Share

บทที่ 162

Author: หลันซานอวี่
เมื่อหมอคนอื่นเห็นดังนี้ ต่างก็พากันเอ่ยปากคล้อยตาม

บนใบหน้าท่านเจ้าเมืองถังเผยให้เห็นรอยยิ้ม เรียกผู้ติดตามมาทันที

ผู้ติดตามคนนั้นนำสลากทั้งหมดในกระบอกไม้ไผ่ ออกมาแสดงให้ทุกคนดูก่อนหนึ่งรอบ

เพื่อแสดงให้เห็นว่าสลากในกระบอกไม้ไผ่เป็นสลากสีแดงสิบอัน สลากสีดำสิบอันจริงๆ ไม่มีการดัดแปลงใดๆ

หลังจากนั้นจึงจะใส่เข้าไป ให้คนไข้ที่ต่อแถวเหล่านั้นจับสลาก

และเมื่อนายท่านสวี่เห็นดังนี้ ก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไป สีหน้าดูน่าเกลียดมาก

ส่วนหมอซุนยิ่งหน้าซีด ร่างกายโอนเอน

มีหมอเห็นสีหน้าของนายท่านสวี่กับหมอซุน เข้าใจทันทีว่าพวกเขาเล่นตุกติก

แต่คิดไม่ถึงว่าท่านเจ้าเมืองถังจะยื่นมือเข้ามาแทรกกะทันหัน และยังมาไม้นี้ด้วย

คนผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสาแก่ใจในความทุกข์ของผู้อื่น

หลายปีนี้สำนักช่วยชีพอาศัยป้ายพระราชทานกับอิทธิพลของจวนจี้ชุนโหว ข่มพวกเขาที่ทำอาชีพเดียวกันบ่อยครั้ง

ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นพวกเขาเสียท่า

และเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอดูการประลองวิชาแพทย์ของวันนี้อย่างน่าประหลาด

อวิ๋นฝูหลิงเดาได้นานแล้วว่าสำนักช่วยชีพแอบเล่นตุกติก

แต่รากฐานของนางในเขตปกครองเจียงหนิงนั้นตื้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 163

    อวิ๋นฝูหลิงหยิบเข็มทองออกจากห่อเข็มหนึ่งเล่ม ปักเข้าไปที่จุดอวิ๋นเหมินของคุณชายอวี๋หลังจากนั้นหยิบเข็มอีกหนึ่งเล่ม ปักจุดต่อไปอวิ๋นฝูหลิงปักไปทั้งหมดเก้าเข็ม ฝีมือช่ำชองและรวดเร็วหลังจากเข็มทองปักจุดชีพจร คุณชายอวี๋ที่ไอไม่หยุด หอบเหมือนเครื่องสูบลมเก่าที่ผุผังจนหายใจแทบไม่ทัน ก็รู้สึกแน่นหน้าอกน้อยลง และลมหายใจโล่งขึ้นมากแล้วส่วนนายท่านผู้เฒ่าหางที่อยู่บนอัฒจันทร์ เมื่อเห็นทักษะการฝังเข็มและจุดชีพจรที่อวิ๋นฝูหลิงปัก เขาตะลึงทันที ปากก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำนวเข็มสกุลอวิ๋น!มันคือนวเข็มสกุลอวิ๋น!นายท่านผู้เฒ่าหางมั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิดแน่นอนนี่เป็นสุดยอดวิชาที่อาจารย์คิดค้น!ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าจะเขียนทักษะเข็มนี้เป็นตำรา หลังจากเรียบเรียงเสร็จแล้วค่อยสอนพวกเขาแต่อาจารย์ยังไม่ทันได้ถ่ายทอดทักษะเข็ม อาจารย์เขาก็ขึ้นสวรรค์แล้วแม่นางอวิ๋นคนนี้เป็นทักษะเข็มที่อาจารย์คิดค้นได้อย่างไร?แม่นางอวิ๋น แม่นางอวิ๋น นางแซ่อวิ๋น หรือว่า…หัวใจของนายท่านผู้เฒ่าหางเต้นตึกตักเขามองดูหน้าตาของแม่นางอวิ๋นอย่างละเอียดส่วนหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งที่อยู่ข้างๆ แม้ไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงใช้ทัก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 164

