แชร์

ตอนที่ 2

ผู้เขียน: ผลิกา(เลอบัว)
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-07 20:38:19

บทที่ 2

“มือถือๆๆ” เธอนึกถึงโทรศัพท์มือถือที่เมื่อคืนแบตหมด จึงตั้งใจจะรีบวิ่งไปชาร์ต แต่ด้วยความรีบร้อนทำให้เธอไม่ทันระวังผ้าผ่อนที่นุ่งกระโจมอกไว้คลายออก กระทั่งร่วงหลุดลงไปกองที่ปลายเท้า

“อุ๊ย!” ที่ต้องร้องอุทาน ไม่ใช่เพราะผ้าหลุด เพราะปกติมันก็หลุดอยู่เป็นนิจอยู่แล้ว ก็อยู่คนเดียวจะต้องกลัวใครมาเห็น แต่ที่ต้องร้องเพราะร่องรอยที่ผู้ชายทิ้งไว้บนเนื้อตัวเธอต่างหาก

“บ้าบอ! ทำไมหื่นขนาดนี้เนี่ยคุณภากร” เธอเขินแทบบิดตัวเป็นเกลียวกับรอยแดงเป็นจ้ำๆ ใต้ร่มผ้า คิดไม่ถึงว่าคนที่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าเป็นศูนย์ จะทำให้ผู้ชายหลงใหลได้

“ป่านนี้เขาจะคิดถึงเราบ้างไหมนะ บางทีเขาก็จะกำลังตามหาเราอยู่ก็ได้ ก็เราเล่นออกมาโดยไม่บอกเขาสักคำนี่นา ตอนนี้คงกำลังพยายามโทรหาเรา เออ…จริงด้วย! โทรศัพท์ ตายๆๆ ป่านนี้ไม่โทรจนสายไหม้ไปแล้วรึไง” เธอรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาชาร์ต แต่ทันทีที่เครื่องเปิดขึ้นมา เสียงเตือนข้อความจากสายโทรเข้าก็ดังขึ้น แต่มันกลับไม่ใช่เบอร์ของคนที่คิด

“ไม่เห็นมีสายคุณภากรเลย มีแต่สายยัยศิ แล้วนี่ยัยศิจะโทรมาทำไมนักหนาเนี่ย” ข้อความจากเบอร์ที่พยายามโทรหากลับเป็นเบอร์ของเพื่อนรักอย่างศิศิรา กระทั่งข้อความจากไลน์ก็เด้งตามมาอีกรัวๆ

(วา แกรีบออกมาจากห้องคุณภากรด่วนเลย ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ไว้ฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง) ศิศิราที่รู้เห็นในทุกๆ เรื่องของเพื่อน จะเรียกว่ากองหนุนก็คงไม่ผิดนัก ก็คีย์การ์ดที่เธอได้มาก็มาจากเพื่อนรักคนนี้แหละ ดูเหมือนข้อความของศิศิราจะทำให้แวววิวาห์สงสัยอยู่ไม่น้อย กระทั่งได้อ่านข้อความถัดมา ซึ่งดูจากเวลาน่าจะห่างกันประมาณยี่สิบนาที

(ฉันหวังว่าแกจะทันได้อ่านข้อความนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป คุณภากรเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เขาเป็นเกย์) ข้อความนี้ของเพื่อนทำให้เธอเผลอเถียงออกมาทันที

“บ้าแล้ว แกนั่นแหละที่ต้องตั้งสติ เขาจะเป็นเกย์ได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งนอนกับฉันเมื่อคืน เป็นอะไรของแกเนี่ยยัยศิ หรือว่าเมา” เธอส่ายหน้าน้อยๆ ไม่เชื่อที่เพื่อนบอกเลยสักนิด กระทั่งข้อความถัดมา แต่คราวนี้ฝั่งนั้นกลับส่งมาเป็นเสียงแทนการพิมพ์

(วา ตอนนี้แกอยู่ไหน ออกมารึยัง ฉันรู้ว่าเรื่องที่คุณภากรเป็นเกย์มันเป็นเรื่องที่เชื่อยาก แต่แกเชื่อฉันเถอะ เพราะฉันเห็นมากับตา) คลิปเสียงแรกทำเอาคนอ่านถึงกับขมวดคิ้ว ก่อนจะกดฟังคลิปเสียงต่อไป

