Mag-log inให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยกายล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร
พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัว
มือและผ้าผืนเล็กสัมผัสกายเขาด้วยน้ำหนักที่พอดีไปทุกซอกหลืบของร่างกาย ใบหน้าของเขาเริ่มร้อนผ่าว และดูเหมือนว่ามันจะร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เนื้อนวลทำเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเพราะเธอคุ้นเคยกับร่างกายของคนป่วยทุกเพศทุกวัยมาเท่าไรแล้ว จะให้เกิดความเขินอายอย่างนั้นหรือ…ไม่มีทาง คนตัวเล็กกว่ามองผู้ชายที่นอนหลับตาปี๋แล้วส่ายหัวไปมา อายุสามสิบสาม เมียหนึ่ง ลูกหนึ่ง แล้วยังจะอายอะไรอีก พ่อคุณเอ๊ย!
สุรเซษฐ์ลืมตาขึ้นมาด้วยความเอียงอายเมื่อเนื้อนวลผละมือออกห่าง เขาคิดว่าเนื้อนวลคงเช็ดตัวให้เขาเสร็จแล้ว หายใจคล่องสักที
แต่เพียงอึดใจเดียวเธอกลับบอกเขาอีกอย่างเมื่อทั้งคู่สบตากันเต็มสองตา
“พลิกตัวนอนคว่ำค่ะ หนึ่ง สอง…” เนื้อนวลนับแล้วจับไหล่และสะโพกข้างซ้ายคนตัวใหญ่ให้พลิกนอนคว่ำหน้าได้อย่างง่ายดาย
ผู้หญิงคนนี้เอาแรงมาจากไหน ไหนใคร ๆ บอกว่าเธอป่วยไง แล้วมีแรงมาพลิกร่างคนนอนติดเตียงอย่างเขาได้อย่างไร แม่ของเขาตัวใหญ่กว่าเธอยังทำไม่เคยได้
ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศตกกระทบลงมาที่แก้มก้นของเขาทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบจนเขาเผลอขมิบก้น ไม่บอกก็รู้ว่าเธอคงเห็นร่างกายเขาทุกซอกทุกมุมแล้ว เธอจะเอาไปพูดต่อกับคนอื่นไหมนะ ก้นของเขาไม่ได้ขาวเนียนเท่าไรนัก แถมยังด้านนิด ๆ เพราะเกิดจากรอยแผลกดทับ ถึงกล้ามเนื้อจะยังพอมีอยู่บ้างก็ตามเถอะ ถ้าเธอเอาไปพูดกับคนใช้ด้วยกันพวกเขาคงคุยกันมันปาก
เฮ้อ! หมดกัน คนตัวโตแต่ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านได้แต่นอนทอดถอนหายใจเมื่อสู้แรงของสาวน้อยคนนี้ไม่ได้ ห้าหกวันก่อนไม่เห็นเธอน่ากลัวเหมือนวันนี้เลยสักนิด วันนี้ทำไมกลับทำราวกับเขาไม่ใช่นายจ้างอย่างไรอย่างนั้น แถมยังทำหน้านิ่งตลอดเวลาอีก เดาทางไม่ออกเลยว่าสาวน้อยหน้ามนคนผิวเข้มคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แล้วเนื้อนวลคนที่ชอบยืนก้มหน้าเนื้อตัวสั่นเทาเวลาโดนเขาตวาดไล่หายไปไหน เนื้อนวลคนนั้นพูดทีเหมือนคนติดอ่าง แต่คนนี้ทำไมใช้ระบบเผด็จการกับเขาเหมือนกับพวกคอมมิวนิสต์
เช็ดตัวเสร็จก็ทาแป้งให้เขาจนตัวหอม แผลที่โดนแก้วบาดตามตัวเธอก็ทายาให้ เธอเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อเอาชุดมาเปลี่ยนให้เขา ไม่ลืมที่จะหยิบกางเกงผ้าอ้อม และผ้าปูที่นอนผืนใหม่มาด้วย ท่าทางของเธอคล่องแคล่วคล้ายกับพยาบาลไม่มีผิดเพี้ยน
หลังจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสร็จเนื้อนวลปรับเตียงนอนขนาดใหญ่ของเขาให้เอนกายในระดับที่สบายตัวมากขึ้นเพื่อป้อนข้าว ถึงแม้เขาจะเป็นอัมพาตครึ่งซีกแต่ก็ดีที่ปากเขาไม่เบี้ยวและยังพูดได้ชัด
ช้อนที่ตักข้าวต้มกำลังจ่ออยู่ที่ปาก มือข้างซ้ายของเขาก็ปัดออกโดยเร็ว
เพล้ง! ทั้งช้อนทั้งถ้วยข้าวต้มพร้อมใจกันลงไปนอนอยู่ที่พื้นห้องโดยไม่ได้นัดหมาย เนื้อนวลยังวางหน้านิ่งเธอสามารถควบคุมอารมณ์และสีหน้าได้เป็นอย่างดี ก้มลงไปเก็บถ้วยที่แตกกับช้อนใส่ถาด หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดพื้นก่อน ทุกการกระทำเธอไม่ได้พูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียว
ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน
เนื้อนวลถือถาดออกไปจากห้องแล้วกลับเข้ามาพร้อมกับไม้กวาด ที่ตักผง และไม้ถูพื้น กลิ่นห้องนอนของเขาก็ไม่ค่อยต่างจากกลิ่นห้องที่เธอใช้ซุกหัวนอนเท่าไรนัก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเจ้าตัวเองที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามายุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัวด้วย ห้องนี้จึงทั้งรกและเหม็นอับ
“เธอจะทำอะไร” สุรเชษฐ์ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก การเช็ดตัวทำให้เขาสบายตัวก็จริง แต่เขาก็ไม่อยากให้ใครมาทำอะไรตามใจกับห้องเขาแบบนี้
“ทำความสะอาดห้องไงคะ” เขาก็ถามแปลก หรือเขาดูไม่ออกว่าอุปกรณ์พวกนี้เขาเอาไว้ทำอะไร
“ไม่ต้องทำ”
“ห้องมันเหม็นค่ะ”
“ฉันอยากอยู่แบบนี้”
“อยู่แบบนี้เดี๋ยวตายไวค่ะ หรือคุณเชษฐ์อยากตายเร็ว ๆ คะ ถ้างั้นฉันจะได้ไม่ต้องทำ” เนื้อนวลถามออกไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว ก็เธอทำตามหน้าที่สาวใช้ส่วนตัวของเขาแล้วไง ถ้าไม่ดูแลทุกอย่างในส่วนของเขาแล้วจะให้เธอทำอะไร
“นี่เธอ…” สุรเชษฐ์พูดไม่ออก ไหนคุณแม่บอกว่าเนื้อนวลเป็นผู้หญิงที่หัวอ่อนและซื่อบื้อไง ทำไมถึงได้มายืนต่อปากต่อคำเขาไม่หยุด หนำซ้ำยังแอบแช่งเขาอีก
สุรเชษฐ์มองสาวใช้แรกรุ่นทำความสะอาดห้องของตัวเองด้วยแววตางุนงง สาวน้อยคนนี้ไม่กลัวเขา ไม่สนใจ ไม่ง้อเขาด้วย นี่เธอไม่คิดหรือไงว่าเขาก็หิวข้าวเป็น ปกติที่เขาทำตัวแบบนี้แน่นอนว่าเธอมักจะมีท่าทีลนลานและเซ้าซี้ให้เขากินข้าวเสมอ แต่นี่…เธอกลับทำงานหน้าตาเฉย ไม่เดือดเนื้อร้อนใจว่าเขาจะหิวข้าวสักนิด นี่เขายังไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เช้าแล้วนะ
