 LOGIN
LOGIN[คฤหาสน์วรารักษ์เมธานนท์]
“พ่อก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญตรงไหนเลยคินน์ เรื่องห้องพ่อเป็นคนจัดการให้หนูขวัญข้าวไปอยู่เอง”
“แต่ห้องนั้น เป็นห้องที่คุณแม่เคยอยู่นะครับพ่อ”
“อืม...เวลามันผ่านมาเกือบสามสิบปีแล้ว ลูกเองก็โตพอที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้แล้วนะคินน์”
หม่อมราชวงศ์นวพลมองบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน เขาตามใจลูกชายคนนี้จนเกินไป สาเหตุนั่นก็เป็นเพราะ การเติมเต็มความรัก ที่แม่จากลูกชายไปในวัยเพียงห้าขวบ เขาไม่คิดเลยว่า ลูกชายของเขาจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย ทั้งที่อายุก็เกือบจะเข้าเลขสามแล้ว
“ผมก็ไม่เข้าใจคุณพ่อเหมือนกันครับ...เด็กนั่นเป็นอะไรกับคุณพ่อเหรอครับ ทำไมคุณพ่อจะต้องให้ความสำคัญขนาดนั้น”
“ลูกรู้อยู่แล้วคินน์ ว่าเด็กสองคนนั้นไม่มีใครดูแล ลูกจะให้เขาไปอยู่ที่ไหน และจะอยู่กันยังไง เขายังเด็กมากนะ”
“ดูแลได้ แต่ก็ไม่ควรให้ความสำคัญขนาดนั้นนี่ครับ คุณพ่อสนใจแต่คนที่คุณพ่อรัก แต่คุณพ่อไม่เคยแคร์ความรู้สึกของคนที่รักคุณพ่อเลยสักครั้ง แม่ผิดอะไรเหรอครับ ทำไมคุณพ่อถึงรักคุณแม่ไม่ได้”
คำถามที่วนเวียนซ้ำๆ และไม่สามารถหาคำตอบได้ อคิราห์ติดต่อแม่ของเขาเป็นประจำ และบางครั้งเขาก็บินไปหาแม่ที่อังกฤษ แต่ทุกครั้งที่ไป เขามักจะได้ยินคำพูดที่แม่เขาเอ่ยถามถึงพ่อเขาอยู่เป็นประจำ ทั้งที่คุณแม่แต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว แต่ก็ยังไม่เคยลืมชายที่รักของแม่เลยสักครั้ง
“คินน์! เรื่องนี้พ่อได้บอกลูกไปแล้ว ระหว่างพ่อกับแม่เราจบกันไปแล้ว พ่อไม่ได้เป็นคนบอกเลิกแม่ของลูกนะ”
“แม่ทนพ่อไม่ไหวไงครับ แม่ถึงทิ้งพ่อและผมไป พ่อไม่เคยรักแม่ ทั้งที่แม่รักพ่อขนาดนี้ ทำไมครับพ่อ ความรักของพ่อมันมีให้กับคนที่ชื่อมุกดาแค่คนเดียวใช่มั้ยครับ”
“พ่อจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ลูกเองก็ควรจะเข้าใจอะไรบ้าง และเรื่องเด็กสองคนนั่น พ่อขอเถอะ พ่อต้องดูแลและเลี้ยงเขา ถ้าเขาเติบโตพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ พ่อก็จะเลิกอุปการะเขาเองนะ”
“สรุปแล้วคุณพ่อก็ยังเลือกเด็กคนนั้น มากกว่าลูกของตัวเองสินะ...บางทีผมอดคิดไม่ได้เลยนะครับ ว่าเด็กขวัญข้าวนั่น ใช่ลูกสาวของพ่อหรือเปล่า”
“คินน์!! ทำไมลูกถึงพูดจาไร้เหตุผลแบบนี้นะ พ่อบอกลูกไปแล้วไง ว่าระหว่างพ่อกับแม่ของขวัญข้าว เรารักกันก็แค่นั้นเอง และไม่เคยได้ล่วงเกินเลยสักครั้ง ลูกอย่าพูดแบบนี้ให้หนูขวัญข้าวได้ยินอีกนะ เธอยังเด็ก ไม่ควรจะต้องมารับรู้เรื่องราวอะไรแบบนี้นะ”
“อ่อ...ปกป้องกันขนาดนี้ คงเป็นอื่นไปไม่ได้หรอกครับ เธอไม่ใช่เด็กแล้ว โตเป็นสาวพอที่จะแต่งงานมีลูกได้แล้วนี่ครับ อืม เอาสิครับ ผมว่าหน้าเธอแอบคล้ายคนรักของพ่อเหมือนกันนะครับ”
“คินน์! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! หยุดก่อนที่พ่อจะ...”
