“พี่โรม นานาต้องขึ้นไปชั้นสามอีกแล้วเหรอคะ” ร่างเล็กเดินเข้ามาถามและทำสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ เรามีอะไรรึเปล่า” โรมแกล้งถามและลองสังเกตสีหน้าของหญิงสาวไปด้วย
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร นานาขอเอาเหล้าขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”
“อืม แล้วคอยช่วยรินเหล้าให้บอสจนกว่าบอสจะสั่งให้ลงมานะ เพราะบอสไม่ชอบรินเหล้าเอง”
“ค่ะพี่โรม”
ขาเรียวเดินขึ้นมาชั้นสามด้วยอาการขาสั่นบอกตัวเองจะมากลัวไม่ได้เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรีบหาข้อมูลที่อีกฝั่งต้องการให้เร็วที่สุดที่จะหาได้
ทางเดียวที่จะหาได้คงต้องเข้าหาบอสของที่นี่ซะแล้วมั้ง แต่จะเข้าหายังไงเพราะเขาน่ากลัวซะขนาดนั้น
พอเธอเปิดประตูเข้ามาก็ต้องหายใจด้วยความโล่งอก เพราะคิดจะเห็นใครตายเสียแล้วอีก
“นานาขอรินเหล้าให้นะคะ” ฟาริสเงยหน้ามองใบหน้ารูปไข่ที่มีใบหน้าเล็กสมกับตัว ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นที่เอ่ยเสียงหวาน ๆ ออกมา
จะทำยังไงกับเด็กน้อยตรงนี้ดี จับถลกหนังซะเลยดีไหม หรือจะเก็บเลี้ยงไว้ดูเล่นต่อไปสักระยะ เบื่อเมื่อไรค่อยจัดการ
“เมธาของล็อตนี้สั่งจองเข้ามาเท่าไร” ฟาริสเอ่ยถามไม่นานร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวออกมาจากมุมมืด
“ล็อตนี้สั่งมาเกือบเต็มโควตาแล้วครับ”
“สงสัยต้องไปตรวจดูที่โกดังซะแล้วสินะ”
นานาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ พยายามทำตัวให้กลืนเข้ากับความมืดสลัวที่สุด โกดังสินค้านั้นมันอยู่ไหนกันล่ะ เธอจะหาเจอได้ยังไงกัน
“ที่สั่งจองเข้ามาเพิ่มจะเป็นปืนกลครับ” เมธาเล่ารายละเอียดให้ฟังโดยไม่กลัวว่าข้อมูลจะรั่วไหลจากคนนอก
“เมธามาเล่ารายละเอียดตรงนี้ เห็นไหมว่ามีคนนอกอยู่” ฟาริสเอ่ยเสียงเย็นและนั่งจิบเหล้าไปด้วยแต่สายตายังจับจ้องมาที่ร่างเล็กไม่วางตา
“นานาไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ” เธอรีบตอบและยืนนิ่งแกล้งไม่ฟังสนทนาที่พวกเขาทั้งสองคุยกัน
มาเฟียหนุ่มยกยิ้มมุมปากและส่งสายตาให้เมธารู้
“โกดังสินค้าย่อยที่สมุทรปราการของเข้าครบแล้วครับนาย”
“ตรงสมุทรปราการนี่ที่ไหนเมธา กูลืมไปหมดแล้ว”
“ที่ปากน้ำครับ”
“อ๋อ ไปจัดการคืนนี้เลย”
“ครับนาย” เมธารับคำสั่งและรีบก้าวเดินออกไป
“ส่วนเธอมานี่สิ” ฟาริสกระดิกนิ้วเรียก
ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ด้วยใจที่เต้นระส่ำ ที่เต้นไม่ใช่ตื่นเต้นกับความหล่อของคนตรงหน้า แต่เต้นเพราะกลัวตาย
“ค่ะบอส” เธอเดินเข้ามาใกล้และหยุดยืนตรงข้างกาย
“นั่งนี่สิ” มือหนาตบที่นั่งบนตักแกร่งของตนเองให้หญิงสาวเข้ามานั่ง
“ตะ แต่ตรงนั้นมัน” เธอเอ่ยตะกุกตะกักเขาคิดอะไรจะให้เธอไปนั่งบนตักเขาบ้ารึเปล่า
“มันทำไม” เสียงไม่พอใจเอ่ยเสียงต่ำและตวัดสายตามองมาที่หญิงสาวอย่างเอาเรื่อง
“ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบและเดินเข้ามานั่งบนหน้าขาแกร่งของเขาด้วยความเกร็ง
“อย่าเกร็งสิ นั่งพิงอกฉันมาเลย” มาเฟียหนุ่มสั่งเสียงเข้ม และจับหัวทุยสวยพิงอกของเขาเอาไว้
นี่มันอะไรกัน?
