บอกตามตรง ถึงจะรู้สึกว่าถูกคีตะกวนประสาทอยู่เรื่อย ๆ เธอก็ไม่ได้นึกรังเกียจเดียดฉันท์หรือไม่อยากคุยกับเขาเสียหน่อย อีกอย่างสถานะตอนนี้เขาคือลูกค้าผู้ลงทุนเหมาใช้บริการบาร์เธอทั้งเดือน คีรติไม่ควรเอาอคติส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน ทั้งควรจะดีกับเขาเหมือนอย่างที่เธอปฏิบัติต่อลูกค้าคนอื่น ๆ
“ผมรู้สึกเหมือนคุณไม่ชอบหน้าผม ทำไมครับ เพราะอะไรเหรอ” คีตะเปลี่ยนอิริยาบถ โน้มกายไปข้างหน้า ใบหน้าหล่อเหลาจึงขยับเข้าใกล้หญิงสาว ยามสบตาเธอแน่วนิ่งอย่างพยายามค้นหาคำตอบ
วินาทีนั้น หัวใจคีรติพลันเต้นแรงอีกครั้ง…
“เปล่านะคะ ถ้าฉันทำให้คุณคิดแบบนั้นก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ” หญิงสาวกล่าวขอโทษจากใจจริง
“ไม่เอาคำขอโทษได้ไหม เปลี่ยนเป็นขอให้คุณเปิดใจให้ผมหน่อยดีกว่า ผมไม่ได้อันตรายเหมือนผู้ชายคนอื่นที่คุณเคยเจอหรอก”
แบบนี้นี่แหละที่เรียกว่าอันตรายที่สุด! หญิงสาวแย้งในใจ เพราะต่อให้ผู้ชายคนอื่นจะแสดงออกอย่างหยาบคายแค่ไหน ก็ไม่เคยมีใครทำเธอหัวใจเต้นแรงจนไปต่อไม่ถูกแบบนี้สักคน
คีรติผายมือไปทางแก้วเครื่องดื่ม หาทางเปลี่ยนเรื่องแบบแนบเนียน “คุณดื่มสิคะ เดี๋ยวก็ขาดตอนหรอก”
“สรุปได้ไหมครับ” คีตะไม่ปล่อยให้เธอพาเฉไฉง่าย ๆ
“ฉันว่าจะถามหลายครั้งแล้วแต่ลืมไป ทำไมคุณคีย์ถึงจองบาร์นี้ไว้ทั้งเดือนล่ะคะ” เธอเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“อ่อ เรื่องนั้นคือว่า…”
“ถ้าคุณอยากให้ฉันเปิดใจจริง ๆ ก็คงตอบคำถามฉันจากใจได้ใช่ไหมคะ” คีรติดักคอคนเจ้าเล่ห์ที่ทำท่าจะเอื้อนเอ่ย แค่เห็นสายตาที่คีตะทอดมองมา เธอก็รู้ทันแล้วว่าเขาคงจะสรรหาถ้อยคำแสนหวานมาหยอดให้เธอใจเต้นแรงอีกเป็นแน่
“โอเค ๆ ผมจองที่นี่ทั้งเดือนเพราะอยากคุยกับคุณ”
“คุณคีย์…”
“ผมพูดจริงนะ ผมเพิ่งกลับไทยมาได้ไม่นาน ไม่มีเพื่อนที่ไหน บังเอิญขับรถผ่านมาแถวนี้เห็นว่าที่นี่น่าสนใจดี ยิ่งรู้ว่าเป็นการให้บริการแบบส่วนตัวก็ยิ่งอยากมาลอง อ่อ ถึงผมจะอยากมีเพื่อนคุยแต่ก็ไม่ได้ชอบที่ที่คนพลุกพล่าน เพราะฉะนั้นที่นี่เลยตอบโจทย์ผมน่ะ” ชายหนุ่มยกยิ้มละไม
“จริงเหรอคะ คิดว่าไม่ค่อยมีคนชอบบาร์ของฉันเสียอีก” คีรติย่นคิ้วกังขา คำตอบของชายหนุ่มทำให้เธอเริ่มเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น หลังจากเพิ่งได้รับพลังลบจากที่บ้านมาเมื่อเช้าน่ะนะ…
“ทำไมล่ะ ผมอาจจะมาที่นี่แค่คืนสองคืน แต่มันโอเคมากเลยนะ ทั้งสไตล์การแต่งร้าน เครื่องดื่ม หรือแม้แต่คุณ ทุกอย่างลงตัวมากเลย ไม่เห็นมีอะไรน่ากังวล ผมไม่เสียดายเงินที่จ่ายไปเลยจริง ๆ”
“เฮ้อ นี่ฉันไม่รู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของร้าน ใครเป็นลูกค้ากันแน่ คุณมาเป็นลูกค้าแท้ ๆ แต่กลับเป็นฝ่ายฮีลใจฉันเฉยเลย? ขอโทษนะคะ” เธอกล่าวยิ้ม ๆ อย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรนี่ จะใครก็มีสิทธิ์อ่อนแอได้ทั้งนั้น เชื่อมั่นในตัวเองไว้นะ สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้มันดีแล้ว และมันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมมั่นใจ” คีตะเลื่อนมือไปกุมมือหญิงสาวอย่างคนลืมตัว ทั้งสองคนสบตากันนิ่งค้างอยู่หลายวินาที
กระทั่งคีรติรับรู้ถึงแรงสัมผัสอ่อนนุ่มจากบนหลังมือ...
