Share

บทที่ 46

Author: หลันซานอวี่
แต่ว่ายาของอวิ๋นฝูหลิงเป็นของดี ได้มาก่อนสองขวดก็ยังดี

“จิงมั่วเป็นเด็กฉลาด ข้าชอบมาก เจ้าวางใจได้ ข้าจะสอนเขาอย่างดี!”

หลังจากทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกลับไปเก็บของแล้ว

เวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านโจวได้เริ่มเร่งเร้าให้ทุกคนออกเดินทางแล้ว

หลังจากทุกคนเก็บของเสร็จ ก็ก้าวเข้าบนเส้นทางอีกครั้ง

อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นมีชาวบ้านทนไม่ไหวจนเป็นโรคลมแดด

ภายใต้คำแนะนำของอวิ๋นฝูหลิง หัวหน้าหมู่บ้านโจวเปลี่ยนเวลาการเดินทางของทุกวันเป็นสองช่วง คือตั้งแต่ฟ้าสว่างจนถึงก่อนที่อากาศจะเริ่มร้อนในตอนเที่ยง กับช่วงบ่ายหลังจากที่ไม่ค่อยร้อนแล้วจนถึงฟ้ามืด

เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงสามารถเลี่ยงการเดินทางในช่วงอากาศร้อนที่สุด และยังสามารถรับประกันระยะการเดินทาง

ทุกคนล้วนอยากเดินออกจากเขาเฟิ่งลั่วเพื่อตั้งรกรากใหม่โดยเร็ว

วันนี้ทุกคนเร่งเดินทางตลอดทั้งช่วงเช้า เมื่อเห็นว่าแดดเริ่มแรง หัวหน้าหมู่บ้านโจวให้ทุกคนหาสถานที่พักผ่อนทันที

อวิ๋นฝูหลิงพบพื้นที่โล่งที่หนึ่ง นางตั้งหม้อ เริ่มต้นชาคลายร้อน

ตั้งแต่มีชาวบ้านเป็นโรคลมแดดเมื่อหลายวันก่อน อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มต้มชาคลายร้อนวันละหลายหม้อ

ชาคลายร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sakda
ไม่มีอะไรให้อ่านไม่ควรมีหน้านี้นะครับ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 47

    เซียวจิ่งอี้มองเด็กสาวที่งดงามตรงหน้า เขาขมวดคิ้วแน่น“เจ้ามีธุระอะไร?”เขาถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิงฟางหลานกัดริมฝีปาก อ้ำอึ้งครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “พี่หวัง ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน”นางเดินออกไปครึ่งก้าว จู่ๆ ก็เหมือนเท้าสะดุด โซเซยืนไม่มั่นคง ร่างกายเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้รีบเอียงตัวหลบ ในแววตาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันเขาเห็นวิธีการมากมายในการชิงความโปรดปรานของสตรีวังหลังตั้งแต่เด็ก กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของฟางหลาน ในสายตาเขามันเงอะงะมากเขาไม่มองฟางหลานแม้แต่แวบเดียว ยกเท้าก็เดินจากไปโดยตรงฟางหลานล้มลงพื้น มองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเซียวจิ่งอี้อย่างไม่เชื่อสายตานางจะล้มอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้กลับไม่คิดจะประคองนางเลยและยังมองนางล้มลงพื้นต่อหน้าต่อตา เดินจากไปโดยไม่ถามสักคำนี่…นี่ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาเกินไปแล้วกระมัง? แผนของฟางหลานพังไม่เป็นท่า โมโหจนใช้กำปั้นทุบพื้นหลายที จึงจะลุกขึ้นจากไปอย่างคอตกหารู้ไหมว่าทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของอวิ๋นฝูหลิงที่อยู่ไม่ไกลนักช่วงนี้มีเด็กผู้หญิงหลายคนพยายามเข้าใ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 48

    “ลูกพี่อู๋กับสวี่ตงไปเก็บฟืน ข้าให้จางซานมู่กับคังหมิงออกไปดูว่าโดยรอบมีผักป่าหรือไม่ ให้ขุดกลับมาสักหน่อย”กินเนื้อทุกวันจะร้อนในเป็นท้องผูก ต้องกินคู่กับผักบ้าง ผักที่สามารถหาได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ผักป่าในเขาแล้วถ้าหากมีคนได้ยินคำพูดในใจเหล่านี้ของอวิ๋นฝูหลิง ไม่แน่อาจโดนกระทืบก็ได้ตอนนี้คนที่สามารถกินเนื้อทุกวัน ก็มีแต่พวกเขาเท่านั้นใครบ้างที่ไม่กินผักป่าจนหน้าเขียวกันหมดแล้ว?ตอนนี้คนของสกุลฟางก็หน้าเขียวกันทุกคนอาหารของพวกเขากินหมดนานแล้ว ช่วงนี้เริ่มอาศัยการขุดผักป่าประทังความหิวแล้วนี่ก็โชคดีที่พวกเขาอยู่ในเขา สามารถขุดเจอผักป่า และยังเจอเห็ดกับผลไม้ป่าเป็นครั้งคราวชาวบ้านของหมู่บ้านหลินซานนับถอยหลังไปสามชั่วอายุคน ล้วนลี้ภัยจากภัยธรรมชาติและภัยสงครามในช่วงปลายราชวงศ์ของราชวงศ์ก่อนคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ในหมู่บ้าน บางครั้งก็ได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในบ้านพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาลี้ภัยในสมัยนั้นทั่วหล้าเกิดภัยแล้ง ผืนดินแห้งแล้ง ทุกที่เต็มไปด้วยความหิวโหย ระหว่างทางลี้ภัยไม่มีกระทั่งรากหญ้าหรือเปลือกต้นไม้ มีคนมากมายต้องหิวตาย แม้ตอนนี้พวกเขาก็ลี้ภัยเช่นกัน แต่ก็ดีกว่าหนทางก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 49

