ร่างบางนั่งตัวเกร็งจัดจนตาแข็ง กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ระหว่างทางไม่กล้าปริปากถามอะไรเจตกวินก่อน กลัวจะเป็นการเป็นทางให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่สานต่อ
จากใจนักอ่านที่รู้วีรกรรมเจตกวินมานับไม่ถ้วน อยากเข้าไปหยุมหัวเพื่อสะสางความแค้นแทนธารตะวันคนก่อนสักที
“น้องตะวันจะไปสมัครงานเหรอครับ” เจตกวินเอ่ยถาม แต่ทำเธอสะดุ้งหลังมัวคิดอะไรเพลินไปหน่อย
“คะ เอ่อ พี่เจตรู้ได้ยังไงคะ” เธอฝืนยิ้มจืดเจื่อน พลางยกมือทัดใบหูแล้วกลั้นใจขยายบทสนทนากับอีกฝ่ายต่อ
เจตกวินเป็นคนรูปหล่อบ้านมีฐานะ มิเช่นนั้นนักเขียนก็คงไม่จั่วหัวขึ้นมารับบทตัวเอกผู้แสนดี ก่อนจะฉีกบทให้กลับตาลปัตรเมื่อหญิงคนรักตั้งท้องลูกในไส้
ควรได้รับรางวัลตัวละครน่าหยุมที่สุดแห่งปีไปเลย
“เราแต่งตัวเหมือนจะไปสัมภาษณ์งานน่ะ นี่พี่เดาถูกเหรอเนี่ย”
“ใช่ค่ะ ตะวันกำลังจะไปสมัครงาน...”
“ถ้ายังไม่ถูกใจ ลองมาทำบริษัทเดียวกับพี่ดีมั้ย” คำชวนบนใบหน้าหล่อที่เคลือบรอยยิ้มหวาน ทำธารตะวันตัวชาวาบเสียวหลังวูบขึ้นมา
ในนิยายภาคก่อน เธอก็หลวมตัวไปสมัครงานที่เดียวกับเขานี่ล่ะ ถึงได้เป็นบ่อเกิดเป็นความใกล้ชิดสนิทสนม รักกันหวานชื่นปานน้ำตาลจะจืดจางเมื่อหมดรสหวานก็เลือนรางหายไป
เพราะงั้นครั้งนี้ต้องห้ามใกล้ชิดกันเด็ดขาด
ขีดเส้นตาย... อย่าได้ใกล้ชิดเป็นอันขาดเลย
“บริษัทเดียวกับพี่เจตเหรอคะ ไม่ดีกว่า... เกรงใจจังค่ะ ตะวันว่าจะลองสอบสัมภาษณ์ที่นี่ดูก่อน” เธอพูดไปก็หัวเราะแห้งๆ ไปด้วย
หนทางข้างหน้าก็รู้ว่าจะเจอเชื้อมะเร็ง แฝงอยู่ใกล้ตัวเป็นภัยเงียบที่รู้อีกทีก็ลุกลามไปทั่วจนรักษาไม่หายขาด ถ้ารู้แบบนี้แล้วว่าเจตกวินไม่รักดีสู้เธอไปเสี่ยงทางใหม่เอาดีกว่า
“บริษัทพี่ให้สวัสดิการดีนะตะวัน โบนัสจ่ายหนักอีกด้วย หัวหน้าก็คนกันเองไม่กดดันน้องใหม่แน่นอนครับ”
เจตกวินอวยยศบริษัทเต็มที่ แต่ในน้ำเสียงเขานุ่มทุ้มน่าฟัง ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่งแต้มให้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นน่าเข้าหาสุดๆ
“สนใจไหมน้องตะวัน พี่ติดต่อเอชอาร์ที่บริษัทให้ได้นะ” ข้อเสนอที่ดูหวังดีแต่ธารตะวันคนนี้ขอปัดตกหมดอย่างไม่ลังเล
“ตะวันยัง... ยังไม่สนใจค่ะพี่เจต ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำ”
“ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้าสนใจก็โทรหาพี่ได้เลยนะ นี่นามบัตรพี่ครับ”
ว่าแล้วก็หยิบนามบัตรจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ เธอรับมาถือไว้ไม่อยากให้มีพิรุธหรือรังสีอำมหิตแผ่กระจายออกไป แทนคำขอบคุณที่ให้ติดรถไปลงบริษัทประหยัดค่าเดินทางวันนี้ก็แล้วกัน
ทำเจ็บแสบไว้เยอะเองนี่นา แค่มาส่งไม่ถึงกี่กิโลคงไม่ระคายมั้ง
“หนาวมั้ย เดี๋ยวพี่หาผ้าห่มให้” เจตกวินจอดติดไฟแดง เหลือบเห็นว่าเธอใส่กระโปรงเดรสสั้นมาก็ถามไถ่อย่างห่วงใยกัน
“มะ- ไม่หนาวค่ะพี่เจต” เธอโบกมือปฏิเสธพลางลูบหน้าขาไปด้วย
“ห่มขาไว้ครับ อีกหลายไฟแดงเลยกว่าจะถึง”
“พี่เจต...”
