LOGINมารียังอยู่ในสัญญาจ้างงานของที่นี่ เธอต้องทนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสถานการณ์แบบนี้ไปจนกว่าพยัคฆ์จะเบื่อไปเอง ส่วนการลาออกจากงานที่ค่าตอบแทนสูงเทียมฟ้าสำหรับเธอ ไม่มีทางเสียละ มารีดีใจแทบตายตอนที่พยัคฆ์เล่าให้ฟังตอนตกลงใจคบกันว่าเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของโรงแรมที่ตนเองเพียรยื่นใบสมัคร เธอใช้เขาเป็นเครื่องมือกรุยทางฝากงาน เมื่อเข้ามาได้ก็ธำรงตนเป็นลูกจ้างที่ดี เป็นที่รักของหน่วยงาน ซึ่งจะเป็นเกราะคุ้มกันถึงสถานภาพของตัวเอง
ส่วนเรื่องหัวใจ เธอถูกใจเขาตั้งแต่แรกเห็น แต่มันพัฒนาไปแบบลุ่มๆ ดอนๆ เพราะเวลาว่างไม่ตรงกัน
ช่วงนั้น ว่าที่คู่หมั้นที่ไม่เคยมีตัวตนในสายตาของมารีจากการผูกสัมพันธ์ของรุ่นพ่อแม่ติดต่อมา คนที่มีความทะเยอทะยานขับเคลื่อนอย่างเธอยอมรับข้อเสนอของเขา ความรักที่ยังไม่สุกงอมจึงมีจุดจบอย่างเลือดเย็น
เสียดาย...แต่ไม่เสียใจ เธอมีเป้าหมายที่ต้องปล่อยมือ
สัญญาจ้างงานแบบปีต่อปี เหลืออีกแค่สองเดือนก็จะครบปีที่สองที่เธอทำงานที่นี่ เธอจะอยู่จนสัญญาสิ้นสุดเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง จากนั้นก็จะเดินทางกลับไทยพร้อมกับจอมทัพ ว่าที่คู่หมั้นเพื่อแต่งงานตามเงื่อนไข
พยัคฆ์ดับบุหรี่และหันมามองปานดวงใจเต็มตาเป็นครั้งแรก คิ้วขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อสายตาสะดุดจี้เพชรบนลำคอของเด็กสาวซึ่งดูไม่เข้ากันกับชุดพนักงานเสิร์ฟ แล้วยังต่างหูอีก มันไปคนละทิศละทางกับจี้บนคอ
“สวยดีนะ” เขาหัวเราะแกนๆ ให้กับการมิกซ์แอนด์แมตช์ที่ประดักประเดิด
“เมย์ตาถึง” ปานดวงใจหยิบจี้ขึ้นมาลูบคลำ
เขาพินิจเรือนร่างสาวแว่น ตัวเล็กแต่ก็ไม่ได้เตี้ย สูงประมาณร้อยหกสิบห้า ผิวขาวอมชมพูมีน้ำมีนวล ลำคอระหง มีไฝเม็ดเล็กๆ ข้างลำคอสะดุดตา แต่ดูยังไงก็เฉิ่มเพราะแว่นกรอบเชยๆ
“เครื่องแบบก็ดูดี แต่ใส่เครื่องประดับแบบนี้ไม่ให้เกียรติคนมองเลยรู้ไหม”
ปานดวงใจเอียงคอยักไหล่อย่างไม่แคร์ “เมย์มองว่าสวยคนเดียวก็พอ”
“อกหักแรงเลยเหรอเรา” เขายิงคำถาม
“อือ เมย์ร้องไห้โฮลั่นสนามบินเลยรู้เปล่า ขึ้นเครื่องมาก็ร้องตลอด”
“ผู้ชายนอกใจเหรอ หรือเขามีคู่หมั้น” ประเด็นหลังสะท้อนจุดเปลี่ยนของตัวเองมากกว่า
“เขาบอกว่าเมย์เอาไม่มัน” ปานดวงใจโพล่งออกมาทื่อๆ
พรวด!!!
