LOGIN“ข้าวแห้งทะเล” ปานดวงใจบอกชื่ออาหาร “ไม่มีอยู่ในเมนูเหมือนกัน เมย์ทำเอง มันเหมือนข้าวต้มทะเล แต่ข้าวไม่เละและไม่มีน้ำ”
“ฉันไม่ได้สั่ง ใครใช้ให้เปลี่ยนเมนู ฉันจะกินข้าวผัดปู” เขาดันชามออกไปไกลๆ
“เฮีย มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะไปรำลึกถึงรสชาติเดิมๆ หรือสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำร่วมกัน” ปานดวงใจยืนค้อมตัวปลอบเขา
“แล้วเธอทำได้? ไม่เคยมีสักวูบหนึ่งเลยเหรอที่เธอเคยนึกถึงเรื่องเก่าๆ” เขาท้าทาย ค้นหาความจริงภายใต้กรอบแว่นอันโต
“เมย์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์เนาะ แต่เมย์ก็ไม่ฟูมฟายแบบเฮีย”
“ฉันดูฟูมฟายเหรอ ฉันแค่อยากกินข้าวผัดปู แล้วที่ต้องบอกมารีเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้าน ลูกค้าจะกินอาหารนอกเมนูก็ต้องบอกเขาไม่ใช่เหรอ”
“โอเคๆ เมย์ผิดเองที่คิดไปไกล เฮียรอแป๊บนะ ถือว่าลูกจ้างทำกินกันเอง ไม่ต้องบอกพี่มารีหรอก” ปานดวงใจเดินส่ายหัวกลับไปที่ครัว
“เป็นไงมั่งเมย์” หมิง เพื่อนร่วมงานในครัวที่วิ่งวุ่นหยิบจับจานชามใส่สเต๊กร้องถาม
“เวรกรรมอะไรของเมย์ก็ไม่รู้อะ เอาแต่ใจ แบบนี้มั้งพี่มารีเลยตัดใจง่าย ความหล่อความแซ่บทะลุทะลวงไม่ช่วยอะไร ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจ” ปานดวงใจว่าพลางเปิดตู้แช่แข็ง หยิบเนื้อปูม้าแกะออกมา
“อีบ้า พี่มารีเขามีคู่หมั้นต่างหาก ว่าแต่แกคนบ้านเดียวกัน รู้จักคู่หมั้นพี่มารีไหมวะ” เตยหอมเงยหน้าขึ้นจากการแต่งจานล็อบสเตอร์อบชีสถาม
“ใครเขาจะไปรู้ลึกขนาดนั้น เมย์ก็รู้พร้อมๆ กับพวกพี่นี่แหละ ไม่ต้องถามเยอะ เมย์ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว พี่มารีจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ แต่เขาดีกับเมย์มาก ช่วยเหลือเมย์มาตั้งแต่ตอนเรียน เรื่องติว สอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือแม้แต่เดินเรื่องจนเมย์ได้มาที่นี่” ปานดวงใจตัดบท
“ว่าแต่ดูคุณเสือพักนี้เขาจะเข้ากับแกได้ดีแล้วนะ” ถึงหมิงจะทำงานอยู่ก้นครัว แต่พวกพนักงานเสิร์ฟก็เอามาเล่าต่อ
“คนอกหักกับคนอกหักอะ” ปานดวงใจเทส่วนผสมลงกระทะพลางถอนหายใจ
“นี่แกยังไม่โอเคอีกเหรอ ที่ผ่านมาฉันเห็นแกยิ้ม ไอ้ฉันก็ดีใจ” เตยหอมจับไหล่เพื่อนร่วมงาน ปานดวงใจนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่มือยังผัดข้าวไม่หยุด
“เมย์พยายามจะเข้มแข็ง” คำตอบมาพร้อมกับมือเรียวเล็กที่วางตะหลิวและยกแว่นขึ้นปาดน้ำตา “ขอโทษทีตะกี้หั่นหัวหอม”
