บทที่ 40/2 การกลับมาของหวังลี่ถิง ทั้งรวี่เยว่และชุนอิ่งหันกลับมา จ้องหน้าจูหมัวมัวด้วยสายตายากคาดเดา ครั้นจูหมัวมัวเห็นหน้าชุนอิ่งก็ชะงักค้าง แม้ไม่ได้พบมาหลายปี แต่นางยังจำหน้าอีกฝ่ายได้แม่นยำ หากนี่คือชุนอิ่ง เช่นนั้นอีกคนก็ต้องเป็น… รวี่เยว่ปลดผ้าคาดปิดหน้าออก ใบหน้าที่ดูละม้ายรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่ถึงเจ็ดแปดส่วน เผยต่อสายตาของจูหมัวมัว ร่างบางเยื้องย่างเข้าไปหาช้าๆ กล่าวกับอีกฝ่ายเสียงเย็นเยียบ “จูหมัวมัว ท่านจำพวกข้าไม่ได้จริงๆ หรือว่าเสแสร้งว่าจำไม่ได้ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า หืมม?” จูหมัวมัวหนาวเยือกเข้าในไปกระดูก ร่างกายสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับกำลังถูกแรงกดดันของนักพรตตบะสูงกดข่ม หญิงสูงวัยเข่าทรุดลงบนไปกองอยู่บนพื้น รีบเอ่ยสั่งบ่าวชายอีกสามคน ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งมาสมทบเสียงตะกุกตะกัก “พะ..พวกนาง เป็นแค่คนแอบอ้าง เป็นพวกสิบแปดมงกุฎ หาใช่บุตรีของรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่ รีบๆไล่พวกนางไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ มัวรออะไรอยู่!” “ใครว่าพวกนางแอบอ้าง! ข้าคนนี้สามารถเป็นพยานให้ได้ ว่านางคือบุตรีของรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จริง!” เสียงของอนุเสิ่นดังขึ้นจากด้านใน นางเดินมาพร้อมกับห
บทที่ 41 ทวงสินเดิมของมารดา ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่า รีบใช้ประตูด้านข้างออกจากจวนทันที หลังจากจูหมัวมัวกลับรายงานว่าหวังลี่ถิงยังชีวิตอยู่จริง นางต้องรีบไปรายงานคนผู้นั้นให้ทราบเรื่อง รวี่เยว่ยังคงไม่ขยับ เพียงแค่ยืนนิ่งๆ เหมือนกำลังรอบางสิ่งให้มาถึง อนุเสิ่นเองก็ตีมึนหันไปเสวนากับชุนอิ่ง ถามไถ่ถึงแม่นมชุนอย่างตั้งใจ ทางด้านหวังซีซวนทำเพียงยืนนิ่งๆข้างพี่สาว เพ่งพิศปานสีชาดบนใบหน้าของนาง คล้ายสังเกตเห็นความผิดปกติ ทว่ามิได้เอ่ยออกมา หากแต่มีบางสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มข้องใจ… ‘หากข้าจำไม่ผิด เมื่อก่อนสีหน้าและแววตาของพี่สาวไม่ได้เย็นชาแบบนี้ แล้วกลิ่นอายสูงส่งน่าเกรงขามเช่นนี้คือสิ่งใดกัน นางไร้พลังธาตุฝึกบำเพ็ญไม่ได้ แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกหวาดหวั่น จนแทบอยากลงไปคุกเข่าให้นางกันนะ’ ในเสี้ยวลมหายใจต่อมา การรอคอยของรวี่เยว่ก็สิ้นสุดลง รถม้าของผู้ช่วยรองหัวหน้าศาลต้าหลี่ จอดเทียบหน้าจวนตระกูลหวัง การปรากฏตัวของเขา สร้างความตกตะลึงให้กับหวังเหลียงและจูหมัวมัว ดูท่าว่าเรื่องราวกำลังจะบานปลายใหญ่โต หากทางการยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยว รวี่เยว่รีบเดินเข้าไปกล่าวทักทายผู้ช่วยรองหัวหน้าศาลต้า
