“อีกแล้วเหรอพี่โรม แต่นานาติดลูกค้าอยู่นะคะ” หญิงสาวทำหน้าเสียเมื่อรู้ว่าต้องขึ้นไปข้างบนที่มีมาเฟียโรคจิตอยู่บนนั้น
“ใช่บอสให้เราไปชงเหล้า ตรงนี้พี่เคลียร์เองรีบขึ้นไปเถอะบอสไม่ชอบรอนาน”
เธอทำอะไรไม่ได้จึงต้องจำใจขึ้นไปอย่างจำยอม เปิดประตูเข้ามาเธอต้องเอามือปิดจมูกแทบไม่ทันเพราะกลิ่นคาวเลือดลอยมาเตะจมูกของเธอเข้าอย่างจัง
อย่าบอกนะว่าเขาฆ่าคนอีกแล้ว
“ผมยอมแล้วครับ อย่าฆ่าผมเลย”
“หึ คนที่สั่งมึงมาชื่ออะไร” เมธาคำรามถามเสียงลอดไรฟัน ที่ใบหน้าและมือมีแต่เลือดสาดกระเซ็นใส่
“เข้ามาสิ” มาเฟียหนุ่มกวักมือเรียกเมื่อเห็นหญิงสาวยืนนิ่งไม่ยอมก้าวเข้ามา
“คะ ค่ะบอส” เธอเอ่ยเสียงสั่นและเข้ามาชงเหล้าด้วยมืออันสั่นเทา
ร่างสูงเหยียดยิ้มและคว้าหญิงสาวเข้ามานั่งบนตัก ให้เธอเอาหลังพิงอกเขาเอาไว้ และใช้มือจับคางให้เธอมองไปที่ร่างของคนที่โดนซ้อมสภาพดูไม่ได้ เธอไม่รู้เลยว่าคนที่นอนอยู่นั้นยังมีลมหายใจอยู่ไหม จะมีแค่คนเดียวที่สภาพใบหน้าดูแทบไม่ได้ และโดนจับมัดกับเก้าอี้ที่กำลังโดนมาเฟียหนุ่มเค้นเอาความจริง
“คุณโทมัสครับ คุณโทมัสสั่งพวกผมมา อย่าฆ่าผมเลยครับ”
“จุ๊ ๆ ใจเย็น กูไม่ฆ่ามึงหรอก แต่บอกมาว่านายมึงอยู่ไหนแล้วกูจะปล่อยมึงไป”
“เมืองนอกครับ”
“ชักอารมณ์เสียแล้วสิ เมธา”
ผลัวะ!! เมธาชกเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้งเมื่อยังให้ข้อมูลไม่ถูกใจนายของตน
“อเมริกาครับ คุณโทมัสอยู่อเมริกา”
“เมธา” เสียงเข้มสั่งเมธาที่รู้ใจจึงเข้ามารีบแก้มัดตามที่สัญญา
ลมหายใจปล่อยผ่อนรดที่ต้นคอยาวระหงหญิงสาวห่อไหล่และพยายามไม่ส่งเสียงร้องออกมา
“คอเธอเล็กจังนะสาวน้อย อยากรู้นักถ้าฉันบีบคอเธอแล้วมันจะหักคามือฉันไหม”
“บะ บอสค่ะ นานาต้องไปทำงานแล้ว” เสียงสั่นเอ่ยบอกและพยายามระงับความกลัวเอา
“แม่ง!”
“กรี๊ด!!”