เตยหอมกับหมิงมองไปยังส่วนผสมที่ไม่มีทั้งหอมแดงและหอมใหญ่ แล้วส่ายหน้าให้คนที่พยายามซ่อนความอ่อนแอไว้ใต้รอยยิ้ม
“อ้าวเป็นอะไรไปเด็กน้อยของพี่ แล้วทำไมมีเมนูข้าวผัดล่ะ” มารีเข้ามาดูความเรียบร้อยในครัว หญิงสาวโอบไหล่เมย์และบีบเบาๆ ให้กำลังใจ
“คุณเสือเขาสั่ง เมย์ว่าถ้าไม่ทำเขาก็จะหาเรื่องไม่หยุด พี่มารีคงไม่ว่าอะไรนะ” เหตุผลของปานดวงใจฟังขึ้น และทุกคนพยักหน้า
“ไม่ว่าๆ ถึงจะเป็นลูกค้า แต่เขาก็เป็นคนที่คุณลูกคลื่นบอกให้เราดูแลให้ดี ขอบใจเมย์มากนะที่ดูแลเขาแทนพี่”
“เล็กน้อยมากค่ะพี่มารี เพื่อพี่มารี เมย์ยอมถวายหัวเลย” ปานดวงใจกอดเอวคนที่เธอรักเหมือนพี่สาวแท้ๆ
ข้าวผัดปูฝีมือบ้านๆ ถูกนำมาเสิร์ฟ แทนที่ข้าวต้มแห้งในอีกยี่สิบนาทีต่อมา
“เอาไว้นี่แหละ” เสียงทุ้มเอ่ยห้าม เมื่อเห็นชามข้าวแห้งถูกยกขึ้นไป
“กินจุนะเรา” ปานดวงใจวางชามข้าวแห้งลง แล้วถอยออกไปทำงานของตัวเองต่อ
เสียงดนตรีเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา พนักงานเสิร์ฟเดินกันไม่หยุด ทุกโต๊ะเต็มไปด้วยลูกค้ามีระดับและนักพนัน ด้านนอกมีบอดี้การ์ดติดตามตัวยืนเป็นจุดๆ สมแล้วที่ใครต่อใครอยากมาทำงานในโรงแรมค่าห้องแพงหูฉี่แห่งนี้ เบี้ยเลี้ยงของโรงแรมเมื่อรวมทุกแผนกและหารด้วยจำนวนพนักงาน แต่ละเดือนสามารถซื้อรถเงินสดได้สบายๆ
“อ้าวเฮีย ไหนว่าหิวข้าว ไม่แหว่งเลยสักจาน ร้านปิดแล้วนะ” ปานดวงใจเดินมาเพื่อเก็บโต๊ะ มองไปที่จานทั้งสองซึ่งไม่พร่องไปเลยสักนิด
“ฉันกินไม่ลง ถ้าไม่ได้ยินเสียงเธอ เอ่อ หมายถึงถ้าไม่มีเรื่องเล่าสนุกๆ จากเธอ”
“อ๋อ ได้เลย ชอบฟังเรื่องบนเตียงคนอื่นงั้นสิ”
“เห็นฉันเป็นคนยังไง” แค่เริ่มเขาก็หัวเราะแล้ว มันเป็นเสียงหัวเราะจริงๆ ที่เขาเพิ่งค้นพบเมื่อวาน
“ก็เมย์เล่าแต่เรื่องเซ็กซ์ให้เฮียฟัง ถ้าเฮียอยากฟังอีก มันก็ต้องมีแต่เรื่องนี้ปะล่ะ เฮียนี่หมกมุ่นนะ” ปานดวงใจหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ เขา ความหิวทำให้ดึงชามข้าวแห้งมาโดยไม่รู้ตัว
“เธอกินจานนี้” เขาดันจานข้าวผัดปูมาให้ ดึงชามข้าวแห้งกลับไป
“ไหนอยากกินข้าวผัดปูนักหนา ผัดจนหัวเหม็นเลย ไม่เชื่อดมดูสิ” ปานดวงใจเอนหัวไปกระแทกเขา
“อยากลองชามนี้แล้ว” คนเอาแต่ใจผลักหัวทุยๆ ของหญิงสาวออกและตักข้าวแห้งใส่ปาก “อร่อยดี แม่บ้านแม่เรือนนะเนี่ย”
“ไอ้ไมค์มันไม่ชอบกินเลย” ชำเลืองมองก็เห็นเขาส่งสายตาอยากรู้พร้อมกับจ้วงข้าวเข้าปาก
“ใคร”
“ผัวเก่า”
“เรียนที่เดียวกันเหรอ”
“อือ เด็กวิดวะปี 2 ส่วนเมย์เรียนการโรงแรมและท่องเที่ยวปี 3”
“เหมือนมารี?”
