Share

บทที่ 2

สีหน้าของฟิลิปเปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

เมื่อเห็นฟิลิปที่อยู่ในชุดพนักงานส่งของ ท่าทางดูมอมแมม ลิลี่ชี้นิ้วไปที่ประตูก่อนจะพูดขึ้น “ออกไปเดี๋ยวนี้! เราไม่อนุญาตให้พนักงานส่งของเข้ามาในนี้”

“ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อส่งของ” ฟิลิปอธิบาย

ลิลี่จัดผมหน้าม้าของเธอก่อนจะกอดอกแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็น “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องนี้ ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ต่างก็บอกว่าพวกเขาไม่ใช่พนักงานส่งของ ขอร้องล่ะ!”

“ผมไม่ใช่ ผมมาที่นี่เพื่อพบกับจอร์จ โธมัส” เมื่อรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมา ฟิลิปเดินตรงจะเข้าไปด้านในหลังพูดจบ

“บ้าเอ๊ย! นี่คุณเสียสติงั้นเหรอ? ไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง?” ลิลี่โกรธจัด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนส่งของที่หน้าไม่อายขนาดนี้ที่พยายามจะเข้าไปด้านในให้ได้

และตอนนั้นเอง ผู้จัดการแผนกได้ยินเสียงโต้แย้งนี้จึงเดินเข้ามาสอบถามด้วยสีหน้าไม่ยินดี “เกิดอะไรขึ้น?”

“ผู้จัดการสจ๊วต คนส่งของคนนี้พยามที่จะเข้าไปในห้องตึกของพวกเราค่ะ!” ลิลี่ชี้ไปที่ฟิลิป ก่อนจะพูดต่ออย่างเหยียดหยาม “ฉันจะไปเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาพาตัวเขาออกไปเดี๋ยวนี้”

ผู้จัดการขมวดคิ้ว มองฟิลิปตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดขึ้น “บริษัทของเราไม่อนุญาตให้พนักงานส่งของเข้ามาด้านใน กรุณาออกไปเถอะ”

สจ๊วตดูมีมารยาทกว่ามาก แต่น้ำเสียงของเขาก็ยังคงไม่เป็นมิตรนัก เขาเป็นผู้จัดการแผนกของบริษัทที่มีรายชื่อติดอันดับบริษัทชั้นนำของโลก 500 แห่ง การที่เขาสุภาพกับพนักงานส่งของชั้นต่ำขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว

เมื่อเห็นว่าฟิลิปยังคงยืนนิ่งงัน ลิลี่จึงอยากที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอทำหน้าที่ของได้มากกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงชี้หน้าเขาและส่งเสียงขู่อีกครั้ง “คุณได้ยินหรือเปล่า? ทีนี้ก็ออกไปได้แล้ว!”

ฟิลิ รู้สึกหงุดหงิด นี่เธอกินระเบิดเข้าไปหรืออย่างไร หรือเธอเป็นประจำเดือน? นี่มันบริษัทที่ตระกูลของฉันเป็นเจ้าของ และเธอก็แค่สุนัขรับใช้! กล้าดียังไงถึงมาเห่าใส่เจ้าของ?

“ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อส่งของผมมาพบจอร์จ โธมัส” ฟิลิปตอบด้วยเสียงเย็นชา

จอร์จ โธมัส? ผู้จัดการถึงกับตะลึงไปก่อนจะจ้องฟิลิปด้วยความพิศวง และขำพรืดออกมา “คุณจะมาหาท่านประธานของเรางั้นเหรอ?”

“จอร์จ โธมัส เป็นประธานของพวกคุณงั้นเหรอ?” ฟิลิปงุนงง ชายแก่คนนั้นเป็นแค่เลขาเองไม่ใช่เหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาแอบขึ้นเป็นประธาน? ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าที่ขอพูดคุยถึงเงื่อนไข นี่หมายความว่าฉันจะอ่อนข้อให้กับเขาไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากัน! ฉัน ฟิลิป คลาร์ค จะไม่สืบทอดมรดกของตระกูล! เมื่อได้เงินมาฉันก็จะออกไปทันที!

สจ๊วตส่ายหน้า และขำออกมาอย่างเยาะเย้ย “คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านประธานโททัสมาเป็นผู้บริหารของเรา? และคุณยังบอกว่าคุณจะมาพบเขาอย่างนั้นเหรอ? คุณได้นัดไว้หรือเปล่า?”