หญิงสาวพึมพำในใจด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ ไม่ใช่เขาจะจับเธอกินตรงนี้นะ เธอไม่พร้อมเสียซิงให้ใครทั้งนั้นอายุเธอก็เพิ่งจะ 18 เอง
“เธอมีพี่น้องไหม” เสียงนิ่งถามและม้วนผมนุ่มสลวยของหญิงสาวเล่นไปด้วย
“ไม่มีค่ะ” เธอเลือกโกหกไป ขืนบอกความจริงเขาไปถ้าเกิดวันไหนโดนจับได้ เขาจะไม่มาตามฆ่าล้างโคตรเธอเลยเหรอ
“กระโปรงเธอยังไม่ค่อยสั้นเลยนะ ต้องสั้นอีกสิ ตรงนี้ก็ต้องแหวกอีกถึงจะเรียกลูกค้าให้ฉันได้” นิ้วเรียวยาวเข้ามาสะกิดเสื้อด้านบนของเธอและใช้นิ้วลากไปมา
“แต่นี่มันก็สั้นเยอะแล้วนะคะ”
“ต้องสั้นอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาชุดใหม่มาให้เธอ เปลี่ยนแล้วก็ขึ้นมาข้างบนเวลาเดิมแบบนี้”
“เออ...”
“เข้าใจไหมเด็กน้อย” มาเฟียหนุ่มกำชับเสียงนิ่งและกดปลายจมูกโด่งเข้าที่ไหปลาร้าของเธอ
“เข้าใจแล้วค่ะบอส” เธอรีบตอบออกมาอย่างไว รู้สึกไม่โอเคเลยที่เขากำลังทำเรื่องแบบนี้กับเธอ
“ดีมาก ลงไปทำงานของเธอได้แล้ว”
“ค่ะบอส” เธอรีบเด้งตัวขึ้นและก้าวเท้าฉับ ๆ ออกไปโดยไม่เหลียวหลังมามอง ว่าเขานั้นกำลังแสยะยิ้มมองมาที่เธออย่างน่ากลัว
ในล็อกเกอร์ที่ไม่มีผู้คนร่างสวยเข้ามายืนหลบมุมเพื่อส่งข้อความหาใครบางคนอย่างเร่งรีบ
“พรุ่งนี้ที่โกดังสินค้าตรงปากน้ำ ฉันไม่รู้เวลาแค่รู้ว่าเป็นโกดังที่นั่น”
[เยี่ยมมากสาวน้อย]
ปลายทางตอบกลับมาสั้น ๆ เธอจึงรีบเก็บโทรศัพท์เข้าล็อกเกอร์และออกไปทำงานตามเดิมเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย
แสงจันทร์ท่ามกลางความมืดมิดที่มีเพียงแสงจันทร์กระทบกับผิวน้ำเพื่อช่วยให้ส่องสว่างเท่านั้น ที่อีกมุมหนึ่งมีชายชุดดำขับรถเข้ามาเทียบท่าได้ประมาณหกคัน ทุกคนต่างวิ่งมารอรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
“ที่นี่จริง ๆ ใช่ไหมวะ แต่ทำไมมันดูเหมือนร้างเลยว่ะ” หนึ่งในกลุ่มที่ลงรถมาเอ่ยขึ้นเพราะมองไปรอบ ๆ มันไม่เหมือนคลังสินค้าที่เอาไว้เก็บของเลย ไฟก็ไม่มี มีแต่หญ้าขึ้นรกร้างเต็มไปหมด
ปัง!
ปัง!
ท่ามกลางความมืดเสียงปืนวิ่งเข้าสาดใส่ทุกคนที่ยืนเป็นเป้านิ่งล้มทีละคนสองคน
“เฮ้ย! หนีเร็ว มันเป็นกับดัก”
ปัง! ปัง!
“อ๊าก!!”