“ดูแลตัวเองอย่าป่วยนะครับ”
“อ่า... เอ่อ ขอบคุณค่ะ”
ธารตะวันพูดไม่ออก เมื่อสายตาสบประสานกับรอยยิ้มเขา เจตกวินเป็นคนยิ้มแล้วมีเสน่ห์น่ามองมาก คารมคมคายยังเป็นเลิศอีกรู้จักชวนคุยผ่อนหนักเบา
นี่ถ้าเธอไม่รู้ว่าเขาคือสามีแสนชั่วคนนั้น ธารตะวันในโลกนิยายนี้ก็คงจะตกหลุมรักเจตกวินอีกคราแน่
ระหว่างทางธารตะวันนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เธอไม่กล้ามองหน้าเจตกวินนานเกินห้าวินาทีด้วยซ้ำ ภาพตัวอักษรที่บรรยายถึงความเลวทรามของเขา มันผุดแทรกขึ้นมารบกวนจิตใจให้คันยุบยิบทุกทีเลย
แต่พอมาถึงหน้าบริษัทที่จะสมัครเข้าสัมภาษณ์ เธอก็พลอยโล่งใจไปหนึ่งเปลาะหลังนั่งหายใจไม่ทั่วท้องมาตลอดทาง
“ขอให้สอบสัมภาษณ์งานผ่านนะครับน้องตะวัน” เขาลดกระจกแล้วเอียงคอวาดรอยยิ้มส่งให้เธอ
“ขอบคุณค่ะพี่เจต... เอ่อ ขับรถกลับดีๆ นะคะ”
“ครับ อย่าลืมโทรหาพี่นะ ไม่มีอะไรก็โทรได้เหมือนกัน”
ธารตะวันปั้นหน้ายิ้มกลบเกลื่อนเพลิงไฟในแววตา เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไปตกหลุมรักรุ่นพี่คนนี้ได้ รูปลักษณ์ภายนอกหล่อสะอาดราวกับอาบน้ำวันละแปดครั้ง
ไหนจะหน้าที่การงานมั่นคง ดูภูมิฐานและอ่อนโยน อาจเป็นที่พึ่งพิงทางใจให้ผู้หญิงตัวเล็กตัวน้อยได้อีกต่างหาก
จะหวั่นไหวให้เจตกวินก็ไม่แปลกอะไรหรอก...