ค็อกเทลในปากของพยัคฆ์ถูกพ่นออกมากระจายเป็นฝอยเต็มโต๊ะ ปานดวงใจลุกพรวด วิ่งปรู๊ดเดียวก็กลับมาพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด เธอฉีดน้ำยาไปบนโต๊ะ ปาดผ้าไปบนพื้นกระจกสองสามครั้ง ฉีดน้ำยาซ้ำอีก และใช้ผ้าอีกผืนเช็ดอีกรอบ
“เฮียตลกอะไร” เก็บอุปกรณ์เสร็จก็กลับมานั่งที่เก่าพร้อมกับค็อกเทลแก้วใหม่
“เป็นผู้หญิงอย่าพูดแบบนี้อีกนะรู้ไหม” พยัคฆ์เตือน แต่ยังขำอยู่
“ก็ได้ แต่เมย์บอกให้นะเฮียว่าตัดใจเถอะ คนเรากว่าจะบอกเลิก ความคิดมันผ่านการตกผลึกมาแล้วละ ไม่ต้องไปมีคำถามหรอกว่าทำไมไม่ยังงั้น ไม่ยังงี้ แล้วก็ไม่ต้องมีความหวังด้วย เชื่อเมย์เถอะ เมย์ผ่านมาแล้ว สรุปง่ายๆ คือเราไม่ดีพอ ปี้ไม่มัน”
พยัคฆ์หยุดขำไม่ได้ “เลิกร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว?”
“อือ ร้องทีเดียวให้หนักๆ แบบไม่อายใคร ตะโกนให้ลั่นไปเลย” ปานดวงใจหันไปมองรอบร้าน ลูกค้าออกไปหมดแล้ว เหลือแต่เพื่อนร่วมงานที่กำลังเก็บกวาดเตรียมปิดร้าน เธอจึงตะโกนออกมาดังๆ “ไอ้เฮงซวย ไอ้หอกหัก ไอ้หำเล็ก กูนี่ทั้งร่อนทั้งแอ่นจนสะโพกแทบพัง ใครกันแน่ที่เอาไม่มัน มึงแหละไอ้สัส”
“ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอโดนทิ้ง ปากเหม็นแบบนี้ไง” พยัคฆ์หัวเราะไม่หยุด
“เฮีย มันไม่ใช่แบบนั้นไง มันโกหก ตอนเอากันอะ มันร้องเหมือนควายโดนเชือด ทึ้งผมเมย์จนหน้าหงาย เมย์ก็ร้องสู้จนผนังบ้านสั่น มันไม่มันตรงไหน” ปานดวงใจเมาหมัด ทึ้งผมตัวเองประกอบจนแว่นกระเดิด
“เขาแกล้งร้องหรือเปล่า” พยัคฆ์ประเมินจากประเภทวีซ่าและการพูดจาคร่าวๆ ว่าปานดวงใจน่าจะเรียนอยู่ปีสามขึ้นปีสี่
“ไม่นะ ไม่งั้นมันไม่แตกใส่จนที่นอนชุ่มหรอก มันเรียลมากนะเฮีย ถึงจวยเล็กแต่ซอยเก่ง แต่ช่างเถอะ ถือว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ พูดเรื่องเฮียดีกว่า สเปกเฮียแบบพี่มารีเหรอ” ปานดวงใจขยับเข้ามาใกล้ๆ แทบจะเบียดสีข้างเขา
“เห็นแล้วชอบก็คือใช่ แบบนี้เรียกว่าสเปกปะ”
“งั้นมั้ง เมย์ล่ะ เฮียชอบปะ เมย์ว่างนะ เอวหวานฉ่ำเลยละ” ปานดวงใจขายขำให้เขาอารมณ์ดี
“ฮ่าๆๆๆๆ” พยัคฆ์หัวเราะจนน้ำตาไหล
“ทำเป็นขำนะ เฮียก็ไม่ใช่สเปกเมย์เหมือนกันแหละ ถึงคนบนโลกออนไลน์จะอยากเป็นเมียเฮีย แต่เมย์ไม่ชอบคนแก่ เพราะมันหมดสมรรถภาพเร็ว เมย์กลัวไม่เสร็จ ผัวเด็กกับผัวฝรั่งนั้นคือนิพพาน แล้วยิ่งเสืออกเดาะจนแปรสภาพเป็นแมวป่วยแบบนี้นะ บรึ๋ย” เธอทำท่าขนลุก
