Masukบรรยากาศภายในผับกึ่งร้านอาหารคืนนี้สุดสะพรึง พยัคฆ์นึกว่าตนเองก้าวเข้ามาในบ้านผีสิง บนผนังรอบด้านกลายเป็นฉากสยองขวัญ ด้านหนึ่งเป็นผนังบ้านไม้ผุพัง อีกด้านเป็นฉากปราสาทรกเรื้อด้วยวัชพืชพาดพัน
“โอ้” เขาสะดุ้งเมื่อก้มลงมองพื้น มันเป็นจอภาพที่มีหนอนตัวเป้งชอนไชน่าขยะแขยง
พยัคฆ์ขนลุกซู่ พนักงานเสิร์ฟอยู่ในชุดผีสารพัดชนิด แฟรงเกรนสไตล์กำลังมิกซ์เครื่องดื่มอยู่ที่บาร์ ผีแม่ชีเยื้องย่างหน้าบึ้งตึงเสิร์ฟเครื่องดื่ม ส่วนอีกด้านเป็นเฟรดดี้ ครูเกอร์
“พับผ่าสิ ฮัลนิบาลก็มา ไม่ใช่ผี แต่น่ากลัวกว่าผีซะอีก” พยัคฆ์ลูบแขนตัวเองขณะเดินสวนกับชายร่างใหญ่ แปลงร่างเสียจนจำไม่ได้ว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟคนไหน
เขาเดินไปนั่งที่ประจำ แวมไพร์สาวผิวขาวกำลังเป็นที่สนใจของลูกค้า เธอเดินนวยนาดเสิร์ฟเครื่องดื่มให้หนุ่มๆ เสร็จก็ค้อมตัวเข้าหาลูกค้า ทำทีจะกัดต้นคอให้จมเขี้ยวปลอม แต่ยืดตัวขึ้นมาก่อนที่จะโดนตะปบ ชุดตัวนั้นช่างเซ็กซี่ ตัวเสื้อเกาะอกจนต่ำ กระโปรงพองๆ สั้นเหนือเข่า รองเท้าส้นสูงมีสายพันไปมาจนถึงใต้เข่า ทั้งหมดเป็นสีดำ ยกเว้นผ้าคลุมที่เป็นสีแดง
แวมไพร์สาวเต้นยั่วแขกทีละโต๊ะ เขามองเพลินเหมือนถูกสะกดจนกระทั่งแม่ค้างคาวน้อยเดินใกล้โต๊ะเข้ามาเรื่อยๆ
ขวดเครื่องดื่มสีใสถูกวางลงตรงหน้า ตามด้วยแก้วสองใบ และดอกกุหลาบสีแดงสด
“เมย์ล่ะ” เขาถามแวมไพร์ ไม่ยอมรับดอกไม้
ใบหน้าแต่งจนเข้มทั้งสีขาว แดง ดำ และตาโตกลมบ็อกสุกใสยื่นมาตรงคอเขา “เมย์ไม่มา” เสียงที่ผ่านออกมาจากฟันปลอมมีเขี้ยวทำให้ฟังไม่ชัด
“หือ”
“เมย์ไม่มา มีแต่แวมไพร์ฉาวเจ้าเฉน่ห์”
เขารำคาญเสียงที่เปล่งผ่านเขี้ยวปลอมนั้นเหลือเกิน แต่ก็เข้าใจว่าแวมไพร์จำเป็นต้องมีเขี้ยว
“อ๋อเหรอ” พูดยอกย้อนแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร คราวนี้เขายื่นมือไปรับดอกไม้ที่เธอยื่นค้างไว้
แต่สาวน้อยเปลี่ยนใจเอาคืน
“เฮียชอบกุหยาบเหยอ ดูไม่เข้ากับเฮียเยยนะ”
“ถ้าให้ก็รับ เดี๋ยวเสียน้ำใจ”
“พูดแบบนี้แฉดงว่าไม่ชอบกุหยาบ แล้วเฮียชอบดอกอะไร”
“เฮียจะบอกแค่คนเดียว” เขาหันไปมองทางโซนพนักงาน
ปานดวงใจมองตาม เพื่อนผีของเธอเดินสวนกันไปมาตรงจุดนั้นขวักไขว่ หญิงสาวแสร้งทำเสียงรำคาญใส่คนที่ไม่ยอมตัดใจ
“โอ๊ย อยากรู้จะแย่ แล้วเมย์ก็ไม่ไปถามพี่มารีหยอก มันไม่ฉำคัญเล้ย”