ฟึ่บ!
“ขอโทษครับ” คีตะรีบพูดเมื่อหญิงสาวชักมือออกอย่างแรง นั่นคล้ายเป็นการเตือนสติให้เขาต้อง ‘ใจเย็น’ มากกว่านี้
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้คุณคีย์บอกว่าเพิ่งย้ายมาอยู่ไทย? ปกติคุณทำงานอยู่ต่างประเทศเหรอคะ”
ตั้งสติสิยัยเค้ก ตั้งสติก่อน…
นั่นเป็นประโยคที่หญิงสาวกำลังท่องเอาไว้ในใจ
“ครับ ผมย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่มัธยมต้น ตอนเด็กผมเกเรมากน่ะ พ่อกับแม่เลยส่งไปเรียนที่อเมริกา เรียนจบก็อยู่ทำงานที่นั่นต่อชิล ๆ ตามประสาลูกคนเดียวที่ถูกพ่อแม่เฉดหัวทิ้งตั้งแต่เด็ก หึ” ภายใต้เสียงหัวเราะเสียดสีของเขาแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดที่ยังคงฉายชัดในทุกความทรงจำ
“ฉันว่าพ่อแม่คุณอาจจะแค่อยากให้คุณมีอนาคตที่ดีก็ได้นะคะ”
“เรื่องนั้นช่างเถอะครับ ผมเคยน้อยใจจนเลิกคิดมากไปแล้ว ความจริงอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ใจจริงผมอยากจะอยู่ตลอดไปด้วยซ้ำ แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน…”
น้ำเสียงคีตะเข้มขึ้น ดวงตาที่หรุบหรู่ลงมองแก้วใสในมือ คล้ายจะดำมืดลงอย่างเห็นได้ชัด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ทั้งที่รู้ว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว คีรติกลับไม่สามารถห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้เลย
“พ่อผมเสียน่ะ” คีตะตอบ ดวงตาตวัดฉับจากขอบแก้วเปียกชื้นมาสบตากับหญิงสาวตรงหน้า สายตาเขาอัดแน่นด้วยแรงเคียดแค้นชิงชัง ชนิดที่คีรติเห็นแล้วยังรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ เธอรับรู้ได้ถึงแรงอารมณ์นั้นจนต้องหลบตาเขาโดยอัตโนมัติ
“ขอโทษค่ะ ฉัน...ฉันไม่น่าถามเลย”
“พ่อผมเสียเมื่อไม่นานมานี้ ผมเลยไม่อยากทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียว อีกอย่างที่นี่ก็มีอะไรหลายอย่างรอให้ผมกลับมาจัดการ” คีตะพูดเรียบเรื่อยเนิบช้า ราวกับอยากจะให้หญิงสาวรับรู้ทุกความรู้สึกที่เขามี มากกว่าจะแบ่งปันความทุกข์ในวงเหล้าเฉกเช่นลูกค้าทั่วไป
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ เรื่องคุณพ่อของคุณ” เพราะแบบนี้สินะ เธอถึงรู้สึกว่าทุกครั้งที่สบตากัน ผู้ชายคนนี้ดูมีอะไร ๆ เก็บซ่อนอยู่ลึก ๆ
คีตะพยายามแสดงออกเหมือนว่าตนเข้มแข็ง ภายใต้รอยยิ้มสบาย ๆ ปนยียวนนั่น แท้จริงแล้วกำลังปกปิดหัวใจแหลกละเอียดจนแทบไม่เหลือชิ้นดีของเจ้าตัวเอาไว้นี่เอง?
