ทิพวรรณลงจากรถ พาแข้งขาสั่นๆ เดินเข้าไปหามาเฟียฮ่องกง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พอได้สบตาคมสีสนิมนั้นเข้า มือไม้ก็พานจะอ่อนแรงลงดื้อๆ แต่บัดนี้เขาไม่มีรอยยิ้มให้เธอเหมือนแต่ก่อน เรียวปากบางได้รูปสวยบิดเบ้ลงราวจะเยาะหยันในตัวเธอ
“เก่งนี่ที่กล้ามา” หยางเฟ่ยหลงหยัดตัวขึ้นยืนจังก้า ถอดแว่นกันแดดสีดำออกจากใบหน้า
“คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันคะ” ในเมื่อได้เจอกันแล้ว ทิพวรรณก็ไม่อยากเสียเวลา เธอรีบถามเขาถึงสาเหตุที่ต้องเรียกตัวเธอออกมาแบบนี้
“ขึ้นรถสิ” ชายหนุ่มไม่ตอบกลับชวนเธอขึ้นรถไปด้วยซะงั้น
“ฉันว่าเราควรจะคุยกันที่นี่ดีกว่า”
“เธอมีสิทธิ์ที่จะต่อรองด้วยเหรอทิพวรรณ ถ้าเธอไม่ห่วงชีวิตใครๆ ก็น่าจะห่วงชีวิตแรกเกิดของลูกเธอสักนิดนะ”
“ไม่มีประโยชนที่คุณจะเอาตาธัชมาข่มขู่ฉัน”
“ทำไม หรือเธอเป็นแม่ที่ไม่รักลูกกันล่ะ”
“ได้โปรด...พูดธุระของคุณมาเถอะค่ะ ฉันอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากฉัน” ทิพวรรณบอกเสียงอ่อน เธออยากให้มันจบๆ ไปจะได้กลับไปหาลูก เธอไม่ต้องการหวั่นไหวและใจอ่อนกับเขา พยายามคิดถึงครอบครัว คิดถึงสามีและลูกให้มากกว่าคนตรงหน้า มันทำได้ไม่ยากนักเมื่อเห็นภาพครอบครัวอันแสนอบอุ่น
“ขึ้นรถ” หยางเฟ่ยหลงยังยืนยันคำเดิม คราวนี้บอดี้การ์ดของเขาเปิดประตูรถรอเธอ
“แต่ฉันมากับคนของฉัน”
“ไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครทำอะไรคนของเธอได้”
ทิพวรรณหันไปมองรถของตนที่จอดอยู่ ดวงตาของเธอกวาดมองเข้าไปยังคนขับรถ น่าแปลกที่เธอมองไม่เห็นอุทิศ หรือว่าเขาจะลงจากรถไปไหนสักแห่ง หรือเขาถูกกันให้ออกห่างเธอ ความคิดต่างๆ นานาประเดประดังกันเข้ามา ทั้งเป็นห่วงลูกน้องและหวาดกลัวคนตรงหน้า
แล้วท้ายสุดหญิงสาวก็จำใจต้องขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเบียดเข้าไปนั่งเคียงข้าง
“ฉันอยากให้เธอหว่านล้อมให้ไอ้อรรถวัฒน์ยกหุ้นอัครา(กรุ๊ป)ให้ฉัน ฉันต้องการหุ้นทั้งหมดที่เป็นส่วนของเธอและไอ้อรรถวัฒน์”
“ทำไมคะ คุณก็มีธุรกิจและเงินทองมากมายอยู่แล้ว จะต้องการหุ้นของอัครา(กรุ๊ป) ไปทำไม”
“แลกกับชีวิตของหยางเสี่ยวผิงไง หรือพวกเธอไม่คิดจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
“ถ้ายกหุ้นให้คุณหมด อัคราบริรักษ์ก็จบสิ้นกันสิคะ ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ” ทิพวรรณไม่เสียเวลาคิดสักนิดเดียว เธอตอบอย่างฉะฉานและมั่นใจว่าไม่มีทางทำเช่นนั้นได้
“หึ หึ...ก็มันสมควรแล้วไม่ใช่เหรอ ชีวิตของหยางเสี่ยวผิงมีค่ามากกว่าหุ้นราคาไม่กี่ร้อยล้าน ต่อให้รวมทรัพย์สินทั้งหมดของอัคราบริรักษ์ก็ไม่มีค่ามากพอ ที่ฉันอยากได้ก็เพราะต้องการสั่งสอนให้พวกเลวทรามได้รู้บ้างว่าความทรมานมันเป็นอย่างไร”
