ธารตะวันตื่นเช้าเพราะนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน เธอตื่นขึ้นมาสูดรับอากาศในยามเช้าเพื่อต้อนรับชีวิตใหม่ หลังจากนี้พบตะวันในร่างของธารตะวันจะเปลี่ยนชะตาชีวิตเธอเอง
ปลายเท้าเล็กสวมรองเท้าแมรี่เจนสีน้ำตาล เดินเตะหน้าเท้าอย่างอารมณ์ดีไปตามแนวฟุตบาธ
โทรศัพท์จากโลกเดิมนอนตายสนิทอยู่ในลิ้นชัก เธอต้องใช้เครื่องมือสื่อสารในโลกนิยายนี้แทน ทุกอย่างเหมือนกับโลกที่เธอจากมาเลย เพียงแค่ผู้คนรอบกายหรืออนาคตที่วางไว้เปลี่ยนไป
แผนวันนี้คือพาตัวเองไปสมัครงานที่ตั้งใจไว้...
“ไม่อยากเชื่อว่านี่คืออีกโลกอ่า...”
ร่างบางกางแขนเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้ารอบตัว รถราวิ่งสวนกันขวักไขว่บนท้องถนน ผู้คนกำลังออกมาใช้ชีวิตในยามเช้าของวัน
นักอ่านจอมเพ้อไม่อยากเชื่อสายตา ครั้งหนึ่งเธออ่านนิยายจนเก็บเอาไปนอนฝัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าการได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายจริงๆ มันจะต่างจากที่เคยคิดเอาไว้
แต่สิ่งที่น่ากลัวในการไม่ได้อ่านจากมุมมองพระเจ้า คือเธอเดาผู้คนที่เข้าหาไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ บางทีตัวร้ายอาจมาในคราบคนดีก็ได้
ตอนเป็นนักอ่านก็ได้เห็นทุกมุมมองอยู่หรอก แต่พอสวมบทบาทเป็นตัวละครเข้าจริง เธอกลับคาดเดาอนาคตที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย คงไม่ต่างอะไรจากธารตะวันในภาคก่อนที่ตกหลุมรักผิดคน
ฝากหัวใจและให้ใจไปกับชายหนุ่มที่ไร้ประโยชน์ซะจริง...
“คุณคะระวัง!”
ธารตะวันโพล่งเสียงดังด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อมีรถมอเตอร์ไซค์ที่ชายคนขับสวมชุดดำทั้งตัว บิดคันเร่งคล้ายจะพุ่งชนร่างสูงของชายหนุ่มที่กำลังจะข้ามทางม้าลายพอดี
จากระยะสายตายังไงเขาก็โดนชนแน่ และไม่รู้อะไรดลใจให้เธอพุ่งตัวเข้าไปคว้าแขนเขาเอาไว้ด้วยความไวแสง
หมับ
ธารตะวันดึงรั้งแขนเขาให้กลับมายืนบนฟุตบาธ แต่การทรงตัวไม่ดีเท่าที่ควรและคนโดนดึงก็รั้งร่างไม่ทัน ทำให้หน้าผากเธอกระแทกกับแผงอกของเขา พร้อมกับร่างของทั้งคู่ที่ล้มลงนอนทับกันอยู่บนพื้น
ธารตะวันหลับตาปี๋ ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ที่คิดว่าตัวเองจะเจ็บตัว แต่กลับล้มทับบนตัวของชายแปลกหน้าแทน
“โหว... เทวดาตกสวรรค์หรือเปล่าเนี่ย” ธารตะวันแพ้เสียงในหัวจนหลุดปากพูดออกไป ดวงตาเป็นประกายพราวระยับในฉับพลัน
ดวงตาคู่งามสบประสานกับนัยน์ตาสีคมเข้ม เบ้าหน้าฟ้าประทานดุจลูกรักที่พระเจ้าปั้นแต่งมาอย่างดี ทั้งโครงหน้าสมมาตรรับริมฝีปากสีชมพูดูสุขภาพดี ไหนจะดวงตาเย็นเยียบสุขุมแต่แฝงความเศร้าอยู่ในนั้นอีก
ภาพรวมคือหล่อ... โคตรจะหล่อเลยต่างหาก
ธารตะวันทำหน้าเพ้อฝันตกในภวังค์ความหล่อ หน้าตาดีเหมือนไม่มีตัวตนอยู่จริง ถ้าหากเป็นนิยายที่เธอเคยอ่าน ผู้ชายคนนี้คงจะได้รับบทพระเอกของเรื่องไปแล้ว
“จะลุกได้หรือยัง” เสียงทุ้มต่ำแฝงความไม่สบอารมณ์เอ่ยขึ้น
เขาส่งสายตาดุกันแทนคำพูด มองมาสีหน้าบอกบุญไม่รับ ทำให้เธอรีบดันตัวผละออกจากเขาทันที
“ขอโทษค่ะ... เอ่อ เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ” พอลุกขึ้นได้เธอก็ปัดฝุ่นที่กระโปรง ไม่ได้ให้ความสนใจผู้คนที่เดินผ่านไปมา ครั้นจะเข้าไปช่วยประคองอีกฝ่ายเขาก็ตวัดสายตามองราวกับเธอทำผิดมหันต์
“จะทำอะไร”
“จะช่วย...”