ปัง! มาเฟียหนุ่มสบถอย่างอารมณ์เสียและลั่นไกปืนต่อหน้าหญิงสาวไปที่ร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังกระเสือกกระสนหนีออกไปจากที่นี่
“ไหนบอสบอกว่าจะไม่ฆ่าเขาไง ฮื่อ” ในที่สุดเธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว นี่เป็นการตายของคนอื่นที่เธอเห็นกับตาเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเธอก็ว่าเขานั้นชาติชั่วอำมหิตแล้ว แต่ครั้งนี้เขายิ่งสารเลวกว่าเดิมเสียอีก
“หน้าเธอเวลาร้องไห้เป็นแบบนี้นี่เองสินะ”
“อ๊ะ! บอสจะทำอะไร” เธอร้องเสียงหลงเมื่อโดนมือหนาผลักให้เธอนอนลง
“เงียบ อย่าคิดแม้แต่จะส่งเสียง ฉันตกใจขึ้นมาแล้วปืนลั่นใส่ไม่รู้ด้วยนะ” เขาพูดพร้อมกับไล่ปืนไปที่กรอบหน้าสวยและไล่ต่ำลงมาที่หน้าอกและลงมาเรื่อยๆ
“อึก ฮื่อ” นานากลั่นเสียงสะอื้นไว้เมื่อปลายกระบอกปืนสีดำเข้ามาสัมผัสที่ส่วนสงวนของเธออย่างน่ารังเกียจ
“ฉันแนะนำเธออย่างนะ อย่าร้องไห้ให้ฉันเห็น ยิ่งฉันเห็นน้ำตา ตรงนี้ของฉันยิ่งมีอารมณ์นะสาวน้อย” มาเฟียหนุ่มเหยียดยิ้มและจับมือบางเข้ามาสัมผัสที่แก่นกายของตัวเองที่ชูชันดันแทบทะลุกางเกงออกมา
“บอสทำแบบนี้กับนานาทำไม อ๊ะ อย่าทำนะ” เธอร้องห้ามพลางสะอึกสะอื้นเมื่อปลายกระบอกปืนแหย่เข้ามาสัมผัสที่รูสวาทของเธอโชคดีที่ยังมีปราการปกปิดเอาไว้ แต่มันก็น่าหวาดเสียวเหลือเกิน
“เห็นเธอน่ารักดี ฉันก็เลยอยากแกล้ง” ฟาริสเอ่ยบอกเสียงเย็น และลุกขึ้นนั่ง พลางจัดชุดของตัวเองให้เรียบร้อยและเหล่ตามองมาทางหญิงสาว
“เธอไม่ได้ใส่ชุดที่ฉันสั่งให้ใส่นิ”
“ชุดนั่นมันสั้นไปค่ะ”
“ถ้าไม่อยากร้องไห้อีกเธอควรใส่มันนะสาวน้อย เก็บกวาดรอยเลือดให้เสร็จและออกไปพักซะ ฉันอนุญาตให้เธอกลับก่อนเลิกงานได้”
“ค่ะบอส” เธอรับคำและลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย และรีบวิ่งไปเอาไม้ถูพื้นมาทำความสะอาด
ร่างเล็กยืนหลบในตู้ล็อกเกอร์และนั่งถอนหายใจด้วยความหวาดกลัว เมื่อสักครู่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร
หรือเขาจะจับได้แล้วว่าเธอแอบเข้ามาล้วงความลับ แต่ถ้าเขาจับได้ขึ้นมาจริง ๆ เธอคงตายไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังมีลมหายใจอยู่ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมเขาทำแบบนั้นกับเธอ
“บ้าจริง ๆ อึดอัดไม่รู้จะอึดอัดยังไงแล้ว” เธอทึ้งหัวตัวเองไปมาคิดไม่ตก เพราะการกระทำที่มาเฟียโรคจิตนั้นทำมันช่างฉาบฉวยเตะเนื้อต้องตัว ไหนจะฆ่าคนให้เธอดูอีก
“ผมหลุดหมดแล้วมั้งนานา”
“พี่ก้อย!”