    และเมื่อเศรษฐีอวี๋กับคุณชายอวี๋ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาของพวกหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งสามคน และตระหนักได้ว่าวัณโรคของคุณชายอวี๋อาจจะรักษาหายจริงๆ ก็กระโจนเข้าไปหาแม่นางอวิ๋นด้วยสีหน้าขอบคุณและตื่นเต้น หลังจากคุณชายอวี๋ดื่มยาต้ม อวิ๋นฝูหลิงก็เปลี่ยนทักษะเข็มอีกชุดจะได้ทำให้ร่างกายของคุณชายอวี๋ดูดซึมฤทธิ์ยาได้ดีได้เร็วยิ่งขึ้นอวิ๋นฝูหลิงย่อมไม่รู้ ในฝูงชนที่อยู่ห่างออกไป มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องนางอย่างไม่ละสายตาคนผู้นี้ก็คือชิงมู่ที่นายท่านรองอวิ๋นส่งมาตรวจสอบแม่นางอวิ๋นเมื่อชิงมู่เห็นอวิ๋นฝูหลิง รู้ทันทีว่านางก็คือคุณหนูใหญ่แม้ไม่ได้เจอหลายปี คุณหนูใหญ่โตขึ้นเล็กน้อย กลิ่นอายก็แตกต่างจากเมื่อก่อนแต่ชิงมู่จำไม่ผิดแน่นอนคนผู้นั้นก็คือคุณหนูใหญ่นายท่านรองกับคุณหนูรองเดาไม่ผิด คุณหนูใหญ่ยังไม่ตายจริงๆ ด้วยไม่เพียงไม่ตาย และยังได้เรียนรู้ฝีมือการแพทย์ดูการประลองวิชาแพทย์จนถึงตอนนี้ ชิงมู่มั่นใจว่าหมอซุนคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณหนูใหญ่การประลองวิชาแพทย์ครั้งนี้ หมอซุนแพ้แน่นอน!ชิงมู่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณหนูใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ สำหรับนายท่านรองอวิ๋นเป็นภัยคุกคามอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 165

    จู่ๆ คนไข้ของหมอซุนก็วิ่งมา คุกเข่าขอให้นางรักษา อวิ๋นฝูหลิงก็ตกใจเช่นกันแต่หลังจากนางเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งถมึงทึงของหมอซุน สีหน้าดูน่าเกลียดมาก ในใจรู้สึกสะใจมากทันทีคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหมอซุนจะถูกคนไข้ของตัวเองตบหน้าอวิ๋นฝูหลิงพยายามอดกลั้นสุดชีวิต จึงไม่ได้หัวเราะออกมาทันทีนางห้ามไม่ให้พวกเขาคุกเข่าอ้อนวอนอีก แสร้งกล่าวด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ “วันนี้ข้ากลับหมอซุนประลองวิชาแพทย์ ตามสลากที่พวกเจ้าจับได้ ควรรักษาโดยหมอซุน ข้าไม่สะดวกแหกกฎ…”คำพูดของอวิ๋นฝูหลิงยังไม่ทันสิ้นเสียง หนึ่งในคนไข้ก็กล่าว “แม่นางอวิ๋น เมื่อก่อนข้าเคยให้หมอซุนรักษาแล้ว เขาบอกว่ารักษาโรคของข้าไม่ได้ หมอทั้งหัวเมืองข้าก็เคยไปหาแล้ว ไม่มีใครสามารถรักษาได้”“เมื่อวานข้าก็ได้ยินมาจากหมอซุนเช่นกัน จึงจะรู้ว่ามีหมอเทวดาหญิงถือในหัวเมือง”“หมอซุนบอกว่าฝีมือการแพทย์ของท่านดีกว่าเขา ต้องรักษาโรคของข้าได้แน่นอน!”“วันนี้ข้ามา เดิมทีก็อยากขอให้ท่านรักษาอยู่แล้ว ใครจะรู้ว่ากลับจับสลากได้ไปทางหมอซุน”“ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขารักษาโรคของข้าไม่หาย ข้ายังจะเสียเวลากับเขาอีกทำไม?”“แม่นางอวิ๋น ได้โปรดท่านตรวจให้ข้าด้วยเถ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 166

