Mag-log inทุกค่ำคืนที่คีรติรู้ว่ามีลูกค้าจองเข้ามาใช้บริการที่บาร์ เธอจะรู้สึกตื่นเต้นเสมอ ทั้งที่เปิดบาร์มานานเกือบปีแล้วก็ยังเป็นแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยน ทว่าสำหรับครั้งนี้ คงต้องบอกว่าเป็นอารมณ์ตื่นเต้นระคนประหม่าอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับลูกค้าคนไหนมาก่อน
จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดหนึ่งเดือนเลยสินะ...
หญิงสาวพยายามถามตัวเองหลายครั้งว่าเพราะอะไร ทำไมกันนะ ผู้ชายที่ชื่อคีตะถึงได้มีผลต่อหัวใจเธอนัก คิดไปคิดมาอยู่นานเธอถึงได้คำตอบ
...ก็เพราะเขาไม่เหมือนลูกค้าชายคนไหนอย่างไรล่ะ
จริงอยู่ว่าตลอดการเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผ่านมา คีรติต้องเจอกับลูกค้ามากมาย หลายคนหวังจะเข้าหามากกว่าตั้งใจมาลิ้มลองเครื่องดื่มที่เธอตั้งใจชงให้สุดฝีมือ แต่กับคีตะ เขาคนนี้ไม่เหมือนใคร เธอสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มพยายามเข้าหาด้วยการชวนคุยอย่างสนิทสนม ในทางกลับกัน เธอก็รู้สึกถึงกำแพงสูงเสียดฟ้าที่เขาตั้งขวางไว้ด้วย เพราะแบบนี้คีรติเลยรู้สึกสนใจ อยากจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเบื้องลึกของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างไรกันแน่
ภายใต้สายตาเจ้าเล่ห์แฝงแววเย็นยะเยือกคู่นั้น มีอะไรซ่อนอยู่กัน?
“เหม่อคิดถึงผมอยู่หรือเปล่า”
“อุ๊ย! คุณคีย์ เล่นอะไรของคุณ ฉันตกใจหมด” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ คีตะเข้ามาในร้านโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง พอดีกับจังหวะที่เธอกำลัง...คิดถึงเขาอยู่!
“เดี๋ยวสิ ผมมานานแล้ว เรียกคุณตั้งหลายครั้งแล้วด้วย ไม่เชื่อถามน้ำผึ้งได้” คีตะหันไปหาพยานใกล้ตัว ทั้งเขาและน้ำผึ้งเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ตั้งนานสองนาน คุณเจ้าของบาร์ต่างหากที่เอาแต่ยืนเหม่อคิดอะไรอยู่คนเดียว
“คือ...คุณเค้กก็เหม่อลอยจริง ๆ นั่นแหละค่ะ” น้ำผึ้งยืนยันยิ้ม ๆ
เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าสองคนนั้นไม่ได้โกหก ขืนเถียงไปเธอก็มีแต่อายกับอาย คีรติเลยแสร้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา “เฮ้อ โอเค ๆ ผึ้งมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“คุณเค้กคะ คืนนี้ผึ้งขอกลับก่อน จำได้ใช่ไหมคะ” น้ำผึ้งพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ จริง ๆ เธอบอกกล่าวเจ้านายสาวไว้ก่อนจะเข้างานแล้วละ แต่ดูเหมือนคีรติจะเหม่อลอยคิดเรื่องอื่นเพลิน น่าจะเผลอลืมเรื่องเธอไปแล้วแน่ ๆ
“อ้าวเหรอ ถ้าอย่างนั้นผึ้งไปเถอะจ้ะ”
เป็นอีกครั้งที่คีรติอยากจะตีตัวเองแรง ๆ เรียกสติ ทั้งที่ลูกจ้างสาวบอกอยู่ว่าคืนนี้จะขอลางานไปกินเลี้ยงฉลองวันเกิดคนรัก
นี่เธอมัวแต่สนใจคีตะมากเสียจนไม่เป็นอันจดจำเรื่องอื่นเลยหรืออย่างไร
“งั้นผึ้งขอตัวก่อนนะคะ ไปก่อนนะคะคุณคีย์”
“โชคดีครับ” คีตะส่งยิ้มให้น้ำผึ้ง
ทันทีที่พนักงานสาวจากไป บาร์เทนเดอร์คนสวยก็หันไปจัดเตรียมเครื่องดื่มตามหน้าที่ โดยที่ใบหน้าสะสวยยังคงบึ้งตึงอยู่อย่างนั้น
“คืนนี้คุณอยากให้ฉันมิกซ์เครื่องดื่มให้ตามสะดวก หรือว่าอยากรีเควสต์อะไรไหมคะ”
“ตกลงที่ผมถามเมื่อกี้มันยังไงครับ คุณยังไม่ให้คำตอบเลยนะ”
“คะ?” หญิงสาวหันไปมองหน้าคีตะเมื่อเรื่องที่เธอกำลังถามกับเรื่องที่ชายหนุ่มพูด ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่องกันเลยนะ?
