หน้าหลัก / วาย / ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า / บทที่ 3 (1.2) แย้มยลโฉมครานั้น ความทรงจำมิลืมเลือน

แชร์

บทที่ 3 (1.2) แย้มยลโฉมครานั้น ความทรงจำมิลืมเลือน

ผู้เขียน: เสี่ยวเทีย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-24 14:38:23

     “เกิดอะไรขึ้น” เสียงเนิบนาบด้านในรถม้าเอ่ยถามขึ้นในชั่วขณะนั้น

     กู่ซิงอีได้ยินยลก็พบว่าคนผู้หนึ่งหน้าตาดีขนาดนั้นได้แล้ว เสียงเองก็ยังน่าฟังมากยิ่งนัก อดเผลอมองไปที่หน้าต่างรถม้าซึ่งมีผ้าม่านปิดอยู่มิได้

     หลี่เซียวที่นั่งอยู่หน้ารถม้าก็รายงานเข้าไปให้คนด้านในฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เขามัวแต่หันไปบอกคุณชายของตนว่าใกล้ถึงที่หมายแล้วจึงไม่ทันเห็นว่าสตรีผู้นี้ผ่านหน้ารถม้าตนตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงม้าร้องขึ้นมาแล้ว

     กู่ซิงอีหันมาสนใจฉีหย่าที่ทำท่าจะลุกแต่ก็ล้มลงไปกับพื้นต่อ พลางพิเคราะห์ในใจว่า แผนนี้ของเซี่ยลู่หลินอาจใช้ได้ผลแปดส่วนเท่านั้น เพราะส่วนมากคนที่ถูกรถม้าชนในตลาดมักจะเป็นขอทาน คนไร้บ้าน หรือพวกต้มตุ๋น สามกลุ่มนี้ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำเพื่อหลอกเงินคนร่ำรวยอย่างคุณชายว่านเท่านั้น

     แต่ครั้งนี้อาจจะต่างออกไปก็ได้ เพราะว่าคนที่ถูกชนเป็นสตรีหน้าตางดงามนางหนึ่ง ความงามย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ผู้ใดพบเห็นจะต้องสงสารแม่นางฉีหย่าก่อนถามไถ่ความจริงเป็นแน่

     ด้านว่านฟู่เฉิงพอฟังจบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก็สั่งให้หลี่เซียวไปจัดการตามสมควร เรื่องเงินเขาไม่คิดมาก อย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่เศษเงินในมือของตนเท่านั้น หากทำให้เรื่องไม่วุ่นวายและเดินทางต่อได้โดยไวก็ถือว่าคุ้มค่า

     หลี่เซียวตอบรับ ด้วยรู้ว่าคุณชายของตนรักหน้ารักตาขนาดไหน ย่อมไม่อยากให้เรื่องอุบัติเหตุในครั้งนี้ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน แม้เหตุการณ์ตรงหน้าจะดูไม่ชอบมาพากลก็เถอะ เพียงแต่ว่าตนเองไม่มีหลักฐาน และคนขับรถม้าเองก่อนลงไปเมื่อครู่ก็บอกว่าไม่เห็นแม่นางคนนี้ตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน

     ปกติตัวเขาที่นั่งด้านหน้ารถม้ามาด้วยจะคอยระวังอยู่เสมอ และเพราะคุณชายของตนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นด้านในไม่สะดวกเดินทางมากนักรถม้าของพวกเขาจึงเคลื่อนที่ช้ากว่าของคนอื่น ดังนั้นไม่มีทางที่จะชนแม่นางคนนี้จนล้มแรงถึงขนาดลุกไม่ขึ้นแบบนี้

     “ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ขอโทษด้วย เป็นข้าที่ผิดเอง” ฉีหย่าที่เพิ่งจะลุกขึ้นนั่งได้ก็รีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ น้ำตาไหลรินอาบสองแก้ม แต่เพราะตอนนี้ผมนางปิดใบหน้าไปส่วนหนึ่งจึงเห็นใบหน้าแค่บางส่วนเท่านั้น

