Share

บทที่ 230

Penulis: หลันซานอวี่
เวลานี้เอง เทียนเฉวียนก้าวออกมากล่าว “หรือไม่มอบคนคนนี้ให้ข้าน้อย ข้าน้อยใช้วิธีทรมาน สามารถทำให้เขาพูดแน่นอน!”

อวิ๋นฝูหลิงโบกมือ “เหตุใดต้องยุ่งยากเช่นนี้ด้วย?”

กล่าวจบ นางล้วงยาลูกกลอนออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งเม็ด จับคางของนักฆ่าคนนั้น แล้วป้อนยาเข้าไปในป่าของเขา

ทันทีที่ยาลูกกลอนเข้าปาก ก็เหมือนละลายเป็นของเหลว ไหลลงไปตามลำคอ

นักฆ่าคนนั้นดิ้นรน อยากล้วงเอายาลูกกลอนออกมา ทว่ากลับถูกคนจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับตัวเลย

ผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงจึงจะส่งสัญญาณให้ปล่อยเขา

นักฆ่าคนนั้นมองไปทางอวิ๋นฝูหลิงแล้วถาม “เจ้าให้ข้ากินยาอะไร? ยาพิษหรือ?”

อวิ๋นฝูหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “เป็นของที่ทำให้เจ้าพูดในสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมด!”

กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หันไปนั่งลงบนรถม้าที่ไม่มีผนังรถแล้ว ตรวจดูสิ่งของที่อยู่บนรถม้าครู่หนึ่ง

การต่อสู้ครั้งนี้ สิ่งของบนรถม้าพังยับเยิน และเหลือไม่มากแล้ว

ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง อวิ๋นฝูหลิงตรวจนับของบนรถม้าเสร็จ ก็กลับมาที่ตรงหน้านักฆ่าคนนั้นใหม่

นักฆ่าคนนั้นมองอวิ๋นฝูหลิง สายตาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน “ฆ่า…ฆ่าข้าเถอะ!”

กระดูกและเลือดเนื้อบนร่างกาย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 231

    ยามที่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงหมู่บ้านซวงหลิน ก็มีสภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือด ทำให้เซียวจิ่งอี้อกสั่นขวัญแขวนไม่รอให้เซียวจิ่งอี้ถาม อวิ๋นฝูหลิงก็กล่าวออกมาก่อน “ระหว่างทางกลับมาได้เจอกับพวกมือสังหารเข้า ข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เลือดบนตัวก็เป็นของมือสังหารเหล่านั้น”กล่าวจบ ก็กำลังจะเข้าไปในห้องเพื่อรักษาบาดแผล และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดเซียวจิ่งอี้อยากเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของนางด้วย แต่ถูกอวิ๋นฝูหลิงขวางไว้ให้อยู่นอกประตูโชคดีที่เหยากวงมีไหวพริบ จึงตามเข้ามาช่วยด้วยอวิ๋นฝูหลิงถอดเสื้อผ้าเปื้อนเลือดออก หลังจากใช้น้ำสะอาดล้างบาดแผล ก็ทายาผงลงไป ก่อนจะใช้ผ้าสะอาดพันบาดแผลขณะที่เหยากวงรีบช่วยพันแผล ก็สังเกตบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงอย่างละเอียดด้วยเห็นว่าบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงตื้นมาก ชัดเจนว่าเป็นเพียงแผลบนผิวหนังภายนอก บาดแผลมิได้ร้ายแรงนักนางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก และรู้สึกแปลกใจเช่นกันทักษะการต่อสู้ของมือสังหารเหล่านั้นหาได้อ่อนแอไม่ ยิ่งไปกว่านั้นยามที่อวิ๋นฝูหลิงถูกแทง นางเห็นอย่างชัดเจนว่า ดาบของมือสังหารผู้นั้นแหลมคมมาก เมื่อถูกดาบนั้นเข้าหากมิตายก็ย่อมบาดเจ็บสาหั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 232