“คุณสจ๊วต เลิกล้อเล่นได้แล้ว คนชั้นต่ำอย่างเขาจะมีปัญญาไปนัดกับท่านได้ยังไง?” ลิลี่เย้ยหยัน ริมฝีปากของเธอหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ

“ก็ได้ ก็ได้ ลิลี่ไปตาม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา” สจ๊วตโบกมืออย่างไร้ความอดทน

“ทราบแล้วค่ะ คุณสจ๊วต” ลิลี่ตอบรับด้วยน้ำเสียงกระชดกระช้อย ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โต๊ะแผนกต้อนรับเพื่อโทรไปยังแผนกนักงานรักษาความปลอดภัย

ผู้จัดการกำลังจะเดินออกไป จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเดือดดาลดังขึ้นที่โต๊ะแผนกต้อนรับ

“จอร์จ โธมัส ลงมาที่นี่เดี๋ยวนี้! ผมถูกกักตัวอยู่ที่แผนกต้อนรับของคุณ ถ้าพบไม่เห็นคุณลงมาภายใน 3 นาที ผมจะกลับทันที”

คนทั้งสองมองตามเสียงไปและพบกับฟิลิป ที่เพิ่งกดวางสายไปด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย ก่อนที่เขาจะมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง

รอยยิ้มเยาะของลิลี่กว้างขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนที่จะว่าตำหนิเขา “นี่ถึงขั้นต้องแสดงละครเลยงั้นเชียว! สมควรแล้วแหละที่จะเป็นแค่พนักงานส่งของไปตลอดชีวิต!” ก่อนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปฟิลิปเพื่อโพสลงโซเชียลมีเดียของเธอพร้อมกับแคปชั่น “น่าขยะแขยง! เจอเข้ากับพนักงานส่งของเสียสติ กำลังจะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาโยนเขาออกไป…”

อีกด้านหนึ่ง สจ๊วตขมวดคิ้วและจ้องมาที่เธอ ลิลี่เข้าใจในทันทีก่อนจะส่งสัญญาณ ‘โอเค’ ให้กับเขา เธอยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไปยังแผนกรักษาความปลอดภัยก่อนจะรายงาน “ฮัลโหล รีบมาที่แผนกต้อนรับแล้วจัดการโยนขยะชั้นต่ำออกไปที” หลังจากวันสายลิลลี่นั่งลง ก่อนจะเริ่มลงมือแต่งหน้า ไม่สนใจฟิลิปอีกต่อไป

ไม่นาน ประธานบริษัท เอเปก กรุ๊ป จอร์จ โธมัส พร้อมด้วยเลขาของเขา กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากลิฟต์ และเห็นจากไกล ๆ ว่านายน้อยของเขากำลังยืนรออยู่ที่ห้องรับรอง!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้พวกเขาแทบจะตาถลนออกมา ก็เมื่อได้เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยสามคนกำลังจะโยนนายน้อยออกไปด้านนอก!

นั่นมันทายาทคนเดียวของกลุ่มธุรกิจครอบครัวนี้เชียวนะ! จอร์จตะโกนขึ้นมาทันที “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสามคนเพิ่งจะผลักฟิลิปออกไปเมื่อเขาได้ยินคำสั่งนั้น เขาหันกลับมาเจอประธานบริษัทรีบวิ่งมาทางนี้ด้วยสีหน้าโกรธจัด! ทำไมท่านประธานมาอยู่ที่นี่ได้?

“วันทยาหัตถ์!” ชายทั้งสามยืดตัวตรงพร้อมทำความเคารพ “สวัสดีครับท่านประธาน!” พวกเขากล่าวทักทาย

อย่างไรก็ตาม จอร์จไม่ได้สนใจพวกเขา แต่มุ่งตรงไปที่ฟิลิป ใบหน้าของเขาเบ่งบานราวกับดอกทานตะวัน

“ท่านประธาน!” ลิลี่ทักทายด้วยความเคารพ ก่อนจะหันไปจ้องฟิลิปอย่างดูหมิ่น “ ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่อีก? พวกนายสามคนโยนเข้าออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! ลิลี่เกรี้ยวกราด นี่ทีมรักษาความปลอดภัยตาบอดหรืออย่างไรกัน? พวกเขาปล่อยให้คนแบบนี้มายืนอยู่ในห้องรับรองเดียวกันกับท่านประธานได้อย่างไร? ถ้าเกิดเจ้าคนเสียสตินี่เกิดทำให้ท่านประธานหงุดหงิดขึ้นมาจะทำอย่างไร?

