Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-06-21 09:32:05

“ที่จริงแกควรจะโดนตัดมือทิ้งโทษฐานขโมยข้อมูลบริษัทของฉัน ส่วนขาที่พาแกหนีมาถึงที่นี่ก็มีโทษแบบเดียวกัน... แต่เห็นแก่ที่พ่อของแกเป็นคนเก่าแก่ของท่านอา ฉันจะลงโทษแกสถานเบาก็แล้วกัน ส่วนแกจะถูกศาลจาเบลุซตัดสินยังไงมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...” เท้าข้างเดิมถีบแก้มเชลยไถลไปบนพื้น ก่อนใบหน้าเหี้ยมเกรียมจะหันไปสั่งเลขาฯ และองครักษ์คนสนิท “ยูซุฟ... แกเตรียมของไว้ให้ฉันหรือยัง...”

“เรียบร้อยแล้วขอรับ”

ยูซุฟล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบวัตถุสีดำขนาดพอเหมาะพอดีกับมือ ยื่นส่งให้อย่างนอบน้อม ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์รับมาโยนเล่นสองสามครั้งด้วยสีหน้าพึงพอใจ กัทลีเองก็ลอบมองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมือด้วยความสงสัย เพ่งอยู่จนกระทั่งเขากดสวิตช์เปิดเครื่อง เสียงที่ได้ยินจึงบอกให้รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของโฮร์มุซก็คือปัตตาเลียนไร้สายธรรมดาๆ อันหนึ่ง

เจ้าชายแห่งจาเบลุซฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี พยักพเยิดให้คนของเขากระชากตัวมาห์มุดขึ้นมาจากพื้น ในขณะที่มือค่อยๆ เอียงปลายปัตตาเลียนแนบลงไปบนศีรษะด้านซ้าย แล้วลากไปมาจนปรากฏรอยแหว่งเป็นตัวอักษร F จากนั้นก็ไล่สะกดตัวอักษรทีละตัวๆ ไปจนสุดศีรษะฝั่งขวา รวมเป็นคำว่า F A G G O T ซึ่งมีความหมายว่า ’อีตุ๊ด’ คาดอยู่บนศีรษะของนักโทษผู้แสนจะโชคร้าย

“พอแกถูกส่งกลับจาเบลุซ เพื่อนใหม่ในคุกจะได้รู้วิธีทำความสนิทสนมกับแกยังไงล่ะ มาห์มุด” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ “เป็นไง... ฝีมือผมพอจะเปิดบาร์เบอร์ได้หรือเปล่า...” หันไปถามหญิงสาวที่ยังตัวสั่นลอบมองอยู่ทางด้านหลัง

“เอ่อ... ค่ะท่าน” กัทลีได้แต่ฉีกยิ้มให้

“ยูซุฟ... อย่าลืมเอากรดซัลฟุริกทาที่รอยกล้อนให้สวยๆ นะ มันจะได้อยู่ติดกบาลไอ้มาห์มุดไปจนตาย...” เจ้าชายหนุ่มกำชับ

“จะให้กระผมนำตัวมันกลับจาเบลุซด้วยตัวเองหรือเปล่าขอรับ”

“ไม่ต้อง... เอามันไปโยนหน้าสถานทูต ให้อาลีจัดการส่งตัวมันกลับไปเอง” เขาหมายความถึง ทาริก อาลี เอกอัครราชทูตจาเบลุซประจำประเทศไทย “อ้อ เกือบลืมไป... ก่อนลากมันออกไปก็อย่าลืมถอดเล็บมือเล็บเท้ามันให้หมดด้วย ฉันจะขึ้นไปพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้ให้อินทีเรียร์ของบริษัทมาปูพรมใหม่ด้วยล่ะ ฉันไม่อยากให้เท้าของฉันต้องเหยียบทับรอยเลือดชั่วๆ ของมัน...”

“ขอรับท่าน” ยูซุฟตอบพร้อมกับหยิบผ้าสะอาดชุบน้ำยาฆ่าเชื้อที่เตรียมไว้มาเช็ดคราบเลือดบนมือให้โฮร์มุซ

