Share

บทที่ 109

Author: หลันซานอวี่
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เรื่องราวกลับแพร่กระจายออกไป กลายเป็นข่าวครึกโครม

ไทเฮาไม่สามารถทนดูคุณหนูใหญ่อวิ๋นเสียชื่อ จึงมีพระบัญชาประทานงานแต่งให้คนทั้งสอง

ใครจะรู้ว่าพระบัญชาเพิ่งไปถึงจวนจี้ชุนโหว ก็มีข่าวคุณหนูใหญ่อวิ๋นท่านนั้นไม่สามารถทนต่อความอัปยศ ภายใต้ความอับอาย จึงจุดไฟเผาตัวเอง

ต่อมาหลังจากเซียวจิ่งอี้สืบพบความจริง ในใจรู้สึกผิดต่อคุณหนูใหญ่อวิ๋นท่านนั้นมาก

พอดีกับช่วงนั้นเขาไม่อยากอยู่ในเมืองหลวง เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระหว่างเหล่าองค์ชายด้วยกัน จึงอาศัยเรื่องนี้ไปที่ชายแดนเหนือ

ปัจจุบันเซียวจิ่งอี้นึกถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้น จำได้เพียงภายใต้ความโกรธที่ตัวเองหลงกลอุบายของผู้อื่น ไม่อยากมองหน้าคุณหนูใหญ่อวิ๋นท่านนั้นแม้แต่แวบเดียว

เรื่องราวผ่านไปนานเช่นนี้แล้ว ปัจจุบันเขาย่อมจำไม่ได้ว่าหน้าตาของคุณหนูใหญ่อวิ๋นท่านนั้นเป็นอย่างไรแล้ว

เดิมทีเรื่องนี้ถูกเขาฝังไว้ในส่วนลึกของความทรงจำแล้ว แต่ตั้งแต่พบว่าอวิ๋นจิงมั่วมีหกนิ้ว จู่ๆในใจของเขาก็เกิดความสงสัย

คุณหนูใหญ่อวิ๋นอาจจะยังไม่ตาย!

บางทีแม่นางอวิ๋นท่านนั้น ที่จริงก็คือแม่นางอวิ๋น!

เขาไม่ได้บอกการคาดเดาในใจของตัวเองกับจั่ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 110

    เรื่องแผนกบฏของเจียงโจวอ๋องความแตก ต้องเกี่ยวข้องกับอี้อ๋องแน่นอนหลายวันนี้คนของเจียงโจวอ๋องตามหาเบาะแสอี้อ๋องไปทั่ว แทบจะพลิกทั้งแผ่นดินเจียวโจวแล้ว กลับไม่เจอแม้แต่เงาเวลานี้ท่านจอมปราชญ์เหวินลองคิดดูอย่างละเอียด สถานที่ที่อี้อ๋องถูกดักฆ่า ก็อยู่ห่างจากเขาเฟิ่งลั่วร้อยลี้เพียงแต่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยสังเกตเรื่องนี้ตอนถูกดักฆ่า อี้อ๋องหนีเอาชีวิตรอดอย่างตื่นตระหนก หลงเข้าไปในเขาเฟิ่งลั่ว และบังเอิญพบกับฝายเจียงหลิงแตก เช่นนั้นพวกเขาหาคนที่ข้างนอกไม่เจอมันก็ไม่แปลกแล้วอี้อ๋องเข้าไปในเขาเฟิ่งลั่ว ก็ย่อมพบความลับของเหมืองเหล็กหลังจากนั้นก็สืบมาจนถึงคลังอาวุธกับค่ายทหาร แล้วติดต่อหน่วยกระบี่เงารวบเจียงโจวอ๋องในคราวเดียวน่าเสียดายแผนที่เขาวางมาอย่างดิบดีในหลายปีนี้ ความพยายามทั้งหมดมันสูญเปล่าแล้ว หลังจากความแตก ท่านจอมปราชญ์เหวินเข้าลอบเข้าจวนอ๋อง เกลี้ยกล่อมเจียงโจวอ๋องเริ่มลงมือแม้ถูกจับได้แล้ว แต่ในมือเจียงโจวอ๋องมีทหารมีเงิน ไม่แน่ว่าความพยายามครั้งสุดท้ายอาจสามารถพลิกสถานการณ์แต่เจียงโจวอ๋องกลับเป็นคนใจเสาะ กลัวเสียแล้วและยังคิดหลังจากถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง จะ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 111

