แชร์

ครอบครัว(1)

ผู้เขียน: ญาณิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-02 21:12:00

"อีกแล้วเหรอลูกตาล!..." เสียงพี่เดียร์ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย "ตาลขอโทษจริง ๆ ค่ะพี่เดียร์ แต่ตาลจำเป็น..." ฉันก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาผู้มีพระคุณ "เฮ้อ...ถามจริง ๆ เถอะนะ ไม่เหนื่อยบ้างรึไง" เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะยื่นซองเงินให้ "เอ้า เอาไป... ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกตาล พี่ไม่ให้เบิกหรอกนะ" "ขอบคุณค่ะพี่เดียร์ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ" ฉันยกมือไหว้พี่เดียร์ด้วยความซาบซึ้งใจ

"ไป ๆ ไปทำงานได้แล้ว มีอะไรก็บอกพี่นะ" พี่เดียร์โบกมือไล่เบา ๆ

พี่เดียร์คือเจ้าของผับที่ฉันทำงานอยู่ และวันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ เดือน ที่ฉันต้องบากหน้ามาขอเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อนำไปให้พ่อ...

"ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่" ฉันไหว้ลาพี่เดียร์แล้วเดินออกมาเตรียมตัวทำงาน

ถึงแม้ฉันจะไม่อยากทำงานกลางคืนในผับแบบนี้ แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ ลำพังเงินเดือนพนักงานประชาสัมพันธ์บริษัทที่ทำตอนกลางวัน มันไม่พอเลี้ยงปากท้องของคนทั้งครอบครัว ทั้งพ่อและน้อง ๆ อีกหลายชีวิต โชคดีที่พี่เดียร์เมตตารับฉันเข้าทำงาน แม้ฉันจะเพิ่งทำได้ไม่กี่เดือน แต่ภาระทางบ้านก็บีบคั้นให้ต้องดิ้นรน พ่อขู่จะเอาเงินตลอดเวลา ถ้าฉันไม่มีให้... น้อง ๆ ก็จะกลายเป็นที่ระบายอารมณ์

🎶 เสียงเพลง You don’t call me baby... ดังกระหึ่มไปทั่วร้าน 🎶

ฉันก้าวเท้าเข้าสู่โลกยามค่ำคืน ทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเช่นทุกวัน คืนนี้ดีเจเปิดเพลงมันส์หยด ลูกค้าแน่นร้านเป็นพิเศษเพราะมีการจองจัดงานวันเกิด

หน้าที่ของฉันไม่มีอะไรมาก แค่ยืนยิ้มหวาน ๆ คอยพูดคุยต้อนรับลูกค้า บางทีก็ช่วยเสิร์ฟบ้าง จริง ๆ ถ้าฉันยอมดื่มเหล้าเหมือนพี่เปียโน รายได้คงดีกว่านี้หลายเท่า พี่เปียโนทำหน้าที่ชงเหล้า เชียร์แขก และนั่งดื่มเป็นเพื่อนลูกค้า แต่สำหรับฉัน... แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะพรุ่งนี้เช้าฉันยังมีงานประจำที่ต้องทำ

"น้องครับ!"

เสียงเรียกทำให้ฉันชะงัก ระหว่างกำลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่ยืนถ่ายรูปกับลูกค้า ผู้ชายคนหนึ่งเดินถือแก้วเหล้าตรงเข้ามาหา

"ค่ะ?" ฉันส่งยิ้มต้อนรับตามหน้าที่ "พี่ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ?" นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่หลักของฉัน "ได้ค่ะ" ฉันตอบรับพร้อมฉีกยิ้มหวาน เตรียมโพสท่าถ่ายรูปคู่กับเขา "ขอแบบใกล้ ๆ อีกนิดได้ไหมครับ?" เขาขยับเข้ามาจนไหล่เกือบชน

กฎเหล็กของที่นี่คือห้ามลูกค้าถูกเนื้อต้องตัวพนักงาน แต่ผู้ชายคนนี้ดูสุภาพและให้เกียรติกว่าคนอื่น ๆ ที่มักจะฉวยโอกาส

"นะครับ พี่แค่อยากถ่ายรูปกับน้องนิดเดียว" น้ำเสียงเขาดูเกรงใจ "ได้ค่ะ" ฉันอนุญาต เขาขยับเข้ามาใกล้อีกนิดแล้วกดชัตเตอร์ "ขอบคุณนะครับน้อง" เขายิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปหาเพื่อนที่โต๊ะ

ฉันปลีกตัวเดินไปหาเพื่อนร่วมงาน คืนนี้ลูกค้าเยอะจนแทบไม่ได้พักขา กว่าจะเคลียร์ร้าน เก็บกวาดทุกอย่างเสร็จก็ปาเข้าไปตีสอง... ชีวิตวนลูปอยู่แบบนี้ทุกวี่วัน

...