หลังจากมั่นใจว่ามือทั้งคู่สะอาดสะอ้านดีแล้ว เจ้าชายรัชทายาทอันดับสองแห่งจาเบลุซก็หันหลังไปหาร่างสะโอดสะองที่รออยู่ แล้วคว้าเอวคอดกิ่ว กระชากเข้าไปกอดและจูบริมฝีปากหญิงสาวอย่างดูดดื่ม จากนั้นจึงพาเธอเดินกลับไปยังลิฟต์ส่วนตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในสายตาของผู้หญิงทั่วไป หากได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับกัทลี ก็คงรู้สึกขวัญผวาและตื่นตระหนกไม่มากก็น้อย... แต่สำหรับเธอแล้ว ความหวาดกลัวที่ได้รับกลับยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ทางกายจนวาบหวิวไปทั้งช่องท้อง แทบจะทนกลับถึงห้องนอนไม่ไหว

ดังนั้น ทันทีที่ประตูลิฟต์เลื่อนปิดเข้าหากัน หญิงสาวก็โถมตัวเข้าไปหากอดและซุกไซ้ร่างสูงใหญ่อย่างที่เจ้าชายหนุ่มก็คาดไม่ถึง นาทีนี้เธอไม่สนใจภาพลักษณ์หรือยางอายอะไรอีกแล้ว รู้เพียงแต่ว่ากัทลีกำลังต้องการเขา... อาจจะมากกว่าที่เขาต้องการเธอเสียด้วยซ้ำ...

“ท่านคะ เกรซทนไม่ไหวแล้ว... ได้โปรด... ลงโทษเกรซบ้างเถอะค่ะ...” กัทลีละล่ำละลัก น้ำเสียงหอบถี่คล้ายคนเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนมาหมาดๆ พลางกัดริมฝีปาก แหงนหน้ามองอีกฝ่ายด้วยดวงตาไหวระริก

ยังไม่ทันที่โฮร์มุซจะทันตั้งตัวหรือเข้าใจในคำพูดจากปากเธอ หญิงสาวก็คว้าฝ่ามือของเขาขึ้นมาฟาดแก้มตัวเองเต็มแรง แล้วจึงจับมือข้างเดิมไปบีบเคล้นทรวงอกของเธอราวกับต้องการให้มันแหลกเหลวไปตรงนั้น

เจ้าชายหนุ่มตกตะลึงอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จะนึกสนุกยอมทำตามข้อเรียกร้องของเธอด้วยการกระชากเสื้อชั้นในลูกไม้สีดำจนขาดคามือ จากนั้นก็ตระโบมบีบก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นทั้งสองก้อนแล้วขยำขยี้อย่างไม่ปรานีปราศรัย ปลายนิ้วคลึงเขี่ยส่วนยอดด้วยความชำนิชำนาญ จนกัทลีต้องร้องอุทานโอดโอยเหมือนกำลังเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส แต่ขณะเดียวกันกลับแสดงสีหน้าท่าทางมีความสุขถึงขีดสุด

“โอ๊ย! อูย... ท่านขา ให้เกรซเป็นของท่านตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลยนะคะ...” ไม่พูดเปล่า มือของเธอก็ล้วงลงไปใต้ปราการผ้าฝ้ายสีขาว ลูบไล้ แล้วบีบสะโพกแน่นกระชับของอีกฝ่ายรับไปกับจังหวะที่นิ้วมือของเขาขยำลงบนทรวงอกตัวเอง

กางเกงบอกเซอร์คงสร้างความรำคาญให้กัทลีเต็มแก่ นาทีต่อมาเธอจึงตัดสินใจถลกมันลงไปคาอยู่ที่ข้อเท้าของโฮร์มุซ พร้อมกับย่อตัวลงไปนั่งคุกเข่าเตรียมที่จะปรนนิบัติเขาด้วยริมฝีปาก

แม้จะประหลาดใจกับความเร่าร้อนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของกัทลี แต่โฮร์มุซก็ยอมรับว่ามันเป็นรสชาติแปลกใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบ หลักฐานก็คืออารมณ์ดิบที่ดีดตัวลงไปพาดอยู่บนใบหน้านางแบบสาวในสภาพพร้อมทำงานไม่ต่างกัน

ขณะที่เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดของนักโทษจากการถูกจับถอดเล็บออกทีละนิ้วๆ ดังลอดเข้ามาในลิฟต์ซึ่งยังไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน เสียงครวญครางอย่างสุขสมของชายหนุ่มอีกคนก็ดังขึ้นมาประชันอย่างไม่ยอมแพ้กัน

“Hmmm... Bring it on, honey. วาดลวดลายให้สุดคอหอยไปเลย...”

“Your Highness, you can bet your bottom dollar. ไม่ต้องห่วงนะคะท่าน รับรองเกรซจะบริการจนหนำใจแน่นอน อื๊ม...”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 91

    หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 90

    พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 89

    กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 88

    “ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 87

    สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 86

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status