แชร์

ตอนที่ 3

ผู้เขียน: ผลิกา(เลอบัว)
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-07 20:38:32

“หลังจากที่แยกกับแก ฉันก็กลับไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่แกบอก ฮึกๆๆ แต่พอฉันไปถึงที่หน้าคอนโด ฉันก็ตื่นเต้นไม่กล้าขึ้นไป ฉันก็เลยไปหาเหล้าดื่มย้อมใจ หวังว่ามันจะช่วยทำให้ฉันใจกล้าขึ้น แต่ไม่นึกว่า…ฮือๆๆ” เธอเล่าพลางสะอึกสะอื้น ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเสียงดังอีก

(โอย! อยากจะบ้าตาย ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรให้มีสติ เห็นไหมว่าเหล้ามันไม่ได้ช่วยให้แกมีสติขึ้นมาเลยสักนิด จากที่คิดว่าจะไปสารภาพรัก กลายเป็น…เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่าที่แกกินเหล้า เพราะแกไม่ได้คิดแค่จะสารภาพรักอย่างเดียวตั้งแต่แรก) ศิศิราพูดไปบ่นไป ก่อนจะโวยเสียงหลง

“ฮือๆๆ” เธอตอบคำถามเพื่อนด้วยการร้องไห้ ซึ่งดูเหมือนมันจะชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว

  (โอ๊ย! แกคิดอะไรของแกอยู่เนี่ย โอเคๆ ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ถึงพูดตอนนี้ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะเอายังไงกันต่อดี) ศิศิราพยายามระงับสติอารมณ์ไม่ให้มันพลุ่งพล่านไปมากกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพื่อนก็คงทุกข์ใจมากพอแล้ว 

“แล้วฉันจะท้องไหมอะแก ถ้าฉันท้องขึ้นมาแม่ยายเอาฉันตายแน่ ฮือๆๆ” แรกเริ่มเดิมทีที่เธอตัดสินใจจะเข้าหาภากรก็เพราะอยากท้อง อยากใช้ลูกในท้องบีบบังคับให้แม่กับยายเลิกบังคับเธอเรื่องแต่งงาน แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป จากที่คิดว่าจะมีคนที่แอบปลื้มมาเป็นพ่อของลูก กลับกลายว่าเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้แม้กระทั่งหน้าตาเขาเป็นยังไงเลยด้วยซ้ำ

(โอ๊ย! ตอนทำ ทำไมไม่คิดให้ดีก่อนเล่า) ศิศิราเผลอต่อว่าเพื่อน 

“ฮือๆๆ” ดูเหมือนเสียงร่ำไห้ของแวววิวาห์จะช่วยดึงสติของศิศิราได้ว่าเธอไม่ควรพูดแบบนั้นออกไป

(โอเคๆ ขอฉันตั้งสติก่อน เอาล่ะ! ก่อนอื่นเราต้องหาผู้ชายคนเมื่อคืนให้ได้ก่อน ในเมื่อคุณภากรเขาไม่ได้อยู่ที่ห้องแน่ๆ ฉันเอาหัวเป็นประกันได้ แล้วถ้าเป็นคู่ขาเขาล่ะ โอ๊ยยิ่งไม่ได้ใหญ่ แต๋วแตกซะขนาดนั้น เขาคงเอาแกทำเมียได้อยู่หรอก แต่ถ้าไม่ใช่คุณภากรกับกับคู่ขาของเขา แล้วจะเป็นใครไปได้วะ เฮ้ย! แล้วถ้านั่นไม่ใช่ห้องคุณภากร แต่เป็นห้องคนอื่นล่ะ) ความคิดนี้ของศิศิราทำเอาวิวาห์ถึงกับต้องภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เพื่อนคิด เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเธอคงมืดแปดด้าน หมดหนทางที่จะตามหาชายปริศนาคนนั้นได้อีก ที่สำคัญมันคงเป็นตราบาปที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ไปชั่วชีวิต

