“เอ่อ ขอโทษค่ะ พอดีฉันไม่ทันได้...”
ประโยคสุดท้ายถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอระหงทันที ยามเห็นหน้าบุรุษคู่กรณี
ดวงตากลมโตไล่มองตั้งแต่คิ้วหนาดกดำ ดวงตาสีนิลคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน และสุดท้ายริมฝีปากบางเฉียบที่ล้อมกรอบด้วยใบหน้าคมสันนั้น ราวกับเทพบุตรหรือไม่ก็เจ้าชายที่เธอไม่เคยพานพบ เป็นผลให้ตรีชฎาถึงกับตะลึงงัน หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างบอบบางทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนค้างนิ่งอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
ผิดกับชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า ที่กระตุกยิ้มอย่างนึกดูแคลนนางยั่วที่เขาเป็นผู้ตั้งฉายาให้ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง
‘หึ ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ เห็นผู้ชายเข้าหน่อยก็คอยแต่จะให้ท่า ยิ่งถ้ารวยแล้วล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึง ระริกระรี้อยากจะเสนอตัวให้ทั้งนั้น’
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาผลักเธอออกเล็กน้อยเป็นมารยาท ก่อนจะเดินจากไป โดยไม่สนใจที่จะหันกลับมามองเธออีก ตรีชฎายังคงตะลึงค้าง เธอไม่คิดไม่ฝันเลยจริง ๆ ว่าชีวิตนี้จะได้พบกับบุรุษผู้นี้
“อ๊าย นังผิง ทำไมเมื่อกี้ถึงไม่เป็นฉัน อิจฉา ๆ อ๊าย...”
เสียงหวีดร้องวี้ดว้ายเพราะความอิจฉาของโยโกะคนงามดังลั่น แต่ก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวละสายตาจากบุรุษเมื่อครู่แม้แต่เศษเสี้ยววินาทีเดียว
“เขาเป็นใครกันน่ะนังโย ผู้ชายอะไร หล่อแล้วยังเป็นสุภาพบุรุษอีก เกิดมาไม่เคยเจอ เพอร์เฟกต์แมนที่สุด”
ตรีชฎาพร่ำรำพัน จ้องมองแผ่นหลังกว้างของร่างสูงที่เดินไปไกลแล้วอย่างไม่ลดละ
“นี่ แกไม่รู้จักเขาจริง ๆ เหรอผิง”
เสียงดัดจริตหันมาถามตรีชฎา นึกแปลกใจที่เพื่อนสาวไม่รู้จักผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์คนนี้
“ถ้ารู้จัก แล้วฉันจะถามแกทำไมล่ะ”
ตรีชฎาตอบกลับไปซื่อ ๆ ก็เธอไม่รู้จักจริง ๆ นี่นา ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
“ต๊าย นังผิง แกไปอยู่หลังเขามาหรือไงยะ ถึงได้ไม่รู้จักคุณสิบทิศ ธาราธรณ์ ห๊า”
โยธินหรือโยทะกาสะบัดเสียงใส่เพื่อนสาวด้วยความหมั่นไส้เต็มที อะไรกันไม่รู้จักหนุ่มหล่อสุดเพอร์เฟกต์ของ พ.ศ. นี้
“เขาชื่อ สิบทิศ ธาราธรณ์ เหรอ”
ริมฝีปากอวบอิ่มทบทวนชื่อของชายหนุ่มเบา ๆ แต่โยธินก็ยังได้ยินอยู่ดี
“ใช่แล้ว คุณสิบทิศเขาเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ครึ่งค่อนประเทศเลยนะแก หล่อก็หล่อ รวยเว่อร์ ๆ แถมยังเก่งอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าทำบุญด้วยอะไร ถึงได้เพอร์เฟกต์ขนาดนี้”
แม่สาวเทียมพูดไป ประกอบมือไม้ไป ตามประสาคนช่างเพ้อฝัน นึกเสียดายที่ตัวเองดันเกิดมาเป็นกะเทย ถ้าเธอเป็นผู้หญิงล่ะก็ ป่านนี้คงได้แต่งงานกับหนุ่มหล่อคนนี้ไปนานแล้วล่ะ
“แกเชื่อเรื่องรักแรกพบไหมนังโย”
คนที่กำลังเพ้อฝันเมื่อครู่ ต้องตาโตเท่าไข่ห่านทันทีทันใด เมื่อจู่ ๆ เพื่อนสาวคนสวยก็พูดถึงเรื่องรักแรกพบเอาเสียดื้อ ๆ
“ฮะ รักแรกพบเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าแก...”