“พ่อจะทำไมครับ จะไล่ผมออกจากบ้านหรือไงครับ”
“ลูกออกไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ก่อน พ่อขอเตือนลูกอีกครั้ง ถ้ายังไม่จบเรื่องนี้ล่ะก็ พ่อจะลดหุ้นในบริษัทของลูก 10 เปอร์เซนต์”
หม่อมราชวงศ์นวพลจำเป็นจะต้องใช้มาตรการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะความดื้อดึงของบุตรชาย
“ได้ครับ!” ร่างสูงที่นั่งก้มหน้าอยู่พลันแหงนหน้าขึ้นแผดเสียงคํารามด้วยความคับแค้นเสียใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดคล้ายถูกมีดนับพันนับหมื่นเล่มกรีดลงกลางใจก็ไม่ปาน อคิราห์เสียใจอย่างที่สุด ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันเดือนปี เขาก็ไม่สามารถที่จะลดความเจ็บปวดนี้ลงได้เลยสักครั้ง...
“สักวันลูกจะเข้าใจ...”
หม่อมราชวงศ์นวพลพึมพำกับตัวเอง หลังจากที่บุตรชายอันเป็นที่รักเดินจากไป เขาพยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ แต่ทว่าก็ไม่เป็นผลเลยสักครั้ง สำหรับคนอื่นเขาไม่สนใจและไม่แคร์เท่ากับ ลูกชายของเขาเลย ‘เมื่อใดที่ลูกมีความรัก และลูกรักคนนั้นมากๆ ลูกจะเข้าใจเอง...อคิราห์’
[คฤหาสน์วรารักษ์เมธานนท์...เวลาพลบค่ำ]
“คุณท่านบอกแกทำให้เสร็จภายในคืนนี้ ถ้าแกทำไม่เสร็จล่ะก็...แกโดนแน่นังขวัญข้าว”
“แต่ว่างานในห้องเก็บไวน์นี่ ไม่ได้อยู่ในตารางงานของหนูนี่คะคุณอบเชย”
ห้องเก็บไวน์ชั้นดีกว้างเกือบเท่าสนามฟุตบอลขนาดนี้ เวลาไหนกันที่เธอจะเก็บกวาดและจัดเรียงเสร็จกันเล่า
“นี่คืองานพิเศษของแกไง คุณท่านบอกว่า วันนี้แกทำให้ท่านชายนวพลกับท่านชายคินน์ต้องทะเลาะกัน นี่คือบทลงโทษของแก ถึงแม้มันจะไม่เกี่ยวกับแกโดยตรงก็เถอะ แกเป็นลูกของนังมุกดา...อืม...มันก็เหมือนๆ กันแหละ แม่ตาย ลูกก็ต้องรับกรรมแทนแม่นะ”
“คุณท่านจะทำแบบนี้กับหนูไม่ได้นะคะ หนูไม่ได้รู้...”
“จะรู้ไม่รู้ คุณท่านไม่สนหรอก ถ้าแกเป็นลูกของนังมุกดา ยังไงแกก็ต้องโดนอยู่ดี แกน่าจะดีใจนะ ถ้าแม่แกมีชีวิตอยู่ แม่แกอาจจะโดนเยอะกว่าแกหลายเท่า”
“คุณเลิกพูดถึงแม่ของหนูได้มั้ยคะ”
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ เพราะแม่แกไง ที่ทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด ขนาดหม่อมราชวงศ์นวลปรางค์ แม่ท่านชายคินน์ยังต้องยอมแพ้ให้กับแม่แก!”
“หยุดนะคะ ได้โปรดเถอะ หนูขอร้อง”
ปึก! ร่างอันบอบบางโดนพลักจนกระเด็นล้มลงกับพื้น
“ไปขอร้องแม่แกในนรกนู่น ไป! ทำไม่เสร็จห้ามออกจากห้องนี้ไปเด็ดขาด!”
ปึ่ง! เสียงประตูถูกเปิดปิดกระแทกเสียงดังสนั่น
“ฮือ ฮือ” เด็กสาวปล่อยโฮในทันใด ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นราวกับได้ยินเสียงหัวใจตนเองถูกฉีกแล้วเขวี้ยงทิ้งลงพื้น และถูกบดขยี้ซ้ำด้วยฝ่าเท้าของคนใจร้ายนั้น ดวงหน้างามหวานซึ้งตรึงใจของหญิงสาวมีหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ‘ทำไมเธอถึงโชคร้ายขนาดนี้นะ...เมื่อไหร่เรื่องร้ายๆ นี้จะจบลงซะที’
[เวลาผ่านไปราวสามชั่วโมง 22.00 น.]