“ฮือๆๆ” แวววิวาห์ร้องไห้โฮหนักยิ่งกว่าเดิม

(เฮ้ย! บางทีมันอาจจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้นก็ได้ แกก็อย่าเพิ่งตีโพยตีพายสิ เสียงแกทำฉันเครียดจนคิดอะไรไม่ออกแล้วเนี่ย นี่ถ้ายัยพรีมรู้เรื่องนี้ด้วย เราสองคนโดนบ่นหูชาแน่ โอเค! ช่างเรื่องยัยพรีมก่อน ไว้ค่อยหาโอกาสบอกมันทีหลัง ว่าแต่ไหนแกลองนึกซิว่าหลังจากกินเหล้าแล้ว แกไปไหนหรือว่าเจอใครบ้างรึเปล่า) ศิศิราไม่อยากบ่นมาก ถึงแม้จะกำลังอยากบ่นสุดๆ ไปเลยก็ตาม นี่ก็แทบไม่อยากคิดว่าถ้าพริมรตารู้เรื่องด้วยอีกคนจะเกิดอะไรขึ้น 

“ฮึกๆๆ หลังจากดื่มเหล้า ฉันก็ขึ้นไปหาคุณภากรที่ห้อง ไม่ได้ไปไหนหรือเจอใครเลย อ้อ! แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าฉันเดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” แวววิวาห์พยายามเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดเท่าที่ตัวเองจะพอนึกออก 

(แกชนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชนกันแล้วยังไงต่อ) คำว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษของเธอมันกลับพิเศษจนศิศิรานึกเอะใจจนต้องทวงถาม ทำเอาคนเล่าถึงกับทำหน้างง 

“เอ่อ…ก็แค่ของตก พอเก็บของเสร็จก็ต่างคนต่างไป ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

(เดี๋ยวนะ เมื่อกี้แกบอกว่าของตก? อะไรตก) น้ำเสียงคาดคั้นของศิศิราทำให้เธอใจคอไม่ค่อยดียิ่งกว่าเดิม แต่ก็ยังพยายามตอบคำถามเพื่อน

“ก็กระเป๋าสะพาย” ยังไม่ขาดคำ ศิศิราก็ท้วงขึ้นมาอีก

(กระเป๋าสะพายตก ก็แสดงว่าของข้างในก็ต้องตก แล้วคีย์การ์ดแกล่ะ แกเก็บคีร์การ์ดไว้ที่ไหน) ศิศิราซักจนแวววิวาห์หวาดหวั่นขึ้นทุกที

“นะในกระเป๋า” 

(พระเจ้า! แล้วตอนนี้คีย์การ์ดแกอยู่ไหน) คำถามของเพื่อนทำให้เธอจำต้องหันไปค้นในกระเป๋า

“ไม่มี ฉันหาจนทั่วแล้ว ในกระเป๋าไม่มี หรือว่า…” แวววิวาห์เริ่มคิดตามในสิ่งที่เพื่อนพยายามซักไซ้ไล่เลียง 

(ใช่! ฉันว่าแกทำคีย์การ์ดสลับกับผู้หญิงคนนั้นชัวร์ ถ้าคีย์การ์ดที่อยู่ที่แกเป็นของผู้หญิงคนนั้น งั้นก็แสดงว่าผู้ชายที่นอนกับแกเมื่อคืนก็เป็น…) ศิศิรายั้งปากเอาไว้ได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นแวววิวาห์ก็ยังรู้อยู่ดีว่าเพื่อนจะพูดว่าอะไร 

“ฮือๆๆ” เธอร้องไห้โฮ แค่คิดว่าตัวเองเผลอไปนอนกับสามีของผู้หญิงคนอื่น เธอก็รู้สึกแย่จนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

(แกใจเย็นๆ ก่อนนะวา บางทีมันอาจจะไม่ร้ายแรงอย่างที่แกคิดก็ได้ เอาไว้ฉันจะรีบกลับไป แล้วเราค่อยมาหาวิธีกันว่าจะเอาไงต่อ ตอนนี้แกทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แล้วถ้าไปทำงานไม่ไหวก็ลาซะ หรือจะให้ฉันลาให้) ศิศิราพยายามปลอบพร้อมทั้งขันอาสา ด้วยรู้ดีว่าสภาพจิตใจเพื่อนตอนนี้คงกำลังแย่มาก