เมื่อรู้ตัวแต่มันก็สายไปเสียแล้วเพราะสไนเปอร์ได้ซุ่มยิงทุกคนล้มตายกันเกลื่อนพร้อมกับเลือดที่ไหลอาบลงมากลิ่นคาวคละคลุ้งไปจนทั่วบริเวรนั้น
“เรียบร้อยแล้วครับนาย” เมธาโทรเข้ารายงานถึงหัวหน้าใหญ่ทันทีที่งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย” เสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยอำนาจเอ่ยสั่งมาตามสาย
“แล้วเด็กนั้นให้ผมจัดการยังไงดีครับ”
“เอาไว้ก่อน เก็บไว้ดูเล่นก็สนุกดี หึ หึ”
“ครับนาย” เมธารับคำและรีบเข้าเคลียร์พื้นก่อนที่ตะวันจะขึ้น
ในห้องทำงานร่างสูงนั่งเท้าคางมองการเคลื่อนไหวของหญิงสาวในหน้าจอสี่เหลี่ยมที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ปากหยักยกยิ้มมุมปาก และใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของหญิงสาวและนั่งหัวเราะในลำคอ
“เป็นเธอจริง ๆ ด้วยสินะสาวน้อย หึ หึ”
-----------------------------------------
อิพี่มันจะจัดการแล้ว แต่จะจัดการน้องยังไงดี
เรื่องนี้ไม่มีนอกกายนอกใจ และไม่มีดราม่าค่ะ
มีแต่อิพี่ที่ซาดิสม์ชอบเลี้ยงเมียด้วยลำเข้ง ^^
นางเอกต้องลำบากนิดหนึ่งพระเอกโรคจิตมันจะชอบมากกกก
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่หญิงสาวทำตัวเหินห่าง ถ้าวันไหนเขาเดินออกจากห้องเธอมักจะกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองแทน อาหารที่เธอมักทำให้ตอนนี้เธอก็ไม่ทำคงโกรธเกลียดเขามากสินะ“คุณแนน อย่าเพิ่งไปครับ”ขาเรียวหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียก ปกติเขามักจะส่งเสียงเย็นชาให้ได้ยิน แต่วันนี้กลับอ่อนลงให้เธอแปลก ๆ หรือเขารู้สึกผิดกับเธออย่างงั้นเหรอ“คุณได้กินยารึยัง”เหอะ! ฉันคิดเพ้อฝันอะไรอยู่ อยากได้ยินคำว่าขอโทษจากปากเขาว่างั้น ตอนแรกหลงคิดว่าเขาจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับมาถามว่ากินยารึยัง สารเลวจริง ๆ“กินแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก เพราะฉันก็ไม่ได้โง่” เธอตอบกลับเสียงเย็นชาและเลือกเดินขึ้นห้องไป“เดี๋ยวก่อนครับ” เมธาวิ่งเข้ามาจับข้อมือเล็กให้เธอหันมาเผชิญหน้า และก็ได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากบนหน้าสวยจนเขาทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ถูกกับน้ำตาของผู้หญิง“มีอะไรอีก ฉันอยากจะขึ้นห้องแล้ว”“ผมขอโทษสำหรับเรื่องคืนนั้น” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด อีกอย่างเขาเป็นคนแสดงออกไม่เป็น เขารู้สึกผิดจริง ๆ แต่หน้ากลับเย็นชาทำเป็นแต่หน้านิ่ง ไม่รู้เธอจะให้อภัยไหม และอีกอย่างตนไม่ใช่คนที่ทำอะไรผิดแล้วจะชิ่ง“ทำไมไม่ขอโทษ
“คุณปล่อยฉันนะ” ร่างเล็กเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระจึงร้องส่งเสียงให้เขาออกไป“อื้อ..” ร่างหนาไม่ฟังเขาเพียงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยอาจด้วยพิษไข้จึงทำอะไรโดยไม่รู้ตัว“คุณ นี่ฉันเองนะ ปล่อยได้แล้ว” แนนร้องตะโกนบอกพยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งไปกระตุ้นให้เขามีอารมณ์มากขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงตรงนั้นที่นู่นเด่นและแข็งกำลังทิ่มตรงหว่างขาของเธอมือแกร่งดั่งคีมเหล็กเข้ามากระชากชุดนอนของหญิงสาวออก เขากระชากและดึงออกอย่างแรงเมื่อคนตัวเล็กพยายามดิ้นหนีอีกครั้ง“ปล่อยฉันนะ คุณเมธาได้ยินฉันไหม นี่ฉันเอง”“หุบปากสักที รำคาญ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้น และเข้ามาฉกริมฝีปากอวบอิ่มจูบอีกครั้งอย่างหื่นกระหายมือหนาหยาบกร้านเข้ามาสัมผัสผิวเรียบเนียนทีละจุดและมาหยุดที่อกอวบคู่สวย เขาไม่รอช้าบีบขยี้จนแทบแหลกคามือ และใช้ฟันกัดเบา ๆ ที่ปทุมถันที่เริ่มแข็งเป็นไต ลิ้นร้อนปาดเลียวนไปมาและดูดเข้าปากเหมือนเด็กน้อยที่หิวกระหาย“อือ อึก ไม่เอา อย่าทำฉันนะ” ด้วยแรงที่สู้เขาไม่ได้เลยอยู่ใต้อาณัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอพยายามสู้กับแรงเขาแล้วแต่ไม่สามารถเอาชนะได้เลย และตอนนี้เขากำลังจับเธอแหกขาออกกว้าง“ไม่นะ เมธา ไม่”สวบ!