“เฮียเกิดวันจันทร์ ควรชอบดอกอะไรดี” เขาหัวเราะและหันมาตอบ
“จะไปรู้เหรอ” เธอยื่นกุหลาบไปให้เขา จากนั้นก็รินเครื่องดื่ม
“วันนี้เอาอะไรมาเสิร์ฟครับ” เขาเก๊กเสียงสุภาพ
“spirytus”
“แน่ใจนะ”
“อืม แน่ฉิ คืนฮัลโลวีน บอสบอกเอาไว้ว่าจะปล่อยผี เขาหมายถึงพวกเมย์นี่แหยะ” เธอขยับเข้าไปใกล้ๆ เขา ป้องปากกระซิบ “แล้วก็พวกผีพนันบางกลุ่ม วันนี้พนักงานฉามารถเอ็นจอยกับลูกค้าได้ หากลูกค้าต้องการการบริการฉุดเอ็กซ์คลูซีฟ” เธอถอยออก ขยับตัวโยกตามจังหวะดนตรี
“หมายถึง...” เขาเลื่อนสายตาขึ้นลงบนเรือนร่างที่แอบปรามาสในใจว่าเหมือนเด็กมัธยม แต่ตอนนี้ดูไม่ต่างจากพริตตี้ตัวท็อปเลย
“ไม่ใช่อย่างที่เฮียคิด แหม เฮียก็คิดแต่เรื่องอย่างว่า เมย์ไม่เอาเฮียหรอก”
“ฉันก็ไม่เอาเธอ มารีล่ะ วันนี้เป็นผีอะไร” เขาหันไปมองทางโซนพนักงานอีกครั้ง
“ผีหยุมหัว”
พยัคฆ์หันขวับ “ทะลึ่ง”
“จริงนะ เฮียไม่เชื่อเหรอ”
เขามองริมฝีปากอิ่มที่บิดเบี้ยวไปมาเหมือนเจ้าตัวก็รำคาญสิ่งแปลกปลอมในปาก “ไม่เชื่อ”
“ก็แล้วแต่ ถึงไม่หยุมวันนี้ อีกไม่กี่วันว่าที่คู่หมั้นมาก็โดนหยุมอยู่ดี” ปานดวงใจขำใส่คนปั้นหน้าบึ้งตึง ก่อนจะถอนหายใจ บอกด้วยความสงสารแกมสมเพช “พี่มารีเป็นแวมไพร์แบบเมย์นี่แหละ แต่เฮียเอ๋ย เมย์บอกแล้วไงว่าอย่าไปฉนใจ เขาไม่ได้รักเฮียแล้ว มาฉนใจบริการฉุดเอ็กซ์คลูซีฟดีกว่า” ปานดวงใจดึงความสนใจเขากลับมา
“ว่ามาสิ”
“คุณลูกคลื่นบอกว่าทุกๆ วันฮัลโลวีน ร้านเราจะเปิดให้บริการเฉพาะลูกค้าวีวีไอพีเท่านั้น”
“ใครมั่งล่ะที่จัดว่าเป็นวีวีไอพี คนขับอูเบอร์อย่างฉันด้วยเปล่า”
“เฮียมันเหนือกว่าลูกค้าพวกนั้นแล้ว เฮียเป็นเพื่อน แต่เมย์หมายถึงกลุ่มที่มาเล่นกาฉิโนของบอสแล้วได้พักห้องเพรสฉิเดนท์สูท พร้อมบริการลีมูซีนฟรีน่ะ วันนี้จะเปิดให้บริการเฉพาะกลุ่มนั้น เฮ้อ อธิบายเหนื่อย พูดก็ไม่ถนัด เข้าใจยังล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
“ค่อยยังชั่ว แล้วเมย์เห็นว่าว็อดก้าโปรแลนด์ตัวนี้เขาร่ำลือว่าแรงดีนัก เลยอยากให้เฮียดื่มให้ลืมความเฉ้า”
“เลี้ยงเหรอ”
“เปล่า วันนี้ฟรี ฟรี ฟรี และฟรี เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ส่วนไอ้เรื่องจะเลี้ยงน่ะ เฮียฝันไปเถอะ เมย์เอาเงินไว้เปย์เด็กหนุ่มค่ะเฮียขา”
“แล้วเธอเป็นนักดื่มเหรอ” พอไม่ได้ใส่แว่นแล้วดูสวยขึ้น แต่จะชัดเจนกว่านี้หากไม่ถูกเคลือบด้วยเครื่องสำอางจนหนา