เช้าวันรุ่งขึ้น 06:00 น.

"พ่ออยู่ไหม?"

ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ แวะมาที่บ้านพ่อเพื่อเอาเงินมาให้ตามคำสั่ง

"อยู่ มีอะไร?" เสียงห้วน ๆ ตอบกลับมา

ลูกกวาง... น้องสาวต่างแม่ของฉันเอง ตอนนี้เธออายุ 16 แล้ว

"แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ ไม่ไปโรงเรียนเหรอ?" ฉันถามพลางกวาดตามองชุดที่น้องใส่ แล้วเดินตามเข้าไปในบ้าน "เรียนทำไม ขี้เกียจ" น้องสาวตอบหน้าตาย แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนโซฟากลางบ้าน "สู้หาผัวรวย ๆ ดีกว่า จะได้สบาย ไม่ต้องมาทำงานงก ๆ เหมือนพี่"

คำพูดของน้องทำฉันสะอึก "ทำไมคิดแบบนั้นล่ะกวาง รู้ไหมถ้าไม่มีความรู้ เราจะโดนเขาหลอกเอาง่าย ๆ นะ" ฉันพยายามเตือนสติเหมือนทุกครั้ง "เป็นแค่พี่! ไม่ใช่แม่ อย่ามาสอน!" ลูกกวางสวนกลับทันควัน "เอาเงินมา จะไปเที่ยว!" "นี่!! ลูกกวาง! หยุดนะ!" "หยุดก็โง่ดิ จะเรียนไปทำไม นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านก็มีคนหาเงินให้ใช้"

ลูกกวางปรี่เข้ามาแย่งเงินในมือฉัน แล้ววิ่งจู๊ดออกไปหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว

แว้น ๆ ๆ แงน ๆ "ไปกันที่รัก!! มาช้าอะ!" แงน!!!!!

"ละ...ลูก..."

ฉันรีบเดินตามออกไปจะรั้งน้องไว้แต่ไม่ทันการณ์ ลูกกวางกระโดดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปกับผู้ชายท่าทางนักเลงน่ากลัว แถมชุดที่ใส่นั่น... เสื้อเกาะอก กางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋ แต่งตัวล่อแหลมขนาดนั้น มันอันตรายไม่รู้บ้างรึไง

"อีตาล!!! ไหนเงินกู!"

เสียงตะคอกดังลั่นบ้าน พ่อเดินโซเซออกมาจากห้อง สภาพเมามาย จ้องหน้าฉันตาเขม็ง "พ่อ... ตาลบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เพลา ๆ เรื่องเหล้าลงบ้าง" นี่คงเมาค้างมาตั้งแต่เมื่อคืนสินะ "แส่!!" "เรื่องของกู!!" พ่อเดินปรี่เข้ามา ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากฉันอย่างแรงจนหน้าหงาย "ที่ตาลบอก เพราะตาลเป็นห่วงพ่อนะ" ฉันได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน "เป็นห่วงก็เอาเงินมา!" พ่อกระชากกระเป๋าเงินไปจากมือฉันดื้อ ๆ "พ่อ!! เอาคืนมานะ!" ฉันพยายามยื้อแย่งคืน แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงผู้ชาย "มีแค่นี้เองเหรอวะ?" พ่อนับแบงก์ในมือแล้วตวัดสายตามองหน้าฉันอย่างไม่พอใจ "ก็มีแค่นี้แหละพ่อ" "นี่เพิ่งจะกลางเดือนเองนะ" "พ่อก็ใช้ประหยัด ๆ หน่อยแล้วกัน"

เงินหมื่นกว่าบาท... สำหรับฉันใช้ได้ตั้งสองเดือน แต่สำหรับพ่อ มันคงอยู่ได้ไม่กี่วัน

"แล้วลูกอมกับลูกเกดล่ะพ่อ?" ฉันชะเง้อมองหาน้องเล็กอีกสองคน ปกติถ้าฉันมาถึง น้อง ๆ ต้องวิ่งแจ้นเข้ามากอดแล้ว "ไม่รู้!" พ่อตอบปัด ๆ สายตายังคงจับจ้องอยู่กับเงินในมืออย่างยิ้มกริ่ม "เงินที่ตาลให้... ตาลให้พ่อไว้ซื้อข้าวซื้อน้ำเลี้ยงน้องนะ ไม่ใช่ให้พ่อเอาไปกินเหล้า" ถึงจะรู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเตือนสติ พ่อนับวันยิ่งดื่มหนักขึ้นทุกที

เพล้ง!!