“ไม่! ถ้าฉันอยู่คนเดียวฉันต้องฟุ้งซ่านจนเป็นบ้าแน่ๆ ฉันต้องทำไปทำงาน เผื่อว่างานจะทำให้ฉันเลิกหมกมุ่นกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ได้” แวววิวาห์ยืนยันขันแข็ง

(เออๆๆ แล้วแต่แกแล้วกัน แต่ถ้าไม่ไหวแกก็กลับไปพักแล้วกัน ฉันเป็นห่วงแกนะเว้ย ไม่ต้องคิดมาก ยังไงฉันกับไอพรีมก็ยังอยู่ข้างๆ แกเสมอนะวา) 

“ฮือๆๆ ขอบใจมากนะศิ แกเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเสมอ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันยังไหว” เธอพยายามเข้มแข็งทั้งที่ในใจกำลังอ่อนแออย่างที่ไม่เคยมาก่อน ครั้นพอเพื่อนวางสายไปแล้วก็ร้องไห้โฮอย่างหนัก ไม่คิดว่าสวรรค์ก่อนหน้าจะพังครืนลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ นี่แหละนะที่เขาบอกว่าความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   Special episode

    “ยังโกรธพี่อยู่เหรอเจ้าหญิงน้อย” วาโยพยายามง้องอนน้องสาวที่กำลังทำหน้าหงิกงอ “ใช่ หนูโกรธ แล้วก็โกรธมากด้วย พี่ทำให้แฟนหนูเกือบตายเลยนะ” “ก็ยังไม่ตายานี่” วาโยพึมพำเบาๆ แต่น้องสาวก็ดันได้ยินจึงยิ่งโกรธ “พี่โย” “ก็มันจริงนี่ พี่ก็เห็นว่าหมอนั่นยังสบายดี ไม่มีตรงไหนบุบสลาย ถ้าจะว่ากันตามจริงต้องขอบคุณพี่ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่แอบได้ยินไอ้กรกันมันคุยโทรศัพท์ ป่านนี้หมอนั่นได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้ว” เพราะไม่ทันสังเกตว่าวาโยยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง กรกันจึงโทรสั่งการและคายความลับออกมาโดยไม่ทันระวัง “ลองถ้าเป็นอย่างนั้น หนูจะไม่ให้อภัยพี่ไปตลอดชีวิตเลย” เป็นเพราะกว่าพี่ชายจะมาบอกก็เกือบสายไป อีกทั้งยังทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ เธอจึงอดเคืองไม่ได้ “นี่ ให้มันน้อยๆ หน่อย พี่เป็นพี่ชายเรานะ ทำไมต้องทำเหมือนคนอื่นสำคัญกว่าพี่ด้วย” พี่ชายตัดพ้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “คนอื่นที่ไหน นั่นแฟนหนูนะ อีกหน่อยเขาก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา” “ครอบครัวอะไร ใครยอมรับมัน แล้วใครอนุญาตให้เราเรียกมันว่าแฟน พี่ไม่

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   The end

    “ตาข่ายดักปลา อืม...ว่าไม่ได้ ดูๆ ไปก็เหมือนอยู่นะ” เห็นเธอยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาจึงพูดต่ออีก “นี่แหละน้า จำพี่ไม่ได้ จำชุดที่ตัวเองใส่ก็ไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนฉีกกระโปรงแล้วทิ้งเศษผ้านั่นไว้ให้พี่ดูต่างหน้าแท้ๆ แต่กลับจำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าต่อไปจะลืมเรื่องของเราหรอกนะ เฮ้อ! ก็มีแต่พี่นี่แหละที่จดจำได้ทุกรายละเอียด ถึงขนาดเจอกันอีกครั้ง พี่ก็ยังจำเธอได้ทันที” คนถูกตัดพ้อยิ้มแหย หลังปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “แฮ่ จำได้หมดเลยเหรอ” เธอถามเสียงอ่อย ครั้นพอนึกบางอย่างขึ้นมาก็ทำท่าขัดเขิน “รู้สึกสวยขึ้นมาอีกพันเปอร์เซ็นต์ คลั่งรักนะเราเนี่ย” เธอเกี่ยวผมทัดหูก่อนตีที่แขนเขาเบาๆ “เห็นพี่คลั่งรักขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าต่อไปจะข่มเหงจิตใจกันหรอกนะ” “แล้วยอมให้ข่มรึเปล่าล่ะ” ไม่พูดเปล่า แต่แม่คุณยังเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักด้วยท่วงท่าก๋ากั่น “อยากจะข่มหรือขย่มก็ได้หมดแหละ กับเธอพี่ยอมทุกอย่าง” เขาตอบพลางมองตาปรอย รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้ากลายร่างเป็นนางแมวยั่วสวาท “งั้นหนูขอเลือกอย่างหลัง รับให้ไหวล่ะ”