    “ข้าก็มิได้เป็นคนอ่อนปวกเปียก ที่จะยอมให้ครอบครัวนั้นมารังแกกันได้!”“ท่านรู้หรือไม่ว่าขอบเขตสูงสุดของการแก้แค้นคือสิ่งใด?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้ว พลางถามว่า “สิ่งใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงตอบด้วยรอยยิ้ม “คือการทำให้เขาสูญเสียสิ่งที่เขาหวงแหนมากที่สุด”“การสังหารคนโดยตรงหาใช่เรื่องยากอันใด ข้าสามารถจัดการได้ด้วยยาพิษถุงเดียวด้วยซ้ำ”“แต่การปล่อยให้พวกเขาตายไปเช่นนั้น ย่อมง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา บนโลกนี้มีเรื่องที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความตายนับสิบเท่าร้อยเท่าอยู่!”เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดในใจแล้ว ก็ล้มเลิกความคิดที่จะให้คนไปสังหารอวิ๋นหลิงจือ“ไม่ว่าเจ้าคิดจะทำสิ่งใดก็ทำเถิด ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง”อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะจุมพิตเซียวจิ่งอี้อีกครา“ในเมื่ออวิ๋นหลิงจือจ้างมือสังหารมาฆ่าข้า หมายความว่าพวกเขารู้ข่าวว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ด้วยว่าข้าอยู่ที่เจียงโจว”“ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาย่อมไม่มีทางรามือ เพราะตัวตนของข้าเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขา”“ในเมื่อเป็นสงครามที่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายตก ข้าก็จะไม่ย่อมอ่อนข้อให้พวกเขาเช่นกัน”“ถ้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 233

    เซียวจิ่งอี้ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้นมาและเดินออกไปข้างนอกอวิ๋นจิงมั่วตอบสนอง ด้วยการเตะขาพลางตะโกนโดยพลัน “ท่านพ่อ วางข้าลงขอรับ ข้ามาหาท่านแม่!”เขาได้ยินว่าแม่กลับมาแล้ว จึงกล่าวลาเพื่อน ๆ ตัวน้อย และวิ่งกลับมาหาแม่แม่รับปากเขาว่า เมื่อกลับมาแล้วจะนำน้ำตาลปั้นตัวใหญ่มาให้เขาตัวหนึ่งแม่ยังไม่ได้เอาน้ำตาลปั้นให้เขาเลยเซียวจิ่งอี้กลับตบก้นของอวิ๋นจิงมั่วเบา ๆ และพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ให้พ่อลองทบทวนตัวอักษรสามตัวที่สอนให้เจ้าไปเมื่อวานก่อน หากท่องได้จึงจะให้กินน้ำตาลปั้น!”อวิ๋นจิงมั่วโอดครวญ “ท่านพ่อ ท่านช่างเห็นแก่สตรีจนละทิ้งหลักการเสียจริง!”“ข้าเป็นลูกชายของท่าน พอท่านมีภรรยาแล้วจะลืมลูกชายมิได้นะขอรับ!”เซียวจิ่งอี้ปวดเศียรเวียนเกล้า อดไม่ได้ที่จะตบก้นลูกชายเบา ๆ ไปอีกครั้ง“เจ้าไปเรียนรู้เรื่องเหลวไหลพวกนี้มาจากที่ใดกัน?”อวิ๋นฝูหลิงกลับหัวเราะขึ้นมาขณะที่ฟังอยู่ในห้องเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับบาดเจ็บ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้และปิดบังแม้แต่กับอวิ๋นจิงมั่วด้วยเช่นกันวันนี้หลิงโหยวเข้ามาอย่างกะทันหัน และมาพูดกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านพาข้าก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 234

    “พวกเจ้ามีผู้ใดเต็มใจจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อบ้าง?”พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนมองกันไปมาลูกพี่อู๋กล่าวว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำสั่งของแม่นางอวิ๋น”จางซานมู่เม้มริมฝีปาก “ข้าเต็มใจจะอยู่ที่นี่ขอรับ”สวี่ตงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางอวิ๋น ข้าจะฟังคำสั่งของท่าน”คังหมิงหย่วนครุ่นคิดครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “แม่นางอวิ๋น ให้ข้าอยู่ต่อเถอะขอรับ ข้าล้วนคุ้นเคยกับสวนสมุนไพรดี ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ข้ายังรู้จักสมุนไพรกว่าร้อยชนิด ในภายภาคหน้าข้าอยากเป็นเหมือนนายท่านหาง ซึ่งรู้จักสมุนไพรทั่วทั้งใต้หล้า เป็นผู้ที่ค้าขายยา!”อวิ๋นฝูหลิงแอบรู้สึกชื่นชมคังหมิงหย่วนตั้งแต่ที่เขาเฟิ่งลั่ว อวิ๋นฝูหลิงได้สอนความรู้ทางการแพทย์และเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรให้เขาอยู่เสมอหากจะเรียนรู้การตรวจชีพจรวินิจฉัยโรค จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยแปดหรือสิบปีจึงจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่หากคังหมิงหย่วนมุ่งความสนใจไปที่สมุนไพร ย่อมเป็นหนทางที่ไม่เลวอวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เช่นนั้นคังหมิงหย่วนก็อยู่ต่อเถอะ”กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงก็ให้คนอื่นออกไปก่อน และเหลือคังหมิงหย่วนเพียงผู้เดียวพวกลูกพี่อู๋ทั้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 235