(ฉันเจอเขาในงาน แล้วเขาก็มากับคู่ขาของเขาด้วย ทีแรกฉันก็คิดว่าเขาจะพากันไปต่อที่ห้อง เลยให้แกรีบออกมา แต่ตอนนี้ฉันว่ายาว เพราะเขาเปิดห้องที่นี่กันแล้ว) ใช่! เพื่อนเธอไปงานแต่งงานของญาติ และเท่าที่จับใจความได้ เธอไปเจอเขาที่นั่น แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือ มันจะเป็นอย่างที่เพื่อนเธอว่าได้ยังไง ในเมื่อเธอกับเขาเพิ่งจะมีอะไรกันเมื่อคืน

ข้อมูลที่ได้มาทำเธออึ้ง รอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนหน้าไม่มีอีกแล้ว มีเพียงความรู้สึกราวกับถูกค้อนหนักๆ มาทุบลงบนหัว จนเธอแทบล้มทั้งยืน ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างที่เพื่อนว่า แล้วเมื่อคืนมันคืออะไร ถ้านั่นไม่ใช่ภากร แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามือไม้สั่นไปหมด แต่ก็ยังพยายามคิดในแง่ดีว่าเพื่อนอาจจะกำลังเข้าใจอะไรผิด พลันนิ้วเธอก็ดันเผลอจิ้มโทรออกไป

“วา…วา…ฮัลโหลวา แกเป็นอะไรรึเปล่า” เสียงปลายสายจากศิศิราทำให้เธอตื่นจากภวังค์ ก้มมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือด้วยความตกใจ

“อื้อ! ว่าไง” 

(ว่าไงอะไรล่ะ ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกเป็นฝ่ายโทรหาฉันนะ นี่แกเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย หรือเป็นเพราะผิดหวังเรื่องเมื่อคืน เอาน่า! ไม่ต้องคิดมาก ผู้ชายไม่สิ้นไร้เท่าใบพุทรา ผิดหวังตอนนี้ยังดีกว่าต้องมาเสียใจภายหลัง เกย์นะแก ยังไงเขาก็ไม่เอาผู้หญิงอย่างเราๆ หรอก อีกอย่างรูปหล่อ โปรไฟล์ดีไม่ได้มีแค่คุณภากรซะหน่อย อีกอย่างผู้หญิงหน้าตาดีมีพรหมจรรย์เป็นของแถมอย่างเราๆ ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร เชื่อฉัน! มั่นหน้าเข้าไว้ เดี๋ยวผู้ชายก็เข้ามาให้เลือกเองนั่นแหละ) เอ่อ…ดูเหมือนศิศิราจะพูดแบบนี้มาตั้งแต่ห้าหกปีที่แล้ว จนตอนนี้อีกไม่กี่ปีก็สามสิบแล้ว เฮ้อ! เห็นคานทองรออยู่รำไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่า…เธอนอนกับใครก็ไม่รู้ ที่สำคัญพรหมจรรย์ที่เคยหวงแหนก็ถูกพรากไปแล้วด้วย

“ฮือๆๆ” คำว่าพรหมจรรย์จากปลายสายทำให้เธอปล่อยโฮอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จนปลายสายพลอยตกใจไปด้วย

(เฮ้ย! วาแกเป็นอะไรไป เสียใจเรื่องคุณภากรขนาดนี้เลยเหรอ) เสียงปลายสายดูร้อนรนด้วยความเป็นห่วง แต่มันกลับทำให้แวววิวาห์ยิ่งร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม เพียงเพราะชื่อของคุณภากร

“ฮือๆๆ หมดแล้ว ฉันไม่เหลืออะไรแล้วแก” แวววิวาห์ฟูมฟายจนปลายสายตกใจอีก

(อะไร? ไม่เหลืออะไร มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว หรือว่าเมื่อคืนมันมีเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้ ให้ตายสิ! เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับแกวา) น้ำเสียงศิศิราเริ่มเครียดจัด ด้วยทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี ไม่สิไม่ใช่แค่เธอสองคน แต่ยังมีสาวเนิร์ดอย่างพริมรตาด้วยอีกคน ทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนจบปริญญา กระทั่งมาทำงานก็ยังได้ทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน ถึงแม้เธอจะเป็นคนเดียวที่เพิ่งย้ายตามมาทีหลังก็ตามเถอะ