     และเมื่อพอได้เห็นบุรุษอีกคนที่ท่าทางดูดีเดินเข้ามาหาก็รีบบีบน้ำตาอีกระลอกหนึ่ง แต่ฉีหย่ารู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คุณชายว่านที่นางต้องจับให้อยู่หมัด เพราะนางได้ยินมาว่าคุณชายว่านเดินเหินมิได้ ดังนั้นจึงเดาว่านี่อาจเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา

     หลี่เซียวเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังคนขับรถม้า ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ในตลาด เขาเห็นจนชินชาว่าพวกต้มตุ๋นชอบวิ่งให้รถม้าของคนมีเงินชนแล้วร้องขอเงินค่ารักษา แต่คนพวกนั้นพอถูกชนก็จะโวยวายเสียงดังให้คนมามุงดู เอ่ยปากออกมาแต่ละทีก็มีแต่เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเอง ทว่าสตรีผู้นี้กลับขอโทษก่อนแถมท่าทางก็ดูหวาดกลัวจนตัวสั่น

     “แม่นางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” หลี่เซียวเมื่อเห็นคนโดนชนไม่เหมือนคนที่ตนเคยเจอจึงถามออกไปอย่างมีมารยาท

     “ขาของข้าเหมือนจะพลิกเจ้าค่ะ ข้าลุกไม่ได้” ฉีหย่าที่ก้มหน้าจนผมปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่งก็พลันเงยหน้าขึ้นมาตอบ

     ใบหน้างามสวยสะคราญตาพลันปรากฏให้ทุกคนแถวนั้นได้ยลโฉม ดวงตาที่มีม่านน้ำตาเจือปนอยู่ก็ทำให้ดวงหน้าสวยดูบอบบางลงไปอีกเท่าตัว

     “น่าสงสารยิ่งนัก” กู่ซิงอีหันไปพูดกับท่านป้าข้างกายที่เหมือนกำลังรอจะเอ่ยปากอยู่เหมือนกัน น้ำเสียงของเขาทั้งทอดถอนใจและคล้ายตำหนิคนผิดอยู่กลาย ๆ

     ท่านป้าคนแรกไม่กล้าเอ่ยอะไรเพราะรู้ดีว่าเจ้าของรถม้าเป็นใคร แต่พอมีคนพูดนางก็เอาบ้าง “นั่นสิ ขาเจ็บขนาดนี้จะเดินได้วันไหนก็ไม่รู้” ครั้นพอท่านป้าพูดจบ กลุ่มชาวบ้านที่มาดูต่างก็พากันแสดงความคิดเห็นคนละประโยคสองประโยค จากแค่คนกลุ่มหนึ่งจึงเริ่มกระจายไปเป็นวงกว้าง

     “คนทั้งคนไยจึงเผลอไปชนได้”

     “นางกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว”

     “สตรีคนนี้หน้าตางดงามยิ่งนัก”

     และย่อมมีหลายคนออกปากชมเป็นเสียงเดียวกัน เป็นไปตามความต้องการของกู่ซิงอีพอดี ระหว่างนั้นกู่ซิงอีก็ชำเลืองตามองม่านหน้าต่างเป็นพัก ๆ แต่ก็ยังไร้การเคลื่อนไหวเหมือนเคย

     “แม่นางหากลุกไม่ไหวข้าจะช่วยเจ้าเอง จะเป็นการล่วงเกินเจ้าหรือไม่” หลี่เซียวถามความเห็นอีกฝ่ายก่อน นางเป็นสตรีอยู่ในวัยแต่งงาน หน้าตาก็งดงาม จึงไม่กล้าผลีผลามถูกเนื้อต้องตัวโดยตรง

     กู่ซิงอีเมื่อเห็นว่าหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นแล้วและด้วยกลัวว่าตนจะถูกสังเกตเห็นเข้าจึงก้าวถอยหลังเดินออกจากจุดเดิม หากเรื่องนี้ไม่สำเร็จและยังต้องเปลี่ยนแผน ดังนั้นถ้าเขาปรากฏตัวบ่อยครั้งอาจจะทำให้คนของตระกูลว่านสังเกตเห็นตนเข้าพอดี จะทำอะไรต่อไปก็คงเคลื่อนไหวได้ยากแล้ว

