Share

บทที่ 246

Author: หลันซานอวี่
เขามองไปทางเซียวจิ่งอี้และคนอื่น ๆ “แม้ว่าญาติผู้น้องของข้าจะเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ท่านลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ ก็อาจจะเกินกว่าเหตุไปสักหน่อยกระมัง!”

อวิ๋นฝูหลิงมองสำรวจวั่นเฉิงอย่างละเอียดลออ

ไม่ได้บอกว่านายน้อยผู้นี้เป็นโรค จำเป็นต้องใช้ดีเสือมาทำกระสายยาหรอกหรือ?

ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ได้ต่างจากคนปกติทั่วไปเลยสักนิด ท่าทางมิเหมือนคนป่วยด้วย?

“สกุลวั่นสั่งสอนบุตรหลานในสกุลให้ดีไม่ได้ ข้าจึงลงมือช่วยสั่งสอนแทนให้ สกุลว่าควรจะขอบคุณข้าต่างหากจึงจะถูก!”

“หากสกุลวั่นไม่พอใจอันใด ก็ให้บิดาเจ้ามาพูดกับข้าด้วยตนเอง!”

ครั้นเซียวจิ่งอี้พูดจบ มือข้างหน้าก็อุ้มอวิ๋นจิงมั่ว มืออีกข้างก็จับมืออวิ๋นฝูหลิงไว้ ก่อนจะเตรียมตัวจากไป

วั่นเฉิงตะลึงจนตาค้างไปชั่วขณะ

เขาไม่เคยพบเห็นคนที่อวดดีขนาดนี้มาก่อน

“หยุด ห้ามไปไหน!”

“ไป ไปขวางพวกไว้!”

คนสกุลวั่นรีบเข้าไปขวางทางเซียวจิ่งอี้และคนอื่น ๆ โอบล้อมกลุ่มของพวกเขาไว้

เทียนเฉวียนพร้อมคนอื่นรีบชักกระบี่ แล้วเข้าไปล้อมรอบพวกเซียวจิ่งอี้ทั้งสามคนเอาไว้

ทั้งสองฝั่งรีบมองคุมเชิงกันทันที สถานการณ์ใกล้จะปะทุอยู่รอมร่อ

ครั้นแขกเหรื่อรอบ ๆ ที่มาดูความคึกคั
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
น่าปล่อยให้ชักตาย เบื่อจริงเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 247

    อวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มลงไปหลายเข็ม อาการโรคลมชักของวั่นเฉิงที่เกิดกำเริบขึ้นมานั้นทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดยิ่งเหล่าคนสกุลวั่นที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันหุบปากเงียบ แต่ละคนเบิกตากว้างราวกับถูกใครบีบคอก็ไม่ปานกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงฝังเข็มจนแล้วเสร็จ วั่นเฉิงที่เดิมทีอาการโรคลมชักกำเริบจนสูญเสียสติสัมปชัญญะก็ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมาอวิ๋นฝูหลิงถอนเข็มที่ฝังอยู่ตามร่างกายของวั่นเฉิงออก นำเก็บเข้าห่อเข็ม“นายน้อยวั่น ต่อไปพยายามรักษาใจให้สงบนิ่งเข้าไว้ หากอารมณ์รุนแรงเกินไปจะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย ถึงขั้นทำให้อาการทรุดหนักลงกว่าเดิม!”หลังทิ้งคำกำชับเรื่องอาการ อวิ๋นฝูหลิงจึงหมุนกายเดินออกไปนายท่านสี่วั่นพร้อมด้วยคนอื่น ๆ โอบล้อมเข้ามาข้างกายวั่นเฉิง“นายน้อย รู้สึกอย่างไรบ้าง?”วั่นเฉิงเม้มปาก ไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดเมื่อครู่นี้เขาก็อาการกำเริบขึ้นมากะทันหันอีกแล้วผ่านไปครู่ใหญ่ วั่นเฉิงจึงออกคำสั่งไปว่า “กลับจวน”บุรุษวัยกลางคนผู้มีใบหน้าเหลี่ยมและสั้นผู้นั้นรีบรับคำ แล้วพาคนช่วยกันคุ้มกันวันเฉิงออกไปจวนสกุลวั่นครั้นวั่นหงผู้นำตระกูลวั่นได้ฟังบ่าวรับใช้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในหอสก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 248