ขวดเหล้าเปล่าที่วางเกลื่อนกลาดถูกพ่อคว้าขว้างใส่ฉันเฉียดหัวไปนิดเดียว เศษแก้วกระจายเกลื่อนพื้น

"อีตาล!! มึงเป็นลูก มีหน้าที่หาเงินให้กูใช้ ไม่ใช่มาสอนกูแบบนี้!" "กูเป็นพ่อมึง!! ไม่ต้องมาแส่สอนกู!!" พ่อตะโกนใส่หน้าฉันด้วยความโมโห

"อึก!!" ก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่คอ "ที่ตาลพูด เพราะตาลเป็นห่วงพ่อนะ!" น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักออกมา "ตาลแค่อยากให้พ่อเลิกกินมัน... พ่อนับวันก็ยิ่งแก่ตัวลง ทำไมพ่อไม่รักตัวเองบ้าง" "ตาลมีพ่อคนเดียวนะ... อึก... แม่ก็ทิ้งตาลไปแล้ว ตาลไม่อยากเสียพ่อไปอีกคน"

ฉันพูดพรั่งพรูความในใจออกมาพร้อมเสียงสะอื้น ทำไมพ่อถึงไม่เคยเข้าใจกันบ้าง ไม่ว่างานจะหนักจะเหนื่อยแค่ไหน ฉันก็ทนได้ ขอแค่เห็นครอบครัวกินอิ่มนอนหลับ แต่สิ่งที่พ่อทำ... มันบั่นทอนจิตใจเหลือเกิน บางที... ฉันก็เหนื่อยจนแทบอยากจะหยุดหายใจ

"โวยวายอะไรกันแต่เช้า!"

เสียงแหลมปรี๊ดดังขัดจังหวะ น้าแพรว... แม่ของลูกอมและลูกเกด เดินออกมาในสภาพนุ่งกระโจมอก หน้าตาบูดบึ้ง

"แล้วมึงเป็นบ้าอะไร มายืนด่าผัวกูฉอด ๆ" ทันทีที่เห็นหน้าฉัน น้าแพรวก็เปิดฉากด่าทอเสียงดังลั่น จนชาวบ้านร้านตลาดที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดมุงดู

"เจ้าข้าเอ๊ย!!!" น้าแพรวตะโกนเรียกแขก "มาดูอีลูกเนรคุณมันยืนชี้หน้าด่าพ่อด่าแม่!!" "อุตส่าห์เลี้ยงมาอย่างดี ถ้ารู้ว่าโตมาปีกกล้าขาแข็ง แล้วจะมาชี้หน้าด่ากูแบบนี้ กูไม่น่าเลี้ยงมึงมาเลย อีตาล!!"

คำด่าทอเสียดแทงใจดำดังลั่นซอย ฉันได้แต่ยืนร้องไห้ ตัวสั่นเทาด้วยความอับอายและเสียใจ

"อีหนู... ลูกไปเถอะ อย่าไปสนใจเลย มีพ่อแม่แบบนี้"

เสียงแหบพร่าของผู้หญิงชราดังขึ้นข้างกาย ยายจันทร์... ยายข้างบ้านที่รู้จักมักจี่กับครอบครัวฉันเป็นอย่างดี เดินเข้ามาจูงมือฉันพาเดินเลี่ยงออกมาจากวงล้อมไทยมุง

"อึก!!" ฉันเดินตามยายจันทร์ไปทั้งน้ำตา "ยายล่ะสงสารเอ็งจริง ๆ เห็นมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย..."

ยายพาฉันมานั่งสงบสติอารมณ์ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะเล็ก ๆ หน้าหมู่บ้าน ฉันโผเข้ากอดยายจันทร์แน่น ร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น

"ตาลเหนื่อยจังค่ะยาย..." ฉันพึมพำกับอกยาย "บางทีตาลก็แอบคิด... ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่มีใครรักตาลสักคน"

"เอ็งเห็นนั่นไหม..." ยายจันทร์คลายกอด แล้วชี้มือไปทางพุ่มไม้เตี้ย ๆ "ยายจะพาไปดูอะไร"

ยายจันทร์พาฉันเดินเข้าไปใกล้พุ่มไม้นั้น ภาพที่เห็นทำให้ฉันชะงัก ชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้า รายล้อมด้วยลูกหมาตัวน้อย ๆ 2-3 ตัว