“ฮือๆๆ เมื่อคืนฉัน…ฉัน…ฮึกๆๆ เมื่อคืน…ฮือๆๆ” ความเครียด ความกลัว ความสับสนผสมปนเปกันจนเธอพูดไม่ออก และไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี

(เอาล่ะ! ไหนแกลองตั้งสติ แล้วค่อยๆ เล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าแกยังไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า แต่แกจงจำไว้ไม่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่ข้างแกเสมอ) คำปลอบประโลมของเพื่อนทำให้เธอตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด

“ฉันเสียตัวไปแล้ว ฮือๆๆ”

(ฮะ! เสียตัว! เสียให้ใคร) เสียงของศิศิราแทบเป็นเสียงตะโกน จนคนฟังร้องหนักยิ่งกว่าเดิม

“ไม่รู้…ฉันไม่รู้ ฮือๆๆ” แวววิวาห์ยังคงฟูมฟาย

(ไม่รู้? แกไม่รู้ว่าแกนอนกับใครเนี่ยนะ วา!) น้ำเสียงของศิศิราก็ฟังดูร้อนรนไม่แพ้กัน

“ฉัน…ฉันเมา ฮือๆๆ” 

(เมา! โอเค! เอาล่ะ ไหนแกลองเล่าเรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นซิ ไม่ๆๆ แกเมา งั้นเอาที่จำได้แล้วกัน) ดูเหมือนศิศิราเองก็พยายามตั้งสติอย่างยิ่งยวดอยู่เหมือนกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   Special episode

    “ยังโกรธพี่อยู่เหรอเจ้าหญิงน้อย” วาโยพยายามง้องอนน้องสาวที่กำลังทำหน้าหงิกงอ “ใช่ หนูโกรธ แล้วก็โกรธมากด้วย พี่ทำให้แฟนหนูเกือบตายเลยนะ” “ก็ยังไม่ตายานี่” วาโยพึมพำเบาๆ แต่น้องสาวก็ดันได้ยินจึงยิ่งโกรธ “พี่โย” “ก็มันจริงนี่ พี่ก็เห็นว่าหมอนั่นยังสบายดี ไม่มีตรงไหนบุบสลาย ถ้าจะว่ากันตามจริงต้องขอบคุณพี่ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่แอบได้ยินไอ้กรกันมันคุยโทรศัพท์ ป่านนี้หมอนั่นได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้ว” เพราะไม่ทันสังเกตว่าวาโยยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง กรกันจึงโทรสั่งการและคายความลับออกมาโดยไม่ทันระวัง “ลองถ้าเป็นอย่างนั้น หนูจะไม่ให้อภัยพี่ไปตลอดชีวิตเลย” เป็นเพราะกว่าพี่ชายจะมาบอกก็เกือบสายไป อีกทั้งยังทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ เธอจึงอดเคืองไม่ได้ “นี่ ให้มันน้อยๆ หน่อย พี่เป็นพี่ชายเรานะ ทำไมต้องทำเหมือนคนอื่นสำคัญกว่าพี่ด้วย” พี่ชายตัดพ้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “คนอื่นที่ไหน นั่นแฟนหนูนะ อีกหน่อยเขาก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา” “ครอบครัวอะไร ใครยอมรับมัน แล้วใครอนุญาตให้เราเรียกมันว่าแฟน พี่ไม่