“อือ พี่มารีเป็นไอดอลเมย์เลย” ปานดวงใจยกยอ
“จบแล้วอยากทำงานที่ไหน หรือว่าเรียนต่อ”
“อยากกลับมาเที่ยวอเมริกาให้ทั่ว ถ้าขอวีซ่าไม่ผ่าน ก็จะจ้างหนุ่มอเมริกามาแต่งงานเอาวีซ่าคู่หมั้น เนี่ยเมย์มาทำงานที่นี่ก็ได้คอนเน็กชั่นหลายคนแล้วนะ” เขาเชื่อว่าเธอไม่โกหก ความมีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นกันเอง และนิสัยน่ารักทำให้คุยด้วยแล้วสบายใจ เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ค่าจ้างแพงนะ หลายล้านเลย”
“เมย์ก็ไม่จนนะเฮีย ลูกเจ้าของไร่ส้มเชียงใหม่ มีเงินตกผู้ก็แล้วกัน”
“แล้วถ้าเขาปล้ำเธอด้วยล่ะ”
“อย่าใช้คำว่าปล้ำ เพราะเมย์สมยอมตั้งแต่หน้าประตูแล้ว”
พยัคฆ์เหล่ตามองคนที่โกยข้าวเข้าปากอย่างไม่ห่วงสวย
“เที่ยวจุใจแล้วทำอะไรต่อ”
“หย่า แล้วกลับไปเรียนโท” ปานดวงใจพูดง่ายๆ “จบแล้วก็สมัครงานโรงแรมนี้แต่สาขาไทย ถ้าเขารับนะ”
“ไม่อยากมีผัวรวยๆ เหรอ”
ปานดวงใจดันจานข้าวผัดปูที่กินจนเกลี้ยงไปด้านหน้า และหยิบชามของเขาที่กินจนเกลี้ยงเช่นกันมาซ้อน
“โหยเฮีย ถามอะไรเป็นคนแก่ไปได้ คุยด้วยแล้วไม่สนุกเลย เมย์บอกแล้วไงว่าบ้านรวย ส่วนที่มาทำงานงกๆ ที่นี่เพราะอยากเที่ยว เฮียเลิกสัมภาษณ์แล้วก็กลับบ้านได้แล้ว” ปานดวงใจลุกขึ้น
“กลับก็กลับ พรุ่งนี้เจอกัน” เขาลุกตาม หยิบเงินค่าอาหารพร้อมทิปมาวาง
“พรุ่งนี้วันปล่อยผีนะเฮีย”
“คืออะไร”
“บอกก็ไม่ตื่นเต้นสิ” เธอขยิบตาภายใต้แว่น และยกจานชามเดินจากไป
“ใจเย็นๆ สาวน้อย ตอนนี้มันคันคนละอย่างกับเมื่อกี้แล้ว ฉันรู้ว่าเธอยังไม่เคย เลยแยกแยะไม่ออก ว่าคันธรรมดากับคันอยากมีผัวมันต่างกัน” พยัคฆ์สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้โจนทะยานตามคำเรียกของเธอ “ตอนนี้เธอคันอย่างหลัง”“อ๊า” เสียงหวานมาพร้อมเสียงกระเส่า เขาดึงมือเล็กมาจับแก่นกายตัวเอง“ฉันอยากดูเธอเริงระบำ พร่างพราวอยู่ใต้ร่างฉัน...ด้วยสิ่งที่เธอกำลังจับ”“ระ...เริง...ระบำด้วยไอ้นี่น่ะเหรอ มันท่อไอเสียแทรกเตอร์ชัดๆ” ความใหญ่โตของมันทำให้ลูกเศรษฐีชาวไร่ส้มเปรียบเทียบสิ่งที่อยู่ในมือกับสิ่งใกล้ตัว“ฉันอยากได้เธอ” เขาตัวสั่นเมื่อแก่นกายถูกมือบางลูบ พยัคฆ์ขยับเข้าออกถี่ๆ อีกครั้ง ต่างคนต่างเสียวซ่านสุกงอมด้วยอารมณ์“เสียว ฮือ เสียว”“ฉันก็เสียว เอากันก่อนเดี๋ยวค่อยแก้ไข