“อย่าปฏิเสธเลยครับ ผมไม่ยอม”
ปฏิเสธเสียงเด็ดขาดทว่ารอยยิ้มยังคาอยู่ที่ปาก กายก็เห็นคนที่ยืนหันหลังให้ไม่ยอมหันกลับมาเสียที
“ดูท่าหนูมารีจะหิวจัด เลยมองผมไม่เห็น” เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะเหมือนอารมณ์ดี กังสดาลกระตุกแขนลูกให้หยุดสนใจอาหารก่อน
“มารีไหว้น้ากายสิลูก”
มารียันจำต้องหันมายกมือไหว้น้าเขย ริมฝีปากของกายยิ้มแต่ดวงตาของเขาไหววาบโชนแสงก่อนจะปรับให้อ่อนโยนเป็นนิจ รอยยิ้มหวานๆ ส่งผ่านไปถึงแม่ของเธอ มารียันจึงฉวยโอกาสหลุบตามองพื้น
“ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่มางานนี้ อาจจะเป็นงานเด็กๆ แต่ผมก็อยากให้มา”
“ไม่เด็กแล้วค่ะ คุณนาคโตเป็นสาวแล้วนะคะ สวยด้วยสิ เห็น มารีเล่าให้ฟังว่าคุณนาคเป็นดาวคณะด้วยนี่คะ” มารียันได้ยินคำชื่นชมของแม่ก็เงยหน้าขึ้นมอง แม่ทำเหมือนปลื้มปริ่มกับการได้มางานเลี้ยงวันเกิดของฤทัยนาคนักหนา มารียันไม่เข้าใจเลย
“แต่ผมว่าหนูมารีสวยกว่านะครับ”
มารียันไม่คิดว่าจะได้รับคำชมจากกาย เขาชมจริงๆ หรือแค่ล้อกันเล่นๆ ดูสิ เขาไม่แม้แต่มองเธอด้วยหางตา หรือแค่คำทักทายกันเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
หน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัดของเด็กสาว ทำให้กายแค่นยิ้มแล้วต้องเอ่ยขอตัวกับกังสดาลพร้อมกับให้ปรีชญาคล้องแขนเดินไปรอบๆ งาน มารียันเผลอมองตาละห้อย เขาทั้งคู่เหมาะสมกันมาก เหมาะที่จะเป็นคู่ชีวิต ถ้าได้มองอยู่ห่างๆ โดยไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ไม่มีวันที่เธอจะเทียบปรีชญาติด
คนที่เหมาะจะคล้องแขนน้ากาย มีแต่น้าปรีชญาเท่านั้น
ฤทัยนาคมองตามอากายกับอาสะใภ้ไปจนทั้งคู่ถูกรุมจากเพื่อนนักธุรกิจ อาการคล้องแขนเดินด้วยมาดนางพญาของปรีชญาช่างขัดใจเธอเหลือเกิน ถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่ปรีชญาแต่เป็นเธอจะดีแค่ไหน
ตั้งแต่กาย บริพัตน์กายชล แต่งงานไปแล้วครอบครัวก็ได้สมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น นั่นคือปรีชญา บริพัตน์กายชล อาสะใภ้ของเธอ ไม่มีใครรู้หัวใจของฤทัยนาคเหมือนถูกบีบให้แหลกเหลว ชายหนุ่มที่หมายปองตั้งแต่เจอกันครั้งแรกถูกอาสะใภ้ช่วงชิงไปต่อหน้าต่อตา ทั้งที่อากายควรจะเป็น ‘สมบัติ’ ของเธอเท่านั้น
