LOGINข่าวลือในบริษัทแพร่กระจายเร็วกว่าที่เพชรพลอยคิดแค่การที่เธอไม่มาทำงานหนึ่งวันเพราะอาการแฮงค์หนักหลังฉลองกีฬาสี กลับถูกต่อเติมเรื่องราวจนกลายเป็นคำถามที่ทุกคนไม่กล้าถามตรงๆ แต่กลับซุบซิบกันไม่หยุด“หรือว่า…เพชรพลอยไปอยู่กับท่านประธานที่คอนโด?”คำถามนั้นลอยไปถึงหูของผู้ใหญ่เร็วกว่าที่คิรินคาดไว้และในเช้าวันหนึ่ง เขาถูกเรียกเข้าไปพบท่านประธาน—พ่อของเขา—ในห้องทำงานที่เงียบขรึมกว่าทุกครั้ง“ข่าวมันเริ่มแรงแล้วนะคิรินทร์” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น “ถ้าลูกคิดจะจริงจัง ก็ต้องชัดเจน”คิรินทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างคนตัดสินใจแล้ว“ผมชัดเจนมานานแล้วครับพ่อ”---สุดสัปดาห์ถัดมา พนักงานทั้งบริษัทถูกประกาศว่าจะได้ไปฉลองโบนัสสิ้นปีที่ทะเลเพชรพลอยเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดเพียงว่าเป็นทริปพักผ่อนธรรมดา เธอเดินเล่นอยู่ริมชายหาดยามเย็น แสงแดดสีส้มสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับอย่างสวยงาม“วิวสวยจังค่ะพี่คิน” เธอยิ้ม พลางหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมถ่ายภาพเก็บไว้“ถ่ายสิหนู” คิรินทร์ตอบเสียงนุ่ม ยืนอยู่ข้างหลังเธอเพชรพลอยย่อตัวลงเล็กน้อย จัดมุมกล้องให้เห็นเส้นขอบฟ้า ทะเล และท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสี แต่ก่อนที่เธอจะ
สนามกีฬาของบริษัทเต็มไปด้วยเต็นท์สีสด เสียงพนักงานจากทุกบริษัทที่เข้าร่วมแข่งดังครึกครื้น ทุกคนสวมเสื้อทีมสีของแผนกตัวเองเพิ่มความคึกคัก เพชรพลอยในชุดกีฬาสีทีม แก้มขึ้นสีจากทั้งแดดและตื่นเต้น เธอสูดลมหายใจลึก พนักงานแผนกตัวเองเดินมาตบไหล่ให้กำลังใจไม่ขาด คิรินทร์ยืนอยู่ข้างสนามตามตารางแข่งของเธอทั้งวัน มือในกระเป๋ากางเกงกำแน่นทุกครั้งที่เธอลงแข่งขันชนิดต่าง ๆ เขาไม่ได้พูด แต่ทุกคนรู้… เขาเป็นห่วงเธอสุดหัวใจ *** สนามแรก การแข่งขันวิ่งผลัด 4×100 เมตรกำลังจะเริ่มแดดยามเช้าส่องลงมาเต็มแรงจนพื้นลู่วิ่งสะท้อนแสงระยิบเพชรพลอยยืนวอร์มอยู่กับทีมในชุดกีฬาสีแผนกของเธอ ผิวขาวอมชมพูตัดกับแดดแรงจนเหมือนสว่างขึ้นเองเอวบางๆ กับท่ายืดเส้นทำให้คนแถวสนามมองจนลืมหายใจ คิรินทร์ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แอบกลืนน้ำลายเบา ๆ แล้วหลบสายตาไปอีกทางแต่ก็ยังแอบมองอยู่ดี --- ฝ่ายบริษัทคู่แข่งยืนซุบซิบกันกลุ่มผู้ชายจากบริษัทญาดาและอีกสองบริษัทยืนมองเพชรพลอยแบบไม่ละสายตา “เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้น… ของบริษัทไหนวะ?” “ไม่รู้ แต่โคตรเก่ง ดูตอนวอร์มดิ ท่าวิ่งเป๊ะมาก” “สเปกกูชัด ๆ เลย… ขาวสวย ผอมเอวบาง—” “ถ้าชนะจะขอไลน์เลยว่
