Share

บทที่ 9

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-27 17:47:19

เธอรีบขยับตัวแม้จะรู้ว่ามีที่นั่งว่างฝั่งตรงข้าม แต่การต้องมานั่งอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าสองต่อสองทำให้เธออึดอัด ถึงเขาจะหล่อเหลา ถึงจะสุภาพแค่ไหน คุยสนุกแค่ไหน ก็ยังไม่ชินอยู่ดี

            ทว่ามารียันก็นั่งคุยกับจิณณ์ไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าเขาเป็นวิศวกรที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง และไม่ค่อยมีเวลากลับบ้านเหมือนคนทำงานทั่วไป เธอรู้เลยว่างานของเขาคงได้เงินดีเป็นกอบเป็นกำโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องบอก จิณณ์เป็นคนคุยสนุก นานๆ เข้าเธอก็ฟังเขาเพลินไปเหมือนกัน

            “น้องมารีเป็นเพื่อนกับนาคหรือครับ”

            “คุณนาคเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยค่ะ”

            “แล้ว”

            “อ้อ มารีเป็นหลานของน้าปรีชญาค่ะ”

            สีหน้าของจิณณ์เปลี่ยนไปนิด สายตาของเขามองกลับเข้าไปในงาน มารียันเห็นหัวคิ้วของเขาขมวดแป๊บเดียวก็คลายสีหน้าให้เป็นปกติ จิณณ์ยิ้มบางๆ

            “ที่แท้ก็คนกันเอง ผมเป็นญาติกับพี่กายเหมือนกันครับ แต่ผมคงไม่แก่ขนาดที่น้องมารีจะเรียกน้า”

            มารียันหัวเราะคิก จิณณ์ห่างไกลจากคำว่า ‘แก่’ อีกไกลโข โดยเฉพาะเวลาที่เขายิ้ม ลักยิ้มข้างแก้มทำให้เขาดูน่ามอง น่ารัก และพลอยจะทำให้เธอต้องยิ้มตามได้ง่ายๆ

            “คุณจิณณ์ไม่แก่เลยค่ะ อายุแค่ 30 จะแก่ได้ยังไงคะ”

            “แล้วใครแก่” เสียงห้าวๆ ห้วนๆ ดังขัดอารมณ์ดีๆ ของทั้งคู่ จิณณ์และมารียันหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนเป็นเงาทะมึนอยู่ในความมืด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร

            “น้ากาย” มารียันลุกขึ้น คงไม่ควรถ้ากายจะเห็นเธอนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายอื่นสองต่อสอง เธอออกมาจากซุ้มท่าทางหงอยๆ เซื่องๆ จิณณ์ลุกขึ้นบ้างแถมมองสาวน้อยแปลกๆ

            แปลกที่ทำไมมารียันถึงต้องกลัวกาย

            “ทำไมมานั่งตรงนี้มืดๆ ในงานคนเยอะแยะ อาหารก็เพียบ อร่อยๆ ทั้งนั้นไม่ชอบเหรอ” หรือชอบมานั่งอ่อยผู้ชาย

            กายไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายออกไป ไม่อยากทำให้เด็กสาวอายต่อหน้าชายคนอื่น นอกจากจะทำให้เธออายต่อหน้าเขาคนเดียว

            “ชอบค่ะ แต่มารี เอ่อ”

            “น้องมารีไม่ชอบควันบุหรี่ครับพี่กาย” จิณณ์แก้ตัวให้ พร้อมกับจับผิดคนทั้งคู่ไปในตัว กายเป็นผู้ชายสุภาพและไม่เคยข่มผู้หญิงจนหงอแบบนี้มาก่อน ส่วนมารียันก็ดูจะเกรงอกเกรงใจน้ากายขนาดไม่ลืมหูลืมตา

            “ฉันก็สูบบุหรี่” กายโพล่งขึ้น มารียันรีบส่ายหน้า

            “มารีไม่รังเกียจที่น้ากายสูบบุหรี่นะคะ”

            จิณณ์มองมารียันอย่างไม่เข้าใจ เกรงใจได้ในฐานะอีกฝ่ายเป็นน้าเขย แต่เกรงจนหงอแบบนี้มันไม่ใช่ จิณณ์ลอบมองกายที่ยืนอยู่ในเงามืด แววตาของกายสะท้อนแสงจันทร์จนเห็นลางๆ ว่างเป็นประกายจัด จิณณ์ตกใจไม่น้อย เป็นผู้ชายด้วยกันทำไมจะไม่รู้สายตาชนิดนั้นสื่อความหมายว่าอะไร