แกร๊ก! เสียงประตูบานใหญ่ถูกเปิด
“นั่นใครคะ...คุณอบเชยใช่มั้ยคะ”
ขวัญขาวที่กำลังจัดเรียงและเช็ดขวดไวน์ที่เรียงอยู่บนชั้นตะโกนออกไป เมื่อเธอได้ยินเสียงประตูถูกเปิดปิด และเสียงฝีเท้าของใครบางคนก้าวเข้ามา แสงไฟสลัวจากด้านบนทำให้เธอมองไม่ค่อยชัดเจน
“...”
“เหลืออีกสองล็อคค่ะคุณอบเชย”
ขวัญข้าวยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีใครหรอกนอกจากหัวหน้าคนใช้แสนโหดคนนี้เท่านั้น ขวัญข้าวต้องรีบทำให้เสร็จ เธอจะได้ไปทำการบ้านต่อ หลังเลิกเรียนเธอก็ทำงานตามตารางที่มอบหมายเสร็จแล้ว แต่ก็มีงอกออกมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ‘ทำไมคนพวกนี้ถึงได้ใจร้ายนักนะ’
“...”

“พักเรื่องงานไว้ก่อนครับ วันนี้ผมขอดื่มฉลองมิตรภาพของเราก่อนนะครับ”วิลเลี่ยมยกแก้วเครื่องดื่มชูขึ้น สายตาคมสีฟ้าของเขามองไปยังเลขาแสนสวยที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงที่มีความเซ็กซี่อย่างที่สุด“อ่อ ครับ ผมนี่แย่จริงๆ นะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่พูดเรื่องงานซะเยอะเลย ความจริงวันนี้ผมก็พาคุณมาผ่อนคลายครับ”ธนนท์รีบยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นเพื่อเป็นการขอโทษ“สองสาวนี่ไม่ต้องห่วงนะครับ วันนี้พักเรื่องงานสักวัน เดี๋ยวผมขออนุญาตเจ้านายคุณเองครับ...โอเค มั้ยครับคุณธนนท์”“ได้ครับ หมดเวลางานแล้วครับ” ธนนท์หันไปพยักหน้าให้กับสองสาวเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูด“ค่ะ/ค่ะ”“อืม ขออนุญาตถามเรื่องส่วนตัวคุณ...เขม หน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณมีครอบครับหรือยังครับ”วิลเลี่ยมเปิดประเด็นคำถามในสิ่งที่เขาสนใจทันที เขารู้สึกถูกใจหญิงไทยคนนี้มาก“ยังค่ะ ดิฉันยังโสดค่ะ” เขมมิกาตื่นเต้นอย่างที่สุด สุดท้ายแล้วเธอก็เข้าตาหนุ่มสายฝอเข้าแล้ว ^^“ไหนๆ คุณเขมก็ถูกท่านประธานถามเรื่องนี้ไปแล้ว จริงๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับ ว่าคุณชมพูนุทตอนนี้คุณยังโสดเหมือนกับคุณเขมหรือเปล่าครับ”ปรเมศยิงคำถามต่อจากเจ้านายของตัวเองทันที“เอ่อ
“ค่ะ...” “ฉันอยากจะขอโทษเธอ...ขวัญข้าว ขอโทษในสิ่งที่ฉันทำไม่ดีกับเธอและน้องของเธอ อภัยให้ฉันเถอะนะ...” “ค่ะคุณผู้หญิง ดิฉันให้อภัยคุณผู้หญิงค่ะ และดิฉันเชื่อว่าแม่ของดิฉันก็คงจะคิดเหมือนกันค่ะ เรื่องราวในอดีต ดิฉันไม่ได้เก็บเอามาคิดอีกแล้วค่ะ คุณผู้หญิงไม่ต้องคิดมากนะคะ” “ขอบใจเธอมากนะขวัญข้าว ฉันขอบใจเธอจริงๆ บ้านหลังนี้เธออยู่ได้สบายเลยนะ ไม่ต้องย้ายออกไปอยู่ที่ไหนแล้ว นอกเสียจากเธอจะแต่งงานมีครอบครัวไป นั่นก็แล้วแต่เธอนะ ฉันไม่ได้มีอำนาจที่จะตัดสินใจ อย่างที่บอก ชายคินน์ต่างหาก ที่เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ และในตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งชายคินน์กับนนท์ลูกชายของฉัน ทำไมถึงยังไม่แต่งงานมีครอบครัวกันอีก เรื่องนี้ก็ทำให้ฉันกลุ้มใจอยู่พอสมควร” “ท่านชายคินน์กับคุณนนท์อาจจะมีแล้วก็ได้นะคะ คุณทั้งสองอาจจะยังไม่เปิดตัวก็ได้ค่ะคุณผู้หญิง” “ไม่มีหรอก...