“คุณคีย์! ฉันจะปิดร้านแล้วนะคะ”
“อืม...อะไรกัน ผมยังไม่อยากกลับเลยยยยย”
คีรติมองคนเก่งเมื่อครู่ที่ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพหมดท่า พูดแทบจะไม่เป็นภาษา จากตอนแรกที่มั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองคอแข็ง ดื่มกี่แก้วก็ไม่เมา เอาเข้าจริงก็อย่างที่เห็น...
คีตะฟุบลงคอพับคออ่อนอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจากอาการมึนเมา ดวงตามากเสน่ห์คู่นั้นเวลานี้ดูฉ่ำเยิ้มและหวานหยดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
แต่ตอนนี้คีรติไม่มีเวลามาชื่นชมความดูดีของคีตะ เธอต้องส่งเขากลับบ้านให้ได้ก่อน!
“คุณเมามากแล้วนะคะ นี่ถ้ารู้ว่าคุณจะเก่งแต่ปากแบบนี้ ต่อไปฉันไม่ตามใจแล้วนะ” หญิงสาวอดดุเขาไม่ได้ ทว่าคนโดนดุจู่ ๆ กลับเงยหน้ามองเธอแล้วยิ้มหวาน
“เวลาเค้กดุนี่...น่ารักจัง”
รู้ทั้งรู้ว่าเขาพูดด้วยความเมามาย คีรติก็ไม่ได้ขัดเขินน้อยลงเลยสักนิด ว่ากันว่าคนเมามักจะพูดความจริง สิ่งที่คีตะพูดเมื่อครู่...เขาคงคิดแบบนั้นจริง ๆ สินะ?
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้วค่ะ ฉันว่าคุณเรียกรถกลับเถอะ เมาขนาดนี้น่าจะขับรถไม่ไหว”
“ใจร้ายจังน้า ผมเป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ คุณกล้าปล่อยผมกลับบ้านคนเดียวได้ไง” ว่าพลางทำแก้มป่องเหมือนเป็นเด็ก ก่อนจะคว้าแก้วไวน์หมายจะยกดื่มอีกครั้ง
“พอแล้วคุณคีย์ ฉันไม่ให้คุณดื่มแล้วนะคะ” คีรติแย่งแก้วไวน์กลับมาแทบไม่ทัน
“คุณก็รู้ว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจ ขอผมดื่มต่อหน่อยเถอะนะ...”
“ไม่ได้ค่ะ พรุ่งนี้คุณค่อยมาดื่มใหม่” ยอมรับว่าเธอสงสารเขาเหมือนกัน ยิ่งพอได้รู้ว่าชายหนุ่มเพิ่งสูญเสียพ่อไป ยิ่งทำให้หญิงสาวสะท้อนใจ ทุกวันนี้เธอกับพ่อไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร แต่อย่างน้อยเธอก็ยังโชคดีที่มีท่านอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร คอยปกป้องดูแลลูกสาวอย่างเธอเสมอมา
“ก็ได้ ในเมื่อคุณไล่กันขนาดนี้ ผมกลับก็ได้” คีตะลุกขึ้นยืนพรวดพราดจนหญิงสาวตกใจ เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหน้าเธอด้วยซ้ำ คนตัวสูงเดินโซซัดโซเซไปยังประตูทางออก
“คุณคีย์ นี่คุณประชดฉันหรือไง” จะให้ปล่อยคนเมาเดินไปลำพัง เห็นทีจะใจดำเกินไป หญิงสาวจึงปรี่เข้าไปประคองชายหนุ่มที่เกือบจะล้มอยู่หลายต่อหลายครั้ง
“ผมไม่มีสิทธิ์ประชดคุณหรอก ผมมันก็แค่ลูกค้าคนหนึ่ง หมดเวลางานผมก็หมดความสำคัญแล้ว ปล่อยเถอะ ผมจะกลับ”
“เดี๋ยวสิคะ นี่คุณคิดว่าฉันเป็นคนยังไง เฮ้อ…เอาเถอะ คุณคงเมามาก มาค่ะ ให้ฉันช่วยดีกว่า” คีรติพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ ทั้งห่วงทั้งโมโหที่ถูกชายหนุ่มพูดจาแบบนั้นใส่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ก็เธอกับเขาเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเอง เธอทำได้เพียงพยุงร่างสูงออกไปเรียกรถกลับที่พักเท่านั้น
“ผมไม่ไหวจริง ๆ เค้ก ขอผมนอนที่นี่ได้ไหม” คีตะหยุดเดิน เบือนหน้ามาร้องขอหญิงสาว สายตาเขาฉายแววอ้อนวอนราวกับคนไร้ที่ไปจริง ๆ
“ไม่ได้ค่ะ” คีรติตอบทันที