“จะให้บอกสักกี่ครั้งว่าพวกเราไม่รู้เรื่องจริงๆ ตำรวจก็สืบสวนสอบสวนหมดแล้ว คุณจะยัดเยียดความผิดนั้นให้พวกเราได้ยังไง”
“ถ้าฉันปลุกไอ้เอกรัตน์นั่นขึ้นมาสารภาพทุกอย่างได้ ฉันทำไปนานแล้ว อย่าปฏิเสธฉันเลยดีกว่าทิพวรรณ เธอไม่มีทางเลือกหรอก”
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเจรจาต่อรองด้วยท่าทีตึงเครียดกันอยู่ในรถคันงามที่แล่นไปตามถนนสายนั้น ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับมาขนาบข้างแล้วชักปืนออกมากระหน่ำใส่ร่างคนทั้งคู่อย่างอุกอาจ
“ระวัง!!!” หยางเฟ่ยหลงกดร่างบางลงต่ำ แต่ทั้งเขาและเธอก็ไม่พ้นวิถีกระสุน
“ปังๆๆ” เสียงปืนรัวก่อนมือปืนจะแน่ใจว่าทุกคนในรถคันงามสิ้นลมหายใจ แล้วรถที่พรุนไปด้วยลูกกระสุนก็ชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางซ้ำ มือปืนปริศนาแสยะยิ้มแล้วบิดมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ซิ่งหายไป
ไม่นานเสียงไซเรนรถตำรวจก็ดังเข้ามาใกล้ พร้อมกับไทยมุงที่แห่เข้ามาตีวงล้อม บอดี้การ์ดของหยางเฟ่ยหลงซึ่งถูกกันไม่ให้ตามมาเพิ่งจะแห่กันมาถึง พวกเขาต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เจ้านายใหญ่วางใจให้พวกเขาอยู่ห่างเพราะเชื่อว่าคนในตระกูลอัคราบริรักษ์ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาได้ แต่เจ้านายใหญ่ของเขาคิดผิด ไม่ว่ามือปืนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม มันหาญกล้าที่จะปลิดชีวิตมาเฟียฮ่องกงคนดังในระยะเผาขน และที่สำคัญทิพวรรณก็กลายเป็นศพไปพร้อมกับหยางเฟ่ยหลง
มือปืนคนนั้นคือใคร? และมันต้องการอะไร?
ณ เกาะฮ่องกง ปี พ.ศ.2554
หยางโจวหมิงจ้องมองน้องสาวเพียงคนเดียวอย่างจับผิด ร่างบอบบางเอาแต่ก้มหน้าจัดการกับอาหารตรงหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาสีสนิมแสนร้ายกาจของพญามังกรดำ ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายที่หวงน้องสาวราวกับไข่ในหิน หยางเหม่ยลี่เป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่หยางโจวหมิงรักมากที่สุด หลังจากที่สูญเสียทั้งบิดาและมารดาไปเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับอายุของน้อง เขาต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อ แม่และพี่ชายในเวลาเดียวกัน มอบความรักและการดูแลเอาใจใส่มากกว่าอะไรทั้งสิ้น
หากแต่น้องสาวแสนสวยของเขาก็ยังมีเรื่องที่ต้องให้กังวล บอดี้การ์ดที่ส่งไปประกบเพื่อคุ้มครองเธอ มักจะบอกเป็นเสียงเดียวว่าหยางเหม่ยลี่ชอบหนีไปเที่ยวคนเดียวบ่อยๆ กว่าจะตามหาเจอก็เมื่อเธอต้องการจะกลับมาหาเอง คุณหนูหยางเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่แพ้พี่ชาย เธออาศัยความน่ารัก ช่างออดอ้อนประจบประแจง เพื่อหลอกล่อให้ผู้ติดตามตายใจ และเพราะเสน่ห์ของเธอ ที่ทำให้บอดี้การ์ดต้องทำงานพลาดอยู่บ่อยๆ ซ้ำยังถูกกำชับว่าหากใครนำเรื่องที่เธอหนีเที่ยวไปเล่าให้พี่ชายฟัง เธอจะบอกพี่ชายว่าเขาคนนั้นทำไม่ดีกับเธอ ให้พี่ชายลงโทษและไล่ออกจากหน้าที่ซะ
