LOGIN----------------"พี่ไวท์เราคบกันไหมคะ" "..........." เจ้าตัวไม่ได้พูดคำไหนออกมา เพียงแค่ยืนก้มหน้าแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ราวกับกำลังตกตะกอนความคิดในหัวของตัวเองอยู่ แต่ฉันกลับลุ้นระทึกทุกวินาทีกลัวว่าพี่เขาจะปฏิเสธไม่ได้รู้สึกเหมือนกันกับฉัน แต่ต่อให้จะถูกปฏิเสธฉันก็ไม่หวั่นหรอก เพราะเวลาที่ฉันจะทำให้พี่ไวท์ยอมรับยังมีอีกเยอะ "เหมี่ยวไม่อยากคาดเค้นจากพี่หรอกนะ แต่ถ้าพี่พร้อมที่จะเป็นแฟนเหมี่ยวในตอนนี้เลยคงจะดีไม่น้อย" "เหมี่ยวแน่ใจแล้วเหรอว่าจะฝากชีวิตที่เหลือไว้กับพี่" "ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่เราได้คุยกันจริงจัง เหมี่ยวก็รู้เลยว่าเหมี่ยวชอบพี่จริงๆ" "ถ้าเหมี่ยวยืนยันแบบนั้น" พี่ไวท์ค่อยๆ เดินตรงมาหาฉันก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ในจังหวะนั้นฉันเองก็ตื่นเต้นไม่รู้ว่าคำตอบจากปากของพี่เขาจะเป็นเช่นไร ระหว่างที่กำลังตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นฝ่ามือหนาเอื้อมคว้าชอบดอกไม้ในมือ ก่อนจะก้มหน้าใช้ริมฝีปากกระตุกเชือกคลายปมโบว์สีแดงสดบนเอวฉันจนมันคลายหลุดออกจากกัน"!!!" บอกตามตรงใจฉันมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทั้งกังวลประหม่าและกลัวในเวลาเดียวกัน ได้แต่นอนหลับตารอคำตอบอย่างเงียบๆ กระทั่งสัม
---------------"เออขอบใจมึงมากที่เข้าใจ""ที่ผ่านมาเองกูก็ละเลยเหมี่ยวมากเกินไป ทำเหมือนน้องไม่มีตัวตน เอาเป็นว่าพี่ขอโทษนะ""อ๋อ ไม่เป็นไรเหมี่ยวเข้าใจพี่ดี เพราะคนที่เริ่มเรื่องทั้งหมดคือเหมี่ยวเองนี่ พี่กายไม่ต้องขอโทษเหมี่ยวหรอก"เหมี่ยวอธิบายโดยเร็วเธอเองก็คงรู้สึกผิดเหมือนกัน ทำเอาบรรยากาศหลังพูดความในใจโล่งปลอดโปร่งราวกับคนละโลกกับเมื่อกี้"เพื่อเป็นการขอโทษที่กูหลบหน้ามึง วันนี้กูเลี้ยงเอง""มันต้องแบบนี้ดิวะ กูรอคำนี้ของมึงมานานแล้วไอ้ไวท์""เบาหน่อยนะมึง แดกเหล้าทุกวันจนตับร้องไห้ล่ะ""ทำไงได้วะความสุขกูนี่หว่า"ไม่ผิดหวังเลยที่วันนี้ผมได้มาเจอกับมัน บรรยากาศคำพูดสิ่งหนักอึ้งในใจได้หายไปหมดแล้ว ผมมักจะเผลอมองหน้ามะเหมี่ยวและยิ้มออกมาทุกครั้ง โดยไม่คิดเลยว่าการได้มองหน้าผู้หญิงคนหนึ่งมันจะทำให้มีความสุขได้มากขนาดนี้ กระทั่งเรานั่งดื่มกันไปสักพัก มะเหมี่ยวเริ่มขยับตัวเอ่ยกระซิบบางอย่างข้างหูผม คำนั้นทำเอาความร้อนรุ่มในร่างกายผมมันลุกโชนขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน"คืนนี้หนูมีอะไรจะบอกพี่ไวท์ อย่าลืมไปที่ห้องหนูนะ หนูจะรอ...อย่างใจจดใจจ่อ""อึก"ไม่ได้แค่พูดแต่ฝ่ามือยังเลื่อนไล้ไป