“เมื่อคืนขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดยังงั้นออกไป”ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินลงมาแนนจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาและเอ่ยขอโทษออกมาอย่างสำนึกผิด เธอชงกาแฟดำและขนมปังปิ้งวางไว้ให้เขาตามด้วยไข่คนที่มีเบคอนทอดกรอบวางอยู่ด้านข้างส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาเรียกน้ำลาย“อืม” ชายหนุ่มขานรับสั้น ๆ ในลำคอและจิบกาแฟดำเข้าปากพร้อมกับกัดขนมปังทานไปเงียบ ๆ และเอ่ยขอตัวไปทำงานแบบที่เขาทำเป็นประจำ“วันนี้ฉันจะทำกับข้าวรอนะคะ”เมธาหยุดเดินและหันมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่เขาไม่พูดอะไรแค่มองแบบนั้นและเดินออกไป“เฮ้อ~~ สงสัยกลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปาก พูดลากันสักคำก็ได้ ไม่ใช่เดินออกไปเฉย ๆ” เธอบ่นตามหลังเพราะไม่กล้าบ่นต่อหน้าเพราะเมื่อคืนสร้างวีรกรรมไว้แล้ว ถ้าจะสร้างต่อคงไม่ดี เพราะเธอยังอยากให้น้องปลอดภัยจากคนของโทมัสตกเย็นจวบจนถึงเวลาสี่ทุ่มเธอก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมา ตั้งใจทำอาหารรอไว้อย่างดิบดีแต่กลับไม่เห็นเจ้าตัวกลับมาเสียที เธอตัดสินใจเก็บอาหารเข้าตู้เย็น พอเคลียร์อะไรเสร็จตั้งใจจะขึ้นห้องแต่ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจึงยืนอยู่รอ เผื่อเขายังไม่ได้ทานข้าวมาเธอจะเตรียมอุ่นให้“ทำไมสภาพคุณเป็นอย่างงั้นล่ะคะ”
ร่างสูงกำยำบังคับหัวเรือเข้ามาจอดเทียบท่า สายตาคมมองไปในพื้นน้ำและท่ามกลางความมืด ตอนนี้แค่รอเวลาเพียงเท่านั้นปัง!ปัง!ปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน เมธารีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเหล่าลูกน้องส่งเสียงร้องโหวกเหวกโวยวาย“กูจัดการเอง” เสียงแข็งกระด้างและใหญ่เอ่ยบอกและชี้ให้เหล่าลูกหาบกระโดดลงไปเพื่อเอาชีวิตรอด“แล้วกัปตันล่ะ ถ้ามันยิงกัปตันขึ้นมาพวกเราจะทำยังไง”“พวกมันไม่ยิงหรอก พวกมึงหนีเอาชีวิตรอดก่อนเถอะ”“ครับ” เมื่อเห็นเหล่าลูกจ้างหนีออกไปกันจนหมดแล้วเขาก็เดินออกมาเพื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่เข้ามาเยือน“นี่คือของทั้งหมดใช่ไหม” หนึ่งในแก๊งที่เข้ามาปล้นเอ่ยถามเสียงหยัน“เออ รีบ ๆ เข้าเถอะก่อนที่บอสใหญ่จะมา ถ้ามาตัวใครตัวมันก็แล้วกัน และถ้าใครโดนจับได้กูแนะนำให้พวกมึงฆ่าตัวตายซะถ้าไม่อยากทรมาน"“นี่เงินที่นายแบบนั้นสั่งให้เอามาให้ ครั้งหน้ามีงานอีกกูจะติดต่อไป” มือหนารับเงินปึกใหญ่ที่บรรจุอยู่ในซองกระดาษมาถือเอาไว้“อืม รีบเข้าเถอะก่อนที่ลูกเรือคนอื่นจะเห็น เมื่อกี้กูเพิ่งไล่ให้ไปอีกทางไม่รู้มันจะย้อนกลับมาไหม”“เออ เร่งมือเข้า เอาเรือมาเทียบท่าเร็ว” เพราะด้วยวันนี้ไม่มีเรื