บทที่ 41/2 ทวงสินเดิมของมารดา “เจ้า!” หวังเหลียงหน้าแดงก่ำ ในอกเต็มด้วยความคับแค้นใจ “ข้าทำไมเจ้าคะ ก่อนที่ใต้เท้าหวังจะนำเงินทองที่ไม่ใช่ของตนไปใช้ ไยไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อน ว่าวันหนึ่งเจ้าของตัวจริงจะกลับมาทวงคืน ถึงจะโวยวายไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเป็นหนี้ก็ต้องใช้คืน รีบทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรกันดีกว่า สัญญาปากเปล่าข้าไม่เชื่อถือ” รวี่เยว่ร่างหนังสือสัญญา กำหนดระยะเวลาชดใช้หนี้ของหวังเหลียง รวมถึงระบุรายละเอียดทุกอย่าง โดยมีชางฮวน พ่อบ้านถัง และชุนอิ่งลงชื่อและประทับลายมือเป็นพยาน จากนั้นใต้เท้าชางและพวกนางจึงกลับออกมาจากจวนตระกูลหวัง พร้อมสินเดิมที่ยังคงหลงเหลือ… ส่วนเรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีคำสั่งให้เผยคังสังหารนาง เรื่องนี้นางค่อยเก็บไปคิดบัญชีกับยัยแก่นั่นทีหลัง! ครั้นพ่อบ้านกลับมารายงานว่า ชางฮวนและหญิงสาวทั้งสอง ออกจากจวนไปแล้ว หวังเหลียงจึงเลิกข่มกลั้นโทสะ คำรามเสียงดังลั่น กวาดชุดน้ำชาบนโต๊ะตกแตกกระจาย ภายในอกร้อนรุ่มเหมือนมีไฟผลาญ กระอักเลือดออกมาในที่สุด ราวหนึ่งชั่วยามถัดมา หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้ว หวังเหลียงจึงขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปจวนสกุลจิ่ว เขา
บทที่ 42/1 งานเลี้ยงน้ำชาแสนรื่นเริง วั่งเตี้ยนเถียนรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง รีบยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่ออย่างมีจริต พลางเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “คงเป็นเพราะอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อนไปบ้าง ขายหน้านายหญิงแล้ว” รวี่เยว่ลากเสียงอืมยาวในลำคอตาใสซื่อ พลางหันไปพยักหน้าให้หม่าลั่วและสาวใช้ผู้เงียบงัน ทั้งคู่ยื่นกล่องของขวัญสองใบให้สาวใช้ของวั่งฮูหยิน “กล่องสีแดงเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณจากหอโอสถเยว่เสียง มอบให้แก่วั่งฮูหยินและคุณหนูเจ้าค่ะ ส่วนกล่องสีน้ำเงินขอมอบให้ท่านอัครมหาเสนาบดี” วั่งฮูหยินลอบพิจารณาอีกฝ่ายอยู่ในใจ จนถึงตอนนี้นางกระจ่างแจ้งแล้วว่า เพราะเหตุใดองค์ชายใหญ่ถึงได้พึงใจหญิงสาวผู้นี้นัก ‘ถึงจะถือดีไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่านางเป็นหญิงสาวที่เลอโฉมและสง่างามจริงๆ การที่นางสามารถทำให้นักพรตระดับหยวนอิงยอมติดตามรับใช้ เบื้องหลังต้องไม่ธรรมดาแน่’ ครั้นตระหนักได้ดังนั้น วั่งฮูหยินจึงระบายยิ้มที่ดูจริงใจกว่าของวั่งเตี้ยนเถียนให้ผู้มาเยือน “ขอบใจนายหญิงมาก ไม่ทราบว่าท่านพอจะบอกชื่อเสียงเรียงนามของตนให้ข้าทราบได้หรือไม่” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง เอ่ยบอกนามของตนกับอีกฝ่าย ทั้งยั