“อย่าใจร้ายกับผมนักเลย ผมขอร้อง” คีตะคว้าเอวบางของคนตัวเล็กที่กำลังประคองเขาไว้ด้วยความยากลำบาก พอได้อยู่แนบชิดกันชายหนุ่มถึงรู้สึกว่าคีรติตัวเล็กกว่าเขามาก เธอสูงเพียงระดับอกเขาเท่านั้น ที่น่าโมโหที่สุดคือกลิ่นกายของหญิงสาวดันหอมเย้ายวนเป็นบ้า ทำเอาคีตะที่เผลอสูดกลิ่นหอม ๆ เข้าไปเต็มปอด ต้องเร่งขับไล่ความคิดชั่ว ๆ ของตัวเองออกไปทันที
“ขะขออะไรคะ ปล่อยฉันนะ คุณกำลังทำให้ฉันกลัวนะคะ” คีรติใช้สองมือดันอกแกร่งออกห่างอย่างหวาดหวั่น เธอแอบเห็นดวงตาคู่คมข่มปิดลงแวบหนึ่ง ราวกับเขากำลังหักห้ามใจตัวเอง? ต่อมาคีตะถึงยอมปล่อยตัวเธอในที่สุด
“ผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ” ร่างสูงยกมือลูบหน้าเพื่อเรียกสติตนเอง ก่อนจะสบตาเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย...ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“ผมจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ...”
“ฉันยอมให้คุณนอนค้างที่ห้องทำงานก็ได้ค่ะ” หญิงสาวโพล่งออกมาจนได้ ด้วยสภาพเมามายของคีตะแล้วเห็นทีเขาคงไม่สามารถดูแลตัวเองได้จริง ๆ หากเขาโชคร้ายเจอโจรในคราบคนขับรถโดยสารขึ้นมา คีรติคงจะรู้สึกผิดมากแน่ ๆ
“ผมทำให้คุณลำบากใจใช่ไหม ไม่เป็นไร ผมไหววว~”
“พูดแทบจะไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว เอาอะไรมาไหวคะเนี่ย มานี่เลย” คนตัวเล็กตัดสินใจประคองคนเมาอีกครั้ง เอาแขนข้างหนึ่งของเขาพาดบ่าตัวเอง ก่อนจะพาเดินไปห้องทำงานอย่างทุลักทุเล
ปกติแล้ว ที่นี่เป็นห้องนอนเฉพาะกิจยามเมื่อเธอเบื่อไม่อยากกลับบ้าน แต่เวลานี้เธอจำต้องเสียสละห้องให้กับคนเมาจนดูแลตัวเองไม่ได้แล้วละ
ฟึ่บ!
คีรติวางชายหนุ่มลงบนโซฟาตัวใหญ่ด้านในห้องทำงาน ก่อนหอบหายใจเหนื่อย ๆ การประคองผู้ชายตัวสูงราวร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ในขณะที่เธอสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบไม่ใช่ง่าย ๆ ทั้งยังกินพลังมากจริง ๆ
หญิงสาวปาดเหงื่อที่ผุดซึมบนหน้าผากแล้วเท้าเอวมองคนเมามาย ทันทีที่แผ่นหลังคีตะแตะโซฟาเบาะนุ่ม ชายหนุ่มก็ดูเหมือนจะสิ้นฤทธิ์ หายใจเป็นจังหวะ ค่อย ๆ หลับตาจมสู่ห้วงนิทราในที่สุด
“เฮ้อ ฉันจะเอายังไงกับคุณดีนะคุณคีย์” คีรติมองคนที่กำลังนอนหลับสบายใจเฉิบอยู่ตรงหน้า มุมปากอีกฝ่ายดูเหมือนกำลังอมยิ้มอยู่ไม่มีผิด?
น่าโมโหชะมัด...
คนอะไรขนาดเมาจนหมดสภาพแล้วแท้ ๆ กลับยังดูดีเสียจนเธอไม่อยากละสายตาไปไหน!
“พอ ๆ เลิกคิดไร้สาระได้แล้วเค้ก” หญิงสาวส่ายหน้าเตือนสติตัวเอง ก่อนจะทบทวนอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรต่อดี หากทิ้งชายหนุ่มไว้ที่บาร์ลำพังก็ดูจะเสี่ยงไปหน่อย เธอกับเขาเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันเอง แต่จะให้นอนค้างที่นี่กับเขาด้วย...ก็กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีก
ก็นะ เสียอะไรก็เสียได้ ยกเว้นเสียตัวนี่นา
สุดท้ายคีรติตัดสินใจทิ้งผู้ชายอันตรายคนนี้ให้นอนเฝ้าบาร์ไปคนเดียว ส่วนเธอจะกลับบ้าน พรุ่งนี้เช้าค่อยรีบเข้ามาดูเขาก่อนน้ำผึ้งจะเข้างาน
ที่สำคัญ เรื่องเธออนุญาตให้ผู้ชายนอนค้างที่บาร์จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด!