หลายเดือนมาแล้วที่เธอได้อยู่กับคนหน้านิ่งเหมือนเป็นคนไม่มีอารมณ์ใด ๆ ผ่านใบหน้า นอกจากความเย็นชา“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไงครับถึงได้เอาแต่มอง”เสียงพูดติดรำคาญถามแต่ตายังคงมองไปข้างหน้า ที่ทั้งเขาและเธอออกมาห้างเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และพวกอาหารสดและแห้ง ปกติเขาชอบซื้อกินมากกว่า แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามากลับกลายเป็นต้องเลิกซื้ออาหารข้างนอกกิน เพราะเธอคนนี้จะทำอาหารไว้รอเขาตลอด จนมันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว“ฉันมองเพราะหน้าคุณมันหล่อละมั้งค่ะ” แนนตอบกลับหน้าตาย ส่วนเมธาก็หน้าตายไม่แพ้กัน“เหอะ!!” เมธาหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าหญิงสาวประชด“ตอนนี้สถานการณ์อีกฝั่งยังไม่คลี่คลายดีเหรอคะ”“ทำไม”“ฉันอยากไปอยู่กับน้องแค่สองคนแล้วค่ะ มัวแต่อยู่กับคุณแบบนี้ฉันเกรงใจ”“เกรงใจหรืออึดอัดกันแน่”หึ รู้ดีอีก อุตส่าห์เก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ“เกรงใจสิคะ จะมาอึดอัดอะไรล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โต ข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินสบายจะตาย ใช่ไหมละคะ”เหอะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้านเมธาถอนหายใจและเดินมาหยุดตรงครีมอาบน้ำ กำลังจะหยิบครีมอาบน้ำที่ใช้เป็นประจำขึ้นมาสองขวด แต่มือเล็กขึ้นมาปัดมือของเขาออก“ฉันอยากเปลี่ยนครีม
ผลัวะ! ผลัวะ! อั๊ก!!เสียงข้างนอกดังเอะอะโวยวายเข้ามา ร่างเล็กที่นอนคดอยู่บนฟูกเก่า ๆ ขยับตัวขึ้นและพยายามมองลอดผ่านช่องว่างของประตูออกไปว่าเกิดอะไรขึ้นผลัวะ!! ปัง!“กรี๊ด!!” เธอหวีดร้องออกมาอย่างตกใจที่ประตูเกือบกระแทกโดนหน้าของเธอเต็ม ๆ ดีที่กระโดดหลบออกมาได้ทัน“เธอใช่แนนไหม?” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง และใช้มือที่มีแต่เลือดกระแทกท่อนเหล็กลงพื้นด้วยความหงุดหงิด “ตอบสิวะ” ชายหนุ่มทำหน้าหงุดหงิดและเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่มือออกและเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่หญิงสาว“จะทำอะไรฉัน ถ้าจะฆ่าฉันก็ปล่อยน้องสาวฉันไป” ร่างสูงมองเข้าไปที่ดวงตาดำขลับที่มองเขาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตัวของเธอกลับสั่นอย่างน่าขัน“ฉันถาม เธอใช่แนนไหม” เสียงเย็นชาเอ่ยถามอีกครั้ง และบีบเข้าที่คางเล็กจนผิวยุบไปตามแรง“ชะ ใช่ ฉันเจ็บนะ”“ถ้าไม่อยากให้น้องสาวเธอตายก็รีบตามมา”“ค่ะ” เธอรับอย่างว่าง่ายและเดินตามมาอย่างเชื่อฟังเมธาเหลือบมองร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าของเธอละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธอไม่มีผิด แต่คนนี้มีดวงตาสีดำและเส้นผมสีดำที่เงางามเหยียดตรงมากกว่า ต่างจากคนน้องที่ผมออกสีน้ำตาล“ออกรถ” เสียงแข็งกระ