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   The end

    “ตาข่ายดักปลา อืม...ว่าไม่ได้ ดูๆ ไปก็เหมือนอยู่นะ” เห็นเธอยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาจึงพูดต่ออีก “นี่แหละน้า จำพี่ไม่ได้ จำชุดที่ตัวเองใส่ก็ไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนฉีกกระโปรงแล้วทิ้งเศษผ้านั่นไว้ให้พี่ดูต่างหน้าแท้ๆ แต่กลับจำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าต่อไปจะลืมเรื่องของเราหรอกนะ เฮ้อ! ก็มีแต่พี่นี่แหละที่จดจำได้ทุกรายละเอียด ถึงขนาดเจอกันอีกครั้ง พี่ก็ยังจำเธอได้ทันที” คนถูกตัดพ้อยิ้มแหย หลังปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “แฮ่ จำได้หมดเลยเหรอ” เธอถามเสียงอ่อย ครั้นพอนึกบางอย่างขึ้นมาก็ทำท่าขัดเขิน “รู้สึกสวยขึ้นมาอีกพันเปอร์เซ็นต์ คลั่งรักนะเราเนี่ย” เธอเกี่ยวผมทัดหูก่อนตีที่แขนเขาเบาๆ “เห็นพี่คลั่งรักขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าต่อไปจะข่มเหงจิตใจกันหรอกนะ” “แล้วยอมให้ข่มรึเปล่าล่ะ” ไม่พูดเปล่า แต่แม่คุณยังเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักด้วยท่วงท่าก๋ากั่น “อยากจะข่มหรือขย่มก็ได้หมดแหละ กับเธอพี่ยอมทุกอย่าง” เขาตอบพลางมองตาปรอย รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้ากลายร่างเป็นนางแมวยั่วสวาท “งั้นหนูขอเลือกอย่างหลัง รับให้ไหวล่ะ”

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 32

    ตอนที่ 32 คอนโด “อุ๊ย! จะทำอะไรคะ แบบนี้ไม่ดีมั้ง เมื่อกี้เราเพิ่งเจอเรื่อง...” ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็ปล้ำถอดเสื้อเธอออก ทำคนถูกถอดขัดเขินไม่คิดว่าพ่อคุณจะคลั่งรักได้ถึงเพียงนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนั้นมีเสน่ห์เหลือร้าย กระทั่ง... “ก็เธอไม่ยอมไปหาหมอ พี่ก็ต้องเป็นตรวจเองสิ มาให้พี่ดูหน่อยว่ามีแผลตรงไหนรึเปล่า” คนที่เผลอคิดไปไกลหุบยิ้มทันควัน “ไม่มีค่ะ ไม่มีทั้งแผล แม้แต่เสน่ห์ก็ไม่มีค่ะ” เธอเปรยออกมาด้วยสีหน้าสุดเซ็ง “หืม ว่าไงนะ” คนที่ได้ยินชัดเจนแต่แสร้งถามอีกครั้ง “หนูหมายถึง หนูไม่ได้เจ็บตรงไหน แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่มีค่ะ” “จะไม่มีได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้มีรอยแดง” “แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตรงนี้ไม่มี ตรงนี้ก็ไม่มี” เห็นพ่อคุณดื้อดึงจะดูให้ได้ เธอก็อ่อนอกอ่อนใจ จนต้องเอียงคอให้ดู ก่อนปลดกระดุมเสื้อเปิดไหล่ขาวๆ ให้อีกฝ่ายพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง พร้อมกับพึมพำเบาๆ “ปลายแถวพวกนั้นไม่ได้เก่งพอจะทำให้หนูเป็นแผลได้หรอก” “หืม” เขาแสร้งถามอีกครั้ง “หนูหมายถึง

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 31

    ตอนที่ 31 “ฮื่อ...จะยิงผัวเขา ถามเมียเขาก่อนไหม ว่าอนุญาตรึเปล่า” ครามเดินนำเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ “อย่าเข้ามา ไม่งั้นกูเป่าหัวมันแน่” กรกันขู่ด้วยการเอาปืนจ่อขมับตัวประกัน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นญาณินเดินแหวกออกมาจากคนกลุ่มนั้น พลันสีหน้าคนถือปืนก็ค่อยๆ เผือดลง “คุณมาได้ยังไง” กรกันครางถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง อีกทั้งนัยน์ตาที่มองมาก็เปลี่ยนไป กระทั่ง... “ฉันก็ต้องมาช่วยคนของฉันสิ ผู้ชายของฉันใครอนุญาตให้คุณแตะ กล้ายุ่งกับผู้ชายของฉัน กลัวคุณจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ” การแสดงความเป็นเจ้าของของเธอ ทำนัยน์ตาคนขี้อิจฉาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอีกครั้ง “หึ! ผู้ชายของคุณ? ทำไมล่ะ มันมีดีอะไร ทำไมถึงได้มองแค่มัน แต่กับผมคุณกลับไม่แม้แต่จะให้โอกาสด้วยซ้ำ ลองให้โอกาสผมสิ แล้วผมจะทำให้คุณรักผมยิ่งกว่าที่คุณรักมัน” “เรื่องแบบนี้บังคับใจกันได้ที่ไหน ก็ฉันรักเขาไปแล้ว จะให้ไปรักคุณอีกได้ไง หรือต่อให้ไม่มีเขา ฉันก็ไม่รักคุณอยู่ดี” คนถูกบอกรักถึงกับเผลอยิ้ม ในขณะที่อีกคนกลับเปลี่ยนเป็นถมึงทึง “ทำไม” กรกันตะเบ็งเสียงใส