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 32

    ตอนที่ 32 คอนโด “อุ๊ย! จะทำอะไรคะ แบบนี้ไม่ดีมั้ง เมื่อกี้เราเพิ่งเจอเรื่อง...” ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็ปล้ำถอดเสื้อเธอออก ทำคนถูกถอดขัดเขินไม่คิดว่าพ่อคุณจะคลั่งรักได้ถึงเพียงนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนั้นมีเสน่ห์เหลือร้าย กระทั่ง... “ก็เธอไม่ยอมไปหาหมอ พี่ก็ต้องเป็นตรวจเองสิ มาให้พี่ดูหน่อยว่ามีแผลตรงไหนรึเปล่า” คนที่เผลอคิดไปไกลหุบยิ้มทันควัน “ไม่มีค่ะ ไม่มีทั้งแผล แม้แต่เสน่ห์ก็ไม่มีค่ะ” เธอเปรยออกมาด้วยสีหน้าสุดเซ็ง “หืม ว่าไงนะ” คนที่ได้ยินชัดเจนแต่แสร้งถามอีกครั้ง “หนูหมายถึง หนูไม่ได้เจ็บตรงไหน แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่มีค่ะ” “จะไม่มีได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้มีรอยแดง” “แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตรงนี้ไม่มี ตรงนี้ก็ไม่มี” เห็นพ่อคุณดื้อดึงจะดูให้ได้ เธอก็อ่อนอกอ่อนใจ จนต้องเอียงคอให้ดู ก่อนปลดกระดุมเสื้อเปิดไหล่ขาวๆ ให้อีกฝ่ายพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง พร้อมกับพึมพำเบาๆ “ปลายแถวพวกนั้นไม่ได้เก่งพอจะทำให้หนูเป็นแผลได้หรอก” “หืม” เขาแสร้งถามอีกครั้ง “หนูหมายถึง

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 31

    ตอนที่ 31 “ฮื่อ...จะยิงผัวเขา ถามเมียเขาก่อนไหม ว่าอนุญาตรึเปล่า” ครามเดินนำเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ “อย่าเข้ามา ไม่งั้นกูเป่าหัวมันแน่” กรกันขู่ด้วยการเอาปืนจ่อขมับตัวประกัน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นญาณินเดินแหวกออกมาจากคนกลุ่มนั้น พลันสีหน้าคนถือปืนก็ค่อยๆ เผือดลง “คุณมาได้ยังไง” กรกันครางถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง อีกทั้งนัยน์ตาที่มองมาก็เปลี่ยนไป กระทั่ง... “ฉันก็ต้องมาช่วยคนของฉันสิ ผู้ชายของฉันใครอนุญาตให้คุณแตะ กล้ายุ่งกับผู้ชายของฉัน กลัวคุณจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ” การแสดงความเป็นเจ้าของของเธอ ทำนัยน์ตาคนขี้อิจฉาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอีกครั้ง “หึ! ผู้ชายของคุณ? ทำไมล่ะ มันมีดีอะไร ทำไมถึงได้มองแค่มัน แต่กับผมคุณกลับไม่แม้แต่จะให้โอกาสด้วยซ้ำ ลองให้โอกาสผมสิ แล้วผมจะทำให้คุณรักผมยิ่งกว่าที่คุณรักมัน” “เรื่องแบบนี้บังคับใจกันได้ที่ไหน ก็ฉันรักเขาไปแล้ว จะให้ไปรักคุณอีกได้ไง หรือต่อให้ไม่มีเขา ฉันก็ไม่รักคุณอยู่ดี” คนถูกบอกรักถึงกับเผลอยิ้ม ในขณะที่อีกคนกลับเปลี่ยนเป็นถมึงทึง “ทำไม” กรกันตะเบ็งเสียงใส