บอดี้การ์ดก็ใจอ่อนหรือคงกลัวจะตกงานมากกว่า จึงไม่ปริปากสาธยายให้คุณชายหยางฟัง นอกจากเป่าปง เขาได้รับมอบหมายให้เล่าเรื่องทุกอย่างที่หยางเหม่ยลี่ทำในแต่ละวันจากหยางโจวหมิง ทำให้พญามังกรดำรู้ว่าน้องสาวของเขากำลังปิดบังบางอย่างไว้
“โอวววว” พร้อมกับครางเสียงแหลมเล็ก“ฉันไม่เคยคิดจะมีคนอื่นหรือหาเศษหาเลยนอกบ้านเลยนะตันหยง เธอกับลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน รอยลิปสติคก็แค่จากเด็กสาวหน้าโง่คนหนึ่งที่อยากอ่อยให้ท่าฉัน แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะที่รัก ฉันจะออกไปกินข้าวข้างนอกทำไมในเมื่อกับข้าวที่บ้านอร่อยเด็ดกว่าเยอะ”“จริงเหรอคะ อ๊ะ” อารมณ์คุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ สรัญรัตน์ก็สะบัดกระทั้นกระแทกสะโพกสวมครอบท่อนลึงค์เต็มอารมณ์อ่อนไหว“จริงที่สุดทูนหัว สายตาของฉันไม่เคยมีเงาใครในนั้นนอกจากเธอกับลูก หัวใจก็เช่นกัน มีลูกให้ฉันอีกหลายๆ คนนะที่รัก นานแล้วที่ฉันไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องกินนมจากเต้าของเธอ ฉันอยากเห็นอีก อยากได้ยินอีกหลายๆ ครั้ง นะที่รัก”“คุณไม่ได้คิดจะขังฉันไว้ที่บ้าน เพื่อออกไปเสวยสุขข้างนอกหรอกนะคะ”“สาบานได้” เขายกมือขึ้น“ไม่ค่ะ อย่าพูดคำนั้น แค่คุณบอก ตันหยงก็เชื่อค่ะ แต่ที่งอนเพราะคุณแยกลูกไปจากฉัน”สรัญรัตน์กระทั้นกายขย่มลำสามีอย่างบ้าคลั่งอย่างไร้ซึ่งความอับอาย เวลานี้เธออยากมอบความสุขให้เขา อยากให้เขารู้สึกว่าข้างนอกไม่มีอะไรดีไปกว่าคนในบ้าน สรัญรัตน์เชื่อใจเขาแต่ไม่ไว้ใจคนอื่น ทว่าเรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหามากกว่าเร
“อ๊ะ!” สรัญรัตน์สะดุ้งเฮือก“คุณนายหยางตกใจอะไรหรือครับ” อี้ผิงเห็นสีหน้าของสรัญรัตน์แล้วครุ่นคิด หรือเขาจะทำให้เธอตกใจ จะด้วยสาเหตุอะไร สีหน้าของคุณนายหยางจึงแดงๆ ซีดๆ สลับกันเช่นนี้“เปล่า เปล่าจ้ะ มีอะไรอีกหรือเปล่า” เธออยากให้อี้ผิงไปไกลๆ เพราะไม่อาจหยุดการกระทำของสามีจอมหื่นได้“ไม่...”“นายแกะซองให้ทีสิอี้ผิง มือฉันไม่ว่าง”เธออยากกรี๊ดใส่หูทวนลมของเขานัก เอาให้แก้วหูแตกกันไปเลย ยอมหามสามีเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคบ้าๆ ก็ยังดีกว่าต้องอับอายให้คนเอาไปนินทาเล่นสนุกปากอี้ผิงแกะซองสีน้ำตาลส่งกระดาษสีขาวให้เจ้านาย แต่หยางโจวหมิงไม่ยอมรับ แถมยังให้อี้ผิงอ่านรายละเอียดต่างๆ ให้ฟังเสียเอง“เอ่อ...” อี้ผิงตะขิดตะขวงใจ เพราะเหมือนคุณนายกับเจ้านายของเขากำลังมีปัญหากัน แต่เขาเป็นแค่ลูกน้องเจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำอี้ผิงอ่านรายงานอย่างละเอียดตามคำสั่งสรัญรัตน์ไม่มีกระจิตกระใจฟัง เวลานี้กลีบเนื้อของเธอถูกปลายนิ้วใหญ่รุกเร้า นิ้วใหญ่ที่แทรกอยู่กลางร่องหลืบถูไถไปมา เธอเสียวกระสันทั้งที่พยายามสกัดกั้นอารมณ์นั้นไว้ด้วยความขุ่นข้องหมองใจในเรื่องเมื่อวาน รอยลิปสติคบนอกเสื้อของสามี แม้เขาจะออกตัวตั้