    ยามเช้าตรู่ กองทหารเกียรติยศของฝ่าบาทอี้อ๋องก็เคลื่อนพลเต็มกำลัง โดยมีทหารรักษาพระองค์นับร้อยถูกส่งมาคุ้มกัน เดินทางจากประตูทิศเหนือของเขตปกครองเจียงหนิง มุ่งสู่เมืองหลวงอย่างผ่าเผยขณะเดียวกัน รถม้าสีเขียวที่ภายนอกดูเรียบง่ายสองคัน ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์สิบกว่าคน ก็มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านซวงหลิน ตรงไปยังเมืองหลวงหลังจากรถม้าเดินทางออกจากเขตปกครองเจียงหนิง อวิ๋นฝูหลิงก็เลิกผ้าม่านของรถม้าเปิดออกพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกนางยิ้มให้เซียวจิ่งอี้พลางกล่าวว่า “ความคิดของท่านไม่เลวเลย ที่ให้แบ่งกองกำลังออกไปสองเส้นทาง ความสนใจทั้งหมดก็จะถูกกองกำลังหลักดึงดูดไป พวกเราก็สามารถเดินทางอย่างผ่อนคลายได้ ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงก็ได้พักผ่อนไปด้วย”เซียวจิ่งอี้ทนไม่ไหวที่ต้องจัดการกับเจ้าหน้าที่ทางการไปตลอดทาง อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยของตน จึงคิดวิธีนี้ขึ้นมามีกองทหารเกียรติยศขององค์ชายดึงดูดความสนใจ พวกเขาก็สามารถเดินทางได้อย่างไม่เป็นจุดสนใจ ทั้งยังลดปัญหาไปได้มากอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่บนรถม้าตลอดทั้งเช้า จนปวดเอวไปหมดนางบอกกับเซียวจิ่งอี้ว่า “ข้าอยากขี่ม้า”เซียวจิ่งอี้ให้คนนำ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 236

    เซียวจิ่งอี้กล่าวกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “เดินทางมาหลายวันแล้ว เจ้าย่อมเหนื่อยล้าเป็นแน่ พวกเราจะพักอยู่ที่จินโจวสักสองสามวัน แล้วค่อยเดินทางต่อก็ยังไม่สาย”“เขตปกครองจินโจวแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองมาก คุ้มค่าแก่การเที่ยวชมสักครา”กล่าวจบ เซียวจิ่งอี้ก็สั่งให้เทียนเฉวียนไปจองโรงเตี๊ยมระหว่างที่พวกเขาเดินทาง ก็แสร้งทำตัวเป็นพ่อค้าพเนจร เพื่อไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย จึงมิได้ไปพักแรมอยู่ที่จุดพักม้าเทียนเฉวียนไปทำหน้าที่โดยพลันเทียนเฉวียนจองโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมือง และจองเรือนหลังหนึ่งไว้ด้วยหลังจากล้างเนื้อล้างตัวและกินอาหารกลางวัน ก็พักผ่อนครู่หนึ่ง ก่อนที่อวิ๋นฝูหลิงจะไปซื้อของด้วยความสนใจไปเป็นอย่างยิ่งแม้ว่าในยุคสมัยนี้จะมิได้สะดวกสบายเท่ายุคปัจจุบัน แต่กลับมีข้อดีของมันเองเช่นกันตัวอย่างเช่นงานฝีมือมากมาย ที่ทำออกมาอย่างประณีตมาก ซึ่งยุคปัจจุบันมิอาจเทียบได้อวิ๋นฝูหลิงซื้อของไปตามทาง ความสุขที่ได้ซื้อของนั้นมิอาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้โดยง่ายระหว่างที่นางกำลังเพลิดเพลินไปกับการเที่ยวเล่น ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นฝูงชนด้านหน้า ซึ่งดูเหมือนจะคึกคักกันเป็นอย่างยิ่งอวิ๋นฝูหลิงสงสั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 237