“แล้วไปค่ะ ไม่งั้นเค้กก็แย่เลยสิ” คีรติถอนหายใจ ยินยอมเปิดเปลือยทุกความรู้สึกของตนให้ชายหนุ่มรับรู้อย่างไม่อาย สำหรับความรักครั้งนี้ เธอไม่อยากมีข้ออคติในใจ รวมทั้งอยากให้ชายหนุ่มได้รู้จักตัวตนของเธอในทุกด้านด้วย“จริงสิ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมมีแฟนล่ะ ลูกค้าหนุ่ม ๆ ก็น่าจะตามจีบคุณเยอะไม่ใช่เหรอ ผมเชื่อว่าผมไม่ใช่คนแรกแน่ ๆ ที่สนใจคุณ”“อืม...ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวย่นคิ้วน้อย ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้เค้กคิดว่ายังไม่พร้อมจะมีใคร คนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยถามว่ามีไหม มันก็มีค่ะ แค่สุดท้ายไปกันไม่รอด เพราะพ่อเค้กไม่อนุญาตให้มีแฟน ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ท่านเลือกให้”หญิงสาวกำลังนึกถึง ‘เหมราช’ เพื่อนของพี่ชาย คนที่ฐานทัตผู้เป็นพ่อหมายมั่นจะให้เป็นคนรักของเธอ จริงอยู่ว่าเหมราชแสดงออกชัดเจนว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าพี่น้อง แม้เขาจะไม่เคยพูดมันออกมาตรง ๆ ก็ตาม แต่เธอมองเหมราชเป็นพี่ชายมาโดยตลอด เพราะเข้าใจไปว่าทุกสิ่งที่เขาทำน่าจะเกิดจากความต้องการของผู้เป็นพ่อ“แบบนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นสินะ” คีตะเหยียดยิ้ม คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เขาเลือกเข้าหาคีรติ เธอคงไม่รู้อะไรเลย แต่เขารู้...รู
ก๊อก ๆ ๆ คีรติเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ปัญหาใหญ่ที่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้นั่นคือ พวกเขาสองคนไม่ได้ตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนมาด้วย ทว่า…ก่อนจะได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนหญิงสาวจัดสาบเสื้อคลุมอาบน้ำบนร่างให้ปกปิดมิดชิด แล้วเดินไปส่องที่ตาแมวตรงประตู พบว่าเป็นพนักงานหญิงของทางโรงแรมจึงเปิดให้ทันที“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงเป็นมิตร“ดิฉันเอาเสื้อผ้ามาให้คุณผู้หญิงค่ะ” พนักงานคนดังกล่าวส่งถุงใส่ของมาให้เธอคีรติส่ายศีรษะปฏิเสธ “เอ่อ แต่ว่าฉันไม่ได้สั่งอะไรนะคะ”“คุณผู้ชายที่มากับคุณเป็นคนสั่งให้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พนักงานตอบยิ้ม ๆ“อ่อ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คีรติยอมรับถุงเสื้อผ้าเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้หญิงสาวเปิดถุงเสื้อผ้าออก พบว่ามีเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองชิ้นนี้ไม่ได้สวยน่ารักหรือสวมใส่สบายเท่าชุดนอนตัวโปรดของเธอ แต่คีรติกลับพอใจกับมันจริง ๆ โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สามารถใส่เสื้อยืดผู้ชายแบบโอเวอร์ไซซ์ได้ ไม่อย่างนั้นพนักงานคงหาซื้อชุดให้เธอลำบากแย่ว่าแต่...ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะเธอมองเวลา ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว เด
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ว่าแต่คุณออกมากับผมแบบนี้ทางบ้านว่าอะไรไหม” คีตะเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ เขารู้ว่าคีรติเป็นลูกนอกทะเบียนสมรสของฐานทัตกับภรรยาน้อย แต่ที่เขาไม่แน่ใจนักคือความสัมพันธ์ของเธอกับผู้เป็นพ่อ ในข่าวต่างตีแผ่มากมายว่าเธอเป็น ‘ลูกนอกคอก’ ที่พ่อไม่รัก แต่พอได้รู้จักกับหญิงสาวจริง ๆ คีตะไม่อยากจะเชื่อว่าฐานทัตจะใจจืดใจดำจนไม่นึกรักลูกสาวคนนี้ในเมื่อคีรติทั้งน่ารักและอ่อนหวานเสียปานนี้“อ่อ เค้กไม่ได้บอกอะไรค่ะ” สีหน้าหญิงสาวหม่นลง หากบอกพ่อว่าออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟน มีหวังทั้งเธอและคีตะคงไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไปแน่“ทำไมล่ะ...