สรวงสุดามองเงินจำนวนมากตรงหน้าด้วยใจที่ระทึก เกิดมาเธอไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้มาก่อน มือสั่นๆ ยื่นออกไปหยิบขึ้นมาปึกหนึ่ง แล้วยกขึ้นจรดจมูกสูดดมกลิ่นธนบัตรสีเทาเข้าปอด“นี่เป็นสินสอดของผม ขอมอบให้คุณผู้เป็นแม่ของตันหยง”“โอย...เงินทองตั้งมากมาย ขอบคุณนะคะคุณหยาง”“เงินและทองจำนวนนี้ มันจะงอกเงยขึ้น ถ้าคุณแม่เลิกเล่นการพนันแล้วหันมาเลี้ยงหลานแทน แต่ถ้าคุณยังมีข้อกังขาที่ว่า ผมเองก็เป็นนายบ่อน คุณแม่จะเข้าไปเล่นที่บ่อนผมก็ได้นะ แต่เงินจำนวนนี้ หมดแล้วหมดเลย”สรัญรัตน์ในชุดกี่เพ้าสีแดง ตามธรรมเนียมประเพณีของคนที่มีเชื้อสายจีน นั่งเคียงข้างกับเจ้าบ่าวที่สวมชุดสีเดียวกัน ทำจากผ้าไหมจีนปักลายมังกร และมีช่อบูเก้คาดเฉียงบนหน้าอก วันนี้เป็นวันแต่งงานที่ถือเอาฤกษ์งามยามดีเป็นฤกษ์สะดวก ด้วยเจ้าสาวกลัวจะสวมชุดแต่งงานไม่ได้ เนื่องจากครรภ์ที่เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวัน จะเลื่อนงานออกไปหลังคลอด เจ้าบ่าวก็ยืนยันหนักแน่นว่ารอไม่ไหว ดังนั้นหลังจากการขอแต่งงานผ่านไปได้เพียง 1 สัปดาห์ งานแต่งงานตามธรรมเนียมก็ถูกจัดขึ้น“คุณหมายความว่า ฉันจะได้มากกว่านี้งั้นเหรอ”“คุณแม่ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ถือว่าผมขอ มีสิ่งแลกเปล
ร่างสูงพาตัวเองมายืนห่างจากร่างอวบอัดของคนท้องแค่ 1 ช่วงแขน ดวงตาสีสนิมกวาดมองไปทั่วร่างงามเหมือนทุกครั้ง ครั้งนี้จับจ้องอยู่ที่หน้าท้องนูนเด่น ที่ตั้งของลูกในท้อง เขาจะดีใจไหมนะที่พ่อมาหา“ลูกของฉัน เอ่อ...” อยากจะลดตัวลงจูบหน้าท้องนูนๆ แต่ก็กลัวช่อดอกไม้จะถูกแกะแย่งไป ทำไมเขาถึงทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ไม่รู้ว่าจะพูดกับเธอยังไง ทุกอย่างมันดูติดขัดไปหมด ไม่เรียบลื่นเหมือนที่เคยเลยสักนิด“นี่...ช่อดอกไม้ของเธอ รับไว้สิตันหยง”สรัญรัตน์มองอาการเงอะงะติดๆ ขัดๆ ไม่สมกับเป็นมาเฟียใหญ่อย่างพญามังกรดำเลยสักนิด แต่ก็น่าเอ็นดูใช่หยอกเสียเมื่อไหร่ เธอยิ้มทั้งน้ำตายื่นมือออกไปรับช่อดอกไม้จากเขา“ขอบคุณค่ะ”“ฉัน...มีเรื่องจะพูดคุยกับเธอหลายอย่าง แต่...ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี”“ก็แค่พูดความจริงไงคะ ความจริงที่คุณกำลังรู้สึกอยู่”“ฉัน...อยากขอเธอแต่งงาน เธอจะรังเกียจฉันมั้ย”หญิงสาวเกือบจะยิ้มออกมากว้างๆ ถ้าใจไม่สั่งให้เธอค้นหาคำตอบที่พอใจเสียก่อน การจะขอแต่งงานเกิดขึ้นกับเธอบ่อยครั้ง และทุกครั้งทุกคนก็ถูกเธอปฏิเสธจนหมด คราวนี้ผู้ชายตรงหน้าเป็นคนเดียวที่เ