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ขอบใจนะสำหรับเรื่องโจ๊กก่อนนอน ฉันไปละ มีคนเรียกใช้บริการอูเบอร์แก่ๆ ละ” เขาลุกขึ้นยืน เขาวางเงินค่าเครื่องดื่มรวมทั้งทิปก้อนใหญ่ไว้บนโต๊ะ และลุกเดินออกจากร้านไปดื้อๆ แต่ก็ยังได้ยินเสียงปานดวงใจดังไล่หลัง เขาขำจนต้องเดินค้อมไหล่
“ไอ้เฮีย มันไม่โจ๊กนะ มันเรื่องจริง”
*********
วันรุ่งขึ้นในช่วงเวลาเดิม โต๊ะเดิม โซนเดิม มีป้ายจองไว้สำหรับลูกค้าคนเดิม
“เฮีย สูบบุหรี่มาก เดี๋ยวไข่อักเสบนะ” ปานดวงใจวางแมนฮัตตันลงบนโต๊ะ ไม่ต้องถามกลับก็รู้ว่าเธอหมายถึงมะเร็งต่อมลูกหมาก
“ตรงไหนเนื้อร้ายก็ตัดตรงนั้นทิ้ง” เขาพ่นควันระหว่างพูด ส่ายหัวไปมาให้ควันลอยเป็นรูปหัวใจ
“ตัดไข่ทิ้งเฮียก็ไม่มีลูกไว้สืบทอดธุรกิจขายหมูเห็ดเป็ดไก่นะ” ปานดวงใจเตือน เอามือโบกควันที่ลอยขึ้นมาตรงหน้าเธอ
“ขอบคุณที่เป็นห่วงไข่ฉัน” เขาดับบุหรี่ หยิบเครื่องดื่มมาจิบ
สาวน้อยยิ้มเบาๆ “ไม่ใช่อะไร ถ้าเฮียต้องตัดไข่ทิ้ง สาวๆ ก็อดอมน่ะสิ” ปานดวงใจก้มลงมากระซิบด้วยเสียงหัวเราะ อีกฝ่ายแทบสำลักแบบเมื่อวานแต่กลั้นไว้ได้ทัน
“ทะลึ่งไม่หยุดหย่อน”
“เฮีย เมย์อยากรู้ ถามได้เปล่า”
“ว่ามาสิ” พยัคฆ์ตั้งรับคำถาม
“เลิกกับพี่มารีแล้วเฮียไปนวดกะปู๋ที่ไหนอะ”
“ใครใช้ให้มาถาม”
“โอ๊ย เฮียไม่ต้องหวังว่าพี่มารีจะฝากมาถามหรอก เมย์นี่แหละอยากรู้” เธอก็แค่ชวนคุยไปเรื่อย
“ทั่วๆ ไป” เขาก็แค่ตอบไปส่งๆ
“คิกๆๆๆ เมย์ไปทำงานต่อนะเฮีย วันนี้เฮียดูชิลแล้วนะ” ปานดวงใจกลั้นหัวเราะไม่ไหว
“เดี๋ยวเมย์” เขาเรียกไล่หลังหญิงสาว
“คะ” สาวเนิร์ดวิ่งกลับมา
“ฉันอยากกินข้าวผัดปู บอกมารีที”
“ฮะ มาไม้ไหนเนี่ยเฮีย มันไม่มีในเมนูของร้านนะ ถ้าเฮียจะกินข้าวผัดปู เฮียต้องมากินที่ร้านอาหารไทยของโรงแรมในช่วงกลางวัน หรือไม่ก็ถ้าจะให้อร่อยจัดๆ ก็กลับไปกินที่ประเทศไทยเลย” ปานดวงใจขยับแว่นไปพลาง อธิบายในสิ่งที่พยัคฆ์รู้อยู่แล้วไปด้วย
“พูดมากจริงๆ มีข้าวหอมมะลิไหม”
“มี”
“มีปูไหม”
“มี”
“ไข่ล่ะ”
“มีสิ นั่นน่ะสองใบ” ปานดวงใจใช้สายตามองไปยังหว่างขาของเขา
“เป็นอะไรกับไข่ฉันมากไหม ไปบอกมารีได้แล้ว” พยัคฆ์โบกมือไล่
ปานดวงใจส่ายหัวให้คนเอาแต่ใจ สิบห้านาทีผ่านไปเธอก็กลับมาพร้อมอาหารไทยหน้าตาไม่คุ้น