            “นายล่ะจิณณ์ มาทำอะไรตรงนี้ หรือเหม็นควันบุหรี่เหมือนกัน”

            “พี่กายก็น่าจะพอรู้นี่ครับว่าผมไม่สูบบุหรี่ ถ้าผมจะเกลียดควันบุหรี่ก็คงไม่แปลกกระมังครับพี่”

            “จะได้เวลาเป่าเทียนแล้ว กลับไปในงานเถอะ” กายต้องข่มความรู้สึกทุกอย่างให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า แม้เสียงของเขาก็ยังทุ้มต่ำน่าฟัง ทว่ามารียันกลับรู้สึกว่าอารมณ์ของกายไม่เป็นปกติ

            จิณณ์พอจะเดาออกจากสายตาชนิดนั้นของกาย เขาอดเสียดายมารียันไม่ได้ เธอสวยและน่ารักเหมือนดอกไม้แรกแย้มที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนให้เข้าใกล้ จิณณ์ต้องตัดใจเดินกลับเข้าไปในงานก่อน ปล่อยให้มารียันเดินตามกายมาต้อยๆ เหมือน...

            ทาส

            กายปล่อยให้จิณณ์เดินนำไปก่อนหลายก้าว แล้วค่อยหันมากดเสียงดุใส่มารียัน

            “คืนนี้เจอกัน”

            “คะ? คืนนี้เหรอคะ?”

            นี่มันกี่ทุ่มแล้ว กว่าจะเสร็จจากงานเลี้ยง กว่าจะกลับบ้าน และกว่าจะออกจากบ้านซึ่งคงต้องแอบหนีแม่ออกมา มันยากและใช้เวลาไม่น้อย เธอจะทำยังไง

            “หูเธอไม่ได้หนวกกะทันหันหรอกมั้ง”

            “แต่มารีต้อง”

            “แล้วเจอกันคืนนี้หนูมารี”

            กายทิ้งท้ายไว้แค่นั้นโดยไม่รับฟังความอึดอัดใจหรือไม่พยายามช่วยมารียันแก้ปัญหาใดๆ เธอมีหน้าที่ที่ต้องทำตามคำสั่ง ไม่ว่าจะต้องลำบากยากเข็นแค่ไหน มารียันต้องไปหาเขาเมื่อเขาต้องการ

            มารียันกระสับกระส่ายหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ กับแม่คงต้องออกอุบายอะไรสักอย่าง ต้องทำทั้งที่ไม่เคยโกหกแม่มาก่อนยกเว้นตอนที่กลับจากวันฝนตกวันนั้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ต้องหาเรื่องโกหก ต้องไปหาน้ากายให้ได้ เพราะถ้าไม่ไปคราวนี้ทุกอย่างเป็นต้องพังราบเป็นหน้ากอง รวมทั้งศักดิ์ศรีของผู้หญิงใจง่ายอย่างเธอด้วย

           

            ขากลับบ้าน มารียันกับแม่กลับมาพร้อมน้ากายด้วยเขายืนยันว่าจะต้องมาส่งให้ได้ เมื่อลงจากรถและเข้าไปอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว สาวน้อยก็เปิดฉากคำโกหกพกลมครั้งที่สองในชีวิต

            “แม่คะ ตอนที่อยู่ในงาน กฤษณาโทร.มาชวนให้ไปอยู่เป็นเพื่อนสัก 3 ชั่วโมงค่ะ”

            “ทำไม พ่อแม่หนูกิ๊กไปไหนเสียล่ะฮึ”

            “พ่อแม่กิ๊กกำลังเดินทางกลับจากต่างจังหวัดค่ะ เมื่อวานบ้านข้างๆ บ้านกิ๊กมีโจรขึ้นบ้านแล้วยังจับโจรไม่ได้ กิ๊กอยู่คนเดียวก็เลยกลัวค่ะ”

            “แล้วจะกลับยังไง”         

            “พอพ่อแม่กิ๊กกลับมา กิ๊กจะมาส่งมารีที่บ้านค่ะ”

            “ส่งกันไปส่งกันมา กลางค่ำกลางคืนดึกๆ ดื่นๆ อันตรายนะลูก แม่ว่ายังไงซะมารีก็นอนที่นั่นไปก่อนคืนนี้”