“ก็เรื่องที่คุณเหม่อลอยคิดถึงผมไง” รอยยิ้มมากเสน่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของคีตะ พาให้สองแก้มนวลของแดงระเรื่อทันที ไม่รู้ว่าด้วยเพราะเขินอายหรือโมโหที่ถูกกวนประสาทกันแน่ คีตะไม่กล้าฟันธงอย่างมั่นใจเหมือนกัน
“คุณนี่มัน...เฮ้อ! ใช่ค่ะ ฉันคิดถึงคุณ” คีรติยอมรับตามตรง
คำพูดของเธอทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มกว้าง ปากแทบจะฉีกไปถึงใบหูอยู่แล้วนั่น ทว่าหญิงสาวกลับดับฝันเขาด้วยประโยคต่อมา “ฉันคิดว่าคุณนี่มันเป็นลูกค้ายังไงกันแน่นะ มาสาย มาเลตได้ทุกวัน ที่บาร์ฉันไม่มีบริการต่อเวลานะคะ จะเริ่มกี่โมงก็ต้องจบเวลาเดิม”
รอยยิ้มที่กว้างจนน่าหมั่นไส้พลันหุบลงทันที
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมขอโทษที่ทำให้คุณ ‘รอ’ นานนะครับ แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะใช้บริการคุณเกินเวลา ผมรู้ดีว่ากับคุณคนนี้ ผมคงต้องค่อยเป็นค่อยไปหน่อย”
บาร์เทนเดอร์สาวขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่เข้าใจ “หมายความว่ายังไงคะ”
คีตะไม่ตอบคำถาม เริ่มพับแขนเสื้อเชิ้ตสีดำ ปลดกระดุมลงมาสองเม็ด เสยผมที่ปรกหน้าผากเกลี้ยงเกลาขึ้น เข้าสู่โหมดผ่อนคลายอารมณ์เต็มตัว
“เราเริ่มกันเลยดีไหม ผมคอแห้ง อยากดื่มอะไรสดชื่น ๆ น่ะ”
เห็นแบบนั้นคีรติจึงเริ่มทำหน้าที่ของตนเอง หันไปจัดการชงเครื่องดื่มให้ชายหนุ่มต่อ ประโยคที่เขาพูดไว้เมื่อครู่นี้ถูกลืมไปเสียสนิทใจ
“เรียบร้อยค่ะ เมื่อคืนก่อนฉันเห็นคุณค่อนข้างชอบเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง ลองแก้วนี้ดูนะคะ รสชาติหวานอมเปรี้ยว ลองได้ดื่มติดกันสักสามสี่แก้ว รับรองกลับบ้านไม่ถูกแน่ค่ะ”
“แล้วเคยมีแขกที่เมาเพราะเครื่องดื่มของคุณไหม” เขาว่าพลางยกแก้วดื่มรวดเดียวหมด
“เยอะแยะค่ะ เผลอ ๆ คนต่อไปก็คุณเนี่ยแหละ” คีรติมองคนอวดดีที่ยกเครื่องดื่มสีหวานกรอกลงคอจนหมดแก้ว ราวกับต้องการจะท้าทายกัน ทว่ายิ่งชายหนุ่มกล้าแบบนี้เธอก็ยิ่งชอบ
“ถ้าผมเมาก็ขอให้รู้ไว้เลยว่าเพราะผมยอมให้คุณมอมต่างหาก”
“ไม่ใช่เพราะคุณคออ่อนหรอกเหรอคะ” ปกติแล้วคีรติไม่ใช่คนชอบต่อปากต่อคำกับใคร แต่ครั้งนี้เธอหมั่นไส้หน้าหล่อ ๆ ของเขาที่เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม พูดจากวนประสาทกันไม่เลิกอยู่นั่นละ
“ผม ‘แข็ง’ มาก ไม่เชื่อก็ลองดูได้…”
ดะเดี๋ยว… คีรติรู้สึกว่าไอ้คำว่า ‘แข็ง’ ของชายหนุ่มมันสองแง่สองง่ามอย่างไรก็ไม่รู้!