------------สัปดาห์ต่อมา"เหมี่ยว!""ห๊ะ!!!" "แกเป็นไรเนี่ย ช่วงนี้เหม่อลอยผิดปกตินะ" เสียงเรียกที่ดึงสติฉันกลับมาคือปุ๊ก ขณะที่เรานั่งกินชานมหลังเลิกเรียนฉันเหม่อมองคิดถึงใบหน้า น้ำเสียง สีหน้าของพี่ไวท์ทุกครั้งที่สติไม่อยู่กับตัว แม้วันนั้นจากผ่านมานานนับสัปดาห์แล้วก็ตาม"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ" ฉันพูดไหลตามน้ำไปพลางยกแก้วขานมขึ้นดื่ม "หรือว่าแกกำลังมีความรัก!?" "มะ ไม่ใช่สักหน่อย!" ทายถูกจนน่าขนลุกเลยแฮะ เรื่องที่ฉันกำลังคุยกับพี่ไวท์อยู่ไม่ได้บอกให้ปุ๊กรู้ กลัวว่าปุ๊กนะเป็นห่วง ด้วยที่พี่ไวท์มีเพื่อนเป็นพี่กายเกียรติศักดิ์คงไม่ต้องพูดถึง"ถ้าแกจะมีแฟนฉันก็ไม่ติดนะเว้ย แต่ผู้ชายสมัยนี้ส่วนใหญ่หวังเอาเพื่อสนุกเท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องรักเป็นรอง" "ไหงคิดแบบนั้นล่ะ" "ตัวอย่างก็มีให้เห็นตั้งเยอะแยะ อย่างพี่กายเดือนมหาลัยอะไรนั่น""แล้วปุ๊กคิดว่าความรักคืออะไร" ปุ๊กเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ หรือเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี"ความมั่นคง แน่วแน่ แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ยังคงยืนหยัดในรักเดียว"คงเพราะปุ๊กลุกกับแฟนห่างไกลกันเธอจึงมองว่าความรักคือการยืนหยัดใ
------------"พี่ไวท์~" ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ตอนนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้สักนิดแค่ได้เห็นพี่ไวท์อยู่ตรงหน้าฉันพร้อมพุ่งเข้าใส่ อยากครอบครองอยากมีพื้นที่ที่อบอุ่นปลอดภัย ฉันโหยหาความรักนั้นมาเสมอในตอนนี้ฉันมั่นใจว่าพี่ไวท์เป็นคนที่ใช่สำหรับฉัน เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่อยากเสียพี่เขาไปอีก จากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วหลังจากที่พี่ไวท์หนีกลับไปฉันทั้งรู้สึกเสียดาย อับอายในเวลาเดียวกัน เสียดายที่ไม่รั้งและเสนอตัวมอบทั้งหมดให้พี่เขา ทั้งอับอายและกลัวที่จะถูกพี่เขามองว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย เพราะแบบนั้นในวันนี้ฉันจึงเลือกที่จะดื่มและวางแผนทุกอย่างจนในที่สุด เวลาที่ฉันจะได้ครอบครองพี่ไวท์ก็มาถึงฉันจะไม่ปล่อยพี่เขาไปไหนเด็ดขาด จนกว่าฉันจะได้เป็นคนรักของเขา "เหมี่ยว อือ~" ฝ่ามือหนากดท้ายทอยขณะเดียวกันฉันเริ่มขยับเบียดกลีบอวบน้ำไปมากับกางเกงที่ถูกดันขึ้นมา รู้สึกได้เลยว่าส่วนนั้นของฉันมันชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำหวาน เวลาที่สัมผัสกับเสื้อผ้าจึงรู้ว่าส่วนนั้นมันชุ่มไปด้วยหยาดน้ำหวานเต็มไปหมด ไม่ไหวฉันเองก็เสียวสะท้านจนควบคุมความรู้สึกอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน อยากจะสัมผัสของจริงแล้วสิ"พี่ไวท์เหมี่ยวไม