“โธ่ ฉบายมาก นี่ไม่ใช่เมรีขี้เมานะ แต่เป็นเมย์คอทองแดง” ปานดวงใจรินเหล้าลงไปในแก้วทั้งสอง
“เดี๋ยว ผสมสักหน่อย ตัวนี้มันแรงมาก” พยัคฆ์ยั้งมือบางก่อนที่เธอจะส่งเครื่องดื่มเข้าปาก
“ป๊อดว่ะ” ปานดวงใจว่าเขา และลุกไปหยิบน้ำผลไม้มาเทใส่แก้วทั้งสองใบ เธอส่งให้เขาแก้วหนึ่ง และค่อยๆ ละเลียดจิบแก้วตัวเอง
พยัคฆ์มองลำคอระหงขยับน้อยๆ ยามเครื่องดื่มไหลลงคอ แต่เขี้ยวที่เธอใส่ไว้ทำให้เหล้าบางส่วนไหลย้อยลงมา ยอมรับโดยดุษณีว่าสายตาเขาไหลตามเครื่องดื่มลงไปที่เนินอกเธอ เขาเผลอกลืนเครื่องดื่มตามทั้งที่ยังไม่ได้จิบด้วยซ้ำ พยัคฆ์ไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังยื่นมือออกไปยังหยาดหยดของน้ำ
“เฮีย มันดีมาก ทั้งกลิ่นและรสชาติอ่อนโยนมาก” เธอเบิกตาประหลาดใจ ไม่เห็นด้วยกับการจัดอันดับที่ยกให้เหล้าตัวนี้แรงที่สุดในโลก
“ระ...เหรอ” พยัคฆ์ชักมือกลับทันควัน แต่สายตาสงสัยของปานดวงใจทำให้เขาหนีไม่พ้น “มีอะไรติดตรงคอเธอน่ะ”
“ตรงไหนเหรอเฮีย” ปานดวงใจลูบลำคอจนสะดุดกับสิ่งที่เธอไม่ชอบ “นี่หรือเปล่า”
“ชะใช่ๆ” เขารับสมอ้างกับไฝเม็ดเล็กๆ ที่นิ้วเธอแตะ
“ไฝ เมย์ไม่ชอบเลย มันเป็นจุดเด่นให้คนชอบมองคอของเมย์ กลับไปว่าจะไปจี้ออก”
“อย่าจี้เลย มันทำให้เธอดูเป็นกุลสตรีได้” พยัคฆ์เห็นด้วยตั้งแต่เห็นครั้งแรกว่ามันเป็นจุดเด่นบนลำคอขาวๆ แล้วมันก็ทำให้ปานดวงใจดูเซ็กซี่ขึ้นด้วย แต่ไม่เท่ากับร่องรอยของเครื่องดื่มในตอนนี้
ปานดวงใจผสมเครื่องดื่มอีกแก้ว แล้วยื่นไปขอชนกับเขา
“ใจเย็นๆ สาวน้อย ตอนนี้มันคันคนละอย่างกับเมื่อกี้แล้ว ฉันรู้ว่าเธอยังไม่เคย เลยแยกแยะไม่ออก ว่าคันธรรมดากับคันอยากมีผัวมันต่างกัน” พยัคฆ์สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้โจนทะยานตามคำเรียกของเธอ “ตอนนี้เธอคันอย่างหลัง”“อ๊า” เสียงหวานมาพร้อมเสียงกระเส่า เขาดึงมือเล็กมาจับแก่นกายตัวเอง“ฉันอยากดูเธอเริงระบำ พร่างพราวอยู่ใต้ร่างฉัน...ด้วยสิ่งที่เธอกำลังจับ”“ระ...เริง...