    แม้ว่าก่อนมา กำนันของตำบลผิงเล่อจะบอกว่าที่ว่าการเขตปกครองเจียงหนิงกำลังให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจัดระเบียบที่อยู่อาศัย แต่จนกว่าเรื่องจะเข้าที่เข้าทาง ในใจของทุกคนก็ต่างยังเป็นกังวลในยามนี้เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากที่ว่าการ จึงรู้ว่าสามารถปักหลักอยู่ได้ ทำให้จิตใจของเหล่าชาวบ้านหมู่บ้านหลินซานผ่อนคลายลงบ้างหัวหน้าหมู่บ้านโจวนำคนไปเข้าแถวลงทะเบียนหลังจากกู้อี่อันมาถึงที่ว่าการเขตปกครองเจียงหนิง ก็มิได้บอกลาและจากไป แต่มาเป็นเพื่อนพวกอวิ๋นฝูหลิงที่ไปลงทะเบียนเพื่อลงหลักปักฐานเดิมทีอยากเชิญให้อวิ๋นฝูหลิงเข้ามาที่จวนเพื่อช่วยเขาฟื้นฟูร่างกาย แต่หลังจากถูกปฏิเสธ ก็วางแผนจะจดจำว่าอวิ๋นฝูหลิงลงหลักปักฐานที่ใด ในอนาคตหากอยากเชิญนางมาดูอาการ จะได้สามารถไปหานางได้เมื่อเห็นว่าพวกอวิ๋นฝูหลิงกำลังต่อแถวลงทะเบียน กู้อี่อันก็อ้างว่าจะไปพักด้านข้าง และฉวยโอกาสรีบใช้สายตาส่งสัญญาณให้ฉางโซ่วผู้เป็นคนรับใช้ของตนฉางโซ่วเข้าใจ จึงรีบเดินผ่านฝูงชนไปหาหัวหน้าเจ้าหน้าที่ ก่อนจะยื่นตั๋วเงินให้เขาสองใบ และกระซิบบอกบางสิ่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นเห็นตั๋วเงิน ก็ยิ้มไปถึงดวงตา และพยักหน้าหลายครั้งห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 112

    นายท่านหางยังรอให้อวิ๋นฝูหลิงไปช่วยชีวิตคน จึงเร่งเร้าให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่หวังลงทะเบียนให้อวิ๋นฝูหลิงและลูกก่อนหัวหน้าเจ้าหน้าที่หวังผู้นั้นเมื่อได้ยินว่าชีวิตของคุณชายสกุลลู่อยู่ในอันตราย และอวิ๋นฝูหลิงก็เป็นหมอเทวดาที่นายท่านหางมาเชิญด้วยตัวเอง ก็รีบดำเนินการขั้นตอนของอวิ๋นฝูหลิงและลูกเสร็จอย่างรวดเร็วทางด้านหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็ได้ยินคำพูดของนายท่านหางเช่นกัน ดังนั้นเมื่ออวิ๋นฝูหลิงและลูกลงทะเบียนเสร็จแล้ว เขาจึงกล่าวว่า “แม่นางอวิ๋น เจ้าไปช่วยคนกับนายท่านหางก่อนเถอะ หลังจากพวกข้าลงทะเบียนเสร็จแล้ว จะไปหาเจ้าที่สำนักผิงอัน”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ก่อนจะส่งอวิ๋นจิงมั่วให้ลูกพี่อู๋ดูแลจากที่ได้ฟังจากนายท่านหาง คนเจ็บถูกส่งไปที่สำนักผิงอัน นางจะไปช่วยคน จึงไม่มีเวลาดูแลอวิ๋นจิงมั่วในยามนี้เองนายท่านหางได้กล่าวว่า “ข้าจะให้อาฝูอยู่ที่นี่ หากมีอะไรต้องการให้ช่วย ก็ให้อาฝูไปส่งข่าวที่สำนักผิงอันได้”อาฝูเคยเดินทางไปที่เขาเฟิ่งลั่วกับนายท่านหาง ดังนั้นทุกคนจากหมู่บ้านหลินซานจึงรู้จักเขาหัวหน้าหมู่บ้านโจวกล่าวขอบคุณโดยพลันคราแรกที่พวกเขามาถึง เขตปกครองเจียงหนิงก็สับสนเป็นอย่างมาก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 113

    หญิงงามผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง กำลังกำผ้าเช็ดหน้าพลางร้องไห้อย่างโศกเศร้า ทั้งยังสะอื้นไห้กับชายหนุ่มบนเตียงไม้เป็นครั้งคราว “ลูกชายของแม่...”ห่างออกไปไม่ไกลจากเตียงไม้มีเก้าอี้ไท่ซือตัวหนึ่งอยู่ ซึ่งหญิงชราผู้น่าเกรงขามผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แม้ในแววตาของนางจะมีความวิตกกังวล แต่กลับมั่นคงกว่าหญิงสาวผู้นั้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ท่านหมอเจิ้งผู้มีเคราแพะก็เปลี่ยนสีหน้า “นี่ เลือดนี่มันไม่หยุดเลย!”หมอคนอื่นซึ่งเห็นปริมาณเลือดที่กำลังไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนักเช่นกัน“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป...”หมอผู้นั้นไม่ได้เอ่ยจนจบประโยค แต่หมอทุกคนที่นี่ต่างเข้าใจความหมายท่อนหลังที่ยังพูดไม่จบหากเลือดยังไหลไม่หยุดเช่นนี้ จะต้องเสียเลือดมากเกินไปจนสิ้นใจแน่นอนยามนี้เอง ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็ลุกขึ้นยืนโดยพลัน แต่เป็นเพราะเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ทำให้ร่างกายโซเซสาวใช้ด้านข้างรีบพยุงนางไว้ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ผลักมือสาวใช้ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างสั่นเทา“ทุกท่าน หลานชายข้าปีนี้เพิ่งจะอายุสิบเจ็ด อายุยังน้อยนัก ทุกท่านโปรดช่วยชีวิตเขาด้วยเถิด!”กล่าวจบ ร่างของฮูหยินผู้เฒ่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 114

    เมื่อเห็นพวกหมอหางกลั้นหัวเราะ ก็เห็นได้ชัดว่าเข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงหมอซุนจึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาโดยพลัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ไม่สู้ดีนัก เขาก็ไม่กล้าสร้างปัญหาต่อเช่นกันถึงอย่างไรยามนี้ชีวิตของคุณชายน้อยลู่ก็ตกอยู่ในอันตราย เขาจะเย้ยหยันแม่นางอวิ๋นสักสองสามประโยคก็แล้วไปเถอะ แต่หากขัดขวางการวินิจฉัย จนทำให้การรักษาคุณชายลู่ล่าช้า สกุลลู่ต้องไม่ละเว้นเขาเป็นแน่สกุลลู่เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในพื้นที่ ในครอบครัวมีมากกว่าสิบคนที่อยู่ในราชสำนัก ลูกชายคนโตของฮูหยินผู้เฒ่าลู่ก็เป็นเสนาบดีฝ่ายขวาด้วยแม้เขาจะอาศัยทักษะแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของตัวเอง จนได้รับความเคารพจากคนในเขตปกครองเจียงหนิง แต่ก็มิใช่ทายาทสายตรงของสำนักช่วยชีพ เป็นเพียงหมอที่ให้การรักษาในสังกัดของสำนักช่วยชีพหากทำให้ตระกูลลู่ขุ่นเคืองจริง สำนักช่วยชีพย่อมไม่ยอมต่อกรกับตระกูลลู่เพื่อเขาเป็นแน่อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับชีพจรของคุณชายน้อยลู่ก่อน หลังจากนั้นก็หยิบเข็มทองซึ่งพกติดตัวไว้ออกมาเมื่ออวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มลงไปทีละเข็ม ไม่นานคุณชายน้อยลู่ก็ไม่อาเจียนเป็นเลือดอีกท่านหมอหางและคนอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 115