เนื้อนวลเก็บกวาดห้องแล้วเดินไปหยุดมองปฏิทินรูปดาราที่แขวนอยู่บนเสาบ้านด้วยแววตาใคร่รู้ เธอลืมไปเลยว่าตัวเองย้อนกลับมาในปีไหน ดวงตาดำขลับไหววูบเมื่อมองเห็นปีพอศอที่พิมพ์ไว้บนแผ่นกระดาษหน้าปฏิทิน ‘สองพันห้าร้อยสี่สิบ’
อืม…อย่างน้อยเธอก็เคยใช้ชีวิตในยุคนี้ผ่านมาแล้วรอบหนึ่ง กลับมาลำบากมาอีกสักครั้งจะเป็นไรไป
ไม่นานรถตู้ก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าร้านอีกคันมาโนชพร้อมภรรยา คำผาพร้อมภรรยา สุรศักดิ์พร้อมภรรยา สุกัญญาพร้อมสามี และก็…กอหวายทุกคนทยอยลงจากรถตู้เพื่อมาขนของขึ้นรถช่วยกัน ถึงทุกคนจะแปลกใจว่าเนื้อนวลทำไมบริจาคข้าวของมากมายถึงเพียงนี้แต่ก็ไม่มีใครถาม เพราะทุกคนเห็นว่าเธอรวยก็เลยคิดไปว่าเธอคงอยากแบ่งปัน กอหวายเดินเข้าไปช่วยมานะยกน้ำดื่มแพ็กใหญ่ “หวาย ไม่ต้องเดี๋ยวผมยกเอง” คำนำหน้าที่เคยเรียกพี่หายไปเมื่อทั้งสองตกลงเป็นแฟนกัน มานะส่งสายตาตำหนิให้หญิงสาวที่กำลังย่อตัวยกน้ำอยู่เบื้องหน้า “อยากช่วยอะ” กอหวายย่นหน้าใส่เขาจนปากจู๋ “ไปขนอะไรก็ได้ที่มันไม่หนักมาก” เขายังทำเสียงเข้มเหมือนคุยกับน้อง แขนก็เรียวเล็กยังจะมายกของหนักอีกดื้อเหมือนพี่สาวเขาไม่มีผิด “ก็ได้” เธอพูดเสียงอ่อย แล้วละสายตาจากใบหน้าคมเข้มที่มองเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อ แต่เมื่อหันกลับมากลับเจอสายตาของเพื่อนจ้องจับผิดอยู่ “อุ้ย!” “ห่วงกันจริง จริ๊ง” เนื้อนวลเอาการต์รวีกินนมและหลับไปแล้วเธอจึงเดินมาช่วยคนอื่น ๆ “มะ ไม่ใช่อย่างที่นวลคิดสักหน่อย” กอหวายพูด
สามปีผ่านไป เช้าวันหนึ่งมานะเปิดประตูออกมาจากห้องเพื่อจะไปเปิดร้านให้พี่สาว “พี่นวลปู่กับย่ายังไม่ตื่นอีกเหรอครับ” “ยังเลยจ้ะนะเข้าไปดูให้พี่ที” ปกติปู่กับย่าจะตื่นมารดน้ำต้นไม้และเก็บใบหม่อนตั้งแต่ตีสี่ เหตุเพราะทั้งสองนอนไม่หลับตามประสาคนแก่ที่เคยตื่นเช้าจนติดเป็นนิสัย แต่วันนี้เกือบหกโมงแล้วปู่กับย่าก็ยังไม่ออกมาจากห้องสักที “ครับ” มานะเคาะประตูก่อนเดินเข้าไป เกือบสองนาทีผ่านไป “พี่นวล!” มานะร้องเรียกพี่สาวด้วยความตกใจสุดขีด เนื้อนวลที่กำลังแต่งตัวให้ลูกชายเตรียมจะไปโรงเรียนถึงกับสะดุ้ง ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินเสียงน้องชายเรียกลั่นบ้าน “ก้องรอแม่อยู่กับพี่แก้มก่อนนะ เดี๋ยวแม่มา” ก้องการุณพยักหน้า วนิดาจึงช่วยน้องสวมเครื่องแบบนักเรียนอนุบาลไปพลาง ๆ เนื้อนวลบอกลูกแล้วเดินไปที่ห้องปู่กับย่า เสียงของมานะทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เนื้อนวลเริ่มเดินอุ้ยอ้ายเดินอุ้มท้องที่ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนเข้าไปในห้องปู่กับย่าที่น้องเปิดประตูค้างไว้ “พี่นวล ฮือ ๆ ปู่กับย่า