ฉันตามสืบมาหมดแล้ว” “ห๊ะ! อะไรนะคะ คุณผู้หญิงตามสืบเหรอคะ”คำพูดของคุณหญิงบงกชเพชรทำให้ขวัญข้าวตกใจเป็นอย่างมาก หัวใจเธอเต้นแรงแทบจะทะลุออกจากอก ขวัญข้าวกังวลเรื่องเธอกับท่านชายในอดีต
[บ้านวรารักษ์เมธานนท์...ในเวลายามเย็น] “นั่นลูกจะออกไปไหนอีกล่ะ พึ่งกลับเข้ามาไม่ใช่เหรอ”คุณหญิงบงกชเพชรมองบุตรีของตัวเองที่อยู่ในชุดพร้อมที่จะออกจากบ้าน “แพรนัดเพื่อนไว้ค่ะคุณแม่ วันนี้วันเกิดมิ้นท์ค่ะ เราจะไปฉลองกันค่ะ” “เรื่องเรียนของลูกไปถึงไหนแล้ว ตามแก้รายวิชาครบแล้วหรือยัง แล้วเทอมนี้จะจบหรือเปล่าลูก” “ยังค่ะคุณแม่ คงต้องจบเทอมหน้าค่ะ เพราะเหลืออีกแค่สองตัวค่ะ ยังไงแพรก็ต้องเรียนจบอยู่แล้วค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ” “อะไรนะ! ไหนลูกบอกว่าเทอมนี้จะจบ แล้วนี่เลื่อนไปเทอมหน้าอีกเหรอ ตายแล้วยัยแพร ทำไมเรียนแค่นี้ ถึงไม่จบซะที ดูพี่นนท์เราสิ ถึงแม้จะเกเรยังไงแต่ก็ยังเรียนจบ ทำไมลูกถึงไม่เอาอย่างพี่นนท์บ้างล่ะลูก” “ก็อาจารย์ที่ ‘มหาลัยสิคะคุณแม่ แกล้งแพรค่ะ ความจริงแพรก็จะจบเทอมนี้แหละค่ะ”แพรพิไลกุเรื่องเพื่อโกหกผู้เป็นแม่ ความเป็นจริง เธอเองต่างหากที่ไม่อยากเรียนจบ เพราะถ้าเธอเรียนจบแล้ว แม่ของเธอจะต้องจับเธอยัดเข้าทำงานที่บริษัทพี่ชายของเธอเป็นแน่ “แม่ไม่เชื่อที่ลูกบอกหรอกนะแพร ครั้งที่แล้วลูกก็บอกว่าอาจารย์แกล้งแบ
“อึก! อึก!” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจที่จู่ๆ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ฉกวูบลงมาด้วยความเร็วแสงประกบจูบปากของเธออย่างรวดเร็ว ขวัญข้าวพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ทว่าก็ถูกมือใหญ่บีบปลายคางของเธอเอาไว้ ลมหายใจปัดผ่านข้างใบหน้าใกล้ชิด ลิ้นหนาเกี่ยวกวัดลิ้นเล็กไว้ในปากอย่างหิวกระหาย อีกมือก็เกี่ยวกระหวัดร่างบางเข้ามาแนบร่างแกร่งราวกับงูใหญ่กำลังรัดเหยื่ออย่างหิวโหย“อึ้ม...” ขณะที่ริมฝีปากของเขาแนบสนิทก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มอันพึงใจไว้ได้ ความหวานที่เคยลิ้มลองไม่เคยลดน้อยลงไปเลยสักนิด ชายหนุ่มตะโบมจูบอย่างร้อนแรงและหนักหน่วงจนได้ยินเสียงอู้อี้ในลําคอของอีกฝ่าย“ไม่! อึก!” ขวัญข้าวพยายามดิ้นเพื่อหนีริมฝีปากร้อน แต่เธอก็ไม่สามารถจะหลบหลีกริมฝีปากความเร็วแสงนั้นได้ มือทั้งสองข้างของเธอผลักอกแกร่งจนสุดแรง แต่ทว่ามันก็เหมือนกับผลักหินผาก็ไม่ปาน สะโพกมนเกยอยู่บนโต๊ะทำงานในสภาพกึ่งนั่งกึ่งยืน โดยที่ตัวของชายหนุ่มใช้ร่างของเขากันเธอเอาไว้ ไม่ให้หนีออกไปได้สำเร็จ“อืม...หวานเหมือนเดิมนี่”อคิราห์ถอนริมฝีปากของตัวเองออก พร้อมกับก้มมองใบหน้าของเธอ ที่ตอนนี้มีสภาพแดงเห่อไปทั่วทั้งหน้า ชายหนุ่มยกยิ้มอย