     ทว่าในตอนที่กู่ซิงอีถอยออกไปจากละครฉากนี้ ผ้าม่านของรถม้าตระกูลว่านก็ถูกพัดเล่มหนึ่งที่ยังถูกพับไว้อยู่เขี่ยเปิดออกไปด้านข้าง

     ว่านฟู่เฉิงเห็นคนของตนเองออกไปสักพักยังไม่จบเรื่องก็ลองเปิดม่านไปมอง ในตอนนั้นกลิ่นหอมที่เขาเคยสงสัยว่าเป็นกลิ่นอะไรก็ลอยเข้ามาในรถม้า

     ครั้นหันมองไปด้านข้างก็ได้พบกับบุรุษผู้หนึ่งคนที่เดินสวนทางกับฝูงชนที่พากันเข้ามามุงดูเรื่องสนุกออกไป อาจเพราะความสูงที่สูงกว่าชาวบ้านทั่วไปเล็กน้อยทำให้เขาดูโดดเด่นขึ้นมา อีกทั้งหน้าตาก็งดงามเกลี้ยงเกลาน่ามอง แต่กลิ่นอายรอบตัวกลับเต็มไปด้วยความเฉยชาทำให้มีความรู้สึกว่าเข้าหาได้ยาก

     ว่านฟู่เฉิงคิดว่าคนผู้นี้คงทำงานอยู่แถวนี้เป็นแน่ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้เจอกัน และถ้าหากเขาเดาไม่ผิดวันนั้นที่ตนนั่งดูต้นพลับอยู่ก็เป็นคนผู้นี้แน่ที่บ่นต้นพลับของผู้อื่นอยู่ด้านนอกกำแพง

     ด้ามพัดถูกดึงกลับเข้ามาด้านใน ว่านฟู่เฉิงปิดม่านลงไม่อยากมองตามคนผู้นั้นไป ด้วยเกรงว่าหากใส่ใจมากเกินไปเวลาไปไหนก็คงเจอกันบ่อยขึ้น ในใจคาดว่าที่พบกันครั้งนี้อีกรอบคงเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น

     ส่วนกู่ซิงอีก็เดินกลับมาหาสหายรัก มองดูเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ เห็นชาวบ้านพากันกดดันคนของตระกูลว่านทั้งสองคน จากนั้นไม่นานฉีหย่าก็ได้นั่งอยู่ด้านหน้ารถม้าแต่รถม้าไม่ได้เคลื่อนตัวเข้าไปที่ร้านว่านในทันที กลับไปส่งนางที่อื่นก่อน ที่นั่งด้านหน้าไม่ได้กว้างมากนักดังนั้นจึงนั่งได้แค่สองคน คนขับรถม้าคนเดิมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง หลี่เซียวจึงทำหน้าที่เป็นสารถีแทน

     กู่ซิงอีกับเซี่ยลู่หลินก็เดินตามมาตลอดทาง

     “นางงดงามขนาดนี้เจ้าคิดว่าคุณชายว่านจะชอบนางหรือไม่” เซี่ยลู่หลินถามขึ้น

     “นางงดงามเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องคุณชายว่านจะชอบนางหรือไม่ข้ามิอาจเดาส่งเดชได้ แล้วดูตอนนี้แม้กระทั่งหน้าของนางคุณชายว่านก็ยังไม่ได้เห็นเลย คนของตระกูลว่านไม่ยอมพาคุณชายว่านออกจากรถม้าเพื่อไปส่งที่ร้านว่านก่อนด้วยซ้ำ กลับมุ่งตรงไปที่อื่น ข้าเดาว่าคงไปโรงหมอ เกรงว่าหากนางไม่ใช้มารยาอีกนิดเรียกร้องขอทำงานกับคุณชายว่านให้ไวกว่านี้ตามแผนที่เราวางไว้ นางคงถูกส่งไปโรงหมอแล้วได้เงินค่าเสียหายมาแทนก่อนจะได้เจอคุณชายว่านเสียอีก”

     กู่ซิงอีเริ่มกังวล หากเรื่องนี้ไม่สำเร็จก็เท่ากับตนเสียเงินโดยสูญเปล่า ค่าตัวแม่นางฉีหย่าไม่ใช่น้อย ๆ เลย นั่นเป็นเงินเก็บตั้งสองปีของเขาเชียวนะ!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ บทส่งท้าย ตราบจนนิรันดร์