ความเป็นอากับหลานไม่ได้มีความสำคัญใดๆ ในความรู้สึกของฤทัยนาค เธอรู้ว่าอากายกับพ่อไม่ใช่พี่น้องแม่เดียวกัน ถึงจะเกิดจากพ่อคนเดียวกันแต่ถึงอย่างไรเธอก็ควรได้สิทธิ์ครอบครองเขามากกว่าใคร ไม่ใช่ปรีชญา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอต้องทนฝืนความเจ็บปวดเอาไว้ ในเมื่อเธอยังไม่อยู่ในสถานะที่ช่วงชิง ‘ของมีค่า’ กลับคืนมาก็จำต้องอดทน จำต้องมองและริษยาปรีชญาทุกครั้งที่เห็นแม่คนนั้นควงแขนอากายของเธอ
นังนั่นไม่ควรมีค่าในสายตาของอากายเลยสักนิด
ความริษยาทำให้ฤทัยนาคตาลุกวาวและเกือบทำกล่องของขวัญใบเล็กยับเยิน ถ้าจะไม่มีเพื่อนมาร่วมอวยพรพร้อมของขวัญที่หอบหิ้วกันมาทุกคน ฤทัยนาคจำต้องฝืนยิ้มแล้วสวมกอดเพื่อนๆ ก่อนจะทำเป็นลืมเรื่องของอากายแล้วเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานไม่ให้เสียบรรยากาศ
เบื้องหลังของสามีภรรยาที่คล้องแขนกันเดินห่างออกไปช่างบีบหัวใจมารียันเหลือเกิน สาวน้อยไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจจึงต้องขอตัวหลบไปนั่งใต้ซุ้มพวงแสด ดอกไม้สีส้มประหนึ่งดอกพลาสติกพาดเลื้อยไปตามแนวไม้ใช้กันแดดได้ ดูแล้วเพลิดเพลินตาเพลินใจ
มารียันจิ้มขนมหวานเข้าปากหวังจะให้รสชาติความหวานดับความเศร้าในใจ คนที่บอกจะเรียกหาแต่เขาไม่เคยเรียก เธอคงไม่มีค่าพอจะให้ตามตัว เป็นเพียงของเล่นฆ่าเวลายามเหงา จะโทษเขาก็ไม่ถูกเธอเองที่มอบตัวมอบใจให้ เด็กแก่แดด ร่านตัณหา คงยังน้อยไปด้วยซ้ำ แต่อารมณ์ในช่วงนั้นมันเกินจะเหนี่ยวรั้งไว้จริงๆ ความไร้ประสบการณ์ทำให้อารมณ์สาวเตลิดเปิดเปิงจนกู่ไม่กลับ
แล้วน้ากายไม่รู้หรือไงว่าถูกน้าปรีชญาสวมเขา
และหากจะรู้ก็ไม่ต่างกัน เพราะน้ากายก็กำลังสวมเขาให้น้าปรีชญา
“สวัสดีครับ”
มารียันเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอายุไม่น่าจะเกิน 30 เขาคนนี้ดูดีด้วยรูปร่างและหน้าตาชวนมอง ถึงจะหล่อเหลาไม่เท่าน้ากาย แต่ชายคนนี้ก็ดึงดูดสายตาสาวๆ ได้ไม่น้อย
“สวัสดีค่ะ”
“อากาศตรงนี้ดีกว่าข้างในอีกว่ามั้ยครับ ข้างในงานมีแต่ควันบุหรี่ พวกเขาเห็นที่นี่เป็นผับบาร์ไปแล้วหรือไงไม่ทราบ ถึงได้สูบบุหรี่พ่นควันกันโขมง”
มารียันมองกลับไปข้างในงานเลี้ยงวันเกิดที่ไม่เล็กเหมือนปกติ จริงตามที่ชายคนนี้บอก แค่มองเข้าไปก็ยังเห็นกลุ่มควันลอยฟุ้งกระจาย ผู้หญิงในนั้นไม่แสบจมูกแสบคอกันบ้างหรือไร หรือว่าชินชากันไปหมดแล้ว
“คงเป็นเรื่องธรรมดามั้งคะ เจ้าของงานไม่ได้ห้ามสูบบุหรี่นี่คะ”
“คุณชอบคนสูบบุหรี่หรือครับ ผิดกับผม ผมไม่ชอบเลย ไม่คิดว่ามันเท่ห์หรือมันจะทำให้ความเครียดลดน้อยลงเลย ยิ่งสูบก็ยิ่งเครียดมากกว่า”
“มารี เอ่อ บางคนอาจจะสูบบางเวลานะคะ”
“ชื่อมารีเหรอครับ”
“มารียันค่ะ”