เธอไล่สายตามองรถของเจตกวินขับไกลออกไป ก่อนจะกอดกระชับแฟ้มเอกสารสมัครงานไว้แนบอก พ่นลมเป่าปากให้ปอยผมที่ตกมาปรกหน้าผากปลิวออก
“นิยายเรื่องนี้ตอนจบ.ต้องไม่เหมือนเดิมค่าคุณพี่”
พูดกับฟ้าดินแล้วเธอก็สะบัดหน้าหนี เดินเชิดปลายคางเข้าบริษัทได้ไม่กี่ก้าวก็กลับมาห่อเหี่ยว หลังก้าวเข้าไปในโลกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใหญ่โตโอ่อ่าสมราคาคุยไว้มาก
“โหว... นี่เหรอโลกของคนรวยอ่า”
ธารตะวันอ้าปากตาเป็นประกายระยิบระยับ ปกติก้มหน้าทำงานที่ร้านอาหารแปดชั่วโมงต่อวัน เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็แทบหมดวัน ไหนจะต้องนั่งรอรถโดยสารประจำทางที่อัดแน่นด้วยผู้คน
จะธารตะวันหรือพบตะวัน... สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือสู้ชีวิต ปากกัดตีนถีบเพื่อจะส่งให้ตัวเองไปถึงฝันที่วาดไว้สินะ
“ต้องทำได้สิ เรียนมนุษย์ศาสตร์เอกญี่ปุ่นเหมือนกันนี่นา” ถึงชีวิตจริงจะยังไม่ได้รับปริญญา แต่มาหน้างานในโลกนี้แล้วก็ต้องปรับบทสิ
ทว่าโลกของธารตะวันกำลังจะสดใส เมฆหนาครึ้มดำก้อนใหญ่ก็พัดผ่านหน้าเธอไป หอบลมหนาวเย็นกระทบแผ่นหลังบางให้เสียววาบขึ้นมาทันควัน เมื่อเห็นเสี้ยวคมหน้าหล่อกระแทกตาของใครบางคน
“นั่นมัน... นะ- นั่นมันคนที่ทางข้ามม้าลายนี่นา”
เธอเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน รีบยกมือขึ้นปิดปาก กลัวจะเสียงดังแล้วเจ้าตัวที่เดินผ่านจะได้ยิน
“หน้าหล่อ... เซททรงผมเปิดหน้าผาก ออร่าคนรวยทั้งสูงใหญ่และไหล่กว้าง แต่งตัวมาดประธานบริษัทแล้วยังฟอร์มเย็นชาแบบนี้อีก”
ร่างบางยืนขบคิดอยู่คนเดียว ท่ามกลางพนักงานออฟฟิศที่เดินสวนไปมา ตำราที่เธอพูดไล่แต่ละข้อมันคาแรกเตอร์พระเอกชัดๆ หล่อเย็นชาแถมยังปากร้ายตาดุอีกต่างหาก
แต่มันอาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้มั้ง...
อย่าได้บอกกันเชียวว่า หนุ่มหล่อแสนเย็นชาสุดอันตรายคนนี้จะคือประธานบริษัทตัวจริง แถมยังจับฉลากได้บทพระเอกแบบที่เธอคิดไว้
ธารตะวันหน้าถอดสีซีดเซียวไร้เลือดฝาด ชักสีหน้าสยองขวัญพองขนก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว เป็นทางออกเดียวที่เธอจะอ้อนวอนได้แล้ว โปรดอย่าได้ส่งคนพิลึกกึกกือมามากนักเลยเถิด
“ขอเถอะนักเขียน... อย่าจับตัวร้ายได้ฉลากพระเอกเลย สาธุ๊!”