    หมอซุนแพ้ราบคาบต่อให้เขาไม่เต็มใจและไม่อยากยอมรับเพียงใด ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้เช่นนั้นไม่สู้ยอมแพ้โดยตรง รักษาศักดิ์ศรีเสี้ยวสุดท้ายไว้อารมณ์ของหมอซุนซับซ้อนมากเขาไม่เพียงแพ้แล้ว แต่ยังแพ้ให้สตรีคนหนึ่งด้วยหมอซุนรู้สึกเพียงการรับรู้ของตัวเองถูกโจมตีอย่างรุนแรงที่แท้ผู้หญิงก็สามารถเก่งกาจเช่นนี้?จู่ๆ เขาก็นึกถึงแม่และภรรยาของตัวเองเขาคิดมาโดยตลอดว่าผู้ชายหาเงินเลี้ยงครอบครัว ผู้หญิงก็ควรอยู่บ้าน เกื้อหนุนสามีอบรมลูกหลาน จัดการเรื่องครอบครัว แต่จู่ๆ ความทรงจำที่เลือนรางบางอย่าง ก็ชัดเจนขึ้นในเวลานี้เขาเสียพ่อตั้งแต่เด็ก แม่ออกไปทำงานต่างๆ ที่ข้างนอกเพื่อเลี้ยงครอบครัวส่วนภรรยาก็ดูแลบ้านทั้งนอกและในได้อย่างมีระเบียบแบบแผน ทำให้เขาไม่ต้องกังวล รักษาคนที่โรงหมออย่างสบายใจและจะทำงานเย็บปักถักร้อยขายให้ร้านเย็บปักเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัว พวกนางไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายทว่าเขาเริ่มดูถูกผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?และยังก้มมองพวกนางด้วยท่าทางที่สูงส่ง? ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่า การประลองวิชาแพทย์ของวันนี้ จะลงเอยด้วยจุดจบเช่นนี้นายท่านสวี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 167

    ตอนที่อวิ๋นฝูหลิงตั้งสติได้ เซียวจิ่งอี้ก็มายืนขวางอยู่ตรงหน้านางแล้ว ลูกธนูที่แหลมคมดอกหนึ่ง ยิงเข้าไปที่หน้าอกของเขากลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นเตะจมูกอวิ๋นฝูหลิงอวิ๋นฝูหลิงเบิกตากว้าง มองเซียวจิ่งอี้อย่างตะลึงพริบตานั้น เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างโดยรอบหายไปหมดสมองของนางวางเปล่า เหมือนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนเพียงพริบตาเดียว แต่ก็เหมือนนานมาก จึงจะมีเสียงดังเข้าไปในหูของนางอีกครั้งนางได้ยินเสียงคนกำลังตะโกน“นายท่าน!”“ท่านอ๋อง!”“อาอี้!”ผู้คนจำนวนมากพุ่งพรวดเข้ามาพร้อมกันร่างกายของเซียวจิ่งอี้ล้มลงไปอย่างอ่อนปวกเปียก อวิ๋นฝูหลิงเกือบประคองไม่ทันในที่สุดนางก็หวนคืนสติ รีบกดหน้าอกของเขาเพื่อห้ามเลือด“เร็ว ยกเขาขึ้นเตียงไม้ที่อยู่ตรงนั้น!” อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามองเทียนเฉวียน กล่าวทันทีเวลานี้สถานที่เกิดเหตุถูกควบคุมแล้ว คนกลุ่มหนึ่งไปไล่ตามมือลอบสังหารที่หนีไปได้ ส่วนที่เหลือปิดล้อมที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้เทียนเฉวียนส่งเสียงนกหวีดขอความช่วยเหลือ ไม่เพียงมีองครักษ์ลับซ่อนตัวอยู่โดยรอบรีบมา ยังมีทหารรักษาพระองค์กับกับหน่วยกระบี่เงาที่ซ่อนตัวอยู่รอบนอกด้วยเซียว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 168

    เมื่อท่านเจ้าเมืองถังที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำว่า ‘หัวธนูมีพิษ’ ก็เข่าอ่อนจนเกือบทรุดลงพื้นทันทีนี่มันดวงอะไรของเขากันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ตอนรู้ว่าเขาคืออี้อ๋อง เขาก็กลัวว่าอี้อ๋องจะเป็นอะไรในเจียงโจว จนลากเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยใครจะรู้ว่าผ่านไปครู่เดียว ก็มีมือลอบสังหารมาลอบสังหารอีกทั้งบนหัวธนูยังอาบยาพิษนี่ถ้าหากอี้อ๋องเป็นอะไรไป เขาจะไม่ถูกฝังไปเป็นเพื่อนด้วยหรือ?รอหลังจากได้ยินคำพูดครึ่งหลังของอวิ๋นฝูหลิง ท่านเจ้าเมืองถังจึงจะเหมือนได้ชีวิตกลับมาครึ่งหนึ่งเขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก รีบกล่าว “แม่นางอวิ๋น ขอแค่สามารถช่วยท่านอ๋อง ต้องการอะไรพูดมาได้เลย!”อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด หลังจากนั้นเงยหน้ามองท่านเจ้าเมืองถังแวบหนึ่ง “ข้าต้องการให้หมอหางมาเป็นผู้ช่วยให้ข้า ที่นี่ยังขาดสมุนไพรถอนพิษหลายอย่าง เดี๋ยวข้าเขียนเทียบยาให้ รบกวนมอบให้นายท่านหาง ให้เขาไปเอามา ”ท่านเจ้าเมืองถังพยักหน้า รีบสั่งให้คนไปเชิญหมอหางกับนายท่านหางมาทันทีที่เกิดเหตุถูกทหารล้อมอย่างแน่นหนา ทุกคนถูกจำกัดให้อยู่ตรงที่เดิม ห้ามเดินไปมาตามอำเภอใจหมอหางกับนายท่านหางถูกเชิญมาอย่างรวดเร็วทั้งสองล้วนเป็นคนฉลาด เห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 169

    เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงอาการบาดเจ็บฟื้นฟูยาก และยังอาจจะเลือดออกมากจนทำให้เสียชีวิตดังนั้นหัวธนูที่มีครีบเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในกองทัพกลัวเพราะเมื่อไหร่ที่ถูกยิง โอกาสมีชีวิตรอดก็ลดน้อยลงแต่หัวธนูประเภทนี้ ไม่ได้ทำง่ายๆ ต่อให้เป็นกองทัพ ก็ไม่ได้ใช้ในวงกว้างตกลงใครกันแน่ที่ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ ไม่เพียงอาบยาพิษบนหัวธนู และยังใช้หัวธนูที่มีครีบเช่นนี้ลอบสังหารอีก?จู่ๆ สายตาของจ้าวเสวียซือก็ลึกล้ำในห้องส่วนตัวของหอสุราที่ใกล้กับประตูเมืองแห่งหนึ่งร่างเงาสายหนึ่งผลักประตูเข้าไป กล่าวกับคนในห้องอย่างนอบน้อม “ท่านราชครู สำเร็จแล้วขอรับ!”“อวี้อ๋องถูกยิง บนลูกธนูมีพิษ เขาต้องตายแน่ๆ!”“พวกเราเสียคนไปกว่าครึ่ง คนที่รอดมาได้จะหาวิธีมารวมกับพวกเรา”“ทุกอย่างดำเนินตามแผนขอรับ!”คนในห้องหมุนกายกลับมา เขาก็คือท่านจอมปราชญ์เหวินที่เคยเป็นกุนซือของเจียงโจวอ๋อง มุมปากท่านจอมปราชญ์เหวินเผยอขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มสายหนึ่ง“เช่นนั้นพวกเราก็ควรไปแล้ว!”ไม่นานก็มีรถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากประตูเมือง มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงและหลังจากรถม้าคันนี้เพิ่งออกจากเมือง ก็มีคนถือป้ายคำ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 170

    รถม้าโยกเยกโคลงเคลง มุ่งหน้าไปยังทางตะวันตกของเมืองอวิ๋นจิงมั่วกอดอวิ๋นฝูหลิงแน่นเวลานี้อวิ๋นฝูหลิงจึงจะมีเวลาดูแลเขานางตบหลังอวิ๋นจิงมั่วเบาๆ พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “มั่วมั่วตกใจใช่หรือไม่?”ภาพเหตุการณ์ลอบสังหารก่อนหน้านี้ น่าตกใจมากจริงๆอวิ๋นจิงมั่วส่ายศีรษะ ชูลูกเสือน้อยในอ้อมแขนขึ้นแล้วกล่าว “มีเทียนเทียนปกป้อง มั่วมั่วไม่กลัว”แรกเริ่มลูกเสือน้อยตัวนี้ถูกอวิ๋นจิงมั่วตั้งชื่อว่าอี้เทียน ต่อมารู้สึกเรียกไม่คล่องปาก ก็เลยเรียกมันว่า ‘เทียนเทียน’ เสียเลยอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงภาพที่เห็นลูกเสือน้อยข่วนใบหน้ามือลอบสังหารเหล่านั้นจนเลือดอาบ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวของมันอวิ๋นจิงมั่วเงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิงแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็ถามเสียงเบา “ท่านแม่ ท่านจะแต่งงานกับท่านลุงหวังหรือไม่?”การกระทำที่ลูบหัวลูกเสือน้อยของอวิ๋นฝูหลิงชะงัก และมองอวิ๋นจิงมั่วอย่างไม่เชื่อสายตาในหัวของเด็กคนนี้ใส่อะไรไว้กันแน่?อวิ๋นจิงมั่วลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อ “วันนี้ท่านลุงหวังช่วยท่านบังลูกธนู บุญคุณช่วยชีวิต ตอบแทนด้วยร่างกาย…”อวิ๋นฝูหลิงหน้าบึ้งทันที ดึงหูของอวิ๋นจิงมั่วแล้วกล่าว “เจ้าไปเรียนข

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status