    แม่ฟางมีแผนของตัวเองลูกสาวของนางหน้าตาดี วันข้างหน้าต้องแต่งเข้าตระกูลใหญ่เท่านั้นทั้งครอบครัวของพวกเขายังหวังพึ่งลูกสาวเจริญก้าวหน้าเพียงแต่ตอนนี้กำลังลี้ภัย พวกเขากินผักป่าทุกวัน หิวจนแทบกินม้าได้ทั้งตัวแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงให้ลูกสาวไปยั่วยวนเซียวจิ่งอี้ เพื่อเอาเนื้อจากเขามากินแต่ว่าแม่ฟางไม่ได้อยากได้เซียวจิงอี้มาเป็นลูกเขยคนต่างถิ่นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า แม้มีความสามารถในการล่าสัตว์ แต่ก็ยังห่างไกลจากลูกเขยเศรษฐีในดวงใจนางหลอกเขาสักพัก เพื่อเอาผลประโยชน์จากเขานิดหน่อย แค่ผ่านช่วงลี้ภัยนี้ไปได้ก็พอแล้วจะให้นางยกลูกสาวให้แต่งกับเขาจริงๆ นั่นคงเป็นไปไม่ได้!ฟางหลานได้ยินคำพูดของแม่ฟาง นางพยักส่งๆ บนใบหน้ากลับร้อนวูบวาบแม่ฟางแค่ให้นางเล่นละคร กลับไม่รู้ว่านางชอบเซียวจิ่งอี้จริงๆไม่พูดถึงวรายุทธ์ของเขาก่อน เฉพาะใบหน้านั่น ก็ทำให้ฟางหลานเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงใจเต้นนางไม่เคยเจอบุรุษที่รูปงามเช่นนี้!เพียงแต่นางออกโรงหลายครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็เย็นชาตลอด ไม่ค่อยสนใจนางเลยโดยเฉพาะวันนี้ เห็นนางล้มก็ไม่คิดจะประคอง หมุนกายจากไปโดยตรงสิ่งนี้ทำให้ฟางหลานรู้สึกล้มเหล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 50

    พวกเด็กน้อยอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่รวมตัวกัน ขุดแล้วขุดอีก…ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ ก็มีเสียงร้องไห้เป็นกลุ่มที่ดังสนั่นลั่นไปทั่วท้องฟ้าดังขึ้นอวิ๋นฝูหลิงเงี่ยหูฟัง ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นจิงมั่วในสียงร้องไห้นั่น สีหน้านางเปลี่ยนฉับพลัน และไม่มีเวลาสนใจการทำอาหารแล้ว นางทิ้งช้อนในมือก็วิ่งไปที่เนินเขาทันทีเมื่อมาถึงก็เห็นพวกอวิ๋นจิงมั่วกลิ้งอยู่บนพื้น มือทั้งสองข้างเกากันไม่หยุด บางคนถึงกับเกาจนเห็นรอยเลือด “มั่วมั่ว แม่มาแล้ว เจ้าเจ็บตรงไหนบอกแม่?”อวิ๋นจิงมั่วเห็นอวิ๋นฝูหลิง กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “คัน ท่านแม่ คันมาก มือของมั่วมั่วคันมาก…”โจวฉางจี๋ก็ร้องไห้ตามเช่นกัน “คันมาก ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้าจะคันจนตายหรือไม่?”หู่โถวกับชุนเซิงพลางเกา พลางร้องไห้หนักขึ้นทันทีชาวบ้านได้ยินเสียงก็พากันวิ่งมาดูเจิ้งซื่อวิ่งล้มลุกคลุกคลานลงจากเนินเขา กอดโจวฉางจี๋ไว้ด้วยความกังวลแม่ของหู่โถวกับชุนเซิงวิ่งมาถึง ตกใจจนกอดลูกชายร้องไห้ทันทีอวิ๋นฝูหลิงก็เป็นห่วงเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดก็ใจเย็นลงหลายส่วนนางตำหนิเสียงดัง “เลิกร้องไห้ได้แล้ว เอาแต่ร้องไห้ตอนนี้มีประโยชน์อะไร?”แม่ของหู่โถวกับช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 51