“...” สถานการณ์ก็ยังเงียบอยู่เช่นเดิม คราวนี้สรัญรัตน์ตัดสินใจจะเปิดประตูรถ เธอไม่คิดจะกระโดด แต่แค่ขู่เผื่อเขาจะนึกสงสารลูกในท้องของเธอบ้าง แต่ประตูรถถูกล็อกจากคนขับเสียนี่“นายเป็นใคร ฉันบอกให้จอดรถนะ นายต้องการอะไร”“...” ความเงียบกำลังทำให้หญิงสาวสติแตก เขาจะจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่หรือเปล่า แล้วเฉวงรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ คำถามวนเวียนอยู่ในหัวจนรู้สึกมึนไปหมด“นี่นาย! ถ้านายต้องการเงินจากฉันล่ะก็ ฉันมีให้ไม่มากหรอกนะ แต่...ถ้านายร่วมมือกับลุงเหวงจะจับฉันไปเรียกค่าไถ่ นาย...นายน่าจะสงสารเด็กที่อยู่ในท้องฉันบ้างนะ เอ่อ...จับคนท้องไปเรียกค่าไถ่ไม่สนุกหรอกนะ ถ้านายต้องการเงินจริงๆ ส่งฉันกลับไปหาคุณพ่อสิ แล้วฉันจะบอกให้ท่านเอาเงินมาให้นาย”“...”“นี่นายฟังที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่าน่ะ”เขาไม่ตอบ ไม่พูด ไม่ถามอะไรทั้งสิ้น แถมยังเปิดเพลงหวานให้เธอฟังเป็นการตอบแทน“หรือว่า...นายเป็นใบ้ นายพูดไม่ได้ใช่มั้ย คนเป็นใบ้ต้องหูหนวกด้วยนี่ ฉันเคยได้ยินมาอย่างนั้น แล้ว...แล้วฉันจะสื่อสารกับนายได้ยังไง”ในขณะที่สรัญรัตน์กำลังว้าวุ่น คนขับรถก็แอบอมยิ้มอยู่เพียงลำพัง“นาย” เธอเรียกหลังจากนิ่งคิดสัก
หญิงสาวเดินลงไปยังรถซึ่งเฉวงคนขับรถได้เปิดประตูรออยู่ เขายิ้มให้คุณหนูตันหยง นึกชื่นชมว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนจะสวยสู้คุณหนูของเขาได้ วันนี้เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่ง เป็นหน้าที่ที่ไม่อาจจะพูดหรือบอกใครได้ โดยเฉพาะคุณหนูตันหยง“ตันหยง” นางสรวงสุดาเดินลงมาทันก่อนบุตรสาวจะก้าวขึ้นรถ เธอเรียกเอาไว้เพราะมีเรื่องบางอย่างต้องการพูดด้วย“คุณแม่ มีอะไรกับตันหยงหรือเปล่าคะ”“แต่งตัวซะสวย มีนัดกับใครที่ไหนล่ะ” มารดาไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน“ตันหยงมีนัดกับคุณพ่อค่ะ คุณแม่มีอะไรคะ”“เอ่อ...มีเงินให้ฉันยืมสัก...แสนนึงมั้ย”“คุณแม่!! ตันหยงจะเอาที่ไหนมาให้คุณแม่คะ ตันหยงไม่ได้ทำงาน ที่มีกินมีใช้ก็เพราะคุณพ่อให้ทั้งนั้น แต่ตันหยงไม่มีเงินเก็บมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณแม่จะเอาไปทำอะไรคะ”“ไม่รู้สักเรื่องจะได้มั้ย” มารดาเกิดอาการฉุนเฉียว แต่บุตรสาวก็เดาได้ไม่ยากว่ามารดาจะเอาเงินไปทำอะไร“คุณแม่จะเอาเงินไปเข้าบ่อนหรือคะ ตันหยงขอได้มั้ยคะ คุณแม่อย่าเล่นอีกเลย” หญิงสาวพยายามอ้อนวอน หวังว่าคำขอของเธอจะทำให้แม่กลับตัวกลับใจ“ฉัน...ก็พยายามอยู่ แต่ว่า...เมื่อวานนี้ฉันเสียไปมาก ก็กู้เงินเขามากะว่าจะถ