ตรีชฎาไม่ตอบ แต่พยักหน้ารับแทน แล้วเสียงวี้ดว้ายของโยธินก็ดังขึ้นมาอีกรอบ
“แกรู้ไหมผิง เขาน่ะเสือผู้หญิงตัวฉกาจเลยนะ ควงผู้หญิงไม่ถึงอาทิตย์ก็เหวี่ยงทิ้งอย่างกับทิชชูดี ๆ นี่เอง ฉันว่าแกแอบปลื้มเขาอยู่ห่าง ๆ เถอะ แกอย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะผิง ฉันไม่อยากเห็นแกเสียใจที่โดนเขาทิ้ง”
ชายใจสาวเตือนด้วยความหวังดี เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนสาวต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าในภายหลัง
“ฉันจะเป็นคนรักของเขา ไม่ใช่คู่ควงของเขาสักหน่อย ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร จะรวยหรือจะจน ฉันไม่สนหรอก ฉันสนแต่ว่าฉันรักเขา ไม่รู้ทำไม เพียงแค่ได้เห็นหน้าเขาครั้งแรก ใจฉันมันก็สั่นหวั่นไหวไปหมด เหมือนกับว่าฉันรอเขามานานแสนนาน แกช่วยฉันหน่อยนะเพื่อนรัก น้า โยโกะคนสวย”
มือบางเขย่าแขนโยธินอย่างออดอ้อน จนคนเป็นเพื่อนเห็นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ ถ้าไม่ช่วยก็กระไรอยู่
“เออ ๆ ก็ได้ ฉันจะพยายามช่วยก็แล้วกัน อย่างน้อยก็ทำบุญให้ชะนีอย่างแกได้มีคู่เป็นตัวเป็นตน เผื่อบุญวาสนาที่ฉันได้ช่วยเหลือแก จะทำให้ฉันได้แต่งงานกับชีวอนสุดที่รักของฉัน”
โยโกะคนสวยพร่ำเพ้อไปไกลถึงดาราเกาหลีที่ตนคลั่งไคล้ ก่อนจะถอนหายใจอย่างปลง ๆ เมื่อนึกถึงชะตาชีวิตของตัวเองต่อไป
‘เพื่อนฉันมีผู้ชายเข้ามาในชีวิตมากมายกลับไม่รัก ดั๊นมารักผู้ชายที่ใคร ๆ ก็ฝันหาอย่าง สิบทิศ ธาราธรณ์ เฮ้อ เห็นทีงานหนักแล้วล่ะนังโยทะกา ใจบริสุทธิ์’
“thank you จ้ะเพื่อนรัก แล้วเจอกันนะคะสิบทิศ ที่รักของฉัน”
ตรีชฎากล่าวขอบคุณโยธินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพึมพำเบา ๆ กับฟากฟ้า เสมือนกระซิบผ่านสายลมให้ชายหนุ่มเจ้าของหัวใจเธอได้รับรู้
“คัต! พักกองได้”เสียงสั่งคัตจากผู้กำกับ เป็นผลให้มาเรียต้องผละออกจากนักแสดงหนุ่มตัวประกอบแทบจะทันที มือบางกรีดกรายอย่างมีจริต ปัดเนื้อปัดตัวด้วยท่าทางสะอิดสะเอียนเต็มทน“เชอร์รี่ ไปเอาแอลกอฮอล์มาซิ”มาเรียตะโกนสั่งผู้จัดการส่วนตัว แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เธอเรียกหา ยังไม่กระดิกตัวไปทำตามคำสั่ง สายตาแหลมก็หันขวับมาจิกตาขวาง“นี่! นังเชอร์รี่ มัวนั่งบื้ออยู่ทำไมยะ ไปเอาแอลกอฮอล์มาเร็ว ๆ สิ ฉันขยะแขยงสัมผัสจากไอ้บ้านั่นเต็มทีแล้ว เร็ว ๆ”เสียงแหลมสั่งกำชับอีกครั้ง