หลังจากมื้อค่ำสุดหรูจบลง เพชรพลอยและพลอยใสยังรู้สึกอิ่มเอมจากรอยยิ้มและความเอ็นดูของครอบครัวคิรินทร์ แม่ของคิรินทร์ส่งซิกให้เพชรพลอยรู้ว่าไม่ต้องเกรงใจเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้เพชรพลอยหน้าแดงเล็กน้อย “เอาล่ะ ฉันพาพลอยใสไปส่งก่อนนะคะ” เพชรพลอยบอกพลอยใส พลอยใสยิ้มกว้าง แอบเขินที่ได้ไปส่งบ้านกับเพชรพลอยเองฃ คิรินทร์ยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมแต่แฝงความห่วงใย “พี่ไปเป็นเพื่อน” ขณะนั่งรถไปยังบ้านของพลอยใส บรรยากาศในรถเงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น คิรินทร์เล็กน้อย ๆ โอบไหล่เพชรพลอยจากด้านหลัง เธอเผลอยิ้มในใจ ไม่อยากยอมรับแต่ก็อุ่นใจ เมื่อถึงบ้านของพลอยใส คิรินทร์ลงจากรถช่วยถือของให้พลอยใสและเพชรพลอย พลอยใสยกมือไหว้เขาเล็กน้อยด้วยความเกรงใจ แต่สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ขอบคุณนะคะ” พลอยใสเอ่ยเสียงเบา เขาพยักหน้าเบา ๆ แอบเหลือบมองเธอแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ไปเถอะ เดี๋ยวเจอหน้ากันพรุ่งนี้ที่บริษัท” คิรินทร์หันมามองเพชรพลอยที่นั่งเบาข้างหลังแล้วยิ้มมุมปาก "ส่วนพวกเราก็กลับบ้านได้แล้ว เพชรพลอยพยักหน้า แล้วหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สบตาเขาในตอนนั้น --- บ้านคิรินทร์
เพชรพลอยขยับตัวบนเตียงนุ่ม ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงแดดยามเช้าสะท้อนผ่านม่านบาง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย…นี่ไม่ใช่ห้องเธอ ผ้าปูที่นอนสีเข้ม เตียงกว้าง กลิ่นน้ำหอมผู้ชายลอยอ่อน ๆ เธอผุดลุกขึ้นนั่งทันที “นี่… ห้องใครเนี่ย… คุณ—” คำว่า “คุณ” ยังไม่ทันหลุดปากจบดี คิรินทร์ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผมที่ยังเปียกนิด ๆ ก็หันมา เขายิ้มมุมปาก “ใครคือคุณ พูดใหม่สิ” เพชรพลอยชะงัก หน้าแดง “เอ่อ… ฉัน—” “เพชรพลอย” เขาขมวดคิ้วอย่างเอาเรื่องแต่แฝงความเอ็นดู “ พี่คิณ พูดแบบนี้ ” เพชรพลอยหน้าแดงกว่าเดิม รีบก้มหน้า “ค่ะ… พี่คิณ” คิรินทร์ยิ้มพอใจ ท่าทางเหมือนเจ้าแมวยักษ์ที่ได้ของเล่นคืน “ดีมาก ต่อไปนี้อย่าเผลอเรียกว่าคุณอีกล่ะ เข้าใจมั้ยคะ?" “ค่ะ…” เธอตอบเบา ๆ แทบไม่กล้าสบตา “งั้นฉัน—เอ่อ… หนูไปล้างหน้าก่อนนะคะ!” เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแทบจะสะดุดพรม ทำเอาคิรินทร์หัวเราะเบาๆ กับความลนลานน่ารักๆ ของเธอ --- ตัดมาที่ชั้นล่าง แม่ของคิรินทร์นั่งรออยู่บนโซฟาเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเพชรพลอยจะลงมาช้าเพราะเขิน เมื่อเพชรพลอยเดินลงมา เธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตื่นแล้วเหรอลูก เมื่อคืนเหนื