โชคชะตาเล่นตลกร้ายแต่คนโดนตลกไม่ออก…โลกกลมหรือแรงโน้มถ่วงมันเอนเอียง ถึงได้ผลักดันตัวละครที่เธอไม่อยากพบเจอโผล่มามากที่สุด บนโต๊ะอาหารที่ครื้นเครงจากเสียงพูดคุยดังจอแจ แต่ร่างบางที่นั่งข้างเจตกวินตัวลีบหดเหลือสามเซนทุกครั้งที่ไหล่เขาขยับมาชน เธอจะวูบวาบราวกับมีไฟฟ้าแล่นพาดผ่านกลางอก ขนแขนพร้อมใจกันลุกชันจนหายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่“ทานเยอะๆ นะครับน้องตะวัน” เจตกวินหันมาชวนคุย พลางดันถ้วยเกี๊ยวทอดกรอบให้เธอกินแกล้มกับก๋วยเตี๋ยวต้มยำ โดยที่เขาเป็นคนอาสาออกค่าอาหารเลี้ยงเธอมื้อนี้เอง“ขอบคุณค่ะพี่เจต”“กินเลอะอีกแล้ว...”วินาทีที่เจตกวินกำลังจะเช็ดปากให้ เธอก็สะบัดหันหน้าหนีจนคอแทบเคล็ด เขาตกใจจนชะงักมือไว้เพียงเท่านั้น ส่วนเธอรีบหยิบกระดาษมาเช็ดปากทันทีก่อนหันไปฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อน“ตะวันเช็ดเองดีกว่าค่ะพี่เจต... ไม่เป็นไร” เธอพยายามเก็บอารมณ์เวลาอยู่กับเจตกวินแล้ว แต่คงเหลือแค่สีหน้าที่เก็บไว้ไม่อยู่“น้องตะวันไม่ชอบใจอะไรพี่หรือเปล่าครับ”“คะ”“เหมือนเราจะไม่ค่อยชอบหน้าพี่นะ”เจตกวินเอ่ยเสียงเศร้าปนน้อยใจ ทำเอาเธอเลิ่กลั่กชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก ชำเลืองหางตามองเพื่อนๆ เขาทั้งสามคนกำล
ธารตะวันยอมควักเงินซื้อไอศกรีมนมให้ชื่นใจ หลังอารมณ์ดีที่กำลังจะได้งานและเงินเดือนก้อนโต แต่แล้วก็มาตกตะกอนความคิดบางอย่างขึ้นมาได้เงียบๆ หน้าร้านสะดวกซื้อ“มันคงไม่มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรอกม้าง...”เธอมุ่นคิ้วครุ่นคิดจนหน้าเคร่งเครียด ปากก็งับเนื้อไอศกรีมนุ่มลิ้นกินอย่างเอร็ดอร่อยดับร้อนไปด้วยงานง่ายเงินดีมีที่ไหน...แต่ถ้าเป็นในโลกของนิยายก็ไม่แน่เธออดคิดไม่ตกจริงๆ ผู้ชายอย่างธันย์ธารามีพฤติกรรมแปลกๆ ตอนได้เจอกันครั้งแรก ช่างเป็นความน่าประทับใจที่เธอไม่มีวันลืมแน่ โดนมองด้วยสายตาราวกับเป็นผู้ร้ายถือมีดจี้คอทั้งที่ช่วยชีวิตเขาน่ะ“ทำไมรู้สึกถึงลางไม่ดียังไงก็ไม่รู้ว้า” ระหว่างที่เธอกำลังตบตีกับความคิดตัวเองในหัว สายตาก็ดันขยับไปสบเข้ากับกลุ่มพนักงานออฟฟิศในช่วงพักเที่ยงแต่มันจะไม่ทำให้เธอทำหน้าเหยเกเลย ถ้าหากหนึ่งในกลุ่มแก๊งนั้นไม่มีเจตกวินหนุ่มร่างสูงโปร่งโดดเด่นเตะตาขึ้นมา“คิดว่าโลกแบนมาตลอด... เหอะ โลกมันกลมขนาดนี้เลยเหรอ”ธารตะวันลนลานหาที่หลบกำบังกาย ถ้ามีคาถาหายตัวเหมือนนิยายไสยเวทที่เคยอ่าน หรือกระบี่ให้ขี่หนีเธอคงทำไปแล้ว แต่โชคชะตานั้นดันเล่นติดตลกเกินไปหน่อยให้เจตกวินหั