“อย่ามาจับผมนะคุณ”
ชายไม่รู้ชื่อแต่หล่อมากเบี่ยงตัวหลบ ทำเอาเธอหน้าเหวอรีบงับเก็บปากล่างแทบไม่ทัน
ปกติคนหล่อขี้หงุดหงิดทุกคนเลยหรือเปล่า เธอชักสีหน้าไปต่อไม่ถูกกับท่าทางหวาดระแวงผู้คนของอีกฝ่าย ไม่ทันแตะถึงตัวก็กลัวราวกับเธอจะเข้าไปบีบคองั้นน่ะ
“คะ เอ่อ... ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” เธอชูมือขึ้นสองข้างแสดงความบริสุทธิ์ใจ มองร่างสูงที่หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จนตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้างที่ตกตะลึงในความหล่อไม่ต่างกัน
แต่ประสบการณ์จากการเป็นนักอ่านมาหลายปี ขอเดาเลยเบ้าหน้าฟ้าประทานแต่นิสัยเสียแบบนี้จับฉลากได้บทพระเอกชัวร์
“คราวหลังข้ามถนนก็มองรถให้ดีนะคะ ฉันอุตส่าห์ช่วยชีวิตแต่ต้องโดนคุณดุใส่เนี่ยนะ ขอบคุณสักคำก็ไม่มีจริงๆ เลยนะคนเรา”
ธารตะวันบ่นอุบให้ได้ยิน หน้าซึมจ๋อยกับสายตาคมปลาบดูดุดัน
“ต้องการเงินเหรอ”
“หมายความว่าไงคะ”
“ช่างเถอะ ขอบคุณที่ช่วยก็แล้วกัน”
เธอเลิกคิ้วมองเขาที่ดูท่าจะสับสนกับตัวเอง บางทีที่เขาว่าเบ้าหน้าแบกนิสัยนี่อาจจะเป็นคติประจำตัวพระเอกนิยายก็ได้
“ตามนั้นก็แล้วกันค่ะ แล้วนี่คุณเป็นอะไรมากมั้ย บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นอะไร... ไม่ได้เจ็บตรงไหน”
ใบหน้าหล่อเหลาเอาการเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใด นัยน์ตาเฉยชาราวกับผืนน้ำทะเลที่สงบนิ่ง แต่ก็แฝงความลึกล้ำดุจมีคลื่นใต้น้ำที่กระเพื่อมไหวอยู่ตลอดเวลา
“โอะ รถมาแล้ว”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มองรถโดยสารประจำทางที่ค้นหามาอย่างดีก่อนหน้า สองขาก็เตรียมสับจะพุ่งตัวไปยังป้ายจอดข้างหน้าทันที แต่ทว่าเสียงชายหนุ่มที่เรียกชื่อเธอกลับดึงความสนใจไปก่อน
“น้องตะวัน...”
ธารตะวันหันขวับไปที่ต้นกำเนิดเสียง ในฉับพลันรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไป แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าฉงนกับคนแปลกหน้าแทน
“จำพี่ไม่ได้เหรอ... พี่เจตไงครับ เจตกวิน”
เจตกวิน...
ชื่อนี้กระแทกโสตประสาทให้ขาเธอหยุดชะงัก เหมือนโดนค้อนหนักทุบตีเข้าที่ศีรษะจนมึนเบลอไปชั่วขณะ
“พี่เจตเหรอ”
“ขึ้นมาสิ”
“เอ่อ...”
“ขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวพี่ไปส่งเราเองครับ”
“ไปส่งกับผีเถอะ...” ธารตะวันพูดลอดไรฟัน ดวงตาจับจ้องเจตกวินเขม็งอย่างคาดโทษ
แต่แล้วเสียงบีบแตรจากรถคันอื่นก็ทำเธอลนลาน ขาไม่ยอมวิ่งไปขึ้นรถโดยสารประจำทาง แต่ดันพุ่งตัวเข้าไปนั่งในรถของเจตกวิน บุคคลที่เธอตั้งใจว่าจะไม่ให้มีบทบาทในโลกของธารตะวันเสียได้
“แย่ละ... หายตัวไปตอนนี้ทันมั้ยว้า ฮื่อ”
โรงพยาบาลธารตะวันนั่งน้ำตาตกอยู่ข้างเตียงประธานธันย์ เหมือนภาพความจำที่โหดร้ายมันฉายซ้ำอีกครั้ง กับการที่เธอต้องเห็นเขาเจ็บตัว นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ไม่ยอมตื่นขึ้นมาสักที“ฮึก... ฉันปวดใจจะแย่แล้วนะคะ”เธอกุมมือเย็นมาแนบที่ข้างแก้มอุ่นร้อน ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่รินไหล เปียกชื้นบนแก้มขาวจนดวงหน้าแดงก่ำเหตุการณ์ที่งานก่อนหน้านี้ชุลมุนมาก คนร้ายที่บุกเข้ามาได้ จงใจเอาชีวิตของธันย์ธาราโดยเฉพาะ ทิศทางของกระบอกปืน หรือการเข้าหาระยะประชิดตัว มันก็บอกชัดแล้วว่าต้องการเอากันถึงตาย“พระเอกต้องไม่... ฮึก ฮือ ไม่ตายสิคะ”เธอเบะปากร่ำไห้โฮ เขาเข้าไปแย่งปืนกับชายชุดดำ ยื้อยุดฉุดกันไปมาเพียงไม่นาน เสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัดถ้วน เป็นเหตุให้ประธานธันย์ล้มลงไปกองกับพื้นก่อนของเหลวที่ไหลออกมา จะอาบย้อมเสื้อผ้าเขาเป็นสีเลือด เปื้อนเลอะตัวเธอที่เข้าไปช้อนร่างเขาขึ้นมา “ตาธันย์ลูกแม่!”เสียงคุณหญิงหยาดเพชรดังมาแต่ไกล เธอจึงรีบปล่อยมือเขาแล้วปาดน้ำตาทิ้งทันที ก่อนจะผุดตัวลุกขึ้น ยืนให้ห่างจากข้างเตียงเขา“ลูกฉันเป็นยังไงบ้างธารตะวัน หมอบอกว่าไงบ้างหะ”ร่างของหญิงวัยกลางคนร่ำไห้ น้ำตาหลั่งรินราวก
THE RADA GRAND HOTELธันย์ธาราเข้าร่วมโครงการใหม่ของเดอะรดาแกรนด์ ระหว่างยืนฟังเจ้าของโครงการเปิดงานบนเวที เขาก็ส่งแชมเปญให้ธารตะวัน พร้อมกับหันไปยิ้มให้กันด้วยสายตารักใคร่ร่างสูงขยับปลายเท้าไปใกล้เธอ มือที่แนบข้างลำตัว ยื่นไปแตะหลังมือของธารตะวันเบาๆ ทำเอาเธอยืนอมยิ้มราวกับคนเสียสติ มือกระดกแชมเปญขึ้นดื่ม ขณะทอดสายตามองเจ้าของโครงการบนเวที“คุณธันย์...”“ค่อยยังชั่วหน่อย”ใบหน้าเรียวเล็กหลุบตามองต่ำ เมื่อเขาคว้ามือเธอไปจับไว้หน้าตาเฉย ฉับพลันตัวเธอก็แข็งทื่อ กวาดตาล่อกแล่กมองซ้ายขวาไปมาแต่ทว่า...กลับไม่เป็นที่สังเกตของคนในงาน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่ดำเนินไปอย่างลับๆ จนผ่านมาหลายวันแล้ว“ผมควรซื้อไว้เป็นเรือนหอเรามั้ย” เขาพูดขึ้น หลังสนใจโครงการที่ถูกพูดถึงอยู่ ราคาเหยียบเจ็ดสิบล้าน แต่เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะแก่การสร้างเป็นเรือนหอเหมือนกัน“ป๋าอีกแล้วนะคะคุณธันย์”“ผมว่าพื้นที่ใช้สอยดีเลย การเดินทางก็สะดวก เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัว... หรือคู่รักสร้างตัวนะคุณ”ร่างบางระหงเอียงคอมองเขา ต่อให้ธันย์ธาราไม่เคยแนะนำตัว ว่าที่โลกเดิมทำอาชีพอะไรก็ตาม แต่ถ้าให้เธอเด