รับรองไม่ท้อง” เขากระซิบและแยงลิ้นเข้าไปเลียในร่องหู เพิ่มความเสียวซ่านจนร่างบางกระตุกเกร็ง จากนั้นก็กระแทกลงไปมิดลำมีอารมณ์ขนาดนี้ใครมันจะถอย เขาสะอาด เธอก็สด หมดปัญหาเรื่องโรค“โอ๊ย เจ็บบบบบบบบ” เสียงร้องหลง อ้าปากกว้าง ท้องน้อยสั่นระรัวสุดทานทนกับความเสียวซ่านที่แปลบปลาบด้วยความเจ็บ“คืนนี้อดทนหน่อย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะปลอบเธอในฐานะท
“เฮียถอดสองชิ้นเลยเหรอ” สติกลับมาชั่วคราว ความรวดร้าวข้างในแผลงฤทธิ์เพียงแค่เห็นสิ่งนั้น ความเสียวพุ่งไปกองรวมตัวกันไปที่ท้องน้อย ปานดวงใจทบทวนกฎกติกา เกมนี้มีแค่จูบนี่นา เธอหลับตาลงรอเกมถัดไป ปากพ่นคำพูดไม่น่าฟัง “เล็กกว่าผัวเก่าเมย์อีก ขนาดมันตัวเล็กกว่าเฮียนะ”ปานดวงใจคิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้ไอ้เสือยักษ์ในกางเกงนั่นฝ่อลงเมื่อโดนบูลลี่“พูดแบบนี้เดี๋ยวต้องโดนของแข็งตีปาก”“ฮ่าๆๆๆๆๆ ขี้แพ้ชวนตี ไอ้เบบี๋เอ๊ย”ทว่าเขาก็เจ้าเล่ห์พอๆ กับเธอนั่นแหละ เสือยังไงก็ยังเป็นเสือ ต่อให้เอาลายพาดกลอนออก มันก็ยังเรียกว่าเสือ“เสือไม่ขี่ลิง”“หือ เล่านิทานเหยออออ เก็บไว้เล่าให้ลูกเฮียฟังเถ้อะ”“ฉันหมายถึงฉันเลือกที่จะถอดกางเกงในต่างหาก” เปลือกตาบางเผยอขึ้น ริมฝีปากอ้ากว้างเมื่อพยัคฆ์ก้าวขึ้นมาบนเตียงโดยที่ท่อนล่างเปลือยไปหมด“โอ้แม่เจ้า ไม่ใส่เหรอ” เธอยันตัวขึ้นเพื่อมองหากางเกงเขา“ใส่สิ”“ฮะ เฮียตั้งใจ ถะ ถอดกางเกงในใช่เปล่า ฮะ เฮียถอดแล้วนี่ ไป อะ เอาๆๆๆ กางเกงตัวนอกมาสะใส่สิ” ปานดวงใจพูดตะกุกตะกัก ตาจ้องมองพญาเสือโคร่งที่กระดกหัวทักทายเธอ“หมายถึงใส่อย่างอื่น”“ใส่อะไร”“เดี๋ยวรู้”สองมือหนาผ
“จักจี้” ปานดวงใจหัวเราะยามรับสัมผัสสุดสยิว มือเล็กไต่ไล้บนหน้าอกเปลือยเขา “คุณจูบไม่เป็นเหรอ”พยัคฆ์ขบกรามแน่น หันขวับไปมองยังสมุนสองคนที่ยืนรออยู่ตรงมุมหนึ่งของผับ...เป็นอันรู้กัน“ฉันเป็นนักจูบ”“จริงอะ” เธอแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ฉันว่าไอ้คุณสมบัตินี้ต้องให้คนอื่นเขายกย่องนะ ไม่ใช่มายกหางตัวเองแบบนี้” นิ้วเรียวยาวจิ้มบนหน้าอกเขา กระแทกแรงๆ สองสามครั้งมือหนากระตุกโบบนคอของเธอ ผ้าคลุมของแวมไพร์ทิ้งตัวลงพื้นทันใดเธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ไหล่กลมกลึงต้องแสงไฟ ปานดวงใจกระตุกไหล่ไล่จมูกโด่งคมที่กำลังฝังลงมาแถวรักแร้ “ฉันมีเงินก้อนหนึ่งเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวรอบโลก เธอรับคำท้าไหม”“เงินน่ะไม่หิว แต่เมย์กระหายชัยชนะ”“นี่คือคำตอบว่ารับคำท้าใช่ไหม” พยัคฆ์ต้องการคำตอบที่ชัดเจน“Yes เมย์ชอบของรางวัล ชอบความท้าทาย ฮ่าๆๆๆ”“ฉันคิดไม่ผิด งั้นมาพิสูจน์กันว่าฉันเป็นนักจูบจริงไหม กล้าจูบกับฉันหรือเปล่าล่ะ”“ทำไมจะไม่กล้า จูบเสร็จก็ล้างปาก ทำออกบ่อยปายยย แล้วกติกาคืออะไร แค่อยากได้คำยืนยันว่าเฮียเป็นนักจูบตัวยงอะเหรออออ”“ใครมีอารมณ์ก่อนคนนั้นแพ้”“โอ๊ย สบายบรื๋อ แข่งกับครายไม่
“แด่ค่ำคืนนี้เฮีย ปลดปล่อยทุกฉิ่งทุกอย่างออกมา แล้วลืมมันให้หมด”“หึๆ ปลดปล่อยทุกอย่างเลยใช่ไหม” เขามองตาเธอ “เธอจะทำให้ฉันลืมมันให้หมด?”“แม่นเจ้า” เธอตอบ ลงท้ายด้วยภาษาบ้านเกิดเขาหัวเราะ หยิบแก้วมาชนกับเธอ ก่อนจิบเครื่องดื่มดีกรีแรง 96% ตามรสชาติของมันนุ่มละมุนไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เธอบอก แต่เขารู้ฤทธิ์เดชของมันดี“เอาทิชชูไหม” ดูเธอจะไม่แยแสกับของเหลวที่ไหลลงมา เป็นเขาเสียเองที่ไม่อาจละสายตาไปได้ เขายังอยากนั่งอยู่ในบรรยากาศนี้ให้ตลอดรอดฝั่งจึงต้องขอความร่วมมือให้เธอช่วยจำกัดมันออก“ไม่อะเฮีย” ปานดวงใจปฏิเสธ จู่ๆ ก็ลุกออกจากโต๊ะพยัคฆ์มองตามด้วยความสงสัย แวมไพร์สาวแวะดื่มกับนักพนันหนุ่มที่ยื่นแก้วให้ระหว่างที่เธอเดินผ่าน เจ้าสาวขอบคุณด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจะกัดลำคอพวกนั้น แต่ก็ถอยออกมาและเต้นยั่วๆ โยกๆ แบบที่เขาเห็นประจำ แต่คราวนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นภาพบาดตา บาดความรู้สึกปานดวงใจกลับมาพร้อมกับน้ำหวานสีแดง“ตะกี้เฮียว่าเหล้าเปื้อนคอใช่ปะ”“อือ” เขามองเธอเทน้ำหวาน ตามด้วยเหล้า“เมย์เลยเพิ่งนึกได้ว่าแวมไพร์ต้องกินเลือดจะได้ฉมจริง”พยัคฆ์มองน้ำหวานผสมเหล้าไหลลงมาจากมุมปากสองข้าง ใจเต้น
บรรยากาศภายในผับกึ่งร้านอาหารคืนนี้สุดสะพรึง พยัคฆ์นึกว่าตนเองก้าวเข้ามาในบ้านผีสิง บนผนังรอบด้านกลายเป็นฉากสยองขวัญ ด้านหนึ่งเป็นผนังบ้านไม้ผุพัง อีกด้านเป็นฉากปราสาทรกเรื้อด้วยวัชพืชพาดพัน“โอ้” เขาสะดุ้งเมื่อก้มลงมองพื้น มันเป็นจอภาพที่มีหนอนตัวเป้งชอนไชน่าขยะแขยงพยัคฆ์ขนลุกซู่ พนักงานเสิร์ฟอยู่ในชุดผีสารพัดชนิด แฟรงเกรนสไตล์กำลังมิกซ์เครื่องดื่มอยู่ที่บาร์ ผีแม่ชีเยื้องย่างหน้าบึ้งตึงเสิร์ฟเครื่องดื่ม ส่วนอีกด้านเป็นเฟรดดี้ ครูเกอร์“พับผ่าสิ ฮัลนิบาลก็มา ไม่ใช่ผี แต่น่ากลัวกว่าผีซะอีก” พยัคฆ์ลูบแขนตัวเองขณะเดินสวนกับชายร่างใหญ่ แปลงร่างเสียจนจำไม่ได้ว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟคนไหนเขาเดินไปนั่งที่ประจำ แวมไพร์สาวผิวขาวกำลังเป็นที่สนใจของลูกค้า เธอเดินนวยนาดเสิร์ฟเครื่องดื่มให้หนุ่มๆ เสร็จก็ค้อมตัวเข้าหาลูกค้า ทำทีจะกัดต้นคอให้จมเขี้ยวปลอม แต่ยืดตัวขึ้นมาก่อนที่จะโดนตะปบ ชุดตัวนั้นช่างเซ็กซี่ ตัวเสื้อเกาะอกจนต่ำ กระโปรงพองๆ สั้นเหนือเข่า รองเท้าส้นสูงมีสายพันไปมาจนถึงใต้เข่า ทั้งหมดเป็นสีดำ ยกเว้นผ้าคลุมที่เป็นสีแดงแวมไพร์สาวเต้นยั่วแขกทีละโต๊ะ เขามองเพลินเหมือนถูกสะกดจนกระทั่งแม่ค้าง
“ข้าวแห้งทะเล” ปานดวงใจบอกชื่ออาหาร “ไม่มีอยู่ในเมนูเหมือนกัน เมย์ทำเอง มันเหมือนข้าวต้มทะเล แต่ข้าวไม่เละและไม่มีน้ำ”“ฉันไม่ได้สั่ง ใครใช้ให้เปลี่ยนเมนู ฉันจะกินข้าวผัดปู” เขาดันชามออกไปไกลๆ“เฮีย มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะไปรำลึกถึงรสชาติเดิมๆ หรือสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำร่วมกัน” ปานดวงใจยืนค้อมตัวปลอบเขา“แล้วเธอทำได้? ไม่เคยมีสักวูบหนึ่งเลยเหรอที่เธอเคยนึกถึงเรื่องเก่าๆ” เขาท้าทาย ค้นหาความจริงภายใต้กรอบแว่นอันโต“เมย์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์เนาะ แต่เมย์ก็ไม่ฟูมฟายแบบเฮีย”“ฉันดูฟูมฟายเหรอ ฉันแค่อยากกินข้าวผัดปู แล้วที่ต้องบอกมารีเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้าน ลูกค้าจะกินอาหารนอกเมนูก็ต้องบอกเขาไม่ใช่เหรอ”“โอเคๆ เมย์ผิดเองที่คิดไปไกล เฮียรอแป๊บนะ ถือว่าลูกจ้างทำกินกันเอง ไม่ต้องบอกพี่มารีหรอก” ปานดวงใจเดินส่ายหัวกลับไปที่ครัว“เป็นไงมั่งเมย์” หมิง เพื่อนร่วมงานในครัวที่วิ่งวุ่นหยิบจับจานชามใส่สเต๊กร้องถาม“เวรกรรมอะไรของเมย์ก็ไม่รู้อะ เอาแต่ใจ แบบนี้มั้งพี่มารีเลยตัดใจง่าย ความหล่อความแซ่บทะลุทะลวงไม่ช่วยอะไร ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจ” ปานดวงใจว่าพลางเปิดตู้แช่แข็ง หยิบเนื้อปูม้าแกะออกมา“อีบ้า พี่มารีเข