“ขอบคุณสำหรับความสนใจสมัครเข้าบริษัทเรา... ยังไงเราจะติดต่อกลับไปในภายหลังนะคะ”การสัมภาษณ์ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว มือของธารตะวันยังไม่ทันจะหายชื้นเหงื่อ บุคคลที่สัมภาษณ์ทั้งห้าท่านตรงหน้าก็ผายมือให้เธอออกจากห้องได้ หลังซักถามประวัติอยู่เกือบสิบนาทีกว่าเอาเข้าจริงตัวเธอประหม่าหนัก คนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าก็มีแต่คนหน้าตาดี ทั้งการศึกษาก็มาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอีกต่างหากร่างบางเดินคอตกออกจากห้องสัมภาษณ์ ไหล่ห่อหูลู่เป็นกังวลว่าทางบริษัทอาจจะไม่ติดต่อรับเข้าทำงาน แล้วบทจะเข้าข้างเจตกวินโดยการที่ต้องไปทำงานบริษัทเดียวกันแค่คิดก็ชวนสยองพองขนจนเสียวหลังวาบแล้ว“เฮ้อ เมื่อกี้เสียงสั่นไปหน่อยหรือเปล่านะ”เธอเดินก้มหน้ามองปลายเท้าที่ก้าวอย่างเอื่อยเฉื่อย จนกระทั่งมีเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังดังขึ้น เธอก็หยุดชะงักฝีเท้าลงพร้อมกับเอี้ยวลำคอหันกลับไปมอง“ธารตะวันคนไหนคะ”“อยู่นี่ค่ะ... ธารตะวันอยู่ตรงนี้ค่ะ”เจ้าของชื่อชูแขนขึ้นเหยียดตรง ดวงตาดำขยายอย่างมีหวังแล้วคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อหนึ่งในคนที่สัมภาษณ์เดินออกจากห้องมาเรียกดักเธอไว้“ธารตะวัน ฉัตรวรารักษ์รอก่อนค่ะ” อีกฝ่ายพูด พลางมองเอกสารในมือมาสลั
ร่างบางนั่งตัวเกร็งจัดจนตาแข็ง กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ระหว่างทางไม่กล้าปริปากถามอะไรเจตกวินก่อน กลัวจะเป็นการเป็นทางให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่สานต่อจากใจนักอ่านที่รู้วีรกรรมเจตกวินมานับไม่ถ้วน อยากเข้าไปหยุมหัวเพื่อสะสางความแค้นแทนธารตะวันคนก่อนสักที“น้องตะวันจะไปสมัครงานเหรอครับ” เจตกวินเอ่ยถาม แต่ทำเธอสะดุ้งหลังมัวคิดอะไรเพลินไปหน่อย“คะ เอ่อ พี่เจตรู้ได้ยังไงคะ” เธอฝืนยิ้มจืดเจื่อน พลางยกมือทัดใบหูแล้วกลั้นใจขยายบทสนทนากับอีกฝ่ายต่อเจตกวินเป็นคนรูปหล่อบ้านมีฐานะ มิเช่นนั้นนักเขียนก็คงไม่จั่วหัวขึ้นมารับบทตัวเอกผู้แสนดี ก่อนจะฉีกบทให้กลับตาลปัตรเมื่อหญิงคนรักตั้งท้องลูกในไส้ควรได้รับรางวัลตัวละครน่าหยุมที่สุดแห่งปีไปเลย“เราแต่งตัวเหมือนจะไปสัมภาษณ์งานน่ะ นี่พี่เดาถูกเหรอเนี่ย”“ใช่ค่ะ ตะวันกำลังจะไปสมัครงาน...”“ถ้ายังไม่ถูกใจ ลองมาทำบริษัทเดียวกับพี่ดีมั้ย” คำชวนบนใบหน้าหล่อที่เคลือบรอยยิ้มหวาน ทำธารตะวันตัวชาวาบเสียวหลังวูบขึ้นมาในนิยายภาคก่อน เธอก็หลวมตัวไปสมัครงานที่เดียวกับเขานี่ล่ะ ถึงได้เป็นบ่อเกิดเป็นความใกล้ชิดสนิทสนม รักกันหวานชื่นปานน้ำตาลจะจืดจางเมื่อหมด