    ผู้นำตระกูลวั่นมาเยือนถึงหน้าประตูด้วยตนเองเช่นนี้ เกิดกว่าครึ่งนั้นมาเพื่อร้องขอการรักษาอวิ๋นฝูหลิงล้างหน้าล้างตาแล้วเสร็จ จึงกินมื้อเช้าพร้อมกับอวิ๋นจิงมั่วหลังมื้ออาหาร เซียวจิ่งอี้ถึงร่วมทางมากับอวิ๋นฝูหลิงด้วย “ข้าไปพบผู้นำตระกูลวันพร้อมกันกับเจ้าด้วย”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า มอบหมายให้ลูกพี่อู๋แลคนอื่น ๆ คอยดูแลอวิ๋นจิงมั่วให้ดีหลังจากที่เมื่อวานวั่นหงผู้นำตระกูลวั่นถามยืนยันจากบุตรชายแล้ว วันนี้ทันทีที่ฟ้าสาง เขาจึงเดินทางมาที่โรงเตี๊ยมซื่อฟางด้วยตนเองรออยู่หนึ่งชั่วยามกว่า ก็ยังไม่ได้พบท่านหมอหญิงต้นเรื่องนายท่านสามสกุลวั่นอดโอดครวญออกมาไม่ได้ “ท่านหมอวิชาแพทย์สูงส่งอันใดกัน ถึงได้ทำตนวางมาดเสียใหญ่โตเช่นนี้?”นายท่านสามสกุลวั่นผู้นี้เป็นพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกันกับวั่นหงทว่าเขามีความสามารถธรรมดา ไร้ใจทะเยอทะยาน วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นสนุกเคราะห์ดีที่เขานั้นรู้จักประมาณตน ทั้งยังรักใคร่กลมเกลียวกับพี่น้องอย่างวั่นหง จึงพอใจที่เขาเป็นเพียงนายท่านรองเจ้าสำราญ ทั้งยังไม่สอดมือเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องต่าง ๆ ในตระกูลเมื่อวานเขาได้ยินว่าวั่นเฉิงอาการกำเริบ จึงรีบรุดไปเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 249

    แม้ว่าวั่นหงจะประหลาดใจ ด้วยไม่เคยได้ยินว่าอี้อ๋องเสกสมรสพระชายาเมื่อใด ทว่าที่หอสกุลวั่นเมื่อวานนี้ คนสกุลวั่นที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนได้ยินเซียวจิ่งอี้เรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าฮูหยินวั่นหงคิดว่าบางทีตัวเขาเองอาจจะได้รับข่าวสารไม่ไวพอ กระทั่งเรื่องที่อี้อ๋องมีพระชายาแล้วเขาก็ยังไม่รู้เรื่องเพียงเรียกว่า ‘พระชายา’ ก็ทำให้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นในด้วยตาของเซียวจิ่งอี้แล้วครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นคนพวกนี้คุกเข่าคารวะ ก็รู้สึกไม่เคยชินเท่าไรนักยิ่งไปกว่านั้น วั่นหงถึงขั้นจำเซียวจิ่งอี้ได้ ทั้งยังเปิดเผยฐานะของเขาออกมาอีกต่างหากอวิ๋นฝูหลิงมองเซียวจิ่งอี้เล็กน้อยเซียวจิ่งอี้จับมือนางไว้ แล้วช่วยพูดแทนนางว่า “ทุกคนลุกขึ้นมาเถิด!”ดวงตาเฉียบแหลมของวั่นหงเห็นการกระทำของเซียวจิ่งอี้เข้า ในใจจึงยิ่งให้ความสำคัญกับอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งขึ้นเป็นเท่าตัวดูแล้วพระชายาอี้อ๋องจะมีรักลึกซึ้งกับอี้อ๋องเป็นอย่างยิ่ง“เมื่อวานนี้ ลูกหลานและบ่าวรับใช้ในสกุลทำตัวหยาบคายต่อท่านอ๋องกับพระชายา กระหม่อมพาพวกเขามาขอรับโทษด้วยตนเอง ท่านอ๋องกับพระชายาทรงลงโทษพวกเขาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นายท่านสี่และวั่นจื้อซินคุกเข่าลงบนพื้นจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 250

    ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้ยกหีบของกำนัลเข้ามาเป็นทิวแถวของพวกนี้ล้วนเป็นวั่นหงกับฮูหยินวั่นตั้งใจเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อมอบเป็นของกำนัลแทนการขอบคุณให้แก่อวิ๋นฝูหลิงหากอวิ๋นฝูหลิงเป็นเพียงท่านหมอธรรมดา ๆ ผู้หนึ่ง เช่นนั้นของกำนัลแทนคำขอบคุณเหล่านี้ย่อมนับว่าพรั่งพร้อมเป็นอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้นางเห็นใจแล้วเต็มใจเสนอตัวไปตรวจอาการให้เองได้ทว่าพอวันนี้ได้รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นถึงพระชายาอี้อ๋อง ของกำนัลแทนคำขอบคุณนี้ก็ออกจะดูน้อยนิดไปสักหน่อยแต่จะให้กลับไปเตรียมของกำนัลแทนคำขอบคุณให้ใหม่ในยามนี้ ก็ไม่ทันกาลเสียแล้วหากไม่มอบของกำนัลแทนคำขอบคุณให้ แต่เอ่ยปากขอร้องเชิญคนเขาไปมือเปล่า ก็ยิ่งดูไม่จริงใจมากพอวั่นหงทำอะไรไม่ได้มากนัก ทำได้เพียงมอบของกำนัลที่ตระเตรียมไว้แล้วให้ไปก่อน พลางคิดว่าหลังจากนี้ค่อยส่งมามอบให้เพิ่มเติมอีกหนึ่งชุดอวิ๋นฝูหลิงมองของกำนัลแทนคำขอบคุณที่วั่นหงมอบให้ยามนี้หีบของกำนัลถูกเปิดออกแล้ว สิ่งของด้านในนอกจากจะเป็นผ้าไหมแพรพรรณกับทองแท่งเงินแท่งแล้ว ยังมียาสมุนไพรล้ำค่าจำพวกโสม โชวูและอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงลอบคิดอยู่ในใจว่าสมแล้วที

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 251

    อย่างไรก็ตาม ผู้นำตระกูลสกุลวั่นมาคิดบัญชีกับพวกเขาถึงบ้านด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องใหญ่แล้วทุกคนในโรงเตี๊ยมต่างชะเง้อศีรษะรอดูเรื่องสนุกทว่าพวกเซียวจิ่งอี้เช่าเรือนทั้งหลังและมีการเฝ้ายามอย่างเข้มงวด คนที่ไม่เกี่ยวข้องล้วนเข้าไปไม่ได้แม้คนในโรงเตี๊ยมไม่สามารถเข้าเรือนของพวกเซียวจิ่งอี้ แต่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ต่อให้ใหญ่ก็ใหญ่ไม่ถึงไหน ถ้าหากในเรือนทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่โตจริงๆ คนที่อยู่นอกเรือนก็สามารถได้ยินได้ดังนั้นทุกคนเอาแต่จ้องไปที่เรือน พยายามฟังเสียงจากข้างในเรือนใครจะรู้ว่าผ่านไปพักใหญ่ ก็ไม่ได้ยินเสียงลงมือทุบตีสุดท้ายกลับเห็นผู้นำตระกูลสกุลวั่นเชิญเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นรถม้าของบ้านตัวเองอย่างนอบน้อมถ่อมตน มุ่งหน้าไปยังทิศทางเรือนหลักของสกุลวั่นแล้วชั่วขณะ ทุกคนงงงวยยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นต่างพากันคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่การคาดเดาของคนอื่นไม่สำคัญสำหรับอวิ๋นฝูหลิง สิ่งเดียวที่นางคิดในเวลานี้คืออาการป่วยของวั่นเฉิงฮูหยินวั่นรออยู่ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อได้ยินว่าสามีเชิญคนมาจริงๆ ก็อดมองข้างนอกด้วยความดีใจไม่ได้พลันเมื่อมองไป ฮูหยินวั่นอดไม่ได้ที่จะตก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 252

    “ก็แค่หมอหญิงคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? เชิญมาก็เชิญมาสิ อย่างไรเสียหลายปีนี้สกุลวั่นก็เคยเชิญหมอมาไม่น้อยแล้ว”“ข้าเองก็เพราะถูกสกุลวั่นเชิญมารักษานายน้อยคนนั้นไม่ใช่หรือ?”ผู้ช่วยน้อยกระทืบเท้า กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณชาย เหตุใดท่านไม่โกรธเลย?”“สกุลวั่นเชิญท่านก่อนนะ ท่านยังพักอยู่ที่สกุลวั่นอยู่เลย พวกเขาก็ไปเชิญคนอื่นแล้ว นี่ไม่เท่ากับตบหน้าท่าน หาว่าฝีมือการแพทย์ของท่านไม่ดีหรอกหรือ?”“อีกทั้งข้ายังได้ยินพี่หงอวี้ที่คอยรับใช้ข้างกายฮูหยินวั่นบอกว่า หมอหญิงคนนั้นปากดีมาก กล้าบอกว่าคุณชายท่านวินิจฉัยผิด!”“คุณชาย ท่านเคยเรียนวิชาแพทย์กับจี้ชุนโหวเลยนะ พื้นเพมาจากสกุลอวิ๋นอย่างแท้จริง นางเป็นตัวอะไร ถึงกล้ามาสงสัยฝีมือการแพทย์ของท่าน?”“พวกเราต้องให้บทเรียนนางสักหน่อย!”ผู้ชายที่อยู่ในห้องคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือหมอสวินที่สกุลวั่นเชิญมารักษาวั่นเฉิงและจ่ายเทียบยาให้สกุลวั่น บอกว่าจะใช้ดีเสือเป็นกระสายยาเมื่อหมอสวินได้ยินคำพูดของผู้ช่วย ในที่สุดสีหน้าที่สงบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเสี้ยวหนึ่ง“เช่นนี้ข้าต้องไปพบหมอหญิงท่านนั้นเสียหน่อยแล้ว!”แม้ไม่กล้าพูดว่าฝีมือการแพทย์ของเขาเป็น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 253

    อวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ จึงจะพบว่าสีหน้าของสามีภรรยาวั่นหงงงงวยสามีภรรยาวั่นหงงงเป็นไก่ตาแตก ฟังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเส้นประสาทเอย ส่งสัญญาณอะไรเอยที่อวิ๋นฝูหลิงพูดเลย ตกลงมันหมายความว่าอย่างไรไม่รอให้วั่นหงเอ่ยปาก อวิ๋นฝูหลิงก็กล่าวสรุปโดยตรง “เอาเป็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บในศีรษะ จึงทำให้เกิดอาการลมชัก”คำพูดประโยคนี้ สามีภรรยาวั่นหงเข้าใจแล้วฮูหยินวั่นอดไม่ได้ที่จะคิดว่าหมอที่เชิญในตอนนั้นไม่ได้เรื่อง ไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของลูกให้หายดีวั่นหงกล่าวอย่างร้อนใจ “โรคนี้รักษาได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ได้”ชาติที่แล้วนางก็เคยรักษาคนไข้กรณีนี้ อีกทั้งอาการของผู้ป่วยโรคลมชักท่านนั้นรุ่นแรงกว่านี้เล็กน้อยตอนนั้นนางอาศัยศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นครึ่งเล่ม พยายามลองศึกษาอยู่นาน สุดท้ายจึงรักษาอีกฝ่ายจนหายดีปัจจุบันนางมีศาสตร์ฝังเข็มสกุลอวิ๋นที่สมบูรณ์ และยังมีประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากชาติที่แล้ว เวลารักษาย่อมถนัดมืออยู่แล้วสามีภรรยาวั่นหงดีใจจนน้ำตาแทบร้องไห้แล้วทั้งสองจับมือกันโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเป็นประกาย สีหน้าตื่นเต้นนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินมีหมอพูดอย่างชัดเจนว่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 254

    “นางเป็นฮูหยินของข้า คุณชายท่านนี้ โปรดสำรวมหน่อย!”หมอสวินมองเซียวจิ่งอี้แวบหนึ่ง ขมวดคิ้วกล่าว “เหอะ เจ้าบอกว่าใช่ก็ใช่หรือ? น้องอวิ๋นของข้าเป็นหญิงสูงศักดิ์จวนโหว อย่าคิดว่านางเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ก็สามารถปล่อยให้เจ้ารังแกตามใจชอบ”“เจ้าอยากแต่งนาง ต้องถามสกุลอวิ๋นของเราก็ว่าตอบตกลงหรือไม่!”เขาจำได้ว่าคนที่มีหมั้นหมายกับน้องอวิ๋นคือซื่อจื่ออันกั๋วกงเขาเคยเจอซื่อจื่ออันกั๋วกงท่านนั้น ไม่ใช่คนตรงหน้าคนนี้แม้ไม่รู้ว่าหลายปีนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่น้องอวิ๋นก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ไหนก็สามารถแต่งไปได้หมอสวินผลักเซียวจิ่งอี้ออก กระโจนไปที่ตรงหน้าอวิ๋นฝูหลิงอีกครั้งแต่เขากลับพบว่า สายตาที่อวิ๋นฝูหลิงมองเขาห่างเหินมาก ราวกับไม่รู้จักเขา“น้องอวิ๋น เจ้าลืมข้าแล้วหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงค้นหาในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมหนึ่งรอบ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะจำได้“ท่านคือพี่เส้าคัง?”ในแววตาสวินเส้าคังเต็มไปด้วยเจตนายิ้ม “เป็นข้าเอง!”“ข้าคิดว่าเจ้าลืมข้าแล้วเสียอีก ยังดีที่เจ้ายังจำข้าได้!”สวินเส้าคังยังคงเหมือนสมัยเด็ก ลูบศีรษะของอวิ๋นฝูหลิง “ไม่เจอกันหลายปี เจ้าโตแล้ว แต่หน้าตายังดูคล้ายสมัยเด

Pinakabagong kabanata

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status