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 30.1

    “เจ็บตรงไหนไหม บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” หลังจากเหตุการณ์สงบ ตุลญะรีบจับแฟนสาวหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจ “ไม่ค่ะ แล้วพี่ล่ะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ความเป็นห่วงทำให้เธอทำในแบบเดียวกัน แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีแผลรอยฟันที่แขนก็โวยทันที “พี่บาดเจ็บนี่ ไปโรงพยาบาลกันค่ะ” เธอรีบเหวี่ยงแขนคนเจ็บมาพาดไว้ที่ไหล่ตัวเองเพื่อประคองอีกฝ่ายไปโรงพยาบาล ทำเอาชวินชวันหันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ “แผลแค่นี้ พี่ไม่เป็นไร ห่วงก็แต่เรานั่นแหละ ไม่เจ็บตรงไหนก็ดีแล้ว ว่าแต่รู้ได้ไงว่าพี่จะถูกทำร้าย” “พูดแล้วยังเคืองไม่หาย ก็พี่โยสิคะ แอบได้ยินคุณกรคุยโทรศัพท์ แล้วเพิ่งมาบอก โชคดีที่มาทัน ไม่งั้นหนูจะโกรธแล้วไม่พูดกับเขาตลอดชีวิตเลย” พูดถึงพี่ชายแล้วเธอก็ทำหน้างอง้ำ โชคดีที่อีกฝ่ายไถ่โทษด้วยการให้คนมาช่วย จึงพอลดความขุ่นเคืองลงได้บ้าง “ไม่โกรธนะคะคนดี แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายเรา ป่านนี้พวกพี่ไม่รู้จะเป็นยังไง ฝากขอบคุณพี่ชายเราด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณเราด้วย แต่ทีหลังอย่าทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีกนะ พี่ใจไม่ดี” เขาว่าพลางเอามือลูบหัวเธอเบาๆ

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 30

    ตอนที่ 30 “ตั้งแต่ออกมาจากบ้านนั้น แม่ยังไม่เห็นแกหุบยิ้มเลย มีความสุขอะไรนักหนา” ขณะกำลังนั่งรถกลับบ้าน แม่ที่นั่งข้างลูกชายก็อดแซวลูกไม่ได้ “ได้แต่งกับผู้หญิงที่เฝ้าตามหามาเป็นปี จะไม่ให้มีความสุขได้ไงล่ะครับ แต่ว่าก็ว่านะ เก็บอาการหน่อยก็ดี เดี๋ยวผู้หญิงเขาจะได้ใจเอา” ครามที่เป็นพลขับอยู่ด้านหน้าอดไม่ได้ที่จะผสมโรงด้วย “นี่แกกับหนูคะขาเคยเจอกันมาก่อนเหรอ ที่ไหน ยังไง ไม่เห็นเคยเล่าให้แม่ฟัง หนูคะขาเองก็ไม่เห็นเคยพูดถึง” ผู้เป็นแม่อดสงสัยไม่ได้ “คือ...” ลูกชายทำท่าจะอธิบาย แต่ก็ถูกคนด้านหน้าแทรกขึ้นมาอีก “จะพูดถึงได้ไงล่ะครับ ก็เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำ” ครามพูดแล้วเหลือบมองกระจกมองหลัง ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว จึงรีบอธิบายต่อ “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับคุณท่าน...” ครามเล่าทุกอย่างท่ามกลางสีหน้าหลากหลายอารมณ์ของคนฟัง “เป็นไง อย่างกับรักแรกพบในละครเลยใช่ไหมครับ” “ตกลงมันเรื่องของฉันหรือว่าของแกกันแน่ไอ้คราม” เจ้าของเรื่องประชดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ในขณะที่คนถูกว่าก็ไม่ได้สลดเลยสักนิด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status