    หมอหางและคนอื่น ๆ ก็ถูกคำว่าเปิดช่องท้องของอวิ๋นฝูหลิงทำให้ตกใจเช่นกัน“ไม่ได้ เปิดช่องท้องอันตรายเกินไป!”“แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยได้ยินว่าหากช่องท้องถูกเปิดแล้ว คนจะยังมีชีวิตอยู่ได้!”“เหลวไหลสิ้นดี!”“ใช่ ตั้งแต่โบราณ ก็ไม่เคยเห็นวิธีรักษาเช่นนี้มาก่อน!”หมอทุกคนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งล้วนไม่สนับสนุนให้อวิ๋นฝูหลิงเปิดช่องท้องอวิ๋นฝูหลิงหันหลังไปมองพวกหมอซุน ก่อนจะถามเสียงเย็นชา “หากไม่เปิดช่องท้อง ทุกท่านมีวิธีอื่นที่จะช่วยคนได้หรือ?”ทุกคนที่เดิมทีแย่งกันวิพากษ์วิจารณ์ ต่างเงียบลงโดยพลันอวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจพวกเขาอีก และหันไปอธิบายให้ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ฟังอย่างมีความอดทน“จากปริมาณเลือดของคนไข้ที่ไหลออกมาในยามนี้ หากไม่เปิดช่องท้อง เกรงว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คนจะเสียเลือดจนสิ้นใจ”“แม้การเปิดช่องท้องจะเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงมาก แต่ยามนี้ก็มีแต่ต้องลองเสี่ยงดูเท่านั้น”“จะผ่าหรือไม่ พวกท่านต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง!”เดิมทีเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าลู่ได้ยินคำว่าเปิดช่องท้อง ก็รู้สึกต่อต้านโดยสัญชาตญาณแต่จากคำพูดที่อวิ๋นฝูหลิงโต้เถียงกับหมอทุกคน นางก็เข้าใจว่า เหล่าหมอฝีมือดีของเข

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 116

    หมอหางเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายท่านหาง สองวันมานี้เขาได้ยินเรื่องหมอเทวดาหญิงคนหนึ่งมาจากญาติผู้พี่คนนี้ไม่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเห็นใจอวิ๋นฝูหลิงอยู่หลายส่วนสกุลลู่ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา หากคุณชายน้อยลู่ตายจากการรักษาด้วยมือของนาง ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนี้ เกรงว่าอวิ๋นฝูหลิงคงทนรับไม่ไหวดังนั้นหมอหางจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นสักสองสามประโยคอวิ๋นฝูหลิงรับรู้ได้ถึงน้ำใจของหมอเจิ้งและหมอหาง จึงเป็นธรรมดาที่จะตอบกลับอย่างจริงใจนางหันกลับมาแตะที่ท้องของคุณชายน้อยลู่ และพูดกับทั้งสองคนว่า “ก่อนหน้านี้ข้าใช้เข็มทองฝังเข็ม แต่ก็เป็นเพียงการห้ามเลือดชั่วคราวเท่านั้น หาใช่การห้ามเลือดได้โดยสมบูรณ์”“ทั้งสองท่านสามารถมาดูที่ท้องของคนไข้ และจับชีพจรคนไข้อีกครั้งได้ และจะรู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง”“การเปิดช่องท้องเป็นวิธีเดียวในยามนี้!”หมอเจิ้งและหมอหางเดินไปดูท้องของคุณชายน้อยลู่ตามคำพูดของนาง ทั้งยังจับชีพจรของเขา และได้รู้ว่าสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงกล่าวนั้นถูกต้องในยามนั้นเอง นายท่านหางก็เดินนำหวังเอ้อร์เหอมาพอดี“ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ คนผู้นี้คือหวังเอ้อร์เหอที่ข้าบอก”ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 117

    ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ มีสีหน้าวิตกกังวลขณะที่กล่าวว่า “ข้าจะส่งคนไปหาเดี๋ยวนี้!”ขอเพียงสามารถช่วยหลานชายของนางได้ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรล้ำค่า หรือต้องจ่ายเงินมากเพียงใด นางก็ไม่สนใจทั้งนั้นอวิ๋นฝูหลิงส่ายศีรษะ “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ จะไม่ทันเวลาแล้วด้วย โชคดีที่ข้านำติดตัวมา ใช้ของที่ข้านำมาไปก่อนเถอะ”อวิ๋นฝูหลิงแกล้งทำเป็นควานหาในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะฉวยโอกาสหยิบโสมซานชีบางส่วนที่เตรียมไว้ทำยาแล้วจากในมิติออกมาหลังจากนั้นก็ยื่นโสมซานชีให้นายท่านหาง เพื่อให้เขานำไปต้มยาอวิ๋นฝูหลิงถามหมอเจิ้งและหมอหาง เพื่อขอให้พวกเขามาช่วยเป็นลูกมือนางหมอเจิ้งกับหมอหางมิได้ใส่ใจว่าต้องเป็นลูกมืออวิ๋นฝูหลิงซึ่งเป็นหมอหญิงไร้ชื่อผู้หนึ่ง จึงตอบรับด้วยความยินดีเห็นพวกหมอซุนมีท่าทีแปลกใจระคนไม่เข้าใจ ทั้งยังมีสายตาดูแคลน ทั้งสองคนก็ลอบเม้มปากเจ้าพวกโง่!เรื่องหายากอย่างการผ่าตัดเปิดท้อง เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ยากจะได้เห็นสักคราแน่นอนว่าควรใช้โอกาสนี้ในการสังเกตให้ดี ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเรียนได้กี่มากน้อย แค่ได้เพิ่มพูนประสบการณ์ก็นับว่าดีมากแล้ว!ทางด้านอวิ๋นฝูหลิงหยิบเครื่องมือผ่าตัดออกมาจัดวาง และนำไปว