“ชื่อเพราะจังครับ ผมชื่อจิณณ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักน้องมารียัน”
“ค่ะ” มารียันไม่รู้จะตอบอะไรก็ได้แต่รับคำไปตามระเบียบ
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
“มารีเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับความรักมากมายเช่นนี้ ชั่วชีวิตของมารีก็แค่หวังว่าจะได้รับความรักและความจริงใจจากใครสักคน แต่สิ่งที่มารีได้มามันมากมายเหลือเกินค่ะ มากจนพูดออกมาคงไม่หมด มารีขอบคุณทุกคนที่ทำให้มารีมีวันนี้โดยเฉพาะแม่กับน้าปรี ถ้าไม่มีทั้งสอง มารีก็คงไม่มีวันนี้ และ...” มารียันสบตาเจ้าบ่าวรูปงามของตน ก่อนกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาให้ไหลออกมาจากหางตาเพื่อช่วยให้เธอเห็นหน้าเขาได้ถนัด “มารีขอบคุณพี่กายที่ให้โอกาส ขอบคุณที่ทำให้มารีมีความสุข ตั้งแต่คบหาดูใจกันมา พี่กายยังไม่เคยทำให้มารีเสียใจเลยค่ะ พี่กายเหมาะที่จะเป็นสามีและเป็นพ่อคนได้แล้วนะคะ มารีเชื่อว่าพี่กายจะทำได้ดีที่สุด จะดูแลมารีและลูกให้ดีที่สุดได้แน่นอนค่ะ” เธอถูกเขากอดแน่น ทุกคนลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดีให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว กายดึงตัวออกเมื่อคิดว่าได้เวลาจะต้องลงจากเวทีแล้ว “เดี๋ยวค่ะ มารียังพูดไม่จบ” “วี๊ดวิ้ว” มีเสียงหนึ่งโห่ร้องขึ้น “มารีมีของขวัญจะมอบให้ทุกคนโดยเฉพาะคุณเจ้าบ่าวค่ะ” กายเลิกคิ้วขึ้นและ
“ครับคุณเขม คุณเก้ากับผมรู้ใจกันดี ไม่มีปัญหาหรอกครับ วันนี้คุณเขมสวยมากเลยนะครับ ไม่พาลูกๆ มาด้วยหรือครับ” “กะว่ากลับจากงานนี้จะพากันไปต่อที่อื่นครับ เลยต้องทิ้งก้างขวางคอไว้กับคนเลี้ยงที่บ้าน โอ๊ยยยย” ดนัยณุโอดครวญอีกรอบ เขมมิกายิ้มแหยๆ แก้มแดงซ่านขึ้นมาทันที “เมียจ๋า วันนี้หยิกผัวกี่ทีแล้วจำไว้ด้วยนะจ๊ะ เพราะผัวจะคิดทบต้นทบดอกเอาให้คลานลงจากเตียงเลย” พูดจบก็เอี้ยวตัวหลบวูบ เจ้าบ่าวหัวเราะสนุกสนาน นึกขอบใจเมียรักที่ทำให้เขายิ้มได้หัวเราะเป็นอย่างตอนนี้ มันมีความสุขมากเลยล่ะ “ยินดีด้วยนะครับคุณกาย” เวฆินทร์ควงคู่มากับศรีภรรยาอย่างลัดจันทร์ เธอแต่งชุดเดรสสำหรับคนท้องแก่ใกล้คลอดได้น่ารักที่สุด และสวยที่สุดรองๆ จากเจ้าสาวเลยทีเดียว “ขอบคุณครับคุณสี่ ใกล้คลอดเต็มทีแล้วสินะครับ” “เดือนนี้ล่ะครับ อีกไม่กี่วันก็คงคลอด นี่ก็เกินเวลาครบกำหนด 39 สัปดาห์ มา 5 วันแล้ว หมอว่าอยากให้คลอดเองครับ แต่เค้าน้ำยังไม่เดินสักที ถ้ามะรืนนี้น้ำไม่เดิน คงต้องปรึกษาคุณหมอแล้วล่ะครับ ผมเป็นห่วงแม่กับลูกในท้องน่ะครับ” “เด็กหัวดื้อน่ะ
มารียันครางโหย มือกดศีรษะคนรักให้แนบชิดกับร่างสวรรค์ กระดกสะโพกแนบปากที่กำลังทำรักให้เธออย่างทุรนทุราย ไม่ต้องถูกพันธนาการก็ทรมานแทบขาดใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กายก็คือกายอยู่วันยังค่ำ เมื่อปลุกเร้าอารมณ์หญิงสาวให้แตกซ่าน กายก็พลิกร่างขาวให้นอนคว่ำ ประคองบั้นท้ายเอาไว้ด้วยสองมือ ใบหน้าหล่อเหลาแนบเข้าหากลีบดอกไม้ไหวอีกครั้ง “โอ้วว ซี้ดดด เสียวจังค่ะที่รัก” ปลายนิ้วถูกส่งผ่านเข้าไปในปากถ้ำ เกร็งข้อนิ้วจนแข็งแล้วกระทุ้งอยู่ในร่องกระสัน มวลแห่งความสุขเจิ่งนองจนผ้าปูที่นอนเปียกชุ่มเป็นดวงใหญ่ สายน้ำที่ไหลบ่าผ่านต้นขาที่กำลังสั่นระริก กายมองมันอย่างหิวโหยก่อนตวัดปลายลิ้นดื่มด่ำรสชาติความสาวให้อิ่มเอม “ตาฉันแล้วที่รัก ได้โปรดบอกว่าเธอรักฉันมากแค่ไหนคนเก่ง” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนกางขาออกกว้าง สัดส่วนความเป็นชายตั้งฉากกับลำตัวสูงใหญ่ มารียันคืบคลานอยู่กลางหว่างขา มือลูบไล้พวงสวรรค์ที่อุดมไปด้วยพงขนดกหนา “มารีรักน้ากายมากเลยค่ะ” แล้วเธอก็บอกรักเขาด้วยการกระทำ ปากเล็กๆ ช่างมีพิษสงร้ายกาจ เธอครอบครองเขาด้วยริมฝีปาก ดู
‘หึ น่าสงสาร ตลอดเวลาที่ผ่านมานาคอิจฉามันตลอด เพราะอากายชอบมัน นาครู้จากสายตาของอากาย ที่แท้...มันก็ไม่น่าอิจฉาเลยสักนิด มันน่าสมเพชมากกว่าที่มารักคนอย่างอากาย และต้องอดทนยอมให้อากายเฆี่ยนตี’ ‘หุบปากของเธอแล้วไปได้แล้ว’ เขากำลังจะทนฟังไม่ได้ เรื่องจริงแบบนี้ กายไม่ต้องการฟัง ‘อากายไม่ได้รักมัน หึ หึ เพราะถ้ารัก อากายต้องคิดถึงอนาคตมากกว่าเล่นสนุกกับมันไปวันๆ นี่ล่ะค่ะที่นาคว่ามันน่าสมเพชมากๆ’ ‘เลิกพูดเสียทีฉันไม่อยากฟัง’ ‘ถึงนาคพูด อากายก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ เพราะอากายไม่ปกติ อากายมีความสุขอยู่บนความเจ็บปวดของคนอื่น แต่มารียันเก่งนะคะที่ทนไหว เธอต้องพาร่างอันบอบช้ำไปเรียนพร้อมกับแบกความเจ็บปวดเจียนตายไปด้วย ยอดคนจริงๆ ทนได้ไงไม่รู้’ ‘ฤทัยนาค! ถ้าเธอไม่ออกไป ฉันจะเหวี่ยงเธอออกไปเอง’ ‘ทนฟังไม่ได้เหรอคะ ก็นาคพูดเรื่องจริง ถ้าอากายรักใครเป็น อากายจะรู้ว่าความรักมันไม่ชอบหรอกค่ะความเจ็บปวดน่ะ ต่อให้มารียันบอกว่าทนได้เพื่ออากายก็เถอะ เอาเข้าจริงวันหนึ่งก็ต้องทนไม่ไหวค่ะ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยกัน อากายจะฟาดแส้ใส่ท้องนูนๆ ที่ม