"เอ้า ยายจันทร์ วันนี้พาใครมาด้วยล่ะ" คุณตาหันมายิ้มทักทายอย่างใจดี "แล้วแม่หนูเป็นอะไรลูก ร้องไห้ทำไม" น้ำเสียงของคุณตาเต็มไปด้วยความห่วงใยอาทร "ปะ...เปล่าค่ะ" ฉันรีบเช็ดน้ำตา แล้วฝืนยิ้มตอบคุณตา "วันนี้ตามีให้กินแค่นี้นะลูก ไว้พรุ่งนี้ตาจะไปขอข้าววัดมาให้ใหม่" คุณตาหันไปพูดกับเจ้าลูกหมาที่กำลังแย่งกันกินเศษอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมรอยยิ้มที่มีความสุข

ฉันนั่งคุยปรับทุกข์กับคุณตาคุณยายอยู่พักใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงาน คำพูดเตือนสติของคุณตายังคงก้องอยู่ในหัว

คุณตาไม่มีลูกหลาน อาศัยเก็บของเก่าขายเลี้ยงชีพ แกเล่าว่าเมื่อก่อนเคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย แต่พอเห็นหมาจรจัดที่อดอยากยังดิ้นรนจะมีชีวิตอยู่ แกเลยเปลี่ยนใจ...

"ขนาดหมามันยังรักชีวิต เราเป็นคนแท้ ๆ ทำไมต้องคิดทำร้ายตัวเอง คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำดีได้ และตาก็เลือกที่จะอยู่เพื่อทำความดี"

คำพูดนั้นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ยังมีโอกาสได้ทำดี ได้เลี้ยงดูพ่อและน้อง ๆ ถึงแม้จะไม่มีใครมองเห็นค่า แต่มันก็เป็นความภาคภูมิใจลึก ๆ ในใจ

ถ้าไม่มีฉัน... พ่อกับน้องจะอยู่กันยังไง?

เธอต้องคิดบวกนะลูกตาล ห้ามท้อ ห้ามคิดสั้นเด็ดขาด ขนาดยายจันทร์กับคุณตาที่ไม่ใช่ญาติ ยังรักและเป็นห่วงเอ็งขนาดนี้ แล้วเอ็งล่ะ... เอ็งต้องรักตัวเองให้มาก ๆ อย่างที่ตากับยายบอก ใครไม่เห็นค่า แต่เรารู้อยู่แก่ใจ ความสุขของเธอคือการได้เห็นคนในครอบครัวมีความสุขไม่ใช่เหรอ?

ถึงพ่อจะดุด่าตบตี แต่พ่อก็คือผู้ให้กำเนิด ส่วนน้าแพรว... ถึงจะเอาแต่เล่นไพ่ ไม่ทำงานทำการ แต่ตอนที่แม่จากไป ก็ได้น้าแพรวนี่แหละที่ช่วยดูแลพ่อ ดูแลน้อง และดูแลฉันมาตลอด

"สู้ ๆ ลูกตาล!" ฉันบอกตัวเองในกระจก ปาดน้ำตาทิ้ง แล้วเดินหน้าทำงานหาเงินต่อไป

ขอแค่มีเงิน... พ่อก็จะไม่ดุไม่ด่า พ่อจะมีความสุข น้อง ๆ ก็จะมีความสุข แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับฉัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทาสรักคุณหมอ   ครอบครัว (2)

    ฉันนั่งคุยปรับทุกข์กับคุณตาและยายจันทร์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะขอตัวกลับเพราะใกล้ถึงเวลาเข้างาน คำพูดของคุณตาเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ท่านไม่มีลูกหลาน อาศัยอยู่เพียงลำพังด้วยการเก็บของเก่าขายเลี้ยงชีพ แกเล่าว่าเมื่อก่อนเคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ..."ขนาดหมามันยังรักชีวิต เราเป็นคนแท้ ๆ ทำไมต้องคิดทำร้ายตัวเอง คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำดีได้ และตาก็เลือกที่จะอยู่เพื่อทำความดี"คำสอนนั้นปลุกพลังใจในตัวฉันให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง อย่างน้อย ๆ ฉันก็ยังมีโอกาสได้ทำดี ได้หาเลี้ยงครอบครัว ถึงจะไม่มีใครมองเห็นค่า แต่มันก็เป็นความภาคภูมิใจลึก ๆ ในใจ... ถ้าไม่มีฉันสักคน พ่อกับน้อง ๆ จะอยู่กันอย่างไร?เธอต้องคิดบวกนะลูกตาล ห้ามท้อ ห้ามคิดสั้นเด็ดขาด ขนาดยายจันทร์ที่ไม่ได้เป็นญาติยังรักและห่วงใย แล้วตัวเธอเองล่ะ... ต้องรักตัวเองให้มาก ๆ อย่างที่ตากับยายบอก ความสุขของเธอก็คือการได้เห็นคนในครอบครัวมีความสุขไม่ใช่หรือไงถึงพ่อจะดุด่าตบตี แต่พ่อก็คือผู้มีพระคุณที่ให้กำเนิด ส่วนน้าแพรว... ถึงจะวัน ๆ เอาแต่เล่นไพ่ไม่ทำงานทำการ แต่ตอนที่แม่จากไป ก็ได้น้าแพรวนี่แหละที่เข้ามาช่วยดูแลพ