บทที่ 42/2 งานเลี้ยงน้ำชาแสนรื่นเริง โดยปกติงานเลี้ยงน้ำชาในจวนขุนนางใหญ่ น้ำชาชงใหม่จะถูกนำมาเปลี่ยนทุกๆ สองเค่อ สาวใช้ผู้มีหน้าที่รินชาให้แขก นำถ้วยใหม่มาเปลี่ยนให้รวี่เยว่ก่อนรินชา จากนั้นจึงเปลี่ยนให้คุณหนูที่อยู่ข้างๆ เป็นลำดับต่อไป รวี่เยว่ยกชาขึ้นมาเป่าอย่างละเมียดละไม ก่อนจะนิ่งงันไปชั่วขณะ ดวงตาทอประกายกล้าวาบหนึ่ง มุมปากยกยิ้มมีเลศนัย ลดมือวางถ้วยชาลง ก่อนยกขึ้นมาโบกเอื่อยเฉื่อยคล้ายไล่ความร้อน ในเสี้ยวลมหายใจนั้น ทุกสิ่งรอบกายพลันหยุดนิ่ง ร่างบางแวบไปปรากฏอยู่หน้าวั่งเตี้ยนเถียน ก่อนกลับมานั่งยังที่ของตนในชั่วพริบตา ทุกสิ่งเคลื่อนไหวเหมือนปกติอีกครั้ง ราวกับไม่มีสิ่งใดผิดแผกเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มือเรียวขาวผุดผาดของรวี่เยว่ ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ ทุกอากัปกิริยาตกอยู่ภายใต้สายตาของวั่งเตี้ยนเถียน ซึ่งแววตาฉายประกายอันตรายวาบหนึ่งก่อนจางหายไป… ครึ่งเค่อต่อมาท้องไส้ของวั่งเตี้ยนเถียนเริ่มบิดมวน เหงื่อกาฬเม็ดเล็กผุดซึมทั่วกรอบหน้า ก้มมองถ้วยชาของตนด้วยสีหน้าฉงน ก่อนหันไปมองรวี่เยว่ที่กำลังเจรจาการค้า กับบรรดาคุณหนูหลายคนที่มาร่วมงานด้วยสีหน้าแช่มชื่น ไร้ซึ่งอาการผิดปกติใ
บทที่ 43/1 อร่อยไหมเจ้าคะ เมื่อได้ฟังรายงานจากองครักษ์ ดวงตาคู่งามของรวี่เยว่ทอประกายเจิดจ้า สีหน้าแสดงถึงความปีติยินดีอย่างเหลือล้น “มาถึงแล้วอย่างนั้นหรือ?!” “ขอรับ” ร่างบางหันมายอบกายแช่มช้อยให้องค์ชายใหญ่ กล่าวร่ำลาอย่างมีมารยาท จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอ้าปากค้าง เพราะยังไม่ทันได้ถามในสิ่งที่ข้องใจ แผ่นหลังของสาวเจ้าก็หายไปจากครรลองสายตาเสียแล้ว หวงฝู่ฮ่าวอวี่เลยเปลี่ยนมาถามหม่าลั่วแทน “ใครมาหาคุณหนูรวี่เยว่หรือ นางถึงได้ตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง” หวังว่าไม่ใช่เจ้าปีศาจจิ้งจอก จากตำหนักเทพอนันต์ผู้นั้นนะ! หม่าลั่วกระตุกยิ้มมีเลศนัย ประสานมือค้อมเอวเต็มพิธีการ “อีกไม่นานก็ทรงทราบเองพะย่ะค่ะ กระหม่อมขอตัว” …ณ แดนเทพอันศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนที่สรรพชีวิตใฝ่ฝันว่าจะได้ขึ้นมาเสพสุขในบั้นปลาย สถานที่ซึ่งหลุดพ้น ปราศจากสิ่งโสมมทั้งปวง ไม่มีสิ่งใดรบกวนจิตใจให้มัวหมอง ไร้ซึ่งความวุ่นวาย ไร้ซึ่งการแก่งแย่งแข่งขัน เงียบสงบร่มรื่น…จนน่าเบื่อ จึงมิใช่เรื่องแปลกที่บรรดาทวยเทพทั้งหลาย ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการกักตนบำเพ็ญเพียร ด้วยเพราะไม่รู้ว่าวันๆ จะทำอะ