“เธอไม่เชื่อคำพูดของฉันงั้นเหรอ” กายโวยวาย “ให้ตายสิมารี กว่าฉันจะเค้นมันออกมาจากปาก ฉันต้องเสียเวลาไปเท่าไหร่ ฉันต้องคิดต้องกลั่นกรอง และต้องแน่ใจแค่ไหนว่าสิ่งที่กำลังรู้สึกมันเรียกว่าอะไร แล้วนี่...คนที่ฉันเพิ่งจะปริปากบอกรักกลับไม่เชื่อคำพูดของฉัน”“กะ...ก็...น้ากายไม่เคยรักใครนี่คะ” เธอกระพริบตาปริบๆ“แล้วคนไม่เคยรักใคร จะต้องรักไม่เป็นตลอดไปหรือไงกันฮะ”“อะไรอ่ะ” เธอทำคอย่น ทำตาเหลือกเหมือนคนหวาดกลัว“อะไร อะไรอีกฮะ” ท่าทางของเธอทำให้เขานึกหมั่นไส้“คนบอกรักเขาต้องตะคอกใส่กันแบบนี้ด้วยหรือคะ”ปากกายขยับยุกยิกเหมือนจะพูดแต่ไม่มีเสียงดังออกมา ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงคุกเข่า นั่นยิ่งทำให้มารียันตกใจจนก้าวถอยหลัง“มารี” กายทอดเสียงอ่อนนุ่มแบบไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ มันดังออกมาจากใจไม่ใช่แค่ลมปาก “ฉันรักเธอนะ จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้งประโยคนี้ก็ยังคงความหมายเดิมไม่เปลี่ยน ความหมายที่ดังออกมาจากใจ ไม่ใช่แค่คำพูด ฉันรักเธอ เธอเป็นรักแรกของฉัน เป็นรักเดียวที่เกิดขึ้น และจะเป็นรักที่มั่นคงยั่งยืนไม่มีการเปลี่ยนแปลง” กายดึงมือของเธอมากุมไว้ รับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือนจากเรื
ร่างกายของเขาพยศเหมือนม้า คึกคักและสนุกสนาน ทิ่มทะลวงปั่นป่วนในร่องสวรรค์ ปลายเล็บของมารียันขูดข่วนไปทั่วเรือนกายจนแสบสัน แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาคลั่งในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็ฉีดพร่าง ร่างแกร่งที่ยืนพิงกระจกห้องนอนเล็กบนชั้นสองกระตุกเฮือก ความสุขหลั่งไหลท่วมท้นเพียงแค่คิดถึงเธอ เขาก็สุขได้ไม่!เขาไม่ได้ต้องการแค่ในมโนภาพ!!รถลัมโบกินี่ราคาแพงระยับเคลื่อนออกจากบ้านหลังงามในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา รถคันงามในฝันของใครหลายคนแล่นไปบนถนนและยังไม่ทันออกพ้นหมูบ้านก็มีรถสปอร์ตสีแดงสดแล่นเข้ามา“ปี๊นๆ” รถสีแดงบีบแตรให้รถสีส้มดำกายขมวดคิ้ว ใครกันที่บีบแตรเรียกเขา รถไม่คุ้นตาสีสดใสนั่นเป็นของใครกัน“อากายคะ” ฤทัยนาคลดกระจกลงให้กายเห็น “จะไปไหนคะอากาย”หัวคิ้วของกายคลายออก หลุบตามองริมฝีปากของฤทัยนาคที่ยิ้มจนเห็นฟันซี่ขาว“จะไปไหน” เขาถามกลับไป“นาคจะมาหาอากายไงคะ”กายหลุบตาลงอีกครั้งอย่างครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าแล้วบอกให้ฤทัยนาคขับเข้าไป ส่วนเขาก็กลับรถเพื่อนำหน้ารถอีกคันมาที่บ้าน“เข้าไปในบ้านก่อนสินาค”“อากายยังไม่บอกนาคเลยว่าจะออกไปไหนคะ”“แล้วนาคมาหาอาทำไม”ฤทัยนาคจับมือใหญ่ก่อนจะลูบขึ้นไปตามแขน