“ผมไม่เป็นไรหรอก ก็แค่รู้สึกว่าที่ผ่านมายังไม่เคยทำอะไรเพื่อพ่อสักครั้ง กลับมาครั้งนี้ผมตั้งใจจะทำเพื่อพ่อเป็นครั้งสุดท้าย”
“ฉันเชื่อว่าพ่อคุณต้องเห็นค่ะ ท่านรับรู้ได้แน่ ๆ ว่าคุณดูแลคุณแม่ดีแค่ไหน” หญิงสาวส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอบอุ่น ขณะที่เขาเอาแต่ดื่มแก้วต่อแก้วอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับเครื่องดื่มทั้งหมดเป็นเพียงน้ำเปล่าก็เท่านั้น
ครั้นจะออกปากห้าม...คีรติก็เดาว่าเวลานี้เขาคงไม่ฟังคำเธอเท่าไร
“อื้ม ผมก็หวังว่าพ่อจะรับรู้ อีกอย่างบ้านผมเปิดธุรกิจรีสอร์ตที่เขาใหญ่น่ะ คิดว่าคงไป ๆ มา ๆ กรุงเทพฯ จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะลงตัว” คีตะเริ่มรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ยิ่งดื่มและพูดคุยกับหญิงสาว เขาก็ยิ่งเพลิดเพลินจนไม่อยากให้เวลาหมดลงเร็วนัก
“คุณดื่มหนักเกินไปแล้ว ฉันขอหยุดชงให้คุณนะคะ”
“ถ้างั้นก็มาดื่มด้วยกันสิ” คนถูกกล่าวหาว่าเมาสวนกลับทันควัน “ผมบอกคุณแล้วนี่นาว่าอยากให้คุณเปิดใจให้ผม”
“เรื่องเปิดใจไม่ได้เกี่ยวกับการดื่มเป็นเพื่อนคุณนี่คะ อย่าลืมสิว่ามันคือกฎของที่นี่” คีรติยิ้มอย่างรู้ทันคนเจ้าเล่ห์ที่ได้คืบจะเอาศอก ก่อนจะเก็บแก้วทั้งหมดเป็นสัญญาณว่าเธอไม่อนุญาตให้เขาดื่มต่อแล้ว
“คนตั้งกฎคือคุณ จะยกเลิกกฎก็ย่อมได้นี่” คีตะยักไหล่กวน
“คุณคีย์…”
“ถ้าคุณไม่ดื่มงั้นผมขอดื่มต่อ อย่าห้ามนะครับ เพราะยังไม่หมดเวลาเลย” ชายหนุ่มว่าพลางเหลือบตามองขวดไวน์แดงที่น่าลิ้มลองด้านหลังคีรติ ก่อนจะสบตาหญิงสาวอีกครั้งราวหยั่งเชิง
“คุณดื้อเองนะคะ ถ้ากลับบ้านไม่ไหวขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบนะ”
ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมหยิบขวดไวน์ที่คีตะเล็งไว้ลงมา
“ระดับนี้แล้ว สบายมาก”
“แล้วไปค่ะ ไม่งั้นเค้กก็แย่เลยสิ” คีรติถอนหายใจ ยินยอมเปิดเปลือยทุกความรู้สึกของตนให้ชายหนุ่มรับรู้อย่างไม่อาย สำหรับความรักครั้งนี้ เธอไม่อยากมีข้ออคติในใจ รวมทั้งอยากให้ชายหนุ่มได้รู้จักตัวตนของเธอในทุกด้านด้วย“จริงสิ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมมีแฟนล่ะ ลูกค้าหนุ่ม ๆ ก็น่าจะตามจีบคุณเยอะไม่ใช่เหรอ ผมเชื่อว่าผมไม่ใช่คนแรกแน่ ๆ ที่สนใจคุณ”“อืม...ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวย่นคิ้วน้อย ๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้เค้กคิดว่ายังไม่พร้อมจะมีใคร คนที่ทำให้รู้สึกดีด้วยถามว่ามีไหม มันก็มีค่ะ แค่สุดท้ายไปกันไม่รอด เพราะพ่อเค้กไม่อนุญาตให้มีแฟน ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ท่านเลือกให้”หญิงสาวกำลังนึกถึง ‘เหมราช’ เพื่อนของพี่ชาย คนที่ฐานทัตผู้เป็นพ่อหมายมั่นจะให้เป็นคนรักของเธอ จริงอยู่ว่าเหมราชแสดงออกชัดเจนว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าพี่น้อง แม้เขาจะไม่เคยพูดมันออกมาตรง ๆ ก็ตาม แต่เธอมองเหมราชเป็นพี่ชายมาโดยตลอด เพราะเข้าใจไปว่าทุกสิ่งที่เขาทำน่าจะเกิดจากความต้องการของผู้เป็นพ่อ“แบบนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นสินะ” คีตะเหยียดยิ้ม คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่เขาเลือกเข้าหาคีรติ เธอคงไม่รู้อะไรเลย แต่เขารู้...รู