“ตกใจอะไรพี่ไม่ใช่ผีนะ” ก้อยหัวเราะที่เห็นหญิงสาวทำตาโตตกใจเมื่อเห็นเธออยู่ตรงนี้
“ตกใจเฉย ๆ ค่ะพี่ก้อยมาไม่ให้เสียงเลย”
“แล้วมานั่งทำไรอยู่ตรงนี้ข้างบนไม่มีงานเหรอ”
“มาเข้าห้องน้ำค่ะ”
“โอเคพักเถอะพี่ไม่กวนแล้ว” ก้อยยิ้มให้และเธอก็เดินจากไป เมื่อเธออยู่คนเดียวอีกครั้งจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาคนที่ส่งเธอเข้ามาในที่อันตรายแห่งนี้
‘ฉันว่าคงทำงานนี้อีกไม่ได้แล้ว ขืนทำต่อฉันตายแน่ วันนี้มาเฟียโรคจิตนั้นก็ฆ่าคนอีกแล้ว’
[เธอเลิกฉันก็จะฆ่าเธอกับพี่สาวที่น่าสงสารของเธอเด็กน้อย เลือกเอาจะตายไว ๆ หรืออยากตายแบบช้า ๆ เพราะตอนนี้ไอ้ฟาริสมันยังจับเธอไม่ได้ ถ้ามันจับได้เธอคงตายไปนานแล้ว]
“แม่งเอ๊ย!” เธอสบถและรีบเก็บโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาจึงเดินออกไปทำงานที่ชั้นสองต่อ
ร่างสูงนั่งเคาะนิ้วเล่นเมื่อฟังเมธาเข้ามารายงานตามที่เขาสั่งให้ไปทำ
“เธอเข้าไปในล็อกเกอร์ครับ และเธอชอบติดต่อกับใครบางคนในโทรศัพท์บ่อย ๆ และโทรศัพท์นั้นไม่ใช่โทรศัพท์ที่เธอใช้ครับ”
“ไปเอาโทรศัพท์นั้นมา”
“ครับนาย”
มาเฟียหนุ่มเคาะนิ้วเล่นอีกครั้งพลางใช้ความคิดว่าเขาจะจัดการกับเด็กสาวนั้นยังไงดี เพราะมันมีหลายวิธีให้จัดการเสียด้วยสิ
“หรือจะสับเธอให้หมามันกินดี หึ” ปากหยักคลี่ยิ้มและนั่งหัวเราะในลำคอด้วยความสนุก พลางใช้นิ้วเรียวยาวคลึงริมฝีปากของตัวเองไปมาเมื่อนึกถึงเด็กสาวนามว่านานาที่แฝงเข้ามาใต้จมูกของเขา ช่างกล้าดี หึ
----------------------------------------
มันโรคจิต และมันซาดิสม์ด้วยค่ะ
และที่ฟาริสบอกว่าเห็นน้ำตานางเอกแล้วมีอารมณ์ ใช่ค่ะ มันมีอารมณ์จริง ๆ และชอบทำให้นางเอกร้องไห้และมานั่งหัวเราะมอง
เห็นฟาริสแล้วนึกถึงฟาโรห์เลย มันช่างตากกันอย่างสุดขั้ว ฮ่า ฮ่า
เรื่องของพ่อฟาโรห์ ชื่อเรื่อง Secret Love เมียลับของนายมาเฟีย ค่ะ เดี๋ยวไรต์จะเอามาลงให้ทีหลังน้า
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
“คุณปล่อยฉันนะ” ร่างเล็กเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงร้องส่งเสียงให้เขาออกไป“อื้อ..” ร่างหนาไม่ฟังเขาเพียงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยอาจด้วยพิษไข้จึงทำอะไรโดยไม่รู้ตัว“คุณ นี่ฉันเองนะ ปล่อยได้แล้ว” แนนร้องตะโกนบอกพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงตรงนั้นที่นู่นเด่นและแข็งกำลังทิ่มตรงหว่างขาของเธอมือแกร่งดั่งคีมเหล็กเข้ามากระชากชุดนอนของหญิงสาวออก เขากระชากและดึงออกอย่างแรงเมื่อคนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง“ปล่อยฉันนะ คุณเมธาได้ยินฉันไหม นี่ฉันเอง”“หุบปากสักที รำคาญ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น และเข้ามาฉกริมฝีปากอวบอิ่มจูบอีกครั้งอย่างหื่นกระหายมือหนาหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสผิวเรียบเนียนทีละจุดและมาหยุดที่อกอวบคู่สวย เขาไม่รอช้าบีบขยี้จนแทบแหลกคามือ และใช้ฟันกัดเบา ๆ ที่ปทุมถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ลิ้นร้อนปาดเลียวนไปมาและดูดเข้าปากเหมือนเด็กน้อยที่หิวกระหาย“อือ อึก ไม่เอา อย่าทำฉันนะ” ด้วยแรงที่สู้เขาไม่ได้เลยอยู่ใต้อาณัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอพยายามสู้กับแรงเขาแล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย และตอนนี้เขากำลังจับเธอแหกขาออกกว้าง“ไม่นะ เมธา ไม่”สวบ!