บทที่ 43/2 อร่อยไหมเจ้าคะ อวี้เหวินเทียนหยานั่งรออยู่ในห้องอาหาร สนทนากับเสี่ยวเฮยมาวถึงธุระสำคัญ ที่รวี่เยว่ต้องสะสางในเมืองเทียนหวงแห่งนี้ ดวงตาคมกริบของอวี้เหวินเทียนหยาปรากฏระลอกคลื่น ยามได้ยินเรื่องที่นางถูกวางยาพิษเมื่อตอนเป็นเด็ก “เป็นเรื่องที่สมควรต้องสะสางจริงๆ …แล้วองค์ไท่จื่อฮั่วเฮ่อฉีล่ะ ท่านเย่หมิงคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร ดีพอสำหรับรวี่เยว่หรือไม่” เสี่ยวเฮยมาวไม่แปลกใจที่ชายหนุ่มทราบความ จึงเอ่ยตอบไปตามความเห็น เรื่องที่ตัวมันคิดว่าฮั่วเฮ่อฉีเป็นคนใช้ได้ ภายนอกอาจดูยโสโอหังไปบ้าง หากแต่ความจริงกลับเป็นคนดีและใจกว้างไม่น้อย อีกทั้งซื่อตรงต่อหัวใจตนเอง อวี้เหวินเทียนหยาพยักหน้าเบาๆ หลังได้ฟังความเห็นจากพยัคฆ์อนธการ ครู่ต่อมารวี่เยว่ก็ยกของว่างออกมาจากครัว หญิงสาวนั่งกินเป็นเพื่อนเขา “ท่านอ๋องกินเยอะๆ นะเจ้าคะ ข้าอุตส่าห์ตั้งใจทำเพื่อท่านโดยเฉพาะเลยนะ” มือบางคีบก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำใส่จานให้ร่างสูงด้วยรอยยิ้ม “อยากให้ข้ากินเยอะๆ เจ้าคงต้องป้อนข้าเหมือนสมัยก่อน” อวี้เหวินเทียนหยาเอ่ยเย้า หวนรำลึกถึงช่วงเวลา ในยามที่เขายุ่งจนไม่มีเวลากินข้าว รวี่เยว่จะ
บทที่ 44 เคืองแค้น มิใช่แค่จวนตระกูลวั่งที่กำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด สภาพการณ์ของจวนตระกูลหวังในเวลานี้ หากกล่าวว่ากำลังเลวร้ายอย่างถึงที่สุด ก็คงไม่ผิดนัก ผู้นำตระกูลอย่างหวังเหลียงเอาแต่เมามายหัวราน้ำ อาละวาดขว้างปาข้าวของในเรือนจนพังพินาศ บ่าวไพร่ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนต่างเข้าหน้าไม่ติด ผ่านมาสามวันแล้วที่หวังเหลียงพยายามตามหาตัวจิ่วเม่ย ทว่าไร้ซึ่งเบาะแสใดๆให้สืบต่อ เพื่อนบ้านที่อยู่ในระแวกนั้น ต่างให้การตรงกันว่า ไม่เห็นใครเข้าหรือออกจากจวนสกุลจิ่ว ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาแม้แต่คนเดียว ทางด้านเหวินไป๋เหลียนที่พอมีสติหลงเหลือบ้างในช่วงกลางวัน รีบรุดมายังเรือนสามีด้วยสีหน้าท่าทางของผู้ชนะ หลังทราบข่าวเรื่องที่อนุในเรือนทองของหวังเหลียงหนีไป จากปากสาวใช้คนหนึ่งในจวน เหวินไป๋เหลียนเคยเป็นสตรีงดงาม ทว่าเวลานี้ซูบผอมจนตาลึกโหล นางยืนพิงอยู่ที่กรอบประตู เหยียดปากเอ่ยวาจาตอกย้ำสามีด้วยน้ำเสียงแดกดัน “โถๆๆๆ ท่านพี่ อนุคนงามยอดดวงใจของท่าน หอบผ้าหนีไปเสียแล้วหรือเจ้าคะ พอทราบว่าท่านพี่ตกต่ำกลายเป็นเพียง เสมียน หาใช่ท่านเสนาธิการทหารอีกต่อไป หึ! สมน้ำหน้า คนสารเลว! อยากมักมากเจ้า
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