            “แม่อยู่คนเดียวได้หรือคะ มารีเป็นห่วงแม่” มารียันไม่ได้โกหก ไปไม่กี่ชั่วโมงก็ยังดีกว่าทิ้งแม่ให้อยู่บ้านตามลำพัง บาปกรรมหลอกแม่ไปนอนที่อื่น คิดแล้วก็อยากดื้อแพ่งกับน้ากายจริงๆ

            “แม่อยู่ได้ หมู่บ้านเรายังไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายๆ เวรยามก็ทำงานกันดีไม่ขาดตกบกพร่อง แม่แต่ข้าวของก็ไม่เคยหาย ไปอยู่เป็นเพื่อนกิ๊กเถอะลูก แม่ไม่เป็นไร”

            “ถ้างั้นมารีขออนุญาตนะคะแม่ ถ้ากลับบ้านได้มารีจะรีบกลับมาอยู่กับแม่นะคะ ปิดประตูหน้าต่างให้ดีนะคะแม่ ถ้าถึงแล้วมารีจะโทร.มาบอก”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทาสสวาทชู้ซาตาน   บทที่ 55

    “มารีเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับความรักมากมายเช่นนี้ ชั่วชีวิตของมารีก็แค่หวังว่าจะได้รับความรักและความจริงใจจากใครสักคน แต่สิ่งที่มารีได้มามันมากมายเหลือเกินค่ะ มากจนพูดออกมาคงไม่หมด มารีขอบคุณทุกคนที่ทำให้มารีมีวันนี้โดยเฉพาะแม่กับน้าปรี ถ้าไม่มีทั้งสอง มารีก็คงไม่มีวันนี้ และ...” มารียันสบตาเจ้าบ่าวรูปงามของตน ก่อนกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาให้ไหลออกมาจากหางตาเพื่อช่วยให้เธอเห็นหน้าเขาได้ถนัด “มารีขอบคุณพี่กายที่ให้โอกาส ขอบคุณที่ทำให้มารีมีความสุข ตั้งแต่คบหาดูใจกันมา พี่กายยังไม่เคยทำให้มารีเสียใจเลยค่ะ พี่กายเหมาะที่จะเป็นสามีและเป็นพ่อคนได้แล้วนะคะ มารีเชื่อว่าพี่กายจะทำได้ดีที่สุด จะดูแลมารีและลูกให้ดีที่สุดได้แน่นอนค่ะ” เธอถูกเขากอดแน่น ทุกคนลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดีให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว กายดึงตัวออกเมื่อคิดว่าได้เวลาจะต้องลงจากเวทีแล้ว “เดี๋ยวค่ะ มารียังพูดไม่จบ” “วี๊ดวิ้ว” มีเสียงหนึ่งโห่ร้องขึ้น “มารีมีของขวัญจะมอบให้ทุกคนโดยเฉพาะคุณเจ้าบ่าวค่ะ” กายเลิกคิ้วขึ้นและ

  • ทาสสวาทชู้ซาตาน   บทที่ 54

    “ครับคุณเขม คุณเก้ากับผมรู้ใจกันดี ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้คุณเขมสวยมากเลยนะครับ ไม่พาลูกๆ มาด้วยหรือครับ” “กะว่ากลับจากงานนี้จะพากันไปต่อที่อื่นครับ เลยต้องทิ้งก้างขวางคอไว้กับคนเลี้ยงที่บ้าน โอ๊ยยยย” ดนัยณุโอดครวญอีกรอบ เขมมิกายิ้มแหยๆ แก้มแดงซ่านขึ้นมาทันที “เมียจ๋า วันนี้หยิกผัวกี่ทีแล้วจำไว้ด้วยนะจ๊ะ เพราะผัวจะคิดทบต้นทบดอกเอาให้คลานลงจากเตียงเลย” พูดจบก็เอี้ยวตัวหลบวูบ เจ้าบ่าวหัวเราะสนุกสนาน นึกขอบใจเมียรักที่ทำให้เขายิ้มได้หัวเราะเป็นอย่างตอนนี้ มันมีความสุขมากเลยล่ะ “ยินดีด้วยนะครับคุณกาย” เวฆินทร์ควงคู่มากับศรีภรรยาอย่างลัดจันทร์ เธอแต่งชุดเดรสสำหรับคนท้องแก่ใกล้คลอดได้น่ารักที่สุด และสวยที่สุดรองๆ จากเจ้าสาวเลยทีเดียว “ขอบคุณครับคุณสี่ ใกล้คลอดเต็มทีแล้วสินะครับ” “เดือนนี้ล่ะครับ อีกไม่กี่วันก็คงคลอด นี่ก็เกินเวลาครบกำหนด 39 สัปดาห์ มา 5 วันแล้ว หมอว่าอยากให้คลอดเองครับ แต่เค้าน้ำยังไม่เดินสักที ถ้ามะรืนนี้น้ำไม่เดิน คงต้องปรึกษาคุณหมอแล้วล่ะครับ ผมเป็นห่วงแม่กับลูกในท้องน่ะครับ” “เด็กหัวดื้อน่ะ

  • ทาสสวาทชู้ซาตาน   บทที่ 53

    มารียันครางโหย มือกดศีรษะคนรักให้แนบชิดกับร่างสวรรค์ กระดกสะโพกแนบปากที่กำลังทำรักให้เธออย่างทุรนทุราย ไม่ต้องถูกพันธนาการก็ทรมานแทบขาดใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กายก็คือกายอยู่วันยังค่ำ เมื่อปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้แตกซ่าน กายก็พลิกร่างขาวให้นอนคว่ำ ประคองบั้นท้ายเอาไว้ด้วยสองมือ ใบหน้าหล่อเหลาแนบเข้าหากลีบดอกไม้ไหวอีกครั้ง “โอ้วว ซี้ดดด เสียวจังค่ะที่รัก” ปลายนิ้วถูกส่งผ่านเข้าไปในปากถ้ำ เกร็งข้อนิ้วจนแข็งแล้วกระทุ้งอยู่ในร่องกระสัน มวลแห่งความสุขเจิ่งนองจนผ้าปูที่นอนเปียกชุ่มเป็นดวงใหญ่ สายน้ำที่ไหลบ่าผ่านต้นขาที่กำลังสั่นระริก กายมองมันอย่างหิวโหยก่อนตวัดปลายลิ้นดื่มด่ำรสชาติความสาวให้อิ่มเอม “ตาฉันแล้วที่รัก ได้โปรดบอกว่าเธอรักฉันมากแค่ไหนคนเก่ง” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนกางขาออกกว้าง สัดส่วนความเป็นชายตั้งฉากกับลำตัวสูงใหญ่ มารียันคืบคลานอยู่กลางหว่างขา มือลูบไล้พวงสวรรค์ที่อุดมไปด้วยพงขนดกหนา “มารีรักน้ากายมากเลยค่ะ” แล้วเธอก็บอกรักเขาด้วยการกระทำ ปากเล็กๆ ช่างมีพิษสงร้ายกาจ เธอครอบครองเขาด้วยริมฝีปาก ดู

  • ทาสสวาทชู้ซาตาน   บทที่ 52

    ‘หึ น่าสงสาร ตลอดเวลาที่ผ่านมานาคอิจฉามันตลอด เพราะอากายชอบมัน นาครู้จากสายตาของอากาย ที่แท้...มันก็ไม่น่าอิจฉาเลยสักนิด มันน่าสมเพชมากกว่าที่มารักคนอย่างอากาย และต้องอดทนยอมให้อากายเฆี่ยนตี’ ‘หุบปากของเธอแล้วไปได้แล้ว’ เขากำลังจะทนฟังไม่ได้ เรื่องจริงแบบนี้ กายไม่ต้องการฟัง ‘อากายไม่ได้รักมัน หึ หึ เพราะถ้ารัก อากายต้องคิดถึงอนาคตมากกว่าเล่นสนุกกับมันไปวันๆ นี่ล่ะค่ะที่นาคว่ามันน่าสมเพชมากๆ’ ‘เลิกพูดเสียทีฉันไม่อยากฟัง’ ‘ถึงนาคพูด อากายก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ เพราะอากายไม่ปกติ อากายมีความสุขอยู่บนความเจ็บปวดของคนอื่น แต่มารียันเก่งนะคะที่ทนไหว เธอต้องพาร่างอันบอบช้ำไปเรียนพร้อมกับแบกความเจ็บปวดเจียนตายไปด้วย ยอดคนจริงๆ ทนได้ไงไม่รู้’ ‘ฤทัยนาค! ถ้าเธอไม่ออกไป ฉันจะเหวี่ยงเธอออกไปเอง’ ‘ทนฟังไม่ได้เหรอคะ ก็นาคพูดเรื่องจริง ถ้าอากายรักใครเป็น อากายจะรู้ว่าความรักมันไม่ชอบหรอกค่ะความเจ็บปวดน่ะ ต่อให้มารียันบอกว่าทนได้เพื่ออากายก็เถอะ เอาเข้าจริงวันหนึ่งก็ต้องทนไม่ไหวค่ะ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยกัน อากายจะฟาดแส้ใส่ท้องนูนๆ ที่ม

