้งแรกที่ร้านอาหาร เขาก็รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้เสแสร้ง เผยความไม่ชอบมาพากลออกมาหลายส่วน วันนี้ได้เจอกันอีกครั้ง ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งชัดเจนกว่าเดิมเขาเคยพบผู้คนมากมายในวัง มีคนแบบไหนไม่เคยเห็นมาก่อนบ้าง? แม่นางผู้นี้คิดอันใดอยู่ เดาได้ไม่ยากเลยสักนิด“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้...”กู้ฮวนเอ๋อร์ค่อยเข้าใจในที่สุด อันที่จริงตั้งแต่คราวก่อนที่หวังเสวี่ยโกหกให้นางไปหา นางก็ไม่พอใจแล้ว ยังเคยเตือนหวังเสวี่ยว่าคราวหน้าห้ามทำเรื่องแบบนี้อีกเด็ดขาดแม้พวกนางจะเป็นสหาย แต่นางไม่ชอบให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนนาง แต่วันนี้หวังเสวี่ยก็ยัง
“ผู้หญิงอย่างพวกเราล้วนเป็นเช่นนี้ คนที่ชอบมอบอะไรให้ล้วนชมชอบ คนที่ไม่ชอบมอบอะไรให้ก็ไม่มีประโยชน์”กู้ฮวนเอ๋อร์ผายมือ “ผู้หญิงที่หม่อมฉันรู้จักล้วนเป็นเช่นนี้ ขอเพียงท่านอ๋องตั้งใจเตรียมมา ญาติผู้พี่จะต้องชอบแน่นอน แต่หม่อมฉันคิดว่าฐานะของท่านอ๋องไม่ธรรมดา คิดว่าเรื่องชวนประหลาดใจนี้คงจะยิ่งใหญ่ทีเดียวกระมัง?”“ถ้าจะบอกว่าเรื่องด้านนี้ใครมีประสบการณ์โชกโชนที่สุด นั่นก็ต้องเป็นพี่สี่แล้ว!”ฉู่อวิ๋นกุยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าหมายถึงซ่งจิ่งเซิน?”“ใช่แล้วเพคะ!” กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้า “ตอนนั้นเมื่อครั้งที่พี่สี่ชื่นชอบเคอหยวนจื่อ การกระทำพวกนั้น คนทั้งเมืองหลวงล้วนรับรู้กันทั่ว!”“ผ้าไหมแพรพรรณ เครื่องประดับต่างๆ สรรหาสิ่งของล้ำค่ามากำนัล ท่านไม่รู้หรอกว่ายามนั้นมีผู้หญิงมากมายเท่าไรนึกอิจฉา รู้สึกว่าเคอหยวนจื่อช่างมีวาสนายิ่งนักที่ได้รับความรักจากพี่สี่”“ยามนั้นคนรักในฝันของแม่นางมากมายก็คือพี่สี่ เวลาหลับฝันยังอยากให้ตัวเองกลายเป็นเคอหยวนจื่อใจจะขาด!”เห็นว่ากู้ฮวนเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายขณะพูดถึงเรื่องนี้ ฉู่อวิ๋นกุยก็ถามไปโดยไม่ทันคิด “ตอนนั้นเจ้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน?”“ผู้ใดไ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที