“เย้! เสร็จสักที เห้ออออ”
นิลกาฬส่งชาร์ตข้อมูลคนไข้ให้พยาบาล ผุดลุกขึ้นยืนพลางเหยียดแขนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบตามร่างกายหลังนั่งประจำห้องตรวจยิงยาวจนถึง 4 โมงเย็น
หิวจัง~
และแค่คิดกระเพาะก็ส่งเสียงร้องดังลั่นราวกับกำลังจะประท้วงว่าวันนี้ทั้งวันเพิ่งมีเพียงชาเขียวและมัฟฟินช็อกโกแลตแค่ชิ้นเดียวตกถึงท้อง
หญิงสาวควักมือถือมากดหาพิกัดร้านอาหารที่ใกล้ที่สุด ครู่เดียวก็ถอนหายใจเฮือก ถอดใจทันทีที่เห็นความแดงเถือกปรากฏบนหน้าจอ
ให้ฝ่ารถติดไปหาอาหารมื้อเย็นแบบคนปกติตอนนี้คงไม่ไหว สงสัยต้องฝากท้องกับอาหารญี่ปุ่นขาประจำอีกแล้ว
“นิลกลับแล้วนะคะพี่ ๆ สวัสดีค่ะ”
“กลับดี ๆ นะคะหมอนิล / บ๊ายบายค่าหมอ”
นิลกาฬแวะอำลาพี่ ๆ พยาบาลที่มาขึ้นเวรบ่าย ก่อนพาร่างที่ใกล้จะพังเต็มทน เดินลากขาออกไปจากบริเวณห้องตรวจด้วยท่าทีเหนื่อยล้า
ถึงวันนี้เธอไม่ได้ขึ้นเวรก็จริง แต่ว่าเธอล้าเกินกว่าจะหอบร่างกลับไปนอนบ้านที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลถึงยี่สิบกิโลเมตร ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดจึงไม่พ้นเป็นคอนโดใหม่ที่เพิ่งเซ็นรับมา
ฉับพลันหัวคิ้วก็มุ่นเข้าหากันแน่น ใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เธอเร่งฝีเท้ามากขึ้นพลางเหลียวหลังไปมองข้างหลังด้วยความไม่สบายใจอยู่หลายหน
แม้มองไม่เห็นตัวบุคคลแต่เธอมั่นใจว่ากำลังมีใครบางคนแอบเดินตามเธออยู่ห่าง ๆ มาตั้งแต่ตัวตึก
“แย่จริง! วันนี้ดันจอดรถไกลซะด้วย”
นิลกาฬบ่นอุบกับตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนกดหาเบอร์ฟ้าใส เพื่อนสนิทที่ผันตัวไปเปิดคลินิกเสริมความงามของตัวเอง ทว่าจนแล้วจนรอดปลายสายก็ไม่มีการตอบรับใด ๆ
นิลกาฬออกอาการลุกลีลุกลนอย่างปิดไม่มิด ยิ่งเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นเงาดำวูบไหวที่อยู่ห่างออกไปอีกสามล็อค มือก็เร่งกดโทรหาเพื่อนสาวอย่างไม่สดละ ขณะเดียวกันสองขาก็สับถี่ยิบ ไม่คิดลดความเร็ว
“รับสิยัยฟ้า วะ ว๊าย!”
ด้วยความไม่ทันระวังและมัวแต่เหลียวไปมองข้างหลัง ผลคือไม่ทันสังเกตสิ่งแปลกปลอม กว่าจะรู้ตัวก็ตอนเผลอเหยียบกระป๋องน้ำอัดลมที่ถูกทิ้งแอ้งแม้งอยู่กลางลานจอดรถเข้าไปเต็มเท้า
ความเจ็บแล่นพล่านทำเอาเธอน้ำตาคลอ แต่ด้วยสถานการณ์ที่คับขันจึงไม่มีเวลามานั่งโอดครวญหรือสำรวจร่างกายเท่าไหร่นัก เธอรีบดีดตัวลุกขึ้นยืน กัดฟันข่มความเจ็บปวดที่ข้อศอกและสะโพกแล้วเดินต่อ
ดวงตากลมโตเป็นประกายฉายแววมีความหวัง เมื่อมองเห็นรถยนต์คันจิ๋วของตัวเองซึ่งจอดอยู่เกือบสุดอีกฟากของลานจอดรถ เร่งฝีเท้าจนอีกนิดจะเรียกว่าวิ่ง
แต่แล้วในนาทีที่เหลือระยะทางเพียงสิบก้าว จู่ ๆ ก็มีใครบางคนกระโดดเข้ามารวบตัวเธอไปกอด
“กรี๊ดดดด”
นิลกาฬหลับตาปี๋ กรีดร้องด้วยความตกใจ เธอรีบสะบัดตัวออกห่างจากคนแปลกหน้าทันทีที่สบโอกาส สองมือไม้ตวัดฟาดสะเปาสะปะโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันตัว
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
“โอ๊ย! หยุด หยุดก่อน ยัยหมอผี! นี่ฉันเอง!”
หมอผี?
สรรพนามการเรียกที่ไม่เหมือนใครทำให้หญิงสาวชะงักมือที่กำลังยื้อยุดกับคนตรงหน้า แล้วค่อย ๆ เปิดเปลือกตามาหรี่มองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
กระทั่งพบว่าคนที่กระโดดมาขวางทางเมื่อครู่คือคชา ผู้ชายปากปีจอที่เพิ่งเจอกันที่ร้านกาแฟเมื่อตอนเที่ยง ความหวาดกลัวก็คล้ายถูกยกออกจากอก ก่อนนาทีต่อมาจะถูกแทนที่ด้วยความโมโห
“นี่นายแกล้งฉันเหรอ! ว่างมากนักหรือไง!”
นิลกาฬแผดเสียงลั่น โมโหจนน้ำตาคลอเบ้าเมื่อคิดว่าเงาดำที่เดินตามเธอมาตลอดทางคือเขา เขาจะรู้ไหมว่าเธอตกใจจนแทบเข่าอ่อน ช่วงนี้ยิ่งดูซีรีย์พวกฆาตรกรรมต่อเนื่อง คดีสืบสวนสอบสวนเยอะเสียด้วย
คชาไม่ตอบแต่รั้งร่างอรชรเข้ามาใกล้ ครั้นพอเธอดิ้นหนีก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
“อย่าเพิ่ง”
เขาแสร้งแสดงออกว่าสนิทสนมกับหญิงสาว หากสายตาคมกลับจับจ้องไปยังเสาต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเขม็ง
“มีคนเดินตามเธอมาตั้งแต่ในตึกแล้ว ไม่รู้ตัวเลยหรือไงยัยบ้า”
ใบหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียดเกินกว่าจะเป็นการล้อเล่น อีกทั้งนิลกาฬเองก็รับรู้ถึงความผิดปกติเธอจึงเชื่อสนิทใจว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง
ความกลัวผลักให้ร่างอรชรขยับเบียดจนแทบเกยคางบนไหล่อีกฝ่าย
“ตะ...ตรงไหน ข้างหลังใช่ไหม”
พร้อมกันนั้นก็กลั้นใจเหล่ตาไปมองทางทิศที่เคยเห็นเงาดำ พลันร่างก็ชาวาบเมื่อสายตาปะทะเข้ากับส่วนปลายของรองเท้าหนังสีดำสนิทที่โผล่พ้นขอบเสาออกมา
“ฮื่อ ฉะ..ฉัน ฉันเห็นรองเท้าที่เสาโรลดี มันใช่ ใช่ไหม?”