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 30.1

    “เจ็บตรงไหนไหม บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” หลังจากเหตุการณ์สงบ ตุลญะรีบจับแฟนสาวหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจ “ไม่ค่ะ แล้วพี่ล่ะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ความเป็นห่วงทำให้เธอทำในแบบเดียวกัน แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีแผลรอยฟันที่แขนก็โวยทันที “พี่บาดเจ็บนี่ ไปโรงพยาบาลกันค่ะ” เธอรีบเหวี่ยงแขนคนเจ็บมาพาดไว้ที่ไหล่ตัวเองเพื่อประคองอีกฝ่ายไปโรงพยาบาล ทำเอาชวินชวันหันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ “แผลแค่นี้ พี่ไม่เป็นไร ห่วงก็แต่เรานั่นแหละ ไม่เจ็บตรงไหนก็ดีแล้ว ว่าแต่รู้ได้ไงว่าพี่จะถูกทำร้าย” “พูดแล้วยังเคืองไม่หาย ก็พี่โยสิคะ แอบได้ยินคุณกรคุยโทรศัพท์ แล้วเพิ่งมาบอก โชคดีที่มาทัน ไม่งั้นหนูจะโกรธแล้วไม่พูดกับเขาตลอดชีวิตเลย” พูดถึงพี่ชายแล้วเธอก็ทำหน้างอง้ำ โชคดีที่อีกฝ่ายไถ่โทษด้วยการให้คนมาช่วย จึงพอลดความขุ่นเคืองลงได้บ้าง “ไม่โกรธนะคะคนดี แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายเรา ป่านนี้พวกพี่ไม่รู้จะเป็นยังไง ฝากขอบคุณพี่ชายเราด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณเราด้วย แต่ทีหลังอย่าทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีกนะ พี่ใจไม่ดี” เขาว่าพลางเอามือลูบหัวเธอเบาๆ

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 30

    ตอนที่ 30 “ตั้งแต่ออกมาจากบ้านนั้น แม่ยังไม่เห็นแกหุบยิ้มเลย มีความสุขอะไรนักหนา” ขณะกำลังนั่งรถกลับบ้าน แม่ที่นั่งข้างลูกชายก็อดแซวลูกไม่ได้ “ได้แต่งกับผู้หญิงที่เฝ้าตามหามาเป็นปี จะไม่ให้มีความสุขได้ไงล่ะครับ แต่ว่าก็ว่านะ เก็บอาการหน่อยก็ดี เดี๋ยวผู้หญิงเขาจะได้ใจเอา” ครามที่เป็นพลขับอยู่ด้านหน้าอดไม่ได้ที่จะผสมโรงด้วย “นี่แกกับหนูคะขาเคยเจอกันมาก่อนเหรอ ที่ไหน ยังไง ไม่เห็นเคยเล่าให้แม่ฟัง หนูคะขาเองก็ไม่เห็นเคยพูดถึง” ผู้เป็นแม่อดสงสัยไม่ได้ “คือ...” ลูกชายทำท่าจะอธิบาย แต่ก็ถูกคนด้านหน้าแทรกขึ้นมาอีก “จะพูดถึงได้ไงล่ะครับ ก็เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำ” ครามพูดแล้วเหลือบมองกระจกมองหลัง ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว จึงรีบอธิบายต่อ “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับคุณท่าน...” ครามเล่าทุกอย่างท่ามกลางสีหน้าหลากหลายอารมณ์ของคนฟัง “เป็นไง อย่างกับรักแรกพบในละครเลยใช่ไหมครับ” “ตกลงมันเรื่องของฉันหรือว่าของแกกันแน่ไอ้คราม” เจ้าของเรื่องประชดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ในขณะที่คนถูกว่าก็ไม่ได้สลดเลยสักนิด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status