หญิงสาวหลบสายตาซุกซนของลูกค้าหนุ่ม หมุนกายกลับไปชงเครื่องดื่มแก้วต่อไปเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกหวามไหวในใจ
“ปกติลูกค้าคนอื่น ๆ เขาคุยกับคุณเรื่องอะไรเหรอ”
“ก็…เรื่องทั่วไปค่ะ” หญิงสาวเลิกคิ้ว อธิบายเสริม “ถ้ามากันเป็นกรุ๊ปฉันจะแนะนำเรื่องเครื่องดื่มแต่ละประเภท แต่ถ้าลูกค้ามาคนเดียวแบบคุณ ฉันจะคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปตามที่ลูกค้าสนใจ อย่างเช่นเรื่องงาน เรื่องความรัก เยอะแยะไปหมด ว่าแต่ถามทำไมเหรอคะ”
“ผมแค่รู้สึกได้น่ะ ไม่ว่าผมชวนคุณคุยเรื่องอะไร คุณก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร” น้ำเสียงคีตะหมองลงอย่างไม่ปิดบัง
“คะ?” คีรติกะพริบตาปริบ ๆ
“อื้ม คงอยากจะเจอหลานมั้ง น้องครีมทำอะไรเอ่ยให้พ่อช่วยไหมคะ” คนเป็นพ่อรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปสนใจลูกสาวที่กำลังระบายสีอย่างเพลิดเพลินแบบเนียน ๆ“คุณพ่อระบายสีแดงนะคะ” เด็กน้อยยื่นดินสอสีแดงให้พ่อ“เอ...อาทิตย์นี้พ่อยังไม่ซื้อของเล่นให้เราเลยใช่ไหม” คีตะนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เขายุ่ง ๆ กับเรื่องงานจนไม่มีเวลามองหาของเล่นมาเอาใจลูกสาวทุกอาทิตย์เหมือนอย่างเคย“ไม่เป็นไรค่ะ อาทิตย์นี้น้องครีมไม่อยากได้อะไร” น้องครีมเจื้อยแจ้วตอบเสียงใสคำตอบของลูกทำให้คนเป็นแม่ลอบยิ้มพลางพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้สอนสั่ง ทว่าครีมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่าของเล่นที่มีอยู่ตอนนี้ก็เต็มบ้านจนเล่นแทบไม่ทันแล้ว“แน่ใจ?” คีตะย้ำถาม“งุยยย จริง ๆ ครีมอยากได้ลาบูบู้ค่ะ แต่คุณครูบอกว่ามันแพ้งแพง”“อะอ้าว ไหนบอกว่าไม่อยากได้อะไรไงคะลูก” คุณแม่อ้าปากเหวอทันที“ก็มีแค่ลาบูบู้ที่อยากได้ แต่มันแพงมากกก” เจ้าตัวน้อยลากเสียงยาวพลางทำตาปริบ ๆ“ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกน่า เดี๋ยวพ่อจัดให้เลยดีไหมคะ” คนเป็นพ่อยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเตรียมจะส่งข้อความสั่
“แหวะ!”“ไหวไหมเค้ก...” ชายหนุ่มลูบหลังปลอบคนรักที่กำลังก้มตัวอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงสาบานเลยว่าคีตะโคตรจะโกรธเกลียดตัวเอง ทำไมกันนะก่อนหน้านี้เขาทำบ้าอะไรอยู่ เขาควรจะดูแลคีรติช่วงตั้งท้องสองสามเดือนแรกให้ดี ๆ ดูซิว่าอาการแพ้ท้องเล่นงานหญิงสาวหนักขนาดไหน!หนักขนาดไหนน่ะเหรอ...ก็ชนิดที่ว่ากินอะไรไม่ได้ พานเหม็นจนคลื่นไส้ไปหมด ลุกขึ้นยืนเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็หน้ามืดวิงเวียนศีรษะ ถ้าเลือกได้เขาอยากจะแพ้ท้องแทนเธอเสียจริงตั้งแต่ตั้งครรภ์เข้าเดือนที่สี่ เธอก็ยิ่งแพ้ท้องหนักขึ้นจนกินอะไรไม่ได้ ต้องกินแค่อาหารอ่อน ๆ หรืออาหารรสจัดเท่านั้น แถมสภาวะอารมณ์ก็ไม่ค่อยปกติเท่าที่ควรอันที่จริงอาการแพ้ท้องควรจะหายไปได้แล้ว ไม่รู้เหตุใดคีรติถึงยังคงแพ้ท้องอยู่ ราวกับว่าลูกในท้องอยากให้พ่อเห็นใจแม่เยอะ ๆแต่แม่ก็เหนื่อยนะ...“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับไปกินข้าวต่อเถอะ เค้กชินแล้—” พูดยังไม่ทันจบหญิงสาวก็โก่งคออาเจียนเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้เป็นเรื่องปกติที่อารมณ์คนท้องจะแปรปรวน คีรติรู้ตัวทว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลายต่อหลายครั้งที่เธอเผลอหงุดหงิดใส่คีตะ แต่พอได้สติก็ต้องรีบไปขอโทษชายหนุ่มทัน