“เมื่อคืนขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดยังงั้นออกไป”ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาแนนจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาและเอ่ยขอโทษออกมาอย่างสำนึกผิด เธอชงกาแฟดำและขนมปังปิ้งวางไว้ให้เขาตามด้วยไข่คนที่มีเบคอนทอดกรอบวางอยู่ด้านข้างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเรียกน้ำลาย“อืม” ชายหนุ่มขานรับสั้น ๆ ในลำคอและจิบกาแฟดำเข้าปากพร้อมกับกัดขนมปังทานไปเงียบ ๆ และเอ่ยขอตัวไปทำงานแบบที่เขาทำเป็นประจำ“วันนี้ฉันจะทำกับข้าวรอนะคะ”เมธาหยุดเดินและหันมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาไม่พูดอะไรแค่มองแบบนั้นและเดินออกไป“เฮ้อ~~ สงสัยกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปาก พูดลากันสักคำก็ได้ ไม่ใช่เดินออกไปเฉย ๆ” เธอบ่นตามหลังเพราะไม่กล้าบ่นต่อหน้าเพราะเมื่อคืนสร้างวีรกรรมไว้แล้ว ถ้าจะสร้างต่อคงไม่ดี เพราะเธอยังอยากให้น้องปลอดภัยจากคนของโทมัสตกเย็นจวบจนถึงเวลาสี่ทุ่มเธอก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมา ตั้งใจทำอาหารรอไว้อย่างดิบดีแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาเสียที เธอตัดสินใจเก็บอาหารเข้าตู้เย็น พอเคลียร์อะไรเสร็จตั้งใจจะขึ้นห้องแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจึงยืนอยู่รอ เผื่อเขายังไม่ได้ทานข้าวมาเธอจะเตรียมอุ่นให้“ทำไมสภาพคุณเป็นอย่างงั้นล่ะคะ”
ร่างสูงกำยำบังคับหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า สายตาคมมองไปในพื้นน้ำและท่ามกลางความมืด ตอนนี้แค่รอเวลาเพียงเท่านั้นปัง!ปัง!ปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน เมธารีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเหล่าลูกน้องส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย“กูจัดการเอง” เสียงแข็งกระด้างและใหญ่เอ่ยบอกและชี้ให้เหล่าลูกหาบกระโดดลงไปเพื่อเอาชีวิตรอด“แล้วกัปตันล่ะ ถ้ามันยิงกัปตันขึ้นมาพวกเราจะทำยังไง”“พวกมันไม่ยิงหรอก พวกมึงหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”“ครับ” เมื่อเห็นเหล่าลูกจ้างหนีออกไปกันจนหมดแล้วเขาก็เดินออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาเยือน“นี่คือของทั้งหมดใช่ไหม” หนึ่งในแก๊งที่เข้ามาปล้นเอ่ยถามเสียงหยัน“เออ รีบ ๆ เข้าเถอะก่อนที่บอสใหญ่จะมา ถ้ามาตัวใครตัวมันก็แล้วกัน และถ้าใครโดนจับได้กูแนะนำให้พวกมึงฆ่าตัวตายซะถ้าไม่อยากทรมาน"“นี่เงินที่นายแบบนั้นสั่งให้เอามาให้ ครั้งหน้ามีงานอีกกูจะติดต่อไป” มือหนารับเงินปึกใหญ่ที่บรรจุอยู่ในซองกระดาษมาถือเอาไว้“อืม รีบเข้าเถอะก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะเห็น เมื่อกี้กูเพิ่งไล่ให้ไปอีกทางไม่รู้มันจะย้อนกลับมาไหม”“เออ เร่งมือเข้า เอาเรือมาเทียบท่าเร็ว” เพราะด้วยวันนี้ไม่มีเรื