“ใจเย็นๆ สาวน้อย ตอนนี้มันคันคนละอย่างกับเมื่อกี้แล้ว ฉันรู้ว่าเธอยังไม่เคย เลยแยกแยะไม่ออก ว่าคันธรรมดากับคันอยากมีผัวมันต่างกัน” พยัคฆ์สะกดกลั้นตัวเองไม่ให้โจนทะยานตามคำเรียกของเธอ “ตอนนี้เธอคันอย่างหลัง”“อ๊า” เสียงหวานมาพร้อมเสียงกระเส่า เขาดึงมือเล็กมาจับแก่นกายตัวเอง“ฉันอยากดูเธอเริงระบำ พร่างพราวอยู่ใต้ร่างฉัน...ด้วยสิ่งที่เธอกำลังจับ”“ระ...เริง...ระบำด้วยไอ้นี่น่ะเหรอ มันท่อไอเสียแทรกเตอร์ชัดๆ” ความใหญ่โตของมันทำให้ลูกเศรษฐีชาวไร่ส้มเปรียบเทียบสิ่งที่อยู่ในมือกับสิ่งใกล้ตัว“ฉันอยากได้เธอ” เขาตัวสั่นเมื่อแก่นกายถูกมือบางลูบ พยัคฆ์ขยับเข้าออกถี่ๆ อีกครั้ง ต่างคนต่างเสียวซ่านสุกงอมด้วยอารมณ์“เสียว ฮือ เสียว”“ฉันก็เสียว เอากันก่อนเดี๋ยวค่อยแก้ไข รับรองไม่ท้อง” เขากระซิบและแยงลิ้นเข้าไปเลียในร่องหู เพิ่มความเสียวซ่านจนร่างบางกระตุกเกร็ง จากนั้นก็กระแทกลงไปมิดลำมีอารมณ์ขนาดนี้ใครมันจะถอย เขาสะอาด เธอก็สด หมดปัญหาเรื่องโรค“โอ๊ย เจ็บบบบบบบบ” เสียงร้องหลง อ้าปากกว้าง ท้องน้อยสั่นระรัวสุดทานทนกับความเสียวซ่านที่แปลบปลาบด้วยความเจ็บ“คืนนี้อดทนหน่อย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะปลอบเธอในฐานะท
“เฮียถอดสองชิ้นเลยเหรอ” สติกลับมาชั่วคราว ความรวดร้าวข้างในแผลงฤทธิ์เพียงแค่เห็นสิ่งนั้น ความเสียวพุ่งไปกองรวมตัวกันไปที่ท้องน้อย ปานดวงใจทบทวนกฎกติกา เกมนี้มีแค่จูบนี่นา เธอหลับตาลงรอเกมถัดไป ปากพ่นคำพูดไม่น่าฟัง “เล็กกว่าผัวเก่าเมย์อีก ขนาดมันตัวเล็กกว่าเฮียนะ”ปานดวงใจคิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้ไอ้เสือยักษ์ในกางเกงนั่นฝ่อลงเมื่อโดนบูลลี่“พูดแบบนี้เดี๋ยวต้องโดนของแข็งตีปาก”“ฮ่าๆๆๆๆๆ ขี้แพ้ชวนตี ไอ้เบบี๋เอ๊ย”ทว่าเขาก็เจ้าเล่ห์พอๆ กับเธอนั่นแหละ เสือยังไงก็ยังเป็นเสือ ต่อให้เอาลายพาดกลอนออก มันก็ยังเรียกว่าเสือ“เสือไม่ขี่ลิง”“หือ เล่านิทานเหยออออ เก็บไว้เล่าให้ลูกเฮียฟังเถ้อะ”“ฉันหมายถึงฉันเลือกที่จะถอดกางเกงในต่างหาก” เปลือกตาบางเผยอขึ้น ริมฝีปากอ้ากว้างเมื่อพยัคฆ์ก้าวขึ้นมาบนเตียงโดยที่ท่อนล่างเปลือยไปหมด“โอ้แม่เจ้า ไม่ใส่เหรอ” เธอยันตัวขึ้นเพื่อมองหากางเกงเขา“ใส่สิ”“ฮะ เฮียตั้งใจ ถะ ถอดกางเกงในใช่เปล่า ฮะ เฮียถอดแล้วนี่ ไป อะ เอาๆๆๆ กางเกงตัวนอกมาสะใส่สิ” ปานดวงใจพูดตะกุกตะกัก ตาจ้องมองพญาเสือโคร่งที่กระดกหัวทักทายเธอ“หมายถึงใส่อย่างอื่น”“ใส่อะไร”“เดี๋ยวรู้”สองมือหนาผ
“จักจี้” ปานดวงใจหัวเราะยามรับสัมผัสสุดสยิว มือเล็กไต่ไล้บนหน้าอกเปลือยเขา “คุณจูบไม่เป็นเหรอ”พยัคฆ์ขบกรามแน่น หันขวับไปมองยังสมุนสองคนที่ยืนรออยู่ตรงมุมหนึ่งของผับ...เป็นอันรู้กัน“ฉันเป็นนักจูบ”“จริงอะ” เธอแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ฉันว่าไอ้คุณสมบัตินี้ต้องให้คนอื่นเขายกย่องนะ ไม่ใช่มายกหางตัวเองแบบนี้” นิ้วเรียวยาวจิ้มบนหน้าอกเขา กระแทกแรงๆ สองสามครั้งมือหนากระตุกโบบนคอของเธอ ผ้าคลุมของแวมไพร์ทิ้งตัวลงพื้นทันใดเธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ไหล่กลมกลึงต้องแสงไฟ ปานดวงใจกระตุกไหล่ไล่จมูกโด่งคมที่กำลังฝังลงมาแถวรักแร้ “ฉันมีเงินก้อนหนึ่งเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวรอบโลก เธอรับคำท้าไหม”“เงินน่ะไม่หิว แต่เมย์กระหายชัยชนะ”“นี่คือคำตอบว่ารับคำท้าใช่ไหม” พยัคฆ์ต้องการคำตอบที่ชัดเจน“Yes เมย์ชอบของรางวัล ชอบความท้าทาย ฮ่าๆๆๆ”“ฉันคิดไม่ผิด งั้นมาพิสูจน์กันว่าฉันเป็นนักจูบจริงไหม กล้าจูบกับฉันหรือเปล่าล่ะ”“ทำไมจะไม่กล้า จูบเสร็จก็ล้างปาก ทำออกบ่อยปายยย แล้วกติกาคืออะไร แค่อยากได้คำยืนยันว่าเฮียเป็นนักจูบตัวยงอะเหรออออ”“ใครมีอารมณ์ก่อนคนนั้นแพ้”“โอ๊ย สบายบรื๋อ แข่งกับครายไม่
“แด่ค่ำคืนนี้เฮีย ปลดปล่อยทุกฉิ่งทุกอย่างออกมา แล้วลืมมันให้หมด”“หึๆ ปลดปล่อยทุกอย่างเลยใช่ไหม” เขามองตาเธอ “เธอจะทำให้ฉันลืมมันให้หมด?”“แม่นเจ้า” เธอตอบ ลงท้ายด้วยภาษาบ้านเกิดเขาหัวเราะ หยิบแก้วมาชนกับเธอ ก่อนจิบเครื่องดื่มดีกรีแรง 96% ตามรสชาติของมันนุ่มละมุนไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เธอบอก แต่เขารู้ฤทธิ์เดชของมันดี“เอาทิชชูไหม” ดูเธอจะไม่แยแสกับของเหลวที่ไหลลงมา เป็นเขาเสียเองที่ไม่อาจละสายตาไปได้ เขายังอยากนั่งอยู่ในบรรยากาศนี้ให้ตลอดรอดฝั่งจึงต้องขอความร่วมมือให้เธอช่วยจำกัดมันออก“ไม่อะเฮีย” ปานดวงใจปฏิเสธ จู่ๆ ก็ลุกออกจากโต๊ะพยัคฆ์มองตามด้วยความสงสัย แวมไพร์สาวแวะดื่มกับนักพนันหนุ่มที่ยื่นแก้วให้ระหว่างที่เธอเดินผ่าน เจ้าสาวขอบคุณด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจะกัดลำคอพวกนั้น แต่ก็ถอยออกมาและเต้นยั่วๆ โยกๆ แบบที่เขาเห็นประจำ แต่คราวนี้เขารู้สึกว่ามันเป็นภาพบาดตา บาดความรู้สึกปานดวงใจกลับมาพร้อมกับน้ำหวานสีแดง“ตะกี้เฮียว่าเหล้าเปื้อนคอใช่ปะ”“อือ” เขามองเธอเทน้ำหวาน ตามด้วยเหล้า“เมย์เลยเพิ่งนึกได้ว่าแวมไพร์ต้องกินเลือดจะได้ฉมจริง”พยัคฆ์มองน้ำหวานผสมเหล้าไหลลงมาจากมุมปากสองข้าง ใจเต้น