  • ทาสสวาทชู้ซาตาน   บทที่ 51

    “เธอไม่เชื่อคำพูดของฉันงั้นเหรอ” กายโวยวาย “ให้ตายสิมารี กว่าฉันจะเค้นมันออกมาจากปาก ฉันต้องเสียเวลาไปเท่าไหร่ ฉันต้องคิดต้องกลั่นกรอง และต้องแน่ใจแค่ไหนว่าสิ่งที่กำลังรู้สึกมันเรียกว่าอะไร แล้วนี่...คนที่ฉันเพิ่งจะปริปากบอกรักกลับไม่เชื่อคำพูดของฉัน”“กะ...ก็...น้ากายไม่เคยรักใครนี่คะ” เธอกระพริบตาปริบๆ“แล้วคนไม่เคยรักใคร จะต้องรักไม่เป็นตลอดไปหรือไงกันฮะ”“อะไรอ่ะ” เธอทำคอย่น ทำตาเหลือกเหมือนคนหวาดกลัว“อะไร อะไรอีกฮะ” ท่าทางของเธอทำให้เขานึกหมั่นไส้“คนบอกรักเขาต้องตะคอกใส่กันแบบนี้ด้วยหรือคะ”ปากกายขยับยุกยิกเหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียงดังออกมา ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงคุกเข่า นั่นยิ่งทำให้มารียันตกใจจนก้าวถอยหลัง“มารี” กายทอดเสียงอ่อนนุ่มแบบไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ มันดังออกมาจากใจไม่ใช่แค่ลมปาก “ฉันรักเธอนะ จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งประโยคนี้ก็ยังคงความหมายเดิมไม่เปลี่ยน ความหมายที่ดังออกมาจากใจ ไม่ใช่แค่คำพูด ฉันรักเธอ เธอเป็นรักแรกของฉัน เป็นรักเดียวที่เกิดขึ้น และจะเป็นรักที่มั่นคงยั่งยืนไม่มีการเปลี่ยนแปลง” กายดึงมือของเธอมากุมไว้ รับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือนจากเรื

  • ทาสสวาทชู้ซาตาน   บทที่ 50

    ร่างกายของเขาพยศเหมือนม้า คึกคักและสนุกสนาน ทิ่มทะลวงปั่นป่วนในร่องสวรรค์ ปลายเล็บของมารียันขูดข่วนไปทั่วเรือนกายจนแสบสัน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาคลั่งในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็ฉีดพร่าง ร่างแกร่งที่ยืนพิงกระจกห้องนอนเล็กบนชั้นสองกระตุกเฮือก ความสุขหลั่งไหลท่วมท้นเพียงแค่คิดถึงเธอ เขาก็สุขได้ไม่!เขาไม่ได้ต้องการแค่ในมโนภาพ!!รถลัมโบกินี่ราคาแพงระยับเคลื่อนออกจากบ้านหลังงามในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา รถคันงามในฝันของใครหลายคนแล่นไปบนถนนและยังไม่ทันออกพ้นหมูบ้านก็มีรถสปอร์ตสีแดงสดแล่นเข้ามา“ปี๊นๆ” รถสีแดงบีบแตรให้รถสีส้มดำกายขมวดคิ้ว ใครกันที่บีบแตรเรียกเขา รถไม่คุ้นตาสีสดใสนั่นเป็นของใครกัน“อากายคะ” ฤทัยนาคลดกระจกลงให้กายเห็น “จะไปไหนคะอากาย”หัวคิ้วของกายคลายออก หลุบตามองริมฝีปากของฤทัยนาคที่ยิ้มจนเห็นฟันซี่ขาว“จะไปไหน” เขาถามกลับไป“นาคจะมาหาอากายไงคะ”กายหลุบตาลงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าแล้วบอกให้ฤทัยนาคขับเข้าไป ส่วนเขาก็กลับรถเพื่อนำหน้ารถอีกคันมาที่บ้าน“เข้าไปในบ้านก่อนสินาค”“อากายยังไม่บอกนาคเลยว่าจะออกไปไหนคะ”“แล้วนาคมาหาอาทำไม”ฤทัยนาคจับมือใหญ่ก่อนจะลูบขึ้นไปตามแขน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status