ก๊อก ๆ ๆ คีรติเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ปัญหาใหญ่ที่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้นั่นคือ พวกเขาสองคนไม่ได้ตระเตรียมเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนมาด้วย ทว่า…ก่อนจะได้ทำอะไร เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นเสียก่อนหญิงสาวจัดสาบเสื้อคลุมอาบน้ำบนร่างให้ปกปิดมิดชิด แล้วเดินไปส่องที่ตาแมวตรงประตู พบว่าเป็นพนักงานหญิงของทางโรงแรมจึงเปิดให้ทันที“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงเป็นมิตร“ดิฉันเอาเสื้อผ้ามาให้คุณผู้หญิงค่ะ” พนักงานคนดังกล่าวส่งถุงใส่ของมาให้เธอคีรติส่ายศีรษะปฏิเสธ “เอ่อ แต่ว่าฉันไม่ได้สั่งอะไรนะคะ”“คุณผู้ชายที่มากับคุณเป็นคนสั่งให้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พนักงานตอบยิ้ม ๆ“อ่อ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” คีรติยอมรับถุงเสื้อผ้าเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้หญิงสาวเปิดถุงเสื้อผ้าออก พบว่ามีเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสีดำ ทั้งสองชิ้นนี้ไม่ได้สวยน่ารักหรือสวมใส่สบายเท่าชุดนอนตัวโปรดของเธอ แต่คีรติกลับพอใจกับมันจริง ๆ โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สามารถใส่เสื้อยืดผู้ชายแบบโอเวอร์ไซซ์ได้ ไม่อย่างนั้นพนักงานคงหาซื้อชุดให้เธอลำบากแย่ว่าแต่...ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะเธอมองเวลา ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว เด
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว ว่าแต่คุณออกมากับผมแบบนี้ทางบ้านว่าอะไรไหม” คีตะเริ่มเข้าเรื่องสำคัญ เขารู้ว่าคีรติเป็นลูกนอกทะเบียนสมรสของฐานทัตกับภรรยาน้อย แต่ที่เขาไม่แน่ใจนักคือความสัมพันธ์ของเธอกับผู้เป็นพ่อ ในข่าวต่างตีแผ่มากมายว่าเธอเป็น ‘ลูกนอกคอก’ ที่พ่อไม่รัก แต่พอได้รู้จักกับหญิงสาวจริง ๆ คีตะไม่อยากจะเชื่อว่าฐานทัตจะใจจืดใจดำจนไม่นึกรักลูกสาวคนนี้ในเมื่อคีรติทั้งน่ารักและอ่อนหวานเสียปานนี้“อ่อ เค้กไม่ได้บอกอะไรค่ะ” สีหน้าหญิงสาวหม่นลง หากบอกพ่อว่าออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟน มีหวังทั้งเธอและคีตะคงไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทั่วไปแน่“ทำไมล่ะ...เอ่อ ขอโทษถ้าผมเสียมารยาท คุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเข้าใจ”“คุณไปอยู่เมืองนอกมานาน เค้กไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้จักพรรคการเมืองในไทยบ้างหรือเปล่า”“ทำไมเหรอครับ” คีตะกระตุกยิ้มซ่อนแววตาลึกล้ำทำไมจะไม่รู้ เขารู้เสียยิ่งกว่ารู้เลยละ!“พ่อของเค้กท่านเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนค่ะ” เธอเดาไม่ออกเลยว่าคีตะจะรู้สึกอย่างไร บางคนอาจจะดีใจที่ได้คบหากับผู้หญิงจากครอบครัวมีอำนาจ แต่บางคนอาจจะมองว่าการคบหากับเธอจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียมากกว
คีรติกับคีตะเป็นแฟนกันแล้วทุกสิ่งอาจจะดูเหมือนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้น แต่เมื่อทั้งสองคนต่างเปิดเผยความรู้สึกที่มีให้กัน คีรติกลับมีความสุขมาก เธอรู้ใจตัวเองยิ่งขึ้นว่าตนหลงรักชายหนุ่มมาก...มากเสียจนไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเขาคือรักแรกของเธอ และเธอก็หวังว่าเขาจะเป็นรักเดียวตลอดไปด้วย“รอนานไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักบุคคลที่หญิงสาวกำลังนั่งเหม่อคิดถึงอยู่เดินเข้ามาด้านในบาร์ วันนี้คีตะแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำทะเล ลุคของชายหนุ่มวันนี้ยิ่งมองแล้วยิ่งรู้สึกสบายตา แม้จะแตกต่างจากทุกคืนที่เธอได้เห็นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคีตะเป็นผู้ชายหุ่นดี