ระบำด้วยไอ้นี่น่ะเหรอ มันท่อไอเสียแทรกเตอร์ชัดๆ” ความใหญ่โตของมันทำให้ลูกเศรษฐีชาวไร่ส้มเปรียบเทียบสิ่งที่อยู่ในมือกับสิ่งใกล้ตัว“ฉันอยากได้เธอ” เขาตัวสั่นเมื่อแก่นกายถูกมือบางลูบ พยัคฆ์ขยับเข้าออกถี่ๆ อีกครั้ง ต่างคนต่างเสียวซ่านสุกงอมด้วยอารมณ์“เสียว ฮือ เสียว”“ฉันก็เสียว เอากันก่อนเดี๋ยวค่อยแก้ไข รับรองไม่ท้อง” เขากระซิบและแยงลิ้นเข้าไปเลียในร่องหู เพิ่มความเสียวซ่านจนร่างบางกระตุกเกร็ง จากนั้นก็กระแทกลงไปมิดลำมีอารมณ์ขนาดนี้ใครมันจะถอย เขาสะอาด เธอก็สด หมดปัญหาเรื่องโรค“โอ๊ย เจ็บบบบบบบบ” เสียงร้องหลง อ้าปากกว้าง ท้องน้อยสั่นระรัวสุดทานทนกับความเสียวซ่านที่แปลบปลาบด้วยความเจ็บ“คืนนี้อดทนหน่อย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะปลอบเธอในฐานะท
“เฮียถอดสองชิ้นเลยเหรอ” สติกลับมาชั่วคราว ความรวดร้าวข้างในแผลงฤทธิ์เพียงแค่เห็นสิ่งนั้น ความเสียวพุ่งไปกองรวมตัวกันไปที่ท้องน้อย ปานดวงใจทบทวนกฎกติกา เกมนี้มีแค่จูบนี่นา เธอหลับตาลงรอเกมถัดไป ปากพ่นคำพูดไม่น่าฟัง “เล็กกว่าผัวเก่าเมย์อีก ขนาดมันตัวเล็กกว่าเฮียนะ”ปานดวงใจคิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้ไอ้เสือยักษ์ในกางเกงนั่นฝ่อลงเมื่อโดนบูลลี่“พูดแบบนี้เดี๋ยวต้องโดนของแข็งตีปาก”“ฮ่าๆๆๆๆๆ ขี้แพ้ชวนตี ไอ้เบบี๋เอ๊ย”ทว่าเขาก็เจ้าเล่ห์พอๆ กับเธอนั่นแหละ เสือยังไงก็ยังเป็นเสือ ต่อให้เอาลายพาดกลอนออก มันก็ยังเรียกว่าเสือ“เสือไม่ขี่ลิง”“หือ เล่านิทานเหยออออ เก็บไว้เล่าให้ลูกเฮียฟังเถ้อะ”“ฉันหมายถึงฉันเลือกที่จะถอดกางเกงในต่างหาก” เปลือกตาบางเผยอขึ้น ริมฝีปากอ้ากว้างเมื่อพยัคฆ์ก้าวขึ้นมาบนเตียงโดยที่ท่อนล่างเปลือยไปหมด“โอ้แม่เจ้า ไม่ใส่เหรอ” เธอยันตัวขึ้นเพื่อมองหากางเกงเขา“ใส่สิ”“ฮะ เฮียตั้งใจ ถะ ถอดกางเกงในใช่เปล่า ฮะ เฮียถอดแล้วนี่ ไป อะ เอาๆๆๆ กางเกงตัวนอกมาสะใส่สิ” ปานดวงใจพูดตะกุกตะกัก ตาจ้องมองพญาเสือโคร่งที่กระดกหัวทักทายเธอ“หมายถึงใส่อย่างอื่น”“ใส่อะไร”“เดี๋ยวรู้”สองมือหนาผ
“จักจี้” ปานดวงใจหัวเราะยามรับสัมผัสสุดสยิว มือเล็กไต่ไล้บนหน้าอกเปลือยเขา “คุณจูบไม่เป็นเหรอ”พยัคฆ์ขบกรามแน่น หันขวับไปมองยังสมุนสองคนที่ยืนรออยู่ตรงมุมหนึ่งของผับ...เป็นอันรู้กัน“ฉันเป็นนักจูบ”“จริงอะ” เธอแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ฉันว่าไอ้คุณสมบัตินี้ต้องให้คนอื่นเขายกย่องนะ ไม่ใช่มายกหางตัวเองแบบนี้” นิ้วเรียวยาวจิ้มบนหน้าอกเขา กระแทกแรงๆ สองสามครั้งมือหนากระตุกโบบนคอของเธอ ผ้าคลุมของแวมไพร์ทิ้งตัวลงพื้นทันใดเธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ไหล่กลมกลึงต้องแสงไฟ ปานดวงใจกระตุกไหล่ไล่จมูกโด่งคมที่กำลังฝังลงมาแถวรักแร้ “ฉันมีเงินก้อนหนึ่งเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวรอบโลก เธอรับคำท้าไหม”“เงินน่ะไม่หิว แต่เมย์กระหายชัยชนะ”“นี่คือคำตอบว่ารับคำท้าใช่ไหม” พยัคฆ์ต้องการคำตอบที่ชัดเจน“Yes เมย์ชอบของรางวัล ชอบความท้าทาย ฮ่าๆๆๆ”“ฉันคิดไม่ผิด งั้นมาพิสูจน์กันว่าฉันเป็นนักจูบจริงไหม กล้าจูบกับฉันหรือเปล่าล่ะ”“ทำไมจะไม่กล้า จูบเสร็จก็ล้างปาก ทำออกบ่อยปายยย แล้วกติกาคืออะไร แค่อยากได้คำยืนยันว่าเฮียเป็นนักจูบตัวยงอะเหรออออ”“ใครมีอารมณ์ก่อนคนนั้นแพ้”“โอ๊ย สบายบรื๋อ แข่งกับครายไม่
“แด่ค่ำคืนนี้เฮีย ปลดปล่อยทุกฉิ่งทุกอย่างออกมา แล้วลืมมันให้หมด”“หึๆ ปลดปล่อยทุกอย่างเลยใช่ไหม” เขามองตาเธอ “เธอจะทำให้ฉันลืมมันให้หมด?”“แม่นเจ้า” เธอตอบ ลงท้ายด้วยภาษาบ้านเกิดเขาหัวเราะ หยิบแก้วมาชนกับเธอ ก่อนจิบเครื่องดื่มดีกรีแรง 96% ตามรสชาติของมันนุ่มละมุนไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เธอบอก แต่เขารู้ฤทธิ์เดชของมันดี“เอาทิชชูไหม” ดูเธอจะไม่แยแสกับของเหลวที่ไหลลงมา เป็นเขาเสียเองที่ไม่อาจละสายตาไปได้ เขายังอยากนั่งอยู่ในบรรยากาศนี้ให้ตลอดรอดฝั่งจึงต้องขอความร่วมมือให้เธอช่วยจำกัดมันออก“ไม่อะเฮีย” ปานดวงใจปฏิเสธ จู่ๆ ก็ลุกออกจากโต๊ะพยัคฆ์มองตามด้วยความสงสัย แวมไพร์สาวแวะดื่มกับนักพนันหนุ่มที่ยื่นแก้วให้ระหว่างที่เธอเดินผ่าน เจ้าสาวขอบคุณด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจะกัดลำคอพวกนั้น แต่ก็ถอยออกมาและเต้นยั่วๆ โยกๆ แบบที่เขาเห็นประจำ แต่คราวนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นภาพบาดตา บาดความรู้สึกปานดวงใจกลับมาพร้อมกับน้ำหวานสีแดง“ตะกี้เฮียว่าเหล้าเปื้อนคอใช่ปะ”“อือ” เขามองเธอเทน้ำหวาน ตามด้วยเหล้า“เมย์เลยเพิ่งนึกได้ว่าแวมไพร์ต้องกินเลือดจะได้ฉมจริง”พยัคฆ์มองน้ำหวานผสมเหล้าไหลลงมาจากมุมปากสองข้าง ใจเต้น
บรรยากาศภายในผับกึ่งร้านอาหารคืนนี้สุดสะพรึง พยัคฆ์นึกว่าตนเองก้าวเข้ามาในบ้านผีสิง บนผนังรอบด้านกลายเป็นฉากสยองขวัญ ด้านหนึ่งเป็นผนังบ้านไม้ผุพัง อีกด้านเป็นฉากปราสาทรกเรื้อด้วยวัชพืชพาดพัน“โอ้” เขาสะดุ้งเมื่อก้มลงมองพื้น มันเป็นจอภาพที่มีหนอนตัวเป้งชอนไชน่าขยะแขยงพยัคฆ์ขนลุกซู่ พนักงานเสิร์ฟอยู่ในชุดผีสารพัดชนิด แฟรงเกรนสไตล์กำลังมิกซ์เครื่องดื่มอยู่ที่บาร์ ผีแม่ชีเยื้องย่างหน้าบึ้งตึงเสิร์ฟเครื่องดื่ม ส่วนอีกด้านเป็นเฟรดดี้ ครูเกอร์“พับผ่าสิ ฮัลนิบาลก็มา ไม่ใช่ผี แต่น่ากลัวกว่าผีซะอีก” พยัคฆ์ลูบแขนตัวเองขณะเดินสวนกับชายร่างใหญ่ แปลงร่างเสียจนจำไม่ได้ว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟคนไหนเขาเดินไปนั่งที่ประจำ แวมไพร์สาวผิวขาวกำลังเป็นที่สนใจของลูกค้า เธอเดินนวยนาดเสิร์ฟเครื่องดื่มให้หนุ่มๆ เสร็จก็ค้อมตัวเข้าหาลูกค้า ทำทีจะกัดต้นคอให้จมเขี้ยวปลอม แต่ยืดตัวขึ้นมาก่อนที่จะโดนตะปบ ชุดตัวนั้นช่างเซ็กซี่ ตัวเสื้อเกาะอกจนต่ำ กระโปรงพองๆ สั้นเหนือเข่า รองเท้าส้นสูงมีสายพันไปมาจนถึงใต้เข่า ทั้งหมดเป็นสีดำ ยกเว้นผ้าคลุมที่เป็นสีแดงแวมไพร์สาวเต้นยั่วแขกทีละโต๊ะ เขามองเพลินเหมือนถูกสะกดจนกระทั่งแม่ค้าง
“ข้าวแห้งทะเล” ปานดวงใจบอกชื่ออาหาร “ไม่มีอยู่ในเมนูเหมือนกัน เมย์ทำเอง มันเหมือนข้าวต้มทะเล แต่ข้าวไม่เละและไม่มีน้ำ”“ฉันไม่ได้สั่ง ใครใช้ให้เปลี่ยนเมนู ฉันจะกินข้าวผัดปู” เขาดันชามออกไปไกลๆ“เฮีย มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะไปรำลึกถึงรสชาติเดิมๆ หรือสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำร่วมกัน” ปานดวงใจยืนค้อมตัวปลอบเขา“แล้วเธอทำได้? ไม่เคยมีสักวูบหนึ่งเลยเหรอที่เธอเคยนึกถึงเรื่องเก่าๆ” เขาท้าทาย ค้นหาความจริงภายใต้กรอบแว่นอันโต“เมย์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์เนาะ แต่เมย์ก็ไม่ฟูมฟายแบบเฮีย”“ฉันดูฟูมฟายเหรอ ฉันแค่อยากกินข้าวผัดปู แล้วที่ต้องบอกมารีเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้าน ลูกค้าจะกินอาหารนอกเมนูก็ต้องบอกเขาไม่ใช่เหรอ”“โอเคๆ เมย์ผิดเองที่คิดไปไกล เฮียรอแป๊บนะ ถือว่าลูกจ้างทำกินกันเอง ไม่ต้องบอกพี่มารีหรอก” ปานดวงใจเดินส่ายหัวกลับไปที่ครัว“เป็นไงมั่งเมย์” หมิง เพื่อนร่วมงานในครัวที่วิ่งวุ่นหยิบจับจานชามใส่สเต๊กร้องถาม“เวรกรรมอะไรของเมย์ก็ไม่รู้อะ เอาแต่ใจ แบบนี้มั้งพี่มารีเลยตัดใจง่าย ความหล่อความแซ่บทะลุทะลวงไม่ช่วยอะไร ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจ” ปานดวงใจว่าพลางเปิดตู้แช่แข็ง หยิบเนื้อปูม้าแกะออกมา“อีบ้า พี่มารีเข