    ค่ำคืนวันนี้ไร้ดวงจันทร์คอยส่องแสงอย่างเคย ทางเบื้องหน้ามืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นทางเดิน แต่กู่‍ซิง‍อีกลับไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะยามนี้เขาได้ขี่อยู่บนหลังผู้อื่น ลำตัวแนบชิดกับคนที่กำลังเดินอยู่จนไร้ช่องว่างระหว่างกาย รับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่สั่นไหวเบา ‍ๆ‍ ทำให้รู้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่กับตนเสมอ กู่‍ซิง‍อีกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวคอคนออกแรงอยู่เพิ่มขึ้นอีกนิด “อีกนานหรือไม่” เขาเอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกว่าตนถูกแบกมาไกลมากแล้ว กระนั้นว่าน‍ฟู่‍เฉิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดิน “เสี่ยว‍อี เหนื่อยแล้วหรือ” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเดินช้าลงและย่ำเท้าด้วยความเบา ด้วยเกรงว่าตนอาจจะเดินเร็วไปจนตัวสะเทือนทำให้คนที่อยู่บนหลังรู้สึกไม่สบายตัว “ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ท่านเป็นคนแบกข้าอยู่นะ” กู่‍ซิง‍อีซบคางลงที่ไหล่ของว่าน‍ฟู่‍เฉิง ใจจริงแล้วเขาอยากให้เวลาหยุดอยู่เช่นนี้ตลอดไปเลยต่างหาก ถึงได้กำลังกลัวว่าจุดหมายปลายทางจะมาถึงเร็วเกินไป กระนั้นก็ยังอดห่วงว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงจะหนักอยู่ดีเลยไม่ได้บอกความในใจออกไป กู่‍ซิง‍อีเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ว่าน‍ฟู่‍เฉิงถูกเขาแบกขึ้นบนหลังเดินไ

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 10 กาลก่อนท่านเป็นคนเอ่ย ว่าข้าไร้มารยาท

    หลี่เซียวที่กำลังเดินอยู่ในจวนก็พบกับคุณชายของตนกำลังเดินมาหาด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาไม่ได้เดินไปหาอย่างที่ควรจะเป็น กลับรอคุณชายเดินเข้ามาหาตนที่หยุดรออยู่ก่อนแล้วแทน พลางคิดในใจว่า เอาอีกแล้ว ‍!‍ “เห็นเสี่ยว‍อีของข้าหรือไม่” นั่นไง จะมีสิ่งใดที่เขาเดาผิดไปจากท่าทางเร่งรีบของคุณชายได้อีก ‍!‍ “เมื่อ‍ครู่พอคุณชายกู่เตรียมรากบัวต้มน้ำตาลอยู่ในครัวเสร็จแล้วคิดจะถือนำไปให้คุณชายด้วยตัวเอง แต่ไม่ทันระวังเผลอสะดุดจนของในมือหกรดตัวเอง ตอนนี้น่าจะกำลังไปเปลี่ยนชุดขอรับ” “สะดุดหรือ ‍!‍ แล้วเสี่ยว‍อีบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงพูดค่อนข้างเร็วอย่างหาได้อยาก แทบจะยืนไม่ติดที่อยู่แล้ว ตอนนี้ร่างกายอยู่ตรงนี้แต่หัวใจกลับลอยไปไกลแล้ว “ไม่เป็นอะไรมากขอรับ คุณชายกู่ทรงตัวได้ทันจึงไม่ได้ล้มพับไปกับพื้น แถมรากบัวก็มิได้ร้อนมากและก็เพียงเปื้อนโดนปลายอาภรณ์เล็กน้อยเท่านั้น” สิ่งที่หลี่เซียวไม่ได้กล่าวจนหมดก็คือกู่‍ซิง‍อีนั้นร้อนรนขนาดไหนหลังจากทำขนมหกใส่ตัวเอง เอ่ยปากบ่นอยู่หลายประโยคว่าชุดนั้นคุณชายเป็นคนเลือกให้ตนเองกับมือแถมยังแพงมากด้วย ครั้นบ่นเสร็จก็รีบจาก