คชามองข้ามไหล่ไปยังทิศทางที่นิลกาฬบอกแวบนึงก็พยักหน้าแทนคำตอบ คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก
“มากับฉัน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
นิลกาฬเผลอพยักหน้ารับ พอนึกขึ้นได้ว่าอีกนิดจะถึงรถแล้วเธอก็ส่ายหัว
“ฉันเอารถมา อ้าว เดี๋ยวสิ”
ท้วงไม่ทันขาดคำคนปากเสียก็ฉุดกระชากลากเธอไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
โอ๊ย ไอ้คนเอาแต่ใจ!
ครั้นจะอ้าปากท้วงอีก เขาก็จับยัดเธอเข้าไปในรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล แถมยังปิดประตูใส่หน้าเสียงดัง
ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยไหม ปัดโถ!
“จีน่า? คชาคะ? เนคไทด์เบี้ยว? ยัยนี่สินะที่เป็นเจ้าของรอยลิปสติกวันนั้น เหอะ!”นิลกาฬลดมือลงมาข้างตัวพลางนึกภาพจิตนาการตามสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไปด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น มือเล็กออกแรงบีบโทรศัพท์ในมือมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“หมอนิลคะ”“....”“หมอนิล!”นิลกาฬสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันมองตามเสียงเรียกด้วยสีหน้างุนงง ริมฝีปากคลี่ยิ้มละมุนเมื่อพบว่าเป็นพี่ณา รุ่นพี่พยาบาลที่ทำงานอยู่ห้องฉุกเฉินนั่นเอง“รถบัสมาแล้วค่ะ มีอะไรให้พี่ช่วยยกขึ้นรถไหมคะ”“อ่อ ไม่มีหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ”หมอสาวคลี่ยิ้มจริงใจให้รุ่นพี่ ก่อนจะเดินตามหลังเธอไปขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่บริเวณลานจอดสายตาอึ้งทึ่งจ้องมองคนอื่น ๆ ที่ลากกระเป๋าเดินทางไซส์กลางแล้วดึงสายตากลับมามองกระเป๋าในมือตัวเองคนอื่นขนกันมาเยอะไป หรือฉันเอามาน้อยไปวะเนี้ย? นี่คงไม่มีใครถึงขนาดพกเต้นท์ส่วนตัวติดไปด้วยหรอกนะขาเรียวก้าวขึ้นรถแล้วเลือกที่นั่งที่คิดว่าปลอดภัยและเป็นส่วนตัวที่สุด มือเล็กกดพิมข้อความส่งไปหาคชาอย่างที่ตกลงกันไว้มือเล็กก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่หูแล้วพิงศีรษะเข้ากับกระจกพลางหลับตาพริ้ม ริมฝีปากยกยิ้
นิลกาฬสูดหายใจเข้าลึก ๆ เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ขณะที่มือเล็กบีบก้านจับประตูแน่น ในหัวเอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนโชคดีที่วันนี้เธอจะได้ออกเดินทางขึ้นเหนือแล้ว จึงทำให้เลี่ยงการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มได้อย่างเหมาะเจาะ“หวังว่าเขาจะยังไม่ตื่นนะ”เธอค่อย ๆ บิดก้านจับประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนโผล่หน้าออกมาหันซ้ายหันขวา เช็คดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่นอกทางเดินจึงแทรกตัวออกมาด้านนอก แล้วหมุนตัวไปดึงประตูให้ปิดลง“ทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ”“ว๊ายยยย”นิลกาฬสะดุ้งโหยงสุดตัวด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ คนที่คิดว่ายังไม่ตื่นสวมกอดเธอจากด้านหลัง ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูอีกด้วย“ฉะ...