จอร์จหันไปส่งสายตาเย็นชาให้กับ ลิลี่ ก่อนจะต่อว่าเธอ “เธอทำอะไรของเธอ? เขาคือนายน้อยของบริษัทเรา อนาคตท่านประธานคนต่อไปนะ! ใครอนุญาตให้พวกเธอแสดงท่าทีไม่เคารพเขาแบบนี้กัน!”

นาย...นายน้อย? ผู้ชายคนนี้เนี่ยนะ? จะเป็นไปได้อย่างไรที่พนักงานส่งของอย่างเขาจะกลายเป็นนายน้อยของบริษัท?

ลิลี่ตกตะลึงไป เธอพูดขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ ท่านประธานคะท่านจำคนผิดหรือเปล่าคะ? เขาจะเป็นนายน้อยของบริษัทเราได้อย่างไรกัน?”

“ฉันจะจำคนไม่ผิดได้ยังไง” จอร์จ ตอบอย่างเย็นชา เขาสบประมาทเธอในใจ น้ำเสียงและท่าทีแบบนี้มันคืออะไร? นี่เธอพูดแบบนี้กับประธานของเธอแบบนี้น่ะเหรอ?

ลิลี่รู้ได้ถึงความผิดพลาดของเธอในทันที เธอรีบโค้งตัวลงอย่างสำนึกผิด “ท่านประธานคะ ฉันขอโทษ ฉัน…”

ผู้จัดการสจ๊วต ผู้ที่เพิ่งจะเดินกลับเข้ามา เขายิ้มให้อย่างประจบประแจงก่อนจะพูดขึ้น “ท่านประธานครับ ท่านลงมาทำอะไรที่ด้านล่างนี้?” ในขณะที่พูด เขาเหลือบไปเห็นว่าฟิลิปยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับไม่ได้รับรู้ถึงสภาพบรรยากาศรอบ ๆ เลย สีหน้าเขาโกรธจัดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ ทำไมนายยังอยู่ที่นี่อีก? ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าบริษัทของเราไม่นุญาตให้พนักงานส่งของเข้ามาในนี้? ออกไปซะ!”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็รู้สึกถึงสายตาเย็นชาคู่หนึ่งจ้องตรงมาที่เขา

โธ่ ๆ เหล่าคนโง่นี่ช่างมีอยู่ทั่วจริง ๆ แต่ยิ่งมีเยอะเป็นพิเศษในวันนี้

“หุบปากซะ!” จอร์จระเบิดเสียงออกมาด้วยความโกรธและฉุนเฉียว “เขาเป็นนายน้อยของบริษัทของพวกเรา พวกแกทั้งคู่ถูกไล่ออก!”

ฟิลิปส่ายหน้า อย่างช่วยไม่ได้ “การทำตัวอวดดีนี่ช่างเป็นเรื่องผิดบาปแท้ ๆ”

“นานน้อยครับ เชิญทางนี้เถอะครับ” จอร์จโค้งให้เขาเล็กน้อยก่อนจะผายมือให้เขาเข้าไปด้านใน

เมื่อเห็นเช่นนั้น ทั้งผู้จัดการและพนักงานต้อนรับถึงกับสะดุ้ง นายน้อยอย่างนั้นเหรอ? เขาเป็นนายน้อยจริง ๆ งั้นเหรอ?

เมื่อเห็นว่าฟิลิปกำลังจะเดินจากไปกับท่านประธาน สจ๊วตรีบวิ่งเข้ามายิ้มอย่างขอโทษก่อนจะขอร้องเขา “นายน้อย ผมตาบอดไป มองไม่ออกว่าคุณเป็นใคร กรุณายกโทษให้ผมในครั้งนี้ด้วยเถอะครับ”

สจ๊วตเห็นว่าท่านประธานให้ความเคารพชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมาก เอเปก กรุ๊ปถูกจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่เจ็ด ในบริษัทชั้นนำของโลก 500 แห่ง และตัวท่านประธานเองก็เป็นคนที่โดดเด่น มีทรัพย์สินกว่าพันล้าน! ถ้าคนสำคัญอย่างเขาบอกว่าชายหนุ่มคนนี้คือนายน้อยของที่นี่ เช่นนั้นเขาก็ต้องเป็นนายน้อยตัวจริงเสียงจริง!