หลังจากเจอแพรพิมพ์ดาว ในสภาพดูไม่จืดเท่าไหร่ ธารตะวันก็รีบพาอีกฝ่ายเข้ามานั่งสงบสติอารมณ์ในห้อง ก่อนจะหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยนกันปอดบวม หยิบคว้าผ้าผ่อนมาเช็ดผมให้คนที่ร้องไห้โฮประธานธันย์โดนแพรพิมพ์ดาวจ้องเขม็ง ก่อนที่เขาจะส่งกระดาษให้หญิงสาวซับน้ำตา เธอรับไปเช็ดหน้าแล้วขอบคุณเขาเสียงสั่นเครือ“ขอบคุณค่ะ แต่แกพาผู้ชายเข้า ฮึก... เข้าห้องเหรอตะวัน”“เรื่องฉันเล็กมาก ไว้เล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน”คนที่เมามายนั่งบนเบาะฟูก ธารตะวันยืนเช็ดเส้นผมให้ ย่อตัวนั่งให้ใบหน้าเสมอกัน ก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อนสาว พร้อมกับจ้องตาให้คายสิ่งที่ทำน้ำตาแตกออกมา“ไหนเล่าหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมตากฝนมาแบบนี้”“ฉัน... ฉันจะลาออกจากที่นี่แล้ว ฮึก ไอ้เด็กนั่น... ร้าย”“ร้ายยังไง แกตั้งสติแล้วค่อยๆ เล่าได้ไหม”แพรพิมพ์ดาวเบะปาก น้ำตาเม็ดใสรินไหลเหมือนเพชรพลอย หล่นร่วงกราวราวกับมีฝนตกบนหน้าเธอ“พ่อเขาให้เงินมา... บอกว่าเลิกยุ่งกับลูกชาย ฮึก ปล่อยให้เขาไปมีอนาคตที่ดี ถ้ายัง... อึก ฮึก ฝืนเจอกันจะให้เขาไปเรียนต่อ”“แล้วแกทำไง น้องเขาได้อธิบายอะไรมั้ย”“ฉันแค่อยาก อึก... อยากให้เขามีอนาคตที่ดี ฉันก็เลยยอมถอ
สายตาคู่คมของประธานธันย์อบอุ่น แต่ก็แฝงความเร่าร้อน เหมือนดวงตาที่มองเธอตอนมีอะไรกันไม่มีผิด ก่อนเขาจะกระชับร่างบางเข้ามาแนบชิดกันมากขึ้น“บ้า... คุณธันย์ก็พูดเกินไปแหล่ว”ธารตะวันบิดตัวเขินเขา พลางตีอกกำยำอีกฝ่าย แต่ไม่ลืมที่จะแวะใช้นิ้วจิ้มเบาๆ กับกล้ามเนื้อที่แน่นจนแข็งน่าขยำ“หน้าแดงหมดแล้วนะคุณ” เขาวาดรอยยิ้มเอ็นดูเธอ“ก็... ห้องครัวมันร้อนนี่คะ” เธอกลั้นยิ้มแล้วพองแก้มนิดๆพลังงานด้านบวกของคุณผู้ช่วยกลับมาทันที อาจจะมีช่วงที่ตกหลุมความเศร้าไปบ้าง แต่ได้กำลังใจดีจากเขา เธอก็กลับมายิ้มสดใสอีกครั้ง“คุณไม่ต้องมาพูดเอาใจฉันเลยค่ะ คิดจริงนะคะ คนยิ่งบ้ายออยู่ด้วยไม่รับความเห็นต่างอื่นน้า”“สวยจริงครับ ไม่ได้โกหก”ร่างบางคล้องเรียวแขนที่ลำคอเขา ก่อนจะเหลือบมองหม้อที่เดือดปุดๆ อยู่ข้างใน ธันย์ธาราเลยหันไปปิดแก๊สให้ ปิดเสร็จก็กลับมาสนใจเธอต่อ แบบไม่ละสายตาจากแฟนสาวแม้แต่น้อย“สวยจริงเหรอคะ”“แล้วผมจะโกหกทำไม”ธารตะวันยิ้มอย่างผู้รับชัยชนะ จะโกรธต่อก็คงทำไม่ลง คนตรงหน้าดันหล่อจนใจเหลวไปหมดแล้วบางทีเธอก็จินตนาการไม่ออก ถ้าชีวิตของเธอถูกเขียนเป็นบทนิยายขึ้นมา มันคงเป็นเรื่องเล่าเรื่องยาวหล