ผู้จัดการชายใจสาวจึงต้องรีบวิ่งหน้าตั้งไปหยิบแอลกอฮอล์มาให้นางแบบสาวอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าขืนชักช้ากว่านี้ เจ้าหล่อนเป็นได้โวยวายใส่ จนปวดหัวไปสามวันเจ็ดวัน“นี่ค่ะ คุณมาเรียขา แอลกอฮอล์ที่สั่งได้แล้วค่ะ”เชอร์รี่ยื่นแอลกอฮอล์ขวดใหญ่ พร้อมสำลีหนึ่งห่อส่งให้ร่างโปร่งบางที่นั่งไขว่ห้างอยู่เมื่อรับขวดแอลกอฮอล์กับสำลีมาได้ เจ้าหล่อนก็รีบใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วมาเช็ดตามเนื้อตัว เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย“คุณมาเรียขา เช็ดแค่นี้คราบสกปรกมันออกไม่หมดหรอกค่ะ ทำไมไม่อาบไปเลยล่ะคะ รับรองว่ากำจัดทั่วทุกซอกทุกมุมแน่ค่ะ” เชอร์รี่จีบปา
“สวัสดีครับคนสวย เมื่อกี้คุณเต้นได้เซ็กซี่มากเลย ผมรู้สึกถูกใจคุณมากเลยล่ะ ถ้าผมจะชวนคุณไปต่อ คุณจะให้เกียรติไปต่อกับผมคืนนี้ไหมครับ”ชายคนที่ฉุดแขนเธอไว้เอ่ยชวน พร้อมกับไล่มองเรือนร่างของเธอด้วยสายตาโลมเลียอย่างน่าเกลียด ตรีชฎาหน้าตึงไปชั่วขณะ ทั้งโกรธและอายมาก ที่ผู้ชายตรงหน้ามาพูดจาหยามเกียรติหยามศักดิ์ศรีเธอเช่นนี้“ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”เสียงหวานตะโกนใส่หน้า แล้วสะบัดแขนออกจากคนหื่นกาม“แหม ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ว่าคุณไม่ใช่ เอ หรือว่าที่ทำเป็นโมโหแบบนี้ เพราะอยากจะโก่งค่าตัวเหรอครับ ลีลาดีอย่างคุณเนี่ย ผมขอเหมาสองคืนเลย เท่าไหร่ล่ะ ผมจ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณเด็ดถูกใจผมล่ะก็ ผมจะจ่ายให้เป็นสองเท่าเลย สนใจไหม”ผู้ชายตรงหน้ายังคงต่อรองอย่างยียวนชวนให้ตรีชฎาโกรธจัด มือบางจึงฟาดลงไปที่ซีกแก้มของอีกฝ่ายเต็มแรง“เพียะ! ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว ต่อให้แกจ่ายให้ฉันเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เอา แล้วจำไว้ ว่าคนอย่างฉันมีค่าพอ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเสนอให้แกหรอก ไอ้หื่นกาม” ตรีชฎาตะคอกกลับ ทำท่าจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายก็กระชากเธออย่างแรง ร่างบางถูกดันจนหลังติดกำแพงด้วยคนที่มีพละกำลังม
“ไม่ค่ะ ผิงดื่มไม่เป็นสักอย่าง”ตรีชฎาส่ายหน้า ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยลองแตะของพวกนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว“ผู้หญิงอย่างคุณมาที่นี่ก็ออกบ่อยไม่ใช่เหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะดื่มของพวกนี้ไม่เป็น อย่างคุณเนี่ย หน้าไม่ให้เป็นคนไร้เดียงสาเลยนะ หรือคุณทำเป็นแอ๊บแบ๊วว่าไม่เคยดื่มให้ตัวเองดูดีฮะ”“ผิงดื่มไม่เป็นจริง ๆ นะคะ ทำไมคุณสิบต้องมายัดเยียดข้อหาให้ผิงด้วย”“แล้วปกติคุณมาที่นี่ทำไมถ้าไม่ได้มาดื่มสังสรรค์ อ้อ ใช่สิ ผมลืมไปที่คุณมาที่นี่บ่อย ๆ ก็เพราะว่าจะมาหาเหยื่อรวย ๆ ไว้ถลุงเงินเล่นล่ะสิท่า”วาจาเผ็ดร้อนแดกดันหญิงสาวอย่างเหยียดหยามเป็นที่สุด ในใจก็ไพล่คิดไปว่าผู้หญิงอย่างแม่นางยั่วคนนี้จะมีอะไร นอกเสียจากมาล่าเหยื่อกระเป๋าหนักไปนอนด้วย“คุณสิบ! ทำไมคุณต้องว่าผิงแบบนี้ด้วยคะ ผิงดูเป็นผู้หญิงแบบนั้นมากเลยเหรอ ผิงมาที่นี่ก็แค่มาแดนซ์กับเพื่อน ๆ เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น ไม่ได้มาทำอะไรอย่างที่คุณสิบกล่าวหาผิงสักหน่อย”หน้าสวยเรียบตึงทันที เมื่อถูกเขาว่าร้าย เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเขาจะต้องหาเรื่องด่าว่าเธอได้ตลอดเวลา เขาไม่คิดบ้างเลยหรือไง ว่าเธอจะเสียใจแค่ไหนกับคำพูดที่ออกมาจากปากเขา“หึ ไม่ต
“โอ๊ย พอได้แล้ว หยุดสักที แสบแก้วหูจะตายอยู่แล้วนะ”มือหนายกขึ้นปิดหูทั้งสองข้างไว้อย่างรำคาญใจ เยื่อในหูจะฉีกขาดหมด ก็เพราะเสียงแจ๋น ๆ ของเธอนี่แหละ“คุณสิบต้องบอกมาก่อนว่าจะไปกับผิง ถ้าไม่อย่างนั้น ผิงก็จะตะโกนแบบนี้ จนคุณสิบหูแตกไปเลย”หน้าสวยสะบัดเชิดใส่เขา ก่อนจะตะโกนขึ้นมาดัง ๆ อีกรอบ“คุณสิบใจร้าย ๆ ใจร้ายที่สุดเลย ไม่ยอมไปเที่ยวกับผิง คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ”“หยุดสักที ผมบอกให้หยุด!” เสียงเข้มตะโกนแทรกขึ้นมา“ไม่หยุด! คุณสิบใจร้าย ๆ คุณสิบใจร้าย ๆ”“โอ๊ย จะแหกปากอะไรนักหนา พอได้แล้ว ผมยอมแล้ว ไปก็ไป แต่หยุดตะโกนสักทีได้ไหม ปวดหูไปหมดแล้วเนี่ย”ในที่สุดสิบทิศก็ต้องยอมจำนนให้กับตรีชฎาจนได้ ที่ยอมไม่ใช่เพราะใจอ่อนหรอกนะ แต่ยอมเพราะทนไม่ไหวกับเสียงใสแสบแก้วหูของเธอเสียมากกว่า ถ้าขืนเธอตะโกนนานมากกว่านี้ มีหวังขี้หูออกมาเต้นระบำกันเป็นแถวแน่“จริง ๆ นะคะคุณสิบขา คุณสิบไปกับผิงจริง ๆ นะคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”ร่างบางรีบกระโดดมานั่งตักเขาด้วยความดีใจจนเกินเหตุ ก่อนจะกอดคอเขา พลางขอคำยืนยันอีกครั้ง เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจไม่ไปกับเธอ“อืม บอกจะไปก็ไปสิ นี่