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 9 ถูกจับได้เสียแล้ว

    ด้วยเพราะรู้ว่ากู่‍ซิง‍อีหลับลึกขนาดไหน ว่าน‍ฟู่‍เฉิงจึงใช้เรื่องนี้ในการแอบเอาเปรียบกู่‍ซิง‍อีอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นเมื่อคืนที่เขาตื่นมากลางดึกและพบว่ามีใครแอบขยับมาซุกกายแนบชิดตนอยู่ แบบนั้นมีหรือจะอดใจไหว เผลอกัดกู่‍ซิง‍อีไปหลายทีจนกระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนจะรู้สึกตัวเขาถึงได้แสร้งหลับลงไปตามเดิม แต่กลับไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เมื่อก่อนจะแอบทำทีไรต้องหักห้ามใจตลอด แต่บัดนี้ทั้งคู่ตบแต่งกันแล้ว เขาขอเชยชมสักนิดก็คงไม่เป็นไรกระมัง แต่อาจเพราะเผลอตัวมากไป กลับกระทำการไม่แนบเนียน โดนจับได้ตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมา “คุณ‍ชาย‍ว่าน เมื่อคืนทำอะไรแปลก ‍ๆ‍ หรือไม่” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงหันมองคนที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เพราะกู่‍ซิง‍อีขี้ร้อนเป็นทุนเดิมเวลาสวมเสื้อผ้านอนมักจะมัดหลวม ‍ๆ‍ พอตื่นนอนมาทีไรเสื้อผ้าที่มัดไม่แน่นก็จะหลุดลุ่ยอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนบางส่วนที่มีรอยช้ำจาง ‍ๆ‍ ผมดำเงาชี้ฟูเล็กน้อย ดวงตาก็หรี่เล็กลงยังไม่ทันลืมตาได้เต็มที่ แต่กลับถามเหมือนรู้บางอย่างเช่นนี้ เล่นเอาคนที่กำลังยกน้ำชาไปให้รู้สึกร

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.2 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา

    รุ่งอรุณก่อนวันงานเทศกาลฉีเฉียว “เสี่ยว‍อี เจ้ากำลังจะไปที่ใด” ว่าน‍ฟู่‍เฉิงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาและกำลังลุกขึ้นนั่งก็ทันได้เห็นกู่‍ซิง‍อีที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเข้าพอดี แถมดูท่าทางรีบร้อนเหมือนจะออกไปจากห้อง เมื่อถามเสร็จเขาก็เบนสายตามองดูท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง ฟ้ายังไม่ทันสว่างเท่าไรนักน่าจะเลยยามเฉิน[1]มาเพียงไม่นาน ([1] ยามเฉิน คือ 07.00 – 08.59 น. ) แน่นอนว่าปกติทั้งสองคนต่างพากันตื่นเช้ากว่านี้นัก แต่เมื่อวานคุยกันแล้วว่าจะหยุดทำงานสามวัน เหตุใดกู่‍ซิง‍อีถึงลุกมาแต่งตัวคล้ายจะไปทำงานอีก ต่อให้ปกติพวกเขาจะสลับทำงานที่จวนและที่ร้านว่าน และวันนี้คือวันที่ต้องทำงานที่จวน ทว่าว่าน‍ฟู่‍เฉิงอยากให้ดูไม่มีความน่าสงสัยจึงเปลี่ยนเป็นหยุดงานทั้งหมดแทน คำกล่าวเช่นนั้นก็รวมถึงงานที่จวนก็ไม่ต้องทำมิใช่หรือ หยุดก็คือหยุด ไหนเลยกลับคาดไม่ถึงว่ากู่‍ซิง‍อีจะไม่เข้าใจสิ่งที่หมายถึงให้หยุดอยู่จวนจริง ‍ๆ‍ ครั้นพอได้เห็นอีกฝ่ายแต่งตัวก็คิดว่าจะออกไปที่ห้องทำงาน “ไปร้านขนมไฉ่ที่ข้าชอบอย่างไรเล่า นานครั้งเราถึงจะว่างในช่วงเช้าแบบนี้ รอบนี้ก็ไม่ต้องวานให้คนอื่นไปต่อแถวแทน ได้

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (4.4)