ภายในห้องครัวขนาดไม่ใหญ่มาก เจ้าของห้องอย่างธารตะวัน กำลังยืนต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่เงียบๆช่วงสองทุ่มที่ท้องร้อง ทั้งที่เมื่อเย็นเพิ่งไปทานดินเนอร์มื้อหรู แต่ไปในฐานะของผู้ช่วยประธานธันย์ ส่วนเขานั่งทานอาหารกับว่าที่คู่หมั้น ทั้งคู่นั่งแยกโต๊ะกัน เพื่อไม่ให้มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ของเรา“เฮ้อ... กินหรูแค่ไหนก็จบที่บะหมี่กึ่งอยู่ดี”ร่างบางระหงบ่นอุบ ก่อนจะใส่เครื่องเคียงอย่างหมูสับ และไส้กรอกลงไปในหม้อ พร้อมกับปิดฝารอให้น้ำเดือดสักครู่“พี่ธันย์ลองทานนี่สิคะ อร่อยมากเลยนะ”“พี่ธันย์ขา ถ่ายรูปให้แพรหน่อยได้ไหม”“พี่ธันย์ทานเยอะๆ นะคะ มา เดี๋ยวแพรไหมตักให้”ทั้งภาพและเสียงของคู่หมั้นเขา มันฉายซ้ำซ้อนอยู่ในหัวเธอไม่หยุดตอนแรกธารตะวันก็คิดว่าเป็นคนเงียบๆ แต่พออยู่กับธันย์ธาราสองคน แพรไหมพูดเป็นต่อยหอยไม่หยุดเลยต่างหาก แถมยังชวนคุยเก่ง ดวงหน้าก็สะสวยมองเพลินหูเจริญตาด้วยถึงประธานธันย์จะเย็นชากับผู้หญิงคนอื่น แค่นัดทานข้าวให้มันจบไป และทุกอย่างอยู่ในสายตาเธอก็ตาม แต่มันก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ปากบอกเขาว่าไม่เป็นไรแต่ใจเธอมันโคตรนอยเลยต่างหาก“ทำอะไรอยู่เหรอตะวัน”ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง
ธารตะวันยืนใจลอย ขณะจับเหยือกน้ำเย็นเทใส่แก้ว ในหัวครุ่นคิดถึงภาพฝันวันข้างหน้า เธอกับเขาอาจจะโดนกีดกั้นเรื่องของความรักนักอ่านตัวยงอดหวั่นใจไม่ได้ ในนิยายแทบทุกเรื่องที่เคยอ่าน หากฐานะไม่เหมาะสมกัน ย่อมถูกกีดกั้นให้ชีวิตรักมีอุปสรรคทุกที ซึ่งแน่นอนว่านิยายที่เธออ่านมาจบดีทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้จะไปถึงปลายทางเดียวกันหรือเปล่านี่เป็นบททดสอบของลูกสะใภ้ที่ไร้ศักด์งั้นเหรอ...“เฮ้อ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ เจอเข้าจริงหนักใจเหมือนกันนะ”ร่างบางระหงพูดพึมพำกับตัวเอง เหมือนการคิดวกวนไม่ช่วยให้เธอปล่อยวาง จนเกิดอาการแพ้เสียงในหัวอย่างที่เห็นพวกตัวหลักที่ชอบพูดคนเดียว คิดว่ามีแค่ในละครที่เคยดูซะอีก“อ่า แม่เขาก็ดูไม่ได้ใจร้ายเท่าไหร่... คิดมากไปไหมเรา”เธอไม่อยากตัดสินคนจากภายนอก เนื้อเรื่องอาจจะมีการพลิกผันก็เป็นได้ การสวมบทบาทเป็นบุคคลที่หนึ่งไม่ง่ายเลย เธอเดาความคิดและมุมมองตัวละครอื่นไม่ออกพวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ และบทต่อไปจะลงมือทำอะไรกันแต่ทว่า คุณผู้ช่วยคงคิดเพลินไปหน่อย เหยือกที่รินน้ำอยู่มันล้นออกจากแก้วจนเปียกโต๊ะ เธอถึงได้ลนลานรีบหยิบผ้ามาเช็ดทันที“ตั้งสติหน่อยตะวัน ไม่มีอะไรให้คิดม