ลิลี่เองก็เช่นกัน เธอรีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนน้อม ก่อนจะกล่าวขอโทษ “นายน้อยคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่ทำเช่นนั้นอีก”

ฟิลิปเพียงแค่หันไปมองทางจอร์จอย่างเฉยชา ก่อนที่จอร์จจะชี้นิ้วไปที่ทีมรักษาความปลอดภัยพร้อมออกคำสั่ง “พวกแกมัวยืนทำอะไรกันอยู่? แกสองคนนี้ออกไปซะนับตั้งแต่วันนี้อย่าให้พวกเขาก้าวขาเข้ามาในตึกของเราอีกเป็นอันขาด!”

“นายน้อย นายน้อย พวกเราผิดไปแล้ว ยกโทษให้พวกเรา…” สจ๊วตและลิลี่ถูกทีมรักษาความปลอดภัยจับโยนออกไปนอกตึกเสียก่อน

เมื่อไปถึงห้องผู้บริหาร ฟิลิปนั่งลงที่โซฟาหนังในขณะที่จอร์จยืนสำรวมอยู่ด้านข้าง มือของเขากุมอยู่ที่ด้านหน้า

“ผู้อาวุโสจอร์จ คุณใช้ชีวิตหรูหราเสียจริง โซฟาหนังนกกระจอกเทศ ช่างมีรสนิยมดีจริง ๆ นะ”

จอร์จตอบกลับด้วยท่าทีนอบน้อม ยังคงยืนอยู่ “นายน้อยหยุดล้อตาแก่คนนี้เถอะครับ ถ้าคุณเซ็นชื่อในเอกสารนี้ทุกอย่างที่นี่ก็จะเป็นของคุณ” เมื่อเขาพูดจบเลขาร่างสูงเพรียวผิวพรรณดี แต่งกายด้วยชุดสีดำเป็นทางการ ที่อยู่ด้านหลังเขา ยื่นเอกสารชุดนึงให้ฟิลิป

ฟิลิปจ้องมองมันอย่างดูแคลน “คุณก็รู้ดีนี่ว่าผมปฏิเสธที่จะรับมรดกมหาศาลของพ่อของผม ผมมาที่นี่เพื่อที่จะยืมเงินคุณหนึ่งแสนดอลลาร์”

จอร์จ เผยยิ้มอย่างชาญฉลาดออกมาก่อนจะพูดขึ้น “ผมปฏิเสธ”

“พูดอีกทีซิ ผู้อาวุโส!” ฟิลิป ผุดลุกขึ้นด้วยความโกรธ

จอร์จ พูดอีกครั้ง “ผมปฏิเสธ”

ชายอาวุโสยังคงคงรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเหี่ยวย่นของเขา ก่อนจะโนมน้าว “นายน้อยตราบใดที่คุณเซ็นเอกสารนี้ลืมเรื่องเงินหนึ่งแสนไปได้เลย ถ้าหากคุณต้องการร้อยล้านหรือพันล้านมันก็จะเป็นของคุณ”

“งั้นก็ลืมเรื่องนั้นไปซะ! ถ้าผมเซ็นเอกสารนี้ ผมก็จะไม่ใช่ฟิลิป คลาร์ค อีกต่อไป!” เขาพูดขึ้นด้วยความฉุนเฉียว

ห้านาทีผ่านไป

“ยินดีด้วยครับนายน้อย ตอนนี้คุณก็ได้สืบทอดมรดกและธุรกิจทั้งหมดของตระกูลคลาร์ค อย่างเป็นทางการ และนี่เงินหนึ่งแสนของคุณ”

ช่างน่ายินดีอะไรเช่นนี้!

จอร์จจ้องมองเอกสารสัญญาด้วยใบหน้าอิ่มเอมราวกับดอกเบญจมาศ

ในขณะเดียวกันเลขาที่อยู่ด้านข้างเขาก็เข้ามาพร้อมกับกระเป๋าทำงาน ก่อนจะเปิดออก ในนั้นคืนเงินสดหนึ่งแสนดอลลาร์!

“ผู้อาวุโสจอร์จ คุณนี่ช่างเล่นใหญ่เสียจริงนะ กระเป๋าใบนี้ดูราวกับใส่เงินหนึ่งล้านไว้อย่างนั้นแหละ” ฟิลิปพูดขึ้นในขณะที่เขาหยิบถุงพลาสติกที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาก่อนจะนำเงินใส่ลงไป “ถ้าเช่นนั้นผมต้องขอตัวก่อน”

“รักษาตัวด้วยครับนายน้อย คุณต้องการให้ผมเอารถไปส่งคุณไหม?” จอร์จถามขึ้นด้วยความเคารพ

“ไม่เป็นไรหรอก ผมเอาสกู๊ตเตอร์มา” ฟิลิปตอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานพร้อมกับถุงพลาสติกในมือ

หลังจากที่ฟิลิปส์กลับไป จอร์จรีบนำเอกสารไปยังห้องประชุมชั้นบนสุดก่อนจะเริ่มการประชุมวิดีโอคอล

“นายท่านครับ ในที่สุดนายน้อยก็เซ็นเอกสารแล้ว” ผู้อาวุโสจอร์จ ยืนอยู่ด้านหน้าจอขนาดใหญ่ เขาโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะรายงานอย่างกระตือรือร้นและนอบน้อม

บนหน้าจอปรากฏร่างชายแก่นั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ ชายแก่คนนั้นไอออกมาเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ถ้าเช่นนั้น...ก็ส่งข่าวออกไปได้…”

“ครับ นายท่าน” จอร์จตอบรับ เช็ดน้ำตาของเขาก่อนจะมองไปที่ชายแก่บนหน้าจอ

และในทันทีเหล่าผู้บริหารของบริษัทที่อยู่ภายใต้ตระกูลคลาร์ค ก็ได้รับอีเมลแจ้งถึงเรื่องที่ทายาทคนเดียวของตระกูลคลาร์ค ฟิลิป คลาร์ค ได้เข้ามาสืบทอดธุรกิจของตระกูลอย่างเป็นทางการแล้ว! ธุรกิจทั้งหมดประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจก่อสร้าง, ธุรกิจบันเทิง,การผลิต, สินเชื่อ, การลงทุน, ข่าวสารเทคโนโลยี, และอื่นๆ อีกมากมาย…

ฟิลิปกลับมาที่โรงพยาบาลและรีบไปที่ห้องผู้ป่วย เขามาทันได้เขอเข้ากับวินน์และฆวน ที่ยืนใกล้ชิดคุยกันอย่างมีความสุข

ฟิลิปขมวดคิ้วและกำมือแน่น

“ฟิลิป คลาร์ค คุณไปไหนมา?” เมื่อเห็นเขา วินน์ถามขึ้นอย่างเย็นชา เมื่อคิดว่าเขายังคงวิ่งไปนู่นมานี่โดยไม่คำนึงถึงลูกตัวเอง สายตาของวินน์ก็ฉายแววผิดหวังออกมาในขณะที่เธอจ้องเขา

ฆวนผู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขำออกมา “ฟิลิป นี่นายเที่ยววิ่งเต้นพยายามไปหยิบยืมเงินคนอื่นมาเหรอ? ไม่เป็นไรหรอก ฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ได้ ยังไงซะฉันก็เป็นลุงของมิล่า”

“ฉันไม่ได้อยากให้นายมาเป็นห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลของลูกสาวของฉัน ฉันจ่ายเองได้” ฟิลิป เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา

“ฟิลิป คลาร์ค คุณทำท่าทีแบบนี้ต่อหน้าพี่ฆวนได้ยังไง! ขอโทษเขาซะ!” วินน์ดุเขา เธอคิดว่าเธอรู้จักสามีของเธอดีว่าเขาจงใจที่จะทำนิสัยแบบนี้ พี่ฆวนใจดีกับพวกเขามากที่ช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ แต่ชายคนนี้กลับทำตัวแย่กับเขา เสียมารยาทจริง ๆ!

ฆวนแสร้งทำเป็นจิตใจดี ก่อนจะพูดแนะวินน์ “วินนี่ อย่าโกรธไปเลยนะ ฟิลิปคงกำลังเสียใจเพราะเขาไม่สามารถหยิบยืมเงินใครมาได้”

วินน์ส่งสายตาโกรธเคืองไปยังฟิลิป เธอดูถูกเขามากยิ่งกว่าเดิม

ฟิลิปพยายามควบคุมความโกรธของเขา จ้องไปที่คนทั้งสองพร้อมกับกำมือแน่น เขาอยากจะต่อยหน้าฆวนเสียเหลือเกิน และ วินนี่ งั้นเหรอ? เขาเรียกชื่อเธอด้วยชื่อเล่นอย่างรักใคร่เสียจริง! วินน์ จอห์นสตัน ผมสามีของคุณยืนอยู่ตรงนี้ คุณไม่มียางอายเลยงั้นเหรอ?

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status