เนื้อนวลหลับไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ตื่นขึ้นมาอาการก็ดีขึ้นมากแล้ว ใบย่านางแดงมีสรรพคุณถอนพิษได้ดีจริง ๆ สุรเชษฐ์จึงเอาน้ำจากบ่อวิเศษที่ต้มไว้พออุ่น ๆ มาให้เธอดื่ม“ลองซดแกงจืดร้อน ๆ ไหม”“ค่ะ” ไม่เอาอีกแล้วแกงหน่อไม้ย่านางใส่ชะอม เนื้อนวลคงเข็ดไปจนลูกโต แพ้ทีเล่นเอาหัวหมุนเลยทีเดียวพอภรรยาทานข้าวเสร็จสุรเชษฐ์ก็เดินไปขอต้นย่านางแดงกับทองพูนมาปลูกไว้ที่บ้านตั้งแต่วันนั้นเนื้อนวลก็ไม่กินอะไรตามใจปากอีกเลย สิ่งไหนที่ปู่กับย่าบอกให้ระวังเธอก็จะเชื่อฟังตามนั้นสามปีต่อมาก้องการุณจูงแขนแม่ออกมาจากร้านค้าเดินผ่านปู่กับย่าที่กำลังช่วยกันเก็บรังไหม“จะไปรอพี่แก้มแล้วเหรอ” ปู่สมดีถามเหลน“ครับผม”เนื้อนวลก็ส่งยิ้มและพยักเพยิดหน้าให้ปู่กับย่า เพราะดูแล้วก้องการุณจะตั้งหน้าตั้งตารอพี่สาวกลับมาจากโรงเรียนเหลือเกินก้องการุณเดินไปชะเง้อมองพี่สาวอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พี่สาวจะกลับจากโรงเรียน ตอนนี้วนิดาเรียนชั้นมัธยมแล้วเธอจึงเดินทางด้วยรถประจำทางในหมู่บ้าน พอรถรับส่งนักเรียนตีไฟเลี้ยวเข้ามาจอดเขาก็เอ่ยออกมาด้วยความดีใจ“พี่แก้มกลับมาแล้ว” ก้องการุณแสดงท่าทางดีใจ ยืนหัวเราะย่ำเท้า
สามวันแล้วที่สุรเชษฐ์พาเนื้อนวลไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล วนิดาจึงอยู่กับปู่กับย่าตอนเช้าก็ติดรถอาไปโรงเรียนพร้อมกับภูริศ “คุณย่าคะ คุณพ่อจะพาน้องกลับจากโรงพยาบาลวันไหนคะ” วนิดารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีน้องสักที “น่าจะวันนี้แหละจ้ะ” จันทร์พูดพลางลูบผมเธอเบา ๆ รถยนต์ของสุรศักดิ์เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี “แก้มไปโรงเรียนก่อนนะคะ รถอาศักดิ์มาแล้วค่ะ” “จ้ะ” พอหลานจากไปย่าจันทร์ก็นั่งยิ้มอย่างมีความสุข ไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตในบั้นปลายจะได้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ มานะก้าวขายาว ๆ ลงมาจากบ้าน “ผมไปสมัครสอบก่อนนะครับย่า เสร็จแล้วจะรีบกลับครับ” มานะจะไปสมัครสอบเข้าเรียนในระดับชั้นปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏในตัวจังหวัด “ไปกับใครล่ะ” “พี่หวายจะมารับครับ” กอหวายเป็นคนแนะนำให้มานะไปสอบเข้าที่นั่น เพราะเธอก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน “อ้อ ไปสิ” ปู่กับย่ามองตามหลังหลานชายด้วยความภูมิใจ ในที่สุดมานะก็ได้เรียนหนังสือ มีแต่เนื้อนวลเท่านั้นที่ปู่กับย่าขอร้องเท่าไรเธอก็ไม