“ท่านประธานคะ คุณผิงมาขอพบค่ะ”เมื่อได้ยินเสียงของเลขานุการสาวดังมาจากอินเตอร์คอม ร่างสูงก็ต้องถอนหายใจดังเฮือก“มาอีกแล้วเหรอเนี่ย โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมสักทีวะไอ้สิบเอ๊ย”มือหนาตบศีรษะตัวเองเบา ๆ อย่างนึกเซ็ง ไม่รู้ว่าเธอจะมาทำไมทุกวี่ทุกวัน พอมาก็มานั่งเฝ้าเขาทำงานบ้างแหละ มาป่วนเขาบ้างแหละ จนพักหลัง ๆ มานี้ เขาไม่ค่อยจะมีสมาธิในการทำงานสักเท่าไหร่ เพราะแม่ยอดยุ่งที่ชื่อตรีชฎานี่แหละ“อืม”สิบทิศครางในลำคออนุญาตให้เธอเข้ามา ทั้งที่ใจก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ถึงจะให้เธอเข้ามาหรือไม่ให้เข้ามาก็มีค่าเท่ากันเพราะครั้งก่อนเขาไม่อนุญาตให้เธอเข้ามา คุณเธอก็ไม่แคร์สื่อใด ๆ ทั้งสิ้น นั่งรอเขาอยู่หน้าห้องอย่างไม่รู้สึกเบื่อ พอเขาออกมาก็หนีเธอไม่พ้นอยู่ดี ก็เธอเล่นดักเขาเสียขนาดนั้น ถ้าเขาหนีรอดไปได้ ก็คงไม่มานั่งกลุ้มอยู่อย่างนี้หรอก“คุณสิบขา ผิงคิดถึงคุณจังเลยค่ะ”นี่ก็เป็นประโยคเด็ดที่เธอจะต้องพูดเป็นประจำทุกวัน ว่าคิดถึงเขาอย่างโน้น คิดถึงเขาอย่างนี้ตรีชฎาเดินยิ้มหน้าระรื่นมานั่งตรงที่พิงแขนเก้าอี้ ก่อนจะโอบกอดร่างสูงให้หายคิดถึง ทำอย่างกับว่าเธอไ
ผู้คนจำนวนไม่น้อยยืนต่อคิวสั่งกาแฟแถวยาวเหยียดในร้านกาแฟเล็ก ๆ เนื่องจากมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ มักจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีมานั่งดื่มกาแฟใกล้บริษัท แทนการรับประทานอาหารเช้าจากที่บ้าน เพราะความสะดวกสบายและไม่ต้องเสียเวลามากนัก จึงทำให้ผู้คนนิยมที่จะบริหารเวลาของตัวเองเช่นนี้ ซึ่งมันก็ค่อนข้างประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียวณภัทรถือกาแฟและคุกกี้เนยสดของโปรดเดินมาหาที่นั่งทาน ซึ่งดูท่าแล้วจะไม่มีโต๊ะว่างให้เธอนั่งเลยสักโต๊ะเดียว เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนนั่งกันเต็มหมดแล้ว ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วร้าน จนมาสะดุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง มีเก้าอี้ว่างให้เธอสามารถเข้าไปนั่งได้พอดิบพอดี เห็นดังนั้น หญิงสาวจึงรีบย่ำเท้ามุ่งตรงไปที่โต๊ะนั้นโดยไม่รีรอ“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามีใครนั่งหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีฉันขอนั่งด้วยคนนะคะ”ณภัทรเอ่ยขอชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยคำอนุญาตใด ๆ ร่างบางก็จัดแจงจะนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างทันทีแต่ในจังหวะที่หญิงสาวก้าวขาเข้ามา หมายจะนั่งเก้าอี้ตัวนั้น ขาเรียวงามของเธอก็ดันไปสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้กาแฟที่ถืออยู่ในมือหกเลอะมื