ก็ไม่ได้ผิดคาดสักเท่าไร...ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่คีตะทำเมื่อคืนก็ไม่ถูกต้องนัก“เค้ก มานั่งข้างป้ามา” นิษฐาเรียกลูกเลี้ยงพลางจับแขนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง คีรติกำลังตั้งครรภ์อยู่ เธอไม่อยากให้เรื่องเครียดกระทบกระเทือนจิตใจเจ้าตัวมากนัก“มึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันถูกต้องไหม” ฐานทัตจ้องคีตะเขม็ง“ไม่ครับ ผมรู้ว่าทำไม่ถูกที่พาเค้กไปแบบนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าผมไม่ทำ คุณกับไอ้เขตก็คงไม่ให้ผมเจอเค้กง่าย ๆ” คีตะตอบตามตรง ยอมรับว่าผิด แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาก็จะยังทำเช่นเดิมต่อให้คีรติไม่ใจอ่อนยอมคืนดีด้วย อย่างน้อย ๆ ครั้งหนึ่งเขาก็ได้พยายามจนสุดชีวิตเพื่อจะเปิดอกพูดคุยกับเธอแล้ว เขาไม่เสียใจเลยกับสิ่งที่ทำลงไป“มึงเลยใช้วิธีแบบพวกไม่มีการศึกษา ลักพาตัวน้องกูเนี่ยนะ” เขตคามเข่นเขี้ยว“ถ้ามันทำให้กูดีกับเมียได้ ต่อให้โดนด่าว่าไร้การศึกษา ทำตัวเหมือนสวะข้างถนน กูก็ยอม”“มึงนี่เหมือนพ่อมึงไม่มีผิด ช่างยึดมั่นถือมั่นในเป้าหมายเสียจริงนะ” ชายวัยกลางคนกระตุกยิ้มเมื่อหวนนึกถึงบุคลิกของตฤณภพ ที่ดู ๆ ไปก็เหมือนลูกชายหัวดื้อของมันอยู่“...”ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้
เช้านี้ไม่เหมือนหลายวันที่ผ่านมา...คีรติตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอบอุ่นของคีตะ เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่เธอได้นอนหลับสนิท เพียงเพราะเรื่องราวค้าง ๆ คา ๆ ที่ทำให้กังวลใจมาตลอดหลายเดือนถูกปลดล็อกจนเคลียร์ การให้อภัยชายหนุ่มและให้โอกาสตัวเองได้รักเขาอีกครั้ง เป็นเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาจิตใจเธอได้ในชั่วข้ามคืน“แอบมองผมแบบนี้ อยากได้อะไรครับ” คีตะปรือตาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียคีรติพอรู้ตัวว่าโดนจับได้ก็ทำท่าจะรีบผละกายออกจากอ้อมอกเขา เสียแต่ว่าคนมือไวแถวนี้คว้าร่างเปล่าเปลือยของเธอไปกอดแนบชิดยิ่งกว่าเดิม“คุณคีย์ ปล่อยนะคะ” หญิงสาวเขินจนหน้าแดงรีบท้วง ในใจไพล่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้...หลังจากเธอใจอ่อนยอมให้คีตะจูบ ไหนเลยเขาจะยอมจบแค่จูบเพียงครั้งเดียว คนเจ้าเล่ห์ใช้ประสบการณ์รักที่คุ้นเคยมาชักจูงเธอ ยั่วยวนเธอ จนเธอยินยอมมอบกายให้ ที่สำคัญเธอเองก็โหยหาเขาไม่ต่างกัน สุดท้ายก็พลาดท่าเสียตัวให้เขาอีกจนได้ โชคยังดีที่คนของขาดมานานนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ คีตะละเมียดละไมกลืนกินเธออย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล จนเธอหลงระเริงไปกับเขา“ไม่ปล่อย นุ่ม ๆ หอม ๆ ขนาดนี้ใครปล่อยก็บ้าแล้ว” คีตะแย้มยิ้มแ