เสียงประตูห้องนั่งเล่นบ้านญาดาปังลงอย่างแรง ตามด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่กำลังฟิวส์ขาดจนแทบหยุดไม่ได้ ญาดาปล่อยตัวลงนั่งกับพื้น โยนแจกันราคาแพงทิ้งลงกระเบื้องจนแตกกระจาย “ทำไมต้องเป็นฉัน! ทำไมเขาถึงเลือกอีผู้หญิงจน ๆ คนนั้นแทนฉัน!!!” แม่ของเธอเข้ามาห้าม “ญาดา…ใจเย็นก่อนลูก เรื่องมัน—” “ไม่ต้องมาบอกให้ใจเย็น!!! แม่เห็นไหมว่าเขาทำอะไร? เขาไปเลือกผู้หญิงต่ำต้อยกว่าเรา! นังนั่นมันต้องทำของใส่แน่ๆ ไม่งั้นคิรินทร์จะไม่เปลี่ยนใจแบบนี้!!!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคลั่งแค้นล้วนๆ ดวงตาที่เคยมั่นใจ กลับเต็มไปด้วยความอาฆาตรุนแรง “ฉันจะไม่ยอมให้มันแต่งงานกัน…ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม” เธอบอกลูกน้องของตัวเองทันทีให้ไป “จัดการ” เพชรพลอยและนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายทั้งหมด… --- ด้านคิรินทร์ — ทำทุกทางเพื่อกวาดความยุ่งยากออกจากชีวิตเพชรพลอย ในเวลาเดียวกันคิรินทร์นั่งคุยกับพ่อแม่ของเพชรพลอยที่บ้านเล็ก ๆ ย่านชานเมือง ทุกอย่างเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา “ผมจะไม่ยุ่งกับเพชรพลอยอีกครับ ถ้านั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการ แต่ผมจะขอเคลียร์หนี้ทั้งหมดให้…รวม 2 ล้านบาท และให้เงินไปตั้งตัวอีก
หลังจากออกมาจากห้องประธานคิราวงศ์ คิรินทร์ยังคงจับมือเพชรพลอยไว้ไม่ปล่อย ความแน่วแน่ในดวงตาเขายังคงเหมือนเดิม แต่สำหรับเพชรพลอย—โลกทั้งใบกำลังหมุนรวดเร็วเกินไปจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อไม่ถึงสองชั่วโมงก่อน เธอยังเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังจะถูกไล่ออกแต่ตอนนี้เธอกลับเดินเคียงข้างลูกชายท่านประธาน…ด้วยสถานะว่าที่คู่สมรสในอีกไม่นาน เพชรพลอยแทบไม่กล้าหายใจแรง กลัวว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นเพียงภาพฝันที่พร้อมจะสลายหายได้ทุกเมื่อ “คะ…คุณคิณ เรากำลังจะไปไหนกันต่อคะ” “ไปพบแม่ครับ” เขาตอบราบเรียบ “ต้องบอกให้แม่รู้เรื่องถอนหมั้นด้วย แล้วก็…เรื่องของเรา” เพชรพลอยรีบชะงัก “เดี๋ยวก่อนค่ะ—” แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงเข้มของท่านประธานกลับดังขึ้นจากด้านหลัง “ไปพร้อมกันนั่นแหละ จะได้ไปกินข้าวด้วยกันเลย” ทั้งคู่หันกลับไปเห็นท่านประธานเดินตามออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งทำให้เพชรพลอยหน้าแดงขึ้นมาอย่างอาย ๆ คิรินทร์เดินเข้าไปดึงมือเธอให้อยู่ข้างเขาเหมือนเดิม “ตามนั้นครับ” --- พนักงานทั้งบริษัทซุบซิบกันระง