[อีกด้านหนึ่ง...ห้องทำงานบริษัทวรารักษ์เมธานนท์] “ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะยุ่งยากตรงไหนเลย เธอมาสมัครงานตามที่นายนนท์บอกเธอไว้แล้วนี่ เธอก็รู้อยู่แล้ว ทำไมจะต้องทำเรื่องนี้ให้วุ่นวายไปอีก ฉันไม่เข้าใจ”หม่อมราชวงศ์อคิราห์มองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา และต้องการที่จะพบเขาในเวลานี้ เหตุผลของเธอเพียงเพื่ออยากสมัครงานตามระบบแค่นั้นหรือ เขาไม่เข้าใจเลย “ดิฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ ดิฉันไม่อยากจะใช้เส้นค่ะ ดิฉันแค่ต้องการได้สอบและสัมภาษณ์ตามปกติเหมือนคนทั่วไป ก็แค่นั้นเองค่ะท่านชาย” “แล้วเธอได้อะไร จากสิ่งที่เธอกำลังเรียกร้องอยู่ตอนนี้” “ดิฉันไม่ได้เรียกร้องค่ะ แค่ต้องการทำให้มันถูกต้องตามระบบก็เท่านั้นเองค่ะท่านชาย”ดวงตากลมโตจ้องกลับใบหน้าคม เอาจริงๆ วันนี้เป็นครั้งแรกของขวัญข้าวเลยก็ว่าได้ ที่เธอได้มองหน้าเขาได้ชัดเจนและเต็มตามากขนาดนี้ เธออยู่ห่างจากเขาไม่ถึงเมตรเลยด้วยซ้ำ ลมหายใจร้อนเป่ารดมาที่เธอ จนเธอสัมผัสได้ และทำให้เธออดนึกถึงความรู้สึกบางอย่างเมื่อเจ็ดปีที่แล้วไม่ได้... “ผลสุดท้าย เธอก็ต้องเข้าทำงานอยู่ดี ทำไมต้องเรื่องมาก” “นี่
[บริษัทวรารักษ์เมธานนท์] “ขอโทษนะคะ คือว่าดิฉันยังไม่ได้สอบข้อเขียน และสัมภาษณ์เลยนะคะ คุณจะให้ดิฉันเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยเหรอคะ”ขวัญข้าวมาสมัครงานที่บริษัทวรารักษ์เมธานนท์ในวันรุ่งขึ้น ในตำแหน่ง Sales Engineer ตามที่บริษัทได้ประกาศรับ เธอพึ่งจะกรอกใบสมัครไปใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ขวัญข้าวก็ทราบผล เธอรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งที่คุณธนนท์ทำมากนัก เธอไม่อยากเป็นเด็กเส้นในสายตาของคนอื่น สังคมการทำงานของเธอก็จะลำบากมากขึ้น “คุณธนนท์เธอได้บอกไว้แล้วค่ะ ว่าถ้าคุณขวัญข้าวมา ก็รับได้เลยแค่กรอกใบสมัครก็พอค่ะ รายละเอียดต่างๆ ในการทำงานอยู่ซองกระดาษนี่นะคะ ดิฉันเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ” “ดิฉันขอคุยกับคุณธนนท์หน่อยได้มั้ยคะ” “คุณธนนท์ไม่อยู่ค่ะ เธอไปจังหวัดระยองกับเลขา และฝ่าย Sales Engineer คนใหม่ตั้งแต่เมื่อเช้าค่ะ” “Sales Engineer คนใหม่เหรอคะ เอ่อ ไม่ทราบว่าเธอชื่อชมพูนุทหรือเปล่าคะ”เมื่อเช้าเพื่อนของเธอได้แชทหาเธอตั้งแต่เช้า ว่าจะรีบออกไปทำงาน วันแรกของชมพูนุทก็ดูจะรีบร้อนไปหมด “ใช่ค่ะ คุณชมพูนุทพึ่งมาทำงานวันนี้วันแรกค่ะ เผอิญมีลูกค้าใหญ่ที