“ฉันไม่เก่งเท่าคุณหรอกค่ะ...” เธอเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทุกคำเต็มไปด้วยความปวดร้าว “สุดท้ายฉันก็โง่... ปล่อยให้คุณเข้ามาในชีวิตอยู่ดี” คำพูดของเธอแทงลึกเข้าไปในใจของคนฟังยิ่งกว่าคำด่าเสียอีกภายนอกเธอเหมือนจะเข้มแข็ง เย็นชาไม่ใส่ใจอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ในใจลึก ๆ คีรติกลับอดนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับเขาไม่ได้...ต้องยอมรับอย่างไม่อาจหลอกตัวเองได้เลยว่า แค่ได้สบตาเขา แค่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ ปราการในใจเธอก็สั่นสะเทือนจนแทบพังคีตะ...ผู้ชายคนนั้นเหมือนเกิดมาเพื่อล่อลวงให้เธอตกหลุมพรางโดยเฉพาะเสน่ห์ของเขาร้ายกาจเกินกว่าจะต้านทานได้ และเธอ ผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจใครเลยสักคนในชีวิต กลับมีแต่เขาคนเดียวอยู่ในสายตาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา“ผมคิดว่ามันคือโชคชะตาระหว่างเรามากกว่านะ เหมือนที่ตอนแรกผมไม่คิดจะรักคุณเลยด้วยซ้ำ ตั้งใจไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะทำให้คุณหลง... แล้วก็เดินจากไปตามแผน”เขาหัวเราะนิด ๆ กลั้วความขมขื่น สายตาแอบสั่นไหวเล็กน้อย“แต่ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นผมเองที่รักคุณ แก้แค้นเองรักเสียเองซะอย่างนั้น อ้อ... ถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อยก็เถอะ”คีรติมองสบตาเขาอยู่นาน ก่อนตัดสินใจยอบกายนั่งลงข้างเขาเงียบ ๆ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตา เธอปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ“แต่สุดท้าย คนที่ทำลายกำแพงนั้นจนพังยับก็คือคุณ คุณทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่า วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามคุณ พยายามง้องอน พยายามขอความรัก อ้อนวอนให้คุณกลับมา มันน่าสมเพชแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม” เธอกัดฟันแน่น กลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ“ฉันจะเป็นจะตายทุกครั้งที่คุณเย็นชาใส่ เหมือนโลกทั้งใบจะพังทลายเวลาคุณไม่สนใจ แต่พอวันนี้ วันที่ฉันเลือกเดินออกมาจากชีวิตคุณ... คุณกลับมาบอกว่าขอโทษ?”เสียงหัวเราะเย้ยหยันหลุดออกมาอย่างไม่อาจห้าม“เหอะ แล้วคุณก็คงจะเริ่มพล่ามเรื่องอดีต... เหมือนมันจะเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดได้งั้นละ ถามหน่อยสิ... มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ คุณทำลายชีวิตฉันจนพังไปหมด แล้วแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ คำเดียว... คุณคิดว่ามันจะลบล้างทุกอย่างได้งั้นเหรอ?!”ความเจ็บปวดที่เก็บงำมานานแสนนาน ในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาหมดสิ้น...“ลืมแล้วเหรอ... ว่าคุณทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงโง่ที่โดนคุณหลอกใช้ กลายเป็นผู้หญิงที่...ท้องลูกไม่มีพ่อ!” เสียงสั่นเครือของคีรติดังขึ้นทั้งน้ำตา ราวกับกรีดหัวใจคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า“คุณร