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 634

    ยามที่กินบะหมี่ เมื่อตะเกียบสัมผัสกับน้ำบะหมี่ ก็ถูกพิษในตะเกียบ แทรกซึมเข้าไปในน้ำน้ำบะหมี่ที่เดิมทีไม่มีพิษ ก็กลายเป็นมีพิษโดยพลันหลังจากอวิ๋นฝูหลิงอธิบาย ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าน้ำบะหมี่ชามนั้นมีพิษได้อย่างไรเซียวจิ่งอี้หัวเราะเยาะคราหนึ่ง และกล่าวว่า “ช่างความคิดดีเสียจริง!”เขามองเวินเจา ในแววตาราวกับกำลังรู้สึกสงสารเห็นใจยามนี้เวินเจาก็เข้าใจโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกันไม่ใช่เซียวจิ่งอี้ที่วางแผนร้ายต่อเขา แต่เป็นคนของพวกตนเองที่หมายจะฆ่าเขา!เมื่อได้เห็นความเวทนาในแววตาของเซียวจิ่งอี้อีกครั้ง หัวใจของเวินเจาก็ราวกับถูกลูกศรนับหมื่นทิ่มแทง ความเชื่อที่ยึดมั่นมานานพังทลายลงโดยพลันทั้งร่างของเขาก็พังทลายลงทันที ทันใดนั้นก็พุ่งพรวดกระโจนเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นที่วางยาพิษ“เพราะเหตุใด?”“ข้าคือนายน้อยของพวกเจ้า!”“พวกเจ้ากล้าทรยศ หมายจะลอบสังหารกษัตริย์ได้อย่างไร!”“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร?”เหล่าองครักษ์ด้านข้างลงมือว่องไว ควบคุมตัวเวินเจาได้ทันเวลาเวินเจาแม้จะถูกคนกดไว้ แต่กลับยังดิ้นรนคำรามอย่างห้ามไม่ได้เรื่องเช่นนี้ เกรงว่าไม่ว่าเปลี่ยนไปเป็นผู้ใด ก็ล้วนไม่อาจยอมรับได้ทั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 633

    เซียวจิ่งอี้มองร่างไร้วิญญาณทั้งสองร่าง ก็เข้าใจทันทีเขาชี้ไปทางเทียนเฉวียนเทียนเฉวียนเข้าใจความนัย และเดินไปทางสตรีผู้ช่วยคนนั้นโดยพลันหลังจากตรวจสอบใบหน้าของนางครู่หนึ่ง ก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์แผ่นหนึ่งออกมาเทียนเฉวียนทำแบบเดิม ไม่นานก็ลอกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าของผู้ช่วยอีกคนออกมาผู้ดูแลมองไปที่ใบหน้าไม่คุ้นเคยของทั้งสองคนภายใต้หน้ากากหนังมนุษย์ ก่อนจะมองไปยังร่างไร้วิญญาณของเพื่อนบ้านด้านข้างซึ่งเย็นเฉียบแล้ว ในใจไหนเลยจะยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีกเจ้าคนชั่วสมควรตายนี่ สังหารผู้ช่วยที่เขาเชิญมา และปลอมตัวเป็นพวกเขาเข้ามาในจุดพักแรมทางการโชคดีที่เป้าหมายของพวกเขาเป็นเพียงนักโทษหากวันนี้ผู้ที่ถูกวางยาพิษคืออี้อ๋อง...แผ่นหลังของผู้ดูแลจุดพักแรมทางการเย็นวาบขึ้นมา ไม่กล้าคิดต่อในขณะนั้นเอง เวินเจาก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมาสายตาของเขาพร่ามัว ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดไปขณะหนึ่งไม่นานเขาก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองหมดสติไป เพราะปวดท้องน้อยมากจนทนไม่ไหว อีกทั้งยังมีเลือดสีดำไหลออกมาจากปากและจมูกของเขาไม่หยุดเช่นนั้นเขาตายแล้วหรือ?ถูกคนวางยาพิษจนตายหรือ?ผู้ใดหมาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status