เอ่อ ขอโทษถ้าผมเสียมารยาท คุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ”“คุณไปอยู่เมืองนอกมานาน เค้กไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้จักพรรคการเมืองในไทยบ้างหรือเปล่า”“ทำไมเหรอครับ” คีตะกระตุกยิ้มซ่อนแววตาลึกล้ำทำไมจะไม่รู้ เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้เลยละ!“พ่อของเค้กท่านเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนค่ะ” เธอเดาไม่ออกเลยว่าคีตะจะรู้สึกอย่างไร บางคนอาจจะดีใจที่ได้คบหากับผู้หญิงจากครอบครัวมีอำนาจ แต่บางคนอาจจะมองว่าการคบหากับเธอจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียมากกว
คีรติกับคีตะเป็นแฟนกันแล้วทุกสิ่งอาจจะดูเหมือนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น แต่เมื่อทั้งสองคนต่างเปิดเผยความรู้สึกที่มีให้กัน คีรติกลับมีความสุขมาก เธอรู้ใจตัวเองยิ่งขึ้นว่าตนหลงรักชายหนุ่มมาก...มากเสียจนไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเขาคือรักแรกของเธอ และเธอก็หวังว่าเขาจะเป็นรักเดียวตลอดไปด้วย“รอนานไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักบุคคลที่หญิงสาวกำลังนั่งเหม่อคิดถึงอยู่เดินเข้ามาด้านในบาร์ วันนี้คีตะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำทะเล ลุคของชายหนุ่มวันนี้ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกสบายตา แม้จะแตกต่างจากทุกคืนที่เธอได้เห็นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคีตะเป็นผู้ชายหุ่นดี ไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าแบบใดก็ยังน่ามองเสมอ“ไม่เลยค่ะ ไปกันเลยไหม” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ‘แฟนหนุ่ม’ แล้วก้าวไปหาเขา“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักจัง” คีตะหยิกแก้มคนตรงหน้าเบา ๆวันนี้คีรติสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ผ้าพลิ้ว ปล่อยผมยาวสลวยเป็นลอนคลาย ๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ส่งเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานและเซ็กซี่ในคราเดียวกัน“ปากหวานแต่หัววันเลยนะคะ” หญิงสาวแสร้งค้อน ตั้งแต่คบกันมาไม่เค
“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่“คีรติ…ผ
“คุณ...อื้อ!” วินาทีต่อมา ริมฝีปากหยักกดลงหาเธออีกครั้งคีตะจูบเธออย่างคนไม่รู้จักพอ ยิ่งเมื่อร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไออุ่นและกลิ่นกายหญิงสาวก็ยิ่งพาให้สติคีตะกระเจิดกระเจิงเลือนหาย คล้ายคนมึนเมาไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจคีรติทำให้เขา ‘อยากได้’ เธอจนแทบคลั่ง!“คุณคีย์ ปล่อยค่ะ อื้อ...” คีรติพยายามห้ามปากร้อนที่เริ่มคลอเคลียลงมาถึงตรงซอกคอขาว น้ำเสียงเธอสั่นระริกด้วยความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หารู้ไม่ว่าแม้ปากตนจะเอ่ยห้าม มือทั้งสองข้างกลับเกาะเกี่ยวร่างหนาไว้แน่นไม่ให้ห่างกายไปไหนแต่เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...พลั่ก! “เค้ก..” คีตะถูกหญิงสาวผลักอกอย่างแรงจนสติกลับเข้าร่างทันทีให้ตายเถอะ! ชายหนุ่มนึกอยากจะชกหน้าตัวเองแรง ๆ สักที โทษฐานที่พลั้งเผลอไปตามอารมณ์วาบหวามจนเกือบจะหักหาญน้ำใจเธอ หากเขาทำอะไรเกินเลยไปตอนนี้ละก็ เกรงว่าหญิงสาวอาจจะไหวตัวทัน แล้วทุกสิ่งที่ทำมาก็อาจจะพังทลายลงได้ในพริบตาเย็นไว้ ถึงยังไงมึงก็ต้องได้ผู้หญิงคนนี้สักวัน...คีตะเตือนตัวเองพลางยกมือลูบผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง คนตัวเล็กรีบลุกออกจากตักเขาราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัวเสือร้ายก็ไม่ปาน แม