บรรยากาศภายในผับกึ่งร้านอาหารคืนนี้สุดสะพรึง พยัคฆ์นึกว่าตนเองก้าวเข้ามาในบ้านผีสิง บนผนังรอบด้านกลายเป็นฉากสยองขวัญ ด้านหนึ่งเป็นผนังบ้านไม้ผุพัง อีกด้านเป็นฉากปราสาทรกเรื้อด้วยวัชพืชพาดพัน“โอ้” เขาสะดุ้งเมื่อก้มลงมองพื้น มันเป็นจอภาพที่มีหนอนตัวเป้งชอนไชน่าขยะแขยงพยัคฆ์ขนลุกซู่ พนักงานเสิร์ฟอยู่ในชุดผีสารพัดชนิด แฟรงเกรนสไตล์กำลังมิกซ์เครื่องดื่มอยู่ที่บาร์ ผีแม่ชีเยื้องย่างหน้าบึ้งตึงเสิร์ฟเครื่องดื่ม ส่วนอีกด้านเป็นเฟรดดี้ ครูเกอร์“พับผ่าสิ ฮัลนิบาลก็มา ไม่ใช่ผี แต่น่ากลัวกว่าผีซะอีก” พยัคฆ์ลูบแขนตัวเองขณะเดินสวนกับชายร่างใหญ่ แปลงร่างเสียจนจำไม่ได้ว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟคนไหนเขาเดินไปนั่งที่ประจำ แวมไพร์สาวผิวขาวกำลังเป็นที่สนใจของลูกค้า เธอเดินนวยนาดเสิร์ฟเครื่องดื่มให้หนุ่มๆ เสร็จก็ค้อมตัวเข้าหาลูกค้า ทำทีจะกัดต้นคอให้จมเขี้ยวปลอม แต่ยืดตัวขึ้นมาก่อนที่จะโดนตะปบ ชุดตัวนั้นช่างเซ็กซี่ ตัวเสื้อเกาะอกจนต่ำ กระโปรงพองๆ สั้นเหนือเข่า รองเท้าส้นสูงมีสายพันไปมาจนถึงใต้เข่า ทั้งหมดเป็นสีดำ ยกเว้นผ้าคลุมที่เป็นสีแดงแวมไพร์สาวเต้นยั่วแขกทีละโต๊ะ เขามองเพลินเหมือนถูกสะกดจนกระทั่งแม่ค้าง
“ข้าวแห้งทะเล” ปานดวงใจบอกชื่ออาหาร “ไม่มีอยู่ในเมนูเหมือนกัน เมย์ทำเอง มันเหมือนข้าวต้มทะเล แต่ข้าวไม่เละและไม่มีน้ำ”“ฉันไม่ได้สั่ง ใครใช้ให้เปลี่ยนเมนู ฉันจะกินข้าวผัดปู” เขาดันชามออกไปไกลๆ“เฮีย มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะไปรำลึกถึงรสชาติเดิมๆ หรือสิ่งเดิมๆ ที่เคยทำร่วมกัน” ปานดวงใจยืนค้อมตัวปลอบเขา“แล้วเธอทำได้? ไม่เคยมีสักวูบหนึ่งเลยเหรอที่เธอเคยนึกถึงเรื่องเก่าๆ” เขาท้าทาย ค้นหาความจริงภายใต้กรอบแว่นอันโต“เมย์ก็ไม่ใช่พระอรหันต์เนาะ แต่เมย์ก็ไม่ฟูมฟายแบบเฮีย”“ฉันดูฟูมฟายเหรอ ฉันแค่อยากกินข้าวผัดปู แล้วที่ต้องบอกมารีเพราะเขาเป็นผู้จัดการร้าน ลูกค้าจะกินอาหารนอกเมนูก็ต้องบอกเขาไม่ใช่เหรอ”“โอเคๆ เมย์ผิดเองที่คิดไปไกล เฮียรอแป๊บนะ ถือว่าลูกจ้างทำกินกันเอง ไม่ต้องบอกพี่มารีหรอก” ปานดวงใจเดินส่ายหัวกลับไปที่ครัว“เป็นไงมั่งเมย์” หมิง เพื่อนร่วมงานในครัวที่วิ่งวุ่นหยิบจับจานชามใส่สเต๊กร้องถาม“เวรกรรมอะไรของเมย์ก็ไม่รู้อะ เอาแต่ใจ แบบนี้มั้งพี่มารีเลยตัดใจง่าย ความหล่อความแซ่บทะลุทะลวงไม่ช่วยอะไร ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจ” ปานดวงใจว่าพลางเปิดตู้แช่แข็ง หยิบเนื้อปูม้าแกะออกมา“อีบ้า พี่มารีเข