ธารตะวันตื่นเช้าเพราะนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืน เธอตื่นขึ้นมาสูดรับอากาศในยามเช้าเพื่อต้อนรับชีวิตใหม่ หลังจากนี้พบตะวันในร่างของธารตะวันจะเปลี่ยนชะตาชีวิตเธอเองปลายเท้าเล็กสวมรองเท้าแมรี่เจนสีน้ำตาล เดินเตะหน้าเท้าอย่างอารมณ์ดีไปตามแนวฟุตบาธโทรศัพท์จากโลกเดิมนอนตายสนิทอยู่ในลิ้นชัก เธอต้องใช้เครื่องมือสื่อสารในโลกนิยายนี้แทน ทุกอย่างเหมือนกับโลกที่เธอจากมาเลย เพียงแค่ผู้คนรอบกายหรืออนาคตที่วางไว้เปลี่ยนไปแผนวันนี้คือพาตัวเองไปสมัครงานที่ตั้งใจไว้...“ไม่อยากเชื่อว่านี่คืออีกโลกอ่า...”ร่างบางกางแขนเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้ารอบตัว รถราวิ่งสวนกันขวักไขว่บนท้องถนน ผู้คนกำลังออกมาใช้ชีวิตในยามเช้าของวันนักอ่านจอมเพ้อไม่อยากเชื่อสายตา ครั้งหนึ่งเธออ่านนิยายจนเก็บเอาไปนอนฝัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าการได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายจริงๆ มันจะต่างจากที่เคยคิดเอาไว้แต่สิ่งที่น่ากลัวในการไม่ได้อ่านจากมุมมองพระเจ้า คือเธอเดาผู้คนที่เข้าหาไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ บางทีตัวร้ายอาจมาในคราบคนดีก็ได้ตอนเป็นนักอ่านก็ได้เห็นทุกมุมมองอยู่หรอก แต่พอสวมบทบาทเป็นตัวละครเข้าจริง เธอกลับคาดเดาอนาคตที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
พบตะวันในอีกโลกที่มีชื่อว่าธารตะวัน ยืนล้างจานด้วยท่าทีเหม่อลอยคิดไปไกล พยายามไล่ย้อนเรียงเหตุการณ์ที่นางเอกของเรื่องต้องเจอมา แล้วก็พบว่าจุดเริ่มต้นเจอกับคนรักเก่าคือตอนสมัครงานนี่แหละตอนนั้นตัวของธารตะวันยังไม่ตกหลุมรักเขา แต่เพราะมีการชวนไปทำงานที่เดียวกัน ใช้เวลาร่วมกันบ่อย มันเลยมีสถานการณ์ให้เธอใจเต้นแรงอย่างเลี่ยงไม่ได้สุดท้ายก็ไปตกหลุมรักรุ่นพี่ที่คิดว่าแสนดีและอบอุ่น... โดยที่เธอไม่รู้อนาคตเลยว่าผู้ชายคนนี้จะหักหลังกันได้อย่างเลือดเย็น“ชาตินี้อย่าหวังจะได้เจอกันอีกเลยเถอะ” เธอถูฟองน้ำล้างจานกับถ้วยในมือหนักๆ ตามอารมณ์โกรธแค้นตัวร้ายที่จับได้บทตัวเอกอย่างเจตกวิน สมควรโดนแห่ประจานแล้วปาหินใส่ที่สุด โทษฐานไม่รู้จักสำนึกเรื่องถูกผิดในกามตัณหา ทำให้ลูกในท้องภรรยาต้องแท้งก่อนกำหนดด้วยพูดมาได้ยังไงว่าผู้ชายก็ต้องมีที่ระบายกันบ้าง นิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนนึกว่าธารตะวันไปคว้าสามีผิดคน“ตะวัน”“คนเลว...”“ธารตะวัน”เสียงเรียกที่ดังขึ้นดึงเธอจากภวังค์ เงยหน้ามองคนที่ยืนพิงประตูอยู่แพรพิมพ์ดาวขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่ วันนี้ธารตะวันทำตัวแปลกตั้งแต่นั่งคุยจ้อถึงเรื่องในอดีตแล้ว