--------------"ไม่เอาอะ กลับไปเหมี่ยวก็อยู่คนเดียว มันเหงานะพี่รู้ไหม" คำพูดของน้องทำเอาผมชะงัก เหงา ผมเองก็เข้าใจความหมายของมันนะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ ด้วยที่แม่ผมเสียไปตั้งแต่ยังเด็กส่วนพ่อก็ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ นานๆ ทีจะบินกลับมาหา ทำให้ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวตลอดมา เพราะฉะนั้นผมเข้าในคำว่าเหงาเป็นอย่างดี "ขอเหมี่ยวอยู่กับพี่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอ" ทั้งสายตาและน้ำเสียงอ้อนวอนทำเอาใจเต้นรัว เกรงว่าปฏิเสธไปทำให้เธอร้องไห้คงรู้สึกแย่ไม่น้อย ท้ายที่สุดผมยัดร่างอรชรขึ้นรถก่อนจะขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยเตรียมขับรถออกจากร้านเหล้า "พี่ไวท์เหมี่ยวไม่อยากกลับบ้านจริงๆ" "ได้ งั้นก็กลับบ้านพี่" "........." ผมพูดไปแบบนั้นก่อนจะขับรถออกมา แต่เหมี่ยวกลับไม่โต้ตอบได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร แม้ผมจะละสายตาหันมองหน้าเธอเป็นระยะแต่เหมี่ยวกลับไม่เงยหน้าขึ้นมองแม้แต่น้อย กระทั่งผมขับรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านดับเครื่องยนต์หันกลับไปมองเธออีกครั้ง เหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาสั่นไหวเล็กน้อย"เหมี่ยวเป็นไร" "พะ พี่ไวท์ แหวะ!!!" "เฮ้ย!!!" กว่าจะจัดการพาคนเมาลงจากรถได้ไหนจะต้องจัดการเศษซากอารยธรรมจากกระเ
------------ร้านเหล้าที่ประจำของผมและไอ้กาย ที่นี่มักจะถูกใช้เป็นสถานที่ล่าหญิงของมันอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้ผมไม่ได้นัดเพื่อนแต่อย่างใด คนที่ผมนัดจริงๆ คือแฟนของเพื่อนต่างหาก "พี่ไวท์สวัสดีค่ะ" เสียงของใครบางคนดังขึ้นมา เมื่อหันไปเห็นหญิงคนหนึ่งถ้าจำไม่ผิดเธอเคยเป็นหนึ่งในเหยื่อของไอ้กาย ผมเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้ารับเบาๆ เพราะผมจำชื่อเธอไม่ได้เกิดทักผิดเดี๋ยวจะหน้าแตกเอา "ครับ" "วันนี้มานั่งคนเดียวเหรอคะ พี่กายล่ะ?" "อ๋อมันไม่ว่าง" มัวแต่ไปเอากับเด็กนิเทศอยู่ อยากพูดแบบนั้นออกไปก็กลัวว่าจะทำให้เพื่อนเสียภาพลักษณ์ จะว่าไปคนแบบมันคงไม่มีอะไรต้องเสียแล้วล่ะมั้ง"แล้วพี่ไวท์มาคนเดียวเหรอคะ" เธอทำท่าจะนั่งลงข้างผม ดูทรงแล้วคงอยากเก็บแต้มผมอีกคนสิท่า ใครจะสนคนที่ผมรออีกไม่นานคงมาถึง เกิดเห็นว่าผมกำลังนั่งคุยกับหญิงอื่นคงถูกมองเป็นผู้ชายเหมือนไอ้กายแหง "อื้ม อีกไม่ถึงห้านาทีก็มาแล้ว" "อะ อ๋อค่ะ" ทั้งที่กำลังย่อเข่าลงทันทีที่ได้ยิน เธอรีบยันตัวลุกขึ้นอัตโนมัติ มันต้องพูดตรงๆ แบบนี้แหละ "งั้นขอตัวก่อนนะคะ" ในที่สุดผมก็ได้อยู่คนเดียวเงียบๆ สักที ระหว่างนั้นผมกวาดสายตาไปรอบๆ ร้านแต่ค