    “ถึงหูซานจะเหลวไหลเพียงใด แต่จะถึงขั้นใช้ชีวิตของแม่เขา มาทำร้ายแม่นางหลี่เชียวหรือ?”“ถูกต้อง นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะทำได้หรือ? ข้าคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้กระมัง”“ไม่แน่แม่นางหลี่อาจจะเขียนใบสั่งยาพลาด จนทำให้แม่เฒ่าหูตาย!”อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียงวิจารณ์ของคนรอบตัว ก็ใคร่ครวญหูซานเห็นแม่นางสกุลหลี่ไม่หวาดกลัวอันตราย ทั้งยังสามารถโต้แย้งกลับมาได้อย่างสมเหตุสมผล ก็ลุกพรวดขึ้นมากล่าวโดยพลัน“ถุย โรงหมอของสกุลพวกเจ้ามีชื่อเสียงที่เขตปกครองจินโจว ก็เป็นเพราะฝีมือการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของพ่อเจ้า”“ตั้งแต่พ่อเจ้าตายจากไป และเจ้ารับช่วงต่อโรงหมอมา ข้าก็เห็นว่ากิจการโรงหมอของพวกเจ้าย่ำแย่ลงทุกวัน”“ถ้าให้ข้าพูด เจ้าซึ่งเป็นแม่นางผู้หนึ่ง จะไปรู้วิชาแพทย์อันใด ถือโอกาสรีบปิดโรงหมอและแต่งงานไปเสียจะดีกว่า”“หากเจ้ายอมรับข้อเสนอแต่งงานของคุณชายสกุลวั่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และปิดโรงหมอไปตบแต่ง ก็คงไม่มีเรื่องเลวร้ายเช่นวันนี้เกิดขึ้น!”แม่นางสกุลหลี่คาดเดาได้ว่าสาเหตุที่หูซานมาก่อเรื่อง อาจเป็นเพราะการบงการของคุณชายสกุลวั่นยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหูซาน ก็ยิ่งทำให้มั่นใจกว่าเดิมน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 238

    ผู้ที่สามารถร่ำเรียนวิชาแพทย์ และค้ำจุนโรงหมอของสกุลมาได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรต้องมามีจุดจบเช่นนี้นางมองบนเปลที่อยู่บนพื้น ซึ่งมีแม่เฒ่าสกุลหูนอนเหมือนเสียชีวิตอยู่นางหันกลับมากระซิบบางสิ่งกับเหยากวงเหยากวงพยักหน้า ก่อนจะก้าวออกไปจากฝูงชนโดยพลันเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้น ก็รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงต้องการช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถึงอย่างไรแผนการของคุณชายสกุลวั่นกับหูซานผู้นั้น เขาก็ทนดูต่อไปไม่ไหวเช่นกันเหยากวงทำตามคำสั่งของอวิ๋นฝูหลิง หลังจากเข้าไปใกล้แม่เฒ่าสกุลหูอย่างเงียบเชียบ ก็รวบรวมกำลังภายใน ก่อนจะยื่นมือไปออกแรงกดจุดจู๋ซานหลี่เพียงชั่วพริบตา แม่เฒ่าสกุลหูก็ลุกพรวดขึ้นมาโดยพลัน ขณะที่กุมขาข้างนั้นซึ่งถูกเหยากวงกดจุดพลางร้องออกมาว่า “โอ๊ย”อวิ๋นฝูหลิงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน เริ่มเป็นฝ่ายชักนำทันที “โธ่ถัง คนยังไม่ตายนี่!”เทียนเฉวียนกับลูกพี่อู๋ก็มีไหวพริบเป็นอย่างยิ่ง จึงตะโกนตามโดยพลัน“คนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่!”“หรือก่อนหน้านี้แกล้งตาย เพื่อจงใจใส่ร้ายแม่นางสกุลหลี่?”ผู้คนที่ดูอยู่โดยรอบถูกศพที่ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันของแม่เฒ่าหูทำให้ตกใจ ยามนี้ยังถูกพวกอวิ๋นฝูห

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status