  • ทาสรักคุณหมอ   ครอบครัว(1)

    "อีกแล้วเหรอลูกตาล!..." เสียงพี่เดียร์ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่าย "ตาลขอโทษจริง ๆ ค่ะพี่เดียร์ แต่ตาลจำเป็น..." ฉันก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาผู้มีพระคุณ "เฮ้อ...ถามจริง ๆ เถอะนะ ไม่เหนื่อยบ้างรึไง" เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะยื่นซองเงินให้ "เอ้า เอาไป... ถ้าไม่เห็นว่าเป็นลูกตาล พี่ไม่ให้เบิกหรอกนะ" "ขอบคุณค่ะพี่เดียร์ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ" ฉันยกมือไหว้พี่เดียร์ด้วยความซาบซึ้งใจ"ไป ๆ ไปทำงานได้แล้ว มีอะไรก็บอกพี่นะ" พี่เดียร์โบกมือไล่เบา ๆพี่เดียร์คือเจ้าของผับที่ฉันทำงานอยู่ และวันนี้ก็เหมือนกับทุก ๆ เดือน ที่ฉันต้องบากหน้ามาขอเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อนำไปให้พ่อ..."ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่" ฉันไหว้ลาพี่เดียร์แล้วเดินออกมาเตรียมตัวทำงานถึงแม้ฉันจะไม่อยากทำงานกลางคืนในผับแบบนี้ แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ ลำพังเงินเดือนพนักงานประชาสัมพันธ์บริษัทที่ทำตอนกลางวัน มันไม่พอเลี้ยงปากท้องของคนทั้งครอบครัว ทั้งพ่อและน้อง ๆ อีกหลายชีวิต โชคดีที่พี่เดียร์เมตตารับฉันเข้าทำงาน แม้ฉันจะเพิ่งทำได้ไม่กี่เดือน แต่ภาระทางบ้านก็บีบคั้นให้ต้องดิ้นรน พ่อขู่จะเอาเงินตลอดเวลา ถ้าฉันไม่มีให้... น้อง ๆ ก็จะกลายเป็นที่ระบายอารมณ์?

  • ทาสรักคุณหมอ   บทนำ

    นายแพทย์คณิน ภักดีพิศุทธิ์ (หมอวาคิน) ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดมือหนึ่ง หนุ่มวัย 30 ต้นๆ ผู้เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์และฐานะ จนเป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมายทว่าภายใต้หน้ากากอันสมบูรณ์แบบนั้น เขากลับซ่อนรสนิยมทางเพศที่อันตรายและเจ็บปวดเอาไว้ มันคือ "โรคบ้าๆ" ที่เขารังเกียจตัวเอง และมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับนี้ แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่อาจระแคะระคายทุกครั้งที่ความต้องการปะทุขึ้น เขาจะเรียกใช้บริการหญิงสาวที่พร้อมจะรองรับความเจ็บปวดทรมาน แต่มีน้อยคนนักที่จะทนไหว และทุกครั้งเขาจำต้องปิดตาพวกเธอไว้ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงหญิงสาวเหล่านั้นต่างเสนอตัวเข้ามาเพียงเพราะเม็ดเงินมหาศาลที่เขาหยิบยื่นให้ แต่กลับไม่มีใครทนทานได้จนจบเกม หลายคนร้องไห้คร่ำครวญและเป็นลมหมดสติไปก่อนที่เขาจะได้ลงมือเสียอีก เขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาตัวเองให้หายจากอาการวิปริตนี้จนกระทั่งโชคชะตานำพาให้เขามาพบกับเธอ... ญาณินท์ โยธินตระกูล (ลูกตาล)หญิงสาวสู้ชีวิตวัย 20 กว่าๆ ผู้แบกรับภาระครอบครัวไว้บนบ่า กลางวันเธอเป็นพนักงานบริษัททั่วไป ส่วนกลางคืนจำต้องผันตัวมาเป็นพีอาร์สาวพราว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status