หลายเดือนมาแล้วที่เธอได้อยู่กับคนหน้านิ่งเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ใด ๆ ผ่านใบหน้า นอกจากความเย็นชา“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไงครับถึงได้เอาแต่มอง”เสียงพูดติดรำคาญถามแต่ตายังคงมองไปข้างหน้า ที่ทั้งเขาและเธอออกมาห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และพวกอาหารสดและแห้ง ปกติเขาชอบซื้อกินมากกว่า แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับกลายเป็นต้องเลิกซื้ออาหารข้างนอกกิน เพราะเธอคนนี้จะทำอาหารไว้รอเขาตลอด จนมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ฉันมองเพราะหน้าคุณมันหล่อละมั้งค่ะ” แนนตอบกลับหน้าตาย ส่วนเมธาก็หน้าตายไม่แพ้กัน“เหอะ!!” เมธาหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวประชด“ตอนนี้สถานการณ์อีกฝั่งยังไม่คลี่คลายดีเหรอคะ”“ทำไม”“ฉันอยากไปอยู่กับน้องแค่สองคนแล้วค่ะ มัวแต่อยู่กับคุณแบบนี้ฉันเกรงใจ”“เกรงใจหรืออึดอัดกันแน่”หึ รู้ดีอีก อุตส่าห์เก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ“เกรงใจสิคะ จะมาอึดอัดอะไรล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โต ข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินสบายจะตาย ใช่ไหมละคะ”เหอะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้านเมธาถอนหายใจและเดินมาหยุดตรงครีมอาบน้ำ กำลังจะหยิบครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำขึ้นมาสองขวด แต่มือเล็กขึ้นมาปัดมือของเขาออก“ฉันอยากเปลี่ยนครีม
ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊ก!!เสียงข้างนอกดังเอะอะโวยวายเข้ามา ร่างเล็กที่นอนคดอยู่บนฟูกเก่า ๆ ขยับตัวขึ้นและพยายามมองลอดผ่านช่องว่างของประตูออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นผลัวะ!! ปัง!“กรี๊ด!!” เธอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจที่ประตูเกือบกระแทกโดนหน้าของเธอเต็ม ๆ ดีที่กระโดดหลบออกมาได้ทัน“เธอใช่แนนไหม?” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง และใช้มือที่มีแต่เลือดกระแทกท่อนเหล็กลงพื้นด้วยความหงุดหงิด “ตอบสิวะ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดและเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มือออกและเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่หญิงสาว“จะทำอะไรฉัน ถ้าจะฆ่าฉันก็ปล่อยน้องสาวฉันไป” ร่างสูงมองเข้าไปที่ดวงตาดำขลับที่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตัวของเธอกลับสั่นอย่างน่าขัน“ฉันถาม เธอใช่แนนไหม” เสียงเย็นชาเอ่ยถามอีกครั้ง และบีบเข้าที่คางเล็กจนผิวยุบไปตามแรง“ชะ ใช่ ฉันเจ็บนะ”“ถ้าไม่อยากให้น้องสาวเธอตายก็รีบตามมา”“ค่ะ” เธอรับอย่างว่าง่ายและเดินตามมาอย่างเชื่อฟังเมธาเหลือบมองร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าของเธอละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธอไม่มีผิด แต่คนนี้มีดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำที่เงางามเหยียดตรงมากกว่า ต่างจากคนน้องที่ผมออกสีน้ำตาล“ออกรถ” เสียงแข็งกระ