    อีกทั้งด้ายแดงที่เด่นชัดแม้อยู่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้จากข้อมือแต่ละข้างของว่าน‍ฟู่‍เฉิงและกู่‍ซิง‍อีก็ดูคล้ายกันยิ่งนัก คนแอบมองจิตใจลนลานรีบหันกลับไปด้วยดวงตาเบิกโพลง ก้าวเดินตามหลังคนนำทางไปติด ‍ๆ‍ ด้วยท่าทางที่เร่งรีบขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังโดนไฟไล่เผาก้นมา สิ่งที่คนภายนอกกล่าวมาเรื่องฮูหยินของตระ‍กูล‍ว่านไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัดหลอมรวมกับการกระทำของคนทั้งสองด้านหลัง และยังบวกกับก่อนหน้านี้ที่ได้พูดคุยกับกู่‍ซิง‍อีก็คล้ายว่างานทั้งหมดของตระ‍กูล‍ว่านได้ตกอยู่ในมือกู่‍ซิง‍อีแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่นึกขึ้นได้จึงไม่ใช่ตนคิดไปเองแน่ ‍ๆ‍ ทว่าเซี่ย‍หลี่‍จวินแม้จะได้ล่วงรู้ความลับเรื่องนี้เข้าแต่ก็ไม่ได้คิดจะป่าวประกาศให้คนอื่นได้รับรู้หรอก เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก เนื่องจากตระ‍กูล‍ว่านเป็นคนเปิดเส้นทางหลายสายให้เขา ดังนั้นนอกจากแตะว่าน‍ฟู่‍เฉิงไม่ได้แล้ว ก็ยิ่งห้ามทำให้กู่‍ซิง‍อีไม่พอใจอีกด้วย ‍!‍ ถ้าล่วงรู้อนาคตได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินมาเป็นแบบนี้เขาคงจะเห็นใจกู่‍ซิง‍อีอีกสักหน่อย บางทีตัวเขาอาจได้ผลประโยชน์มากกว่าให้บุตรสาวของตนตบแต่งกับน้องชายบุญธรรมของว่าน‍ฟู่

  • ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า   ตอนพิเศษ 8.1 เทศกาลฉีเฉียวมาเยือนอีกครา (3+4.)

    “ขอรับ ‍!‍” หลี่เซียวรีบร้อนรับคำก่อนจากไป ฉี‍หย่าหันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ นางจะถูกปฏิบัติอย่างนี้จริง ‍ๆ‍ หรือ นางไม่งดงามหรือไรทำไมคุณ‍ชาย‍ว่านถึงไม่คิดจะสนใจหรือเมตตานางสักนิด แม้จะต้องยอมรับว่าสองคนตรงหน้านางรูปงามไร้ที่ติ แต่นางไม่คิดว่าตนเองจะด้อยค่าถึงเพียงนี้ ‍!‍ จังหวะนั้นเองประตูห้องบานเดิมพลันเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นนาย‍ท่าน‍เซี่ยเดินออกมา พอเห็นบ่าวในจวนของตนที่นั่งกองกับพื้นก็ฉงน ที่แท้คนที่ส่งเสียงดังเมื่อ‍ครู่ก็คือฉี‍หย่าสาวรับใช้ที่บุตรสาวทิ้งไว้ที่จวนเมื่อสองปีก่อน สตรีนางนี้แม้หน้าตาจะงดงามแต่กลับทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีดีแค่ดนตรีกับร่ายรำ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการทำงานในจวนได้เล่า ดังนั้นสำหรับเขาแล้วนางแทบไม่มีสิ่งใดให้ใช้งานได้เลย ตัวเขาแทบไม่อยากพามาทว่านางก็ดื้อดึงขอตามมาจนได้ เขายังกลัวว่าฮูหยินของตนจะเข้าใจผิดด้วยซ้ำ บัดนี้ยังจะมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก ช่างน่าขายหน้าจริง ‍ๆ‍ เซี่ย‍หลี่‍จวินหันมองว่าน‍ฟู่‍เฉิงด้วยความระวัง กลัวว่าสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะถูกยกเลิกเพียงเพราะบ่าวรับใช้ในจวนของตนเอง “คุณ‍ชาย‍ว่าน เป็นข้าไม่อบรมบ่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status