ฉัน ฉัน ฉัน”“คิดว่าฉันจะมองเกมส์เธอไม่ออกเหรอ หื้มม?”คชาอมยิ้ม วางคางสากลงบนไหล่มนพลางกระชับอ้อมแขนมากขึ้น ใช้ปลายจมูกคลอเคลียไปตามพวงแก้มนวลอย่างหยอกเย้า“มาเถอะ เดี๋ยวไปส่ง”ซึมซับความหอมละมุนจากกายสาวอยู่สักพัก คชาก็คลายอ้อมกอดออก ดึงกระเป๋าเสื้อผ้ามาถือให้แล้วใช้มืออีกข้างคว้ามือเล็กมาเกาะกุม ก่อนจะจูงมือพาเธอไปขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอย่างที่ทำอยู่เกือบทุกวันหมอสาวนั่งเ
สมองยังไม่ทันจะสั่งการแต่ทว่าร่างกายกลับทำตามความคิดไปเสียแล้ว ปากร้อนประกบลงมาแนบชิด ค่อย ๆ ไล้เลียไปตามกลีบปากนุ่ม ขบเม้มเบา ๆ หยอกเย้าอย่างอ่อนโยน"อื้ออ!”นิลกาฬรู้สึกได้ว่ารสจูบในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งอื่น ๆ มันนุ่มนวลและอ่อนหวานเสียจนใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน จิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงพลางร้องครางอู้อี้เมื่อชายหนุ่มเพิ่มน้ำหนักการบดจูบให้ร้อนแรงขึ้น“ยะ...หยุดก่อน! ฉะ...อื้อออ”เธอรีบอ้าปากหอบหายใจ ปากเล็กเปล่งเสียงร้องทันทีที่ได้รับอิสระ แต่ยังไม่ทันจะพูดได้ครบทั้งประโยค ข้อมือเล็กถูกรวบด้วยมือเดียวยกขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับริมฝีปากร้อนที่วกกลับมาสร้างความวาบหวามรัญจวนใจให้เธออีกครั้งเพียงแค่ได้สัมผัสความอ่อนหวานที่คิดถึง เขาก็หน้ามืดจนหลงลืมข้อปฏิบัติที่ตนเองท่องอยู่ทุกวันไปชั่วขณะ ยิ่งได้ยินเสียงหวานร้องครางกระเส่าด้วยแล้ว ความยับยั้งชั่งใจที่มีอยู่น้อยนิดก็กระเด็นกระดอนหายไปในอากาศทันทีคชาบดจูบดูดดึงปากเล็กจนบวมเจ่อ ใช้ความชำนาญที่มีทั้งหมดล่อลวงให้หญิงสาวคล้อยตาม ยอมเปิดปากให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากและกวาดไล้ต้อนลิ้นเล็กอย่
นิลกาฬลากขาเดินตามหลังคชาไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานยิงยาวทั้งวันทั้งคืนจนแทบหมดแรงเดิน มือเล็กยกขึ้นปิดปากเดินหาวหวอด ๆ มองคชาที่ล้วงคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หน้าด้าน หน้ามึน หน้าทน ไม่มีใครเกิน! ติ้ดติ้ด! แกร่ก!มือหนาผลักประตูห้องออกกว้างพลางเบี่ยงตัวหลบให้หมอสาวเดินนำเข้าไปในห้องก่อนนิลกาฬทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจเมื่อเขายังคงทำตัวราวกับเป็นเจ้าของห้องไม่มีเปลี่ยน แต่เธอทั้งเหนื่อยและหิวเกินกว่าจะอ้าปากห้ามให้เปลืองพลังงาน เธอก้าวผ่านหน้าคชาเข้าไปด้านในแต่ไม่วายขอกัดเพื่อความสบายใจสักคำสองคำ“เชิญค่ะ ตามสบายนะคะ คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง”“ครับที่รักกกก”นิลกาฬกรอกตามองบนใส่คนหน้ามึนแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง เหม่อมองร่างสูงก้ม ๆ เงย ๆ จัดหนังสือที่เธอรื้อออกมาอ่านทบทวนเมื่อวานให้กลับเข้าที่ด้วยสีหน้าครุ่นคิดฉันควรทำโล่ให้นายดีไหมนะเกือบ 2 เดือนแล้วสินะที่เขาโผล่กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง คชายังคงทำตัวเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอได้เสมอต้นเสมอปลายอย่างน่าชื่นชมเขายึดทุกอย่างไปไว้กับตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจ
“อารมณ์ดีกันจังเลยนะคะคู่นี้ ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่าเป็นแฟนหมอนิลอีกคน”ถ้อยคำหยอกเย้าแฝงด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนของคู่กัดเจ้าเก่า ตามด้วยเจ้าของประโยคที่หย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ถัดไปจากเกมส์นิลหันไปมองตามเสียงแล้วคลี่ยิ้มหวานแบบเฉพาะที่มีไว้ให้เจ้าหล่อนแค่คนเดียว ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าไม่ต่างกัน“ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกัน ยังดูแลนิลดีขนาดนี้เลย ไม่อยากจะนึกถึงตอนเป็นแฟนกันเลยนะคะ”สองสาวประสานสายตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นนิ่งนาน จนคนกลางอย่างเกมส์ลอบกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ มองใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความประดิษฐ์ของทั้งสองสลับกันไปมา พลางขยับตัวขยุกขยิกไปมาด้วยความอึดอัด“ตามประสาพี่น้องน่ะครับหมอเรนนี่”“ใช่ค่ะ ตามประสาพี่น้องที่เขามีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน แต่เอ....มันก็เป็นปกติไม่ใช่เหรอคะ”นิลกาฬพูดเสริม ยกยิ้มมุมปากแล้วเอียงคอมองหน้าเรนนี่ด้วยแววตาใสซื่อ คิดว่าสร้างภาพเป็นคนเดียวเหรอคะ เฮลโหล!“แบบนี้หมอนิลก็คงจะมีพี่น้องอยู่ทุกแผนกเลยสิคะเนี้ย ก็อัธยาศัยดีออกขนาดนี้”หื้มมมม? นี่แอบด่าว่าฉันแรดป่ะว๊า? งั้นก็มาค่ะ! อยากกัดกับฉันใช่ไหมคะ ด้ายยยยยยย“แหม~ ไม่ถึงขนาดนั้นหร
@1 เดือนถัดมาร่างบางลนลานหยิบข้าวของ วิ่งหน้าตั้งลงจากรถยนต์คันหรูของคชาที่เพิ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล ก่นด่าตัวเองในใจไปด้วยโทษฐานที่เมื่อคืนเผลอดูซีรี่ย์เพลินจนนอนตื่นสายจนได้ กระจกรถถูกเลื่อนลงจนสุดเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของสารถี แล้วตามด้วยเสียงตะโกนเรียกจากเจ้าของรถ“นิล! โทรศัพท์!!”แต่ดูท่าว่าคนตื่นสายจะไม่ได้ยิน และยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าปัจจัยห้าของเธอ ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ในช่องใส่ของบนรถคชาขยับรถเข้าไปจอดรถในที่ว่างที่ไม่กีดขวางคนอื่น กดเปิดไฟฉุกเฉินทิ้งไว้ก่อนจะรีบวิ่งเหยาะ ๆ ตามหลังหมอสาวไป“นิล!”นิลกาฬชะงักฝีเท้าแล้วหันตามเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลัง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความงุนงง แล้วหยุดฝีเท้ายืนอยู่กับที่เมื่อเห็นว่าคนเรียกเมื่อครู่เป็นคชา“เอ้า! ตามลงมาทำไม วันนี้นายมีประชุมไม่ใช่เหรอ”“ยัยซื่อบื้อ! เธอลืมมือถือ!”คชาใช้โทรศัพท์มือถือเคาะลงบนศีรษะทุยเล็กเบา ๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะยื่นมันคืนให้เธอ มือเล็กยกขึ้นลูบบริเวณที่ถูกตีปอย ๆ พลางทำหน้ามุ่ยมองค้อนใส่“ไม่ต้องมาสวดแช่งฉันในใจ วันนี้อยู่เวรไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็ลงแดงตายพอดีถ้าไม่มีเกม