ไม่ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าแบบใดก็ยังน่ามองเสมอ“ไม่เลยค่ะ ไปกันเลยไหม” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ‘แฟนหนุ่ม’ แล้วก้าวไปหาเขา“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักจัง” คีตะหยิกแก้มคนตรงหน้าเบา ๆวันนี้คีรติสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ผ้าพลิ้ว ปล่อยผมยาวสลวยเป็นลอนคลาย ๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ส่งเสริมบุคลิกให้ดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งอ่อนหวานและเซ็กซี่ในคราเดียวกัน“ปากหวานแต่หัววันเลยนะคะ” หญิงสาวแสร้งค้อน ตั้งแต่คบกันมาไม่เค
“ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณคิดว่าผมแค่เมาละก็ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เมา มีสติรู้ตัวทุกอย่างเลยละ ผมจำได้ทุกการกระทำ ทุกคำพูดของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมจูบคุณ”“ไม่ต้องพูดมันออกมาก็ได้นะคะ!” คีรติสวนกลับทันควัน สีหน้าเธอแลดูอับอายเหลือจะเอ่ย นี่เขากล้าพูดเรื่องแบบนั้นตรง ๆ ได้อย่างไรกัน โชคดีนะที่น้ำผึ้งยังไม่กลับมา ไม่เช่นนั้นเธอคงขายหน้ามากกว่านี้แน่“ก็มันเรื่องจริงนี่ ผมจำได้ว่าผมจูบคุณ” ยิ่งเห็นคีรติเขินเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง เธอคงไม่รู้ตัวว่าเวลาทำสายตาดุ ๆ ใส่กลบเกลื่อนทั้งที่หน้าแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูน่าแกล้งขึ้นเป็นเท่าตัว“ค่ะ! คุณลืมมันไปดีกว่านะคะ มันอาจจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะทั้งคุณและฉันเราต่างดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกันทั้งคู่”“นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนคุณขอเวลานอก เพื่อจะสรรหาคำมาปฏิเสธผม ในขณะที่ผมนอนไม่หลับ คอยแต่คิดว่าจะทำยังไงให้คุณเชื่อใจและยอมรับรักผมสักที” สีหน้าคีตะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด“คือฉันแค่คิดว่าบรรยากาศมันอาจพาไป คุณเลยเผลอทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงของคีรติขาดห้วง ยังคงสับสนอยู่มากว่าควรเชื่อในสิ่งที่คีตะพูดออกมาหรือไม่“คีรติ…ผ
“คุณ...อื้อ!” วินาทีต่อมา ริมฝีปากหยักกดลงหาเธออีกครั้งคีตะจูบเธออย่างคนไม่รู้จักพอ ยิ่งเมื่อร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน ไออุ่นและกลิ่นกายหญิงสาวก็ยิ่งพาให้สติคีตะกระเจิดกระเจิงเลือนหาย คล้ายคนมึนเมาไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจคีรติทำให้เขา ‘อยากได้’ เธอจนแทบคลั่ง!“คุณคีย์ ปล่อยค่ะ อื้อ...” คีรติพยายามห้ามปากร้อนที่เริ่มคลอเคลียลงมาถึงตรงซอกคอขาว น้ำเสียงเธอสั่นระริกด้วยความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หารู้ไม่ว่าแม้ปากตนจะเอ่ยห้าม มือทั้งสองข้างกลับเกาะเกี่ยวร่างหนาไว้แน่นไม่ให้ห่างกายไปไหนแต่เธอจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้...พลั่ก! “เค้ก..” คีตะถูกหญิงสาวผลักอกอย่างแรงจนสติกลับเข้าร่างทันทีให้ตายเถอะ! ชายหนุ่มนึกอยากจะชกหน้าตัวเองแรง ๆ สักที โทษฐานที่พลั้งเผลอไปตามอารมณ์วาบหวามจนเกือบจะหักหาญน้ำใจเธอ หากเขาทำอะไรเกินเลยไปตอนนี้ละก็ เกรงว่าหญิงสาวอาจจะไหวตัวทัน แล้วทุกสิ่งที่ทำมาก็อาจจะพังทลายลงได้ในพริบตาเย็นไว้ ถึงยังไงมึงก็ต้องได้ผู้หญิงคนนี้สักวัน...คีตะเตือนตัวเองพลางยกมือลูบผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง คนตัวเล็กรีบลุกออกจากตักเขาราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัวเสือร้ายก็ไม่ปาน แม