“รัชมากับใคร” สุรเชษฐ์เอ่ยถามเมื่อมองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในรถ มือข้างหนึ่งโอบเอวภรรยาไว้หลวม ๆ เขาไม่ได้ตกใจอะไรที่เจอเมียเก่าที่นี่ เพราะเขากับเธอก็เจอกันที่โรงเรียนลูกอยู่บ้าง “มากับคนขับรถของท่านนายพลค่ะ เขาให้มาได้ไม่นาน” ไปไหนมาไหนเขาก็ให้คนมาส่งและรับกลับ คงรอลูกสาวโตเขาถึงจะปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนเองได้ เขาก็ดูแลเธอดี แต่เวลาจะสุขมันก็สุขไม่สุด “อ้อ” สรุเชษฐ์พยักหน้า รัชนีพรยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้ลูกสาว “แม่ซื้อเสื้อผ้ามาฝาก” ถึงเสื้อผ้าของเธอจะมีมากแล้วแต่วนิดาก็เต็มใจที่จะรับมันไว้ เธอกระพุ่มมือไหว้ก่อนรับของจากแม่ “ขอบคุณค่ะ” วนิดายื่นถุงเสื้อผ้าให้พ่อถือไว้แล้วเข้าไปกอดแม่โดยที่แม่ไม่ต้องร้องขอเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอคิดถึงแม่แต่เป็นความคิดถึงแบบมีความสุข ไม่ได้โหยหาไม่ได้อิจฉาน้องแต่อย่างใด เพราะเธอมีทั้งพ่อและน้านวล ปู่สมดีกับย่าจันทร์คอยดูแลเอาใจใส่และรักเธอเหมือนกับลูกหลานแท้ ๆ “ขอบใจนวลมากนะที่เลี้ยงลูกฉันให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างสวยงามแบบนี้” รัชนีพรดีใจที่วนิดารู้จักช่วยงานพ่อกับแม่เลี้ยง และที่สำคัญวนิดา
สองปีต่อมาสุกัญญาแต่งงานกับกอไผ่และให้สามีย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านขุนพิทักษ์พล ส่วนกอหวายก็อยู่กับพ่อแม่ แต่กอไผ่ก็ยังไปดูแลสวนเหมือนเดิม ถ้ากอหวายเรียนจบพ่อกับแม่ถึงจะแบ่งทรัพย์สมบัติให้“มาเยี่ยมย่าบ่อย ๆ นะภู” พวงแก้วเอ่ยขึ้นเมื่อลูกชายคนรองกำลังย้ายของไปอยู่บ้านหลังใหม่ “โธ่ แม่ก็ บ้านเราก็อยู่ติดกัน” สุรศักดิ์กับภรรยาใช้เงินเก็บส่วนตัวและเงินส่วนที่แม่ออมไว้ให้มาซื้อบ้านมือสองที่อยู่ถัดจากบ้านคำผาไป เพราะไม่อยากไปอยู่ห่างไกลพ่อกับแม่มากนัก “แก้มก็ไปแล้ว ภูก็ไปแล้ว สงสัยญาต้องมีหลานให้แม่แล้วแหละ” พูดแล้วก็มองไปที่ลูกสาวที่ยืนอยู่กับลูกเขย วันนี้เป็นวันหยุดสุกัญญากับกอไผ่จึงช่วยสุรศักดิ์ย้ายของก่อนแล้วช่วงบ่ายจะออกไปเก็บผลไม้และตัดหน่อไม้เตรียมไปขายพรุ่งนี้เช้า “ญาขอทำงานเก็บเงินก่อนได้ไหมคะแม่ ถ้าคิดถึงภูแม่เดินข้ามรั้วก็ถึงแล้วค่ะ ถ้าคิดถึงแก้มแม่ก็ไปบ้านพี่เชษฐ์เกือบทุกวันอยู่แล้วนี่คะ อีกอย่างพี่เชษฐ์ก็กำลังจะมีหลานคนใหม่ให้คุณแม่แล้วนี่คะ ไม่จำเป็นต้องรอญาหรอกค่ะ” สุกัญญายังสนุกกับการทำงานก็เลยยังไม่อยากมีภาระ อีกอย่างตอนนี้เธอก็อาสาเข้าเวรแทนเ