    เมื่อครู่พวกชาวบ้านเห็นสภาพน่าเวทนาของอวิ๋นจิงมั่วและเด็กอีกหลายคนล้วนนึกว่าสิ่งที่พวกเด็กสัมผัสคือสิ่งที่มีพิษ คิดว่าพวกอวิ๋นจิงมั่วถูกพิษเข้าให้แล้วขณะนี้เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงบอกว่านั่นคือของดีที่กินได้ แต่ละคนจึงทำหน้าประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อนายท่านหางและติงหมิงรุ่ยรู้เรื่องจึงไปที่นั่นเช่นกันอย่างไรพวกเขาก็เป็นบุคคลในวงการแพทย์ มีจิตเมตตา เมื่อได้ยินว่าเด็ก ๆ เกิดเรื่อง จึงมาดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างขณะนี้ทั้งสองคนนั่งลงตรงหน้าซานเย่านายท่านหางถึงกับนำผ้าเช็ดหน้าออกมาห่อมือ แล้วหยิบซานเย่าขึ้นมาพินิจอย่างละเอียดหลังจากผ่านไปสักครู่ เขาเอ่ยถามอวิ๋นฝูหลิงอย่างไม่แน่ใจ “หรือจะเป็นซู่อวี้?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ถูกต้อง เป็นซู่อวี้จริงๆ”“ในคัมภีร์สมุนไพรเสินหนงกล่าวเอาไว้ สรรพคุณเด่นของซู่อวี้ บำรุงร่างกาย ขจัดพิษร้อนชื้น บำรุงกระเพาะและม้าม เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อกินเป็นประจำ การได้ยินและการมองเห็นจะดีขึ้น”“ซู่อวี้มีอีกชื่อเรียกว่าอวี้เหยียน เพราะเนื้อของมันขาวดุจหยก แต่ก็มีคนเรียกว่าซานเย่า หมายถึงสมุนไพรกลางภูเขา”ในชีวิตก่อนของอวิ๋นฝูหลิง ซานเย่าสามารถเพาะปลูก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 52

    พวกเขาขุดไปมากหน่อย ไม่เพียงเก็บไว้กินที่บ้าน ยังสามารถเอาไปขายที่โรงโอสถเพื่อทำเงินได้ด้วยมีบางคนแอบสอบถามราคากับนายท่านหางเมื่อได้รู้ว่าสำนักผิงอันรับซื้อซานเย่าในราคาแปดสิบอีแปะต่อหนึ่งชั่ง ทุกคนตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขณะนี้เนื้อหมูสิบห้าอีแปะต่อหนึ่งชั่ง ขายซานเย่าหนึ่งชั่ง สามารถซื้อเนื้อหมูได้ห้าชั่งกว่าแล้วคราวนี้ทุกคนไม่มีแม้แต่เวลาจะกินข้าวกลางวัน ไม่ว่าจะคนแก่หรือเด็กในบ้าน ล้วนแล้วแต่พากันไปขุดซานเย่าบนเนินเขาแรกเริ่มยังมีคนทะเลาะกันเพราะแย่งซานเหย้าแต่อวิ๋นฝูหลิงมองดูสักครู่ พบว่าบนเนินเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยซานเย่า เพียงพอให้ทุกคนได้ขุดกลับไปเมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จึงไม่ทะเลาะกันอีกต่อไปอีกอย่างจากนี้พวกเขายังต้องเร่งเดินทาง จำนวนสิ่งของที่แต่ละคนแบกได้มีจำกัดต่อให้ขุดซานเย่าได้มากเพียงใด หากเอาไปไม่ไหวก็ถือว่าเสียแรงเปล่าทว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ต้องหนักใจเรื่องนี้เพราะนางมีมิติของตัวเองเมื่อได้เจอกับผืนซานเย่าขนาดใหญ่ ย่อมต้องขุดให้มากที่สุดหากถือไม่ไหวนางก็เอาไปใส่ไว้ในมิติ ไม่เพียงแต่เก็บไว้เป็นเสบียง ซึ่งสามารถนำออกมากินได้ในภายหลังแต่ยังสามารถนำไปปลูก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 53

    อวิ๋นซานหูได้ยินดังนั้นจึงโกรธแค้น แม่นางอวิ๋น แม่นางอวิ๋นอีกแล้ว!เหตุใดหญิงหม้ายผู้นี้จึงมากเรื่องนัก!อวิ๋นซานหูไม่สนใจซานเย่าอะไรนั่นแม้แต่น้อยงอกเงยออกมาจากดินสกปรกสิ้นดี หนำซ้ำสัมผัสโดนมือยังคันอีก จะเป็นของดีได้อย่างไร?นางเพียงอยากเร่งเดินทาง เพื่อให้ออกจากเขาเฟิ่งลั่วในเร็ววันแต่เพราะต้องการขุดซานเย่า คืนนั้นหลังจากหารือกัน ทุกคนจึงตัดสินใจหยุดพักอยู่ที่นี่สองวันหลังจากอวิ๋นซานหูรู้ข่าว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกระนั้นพวกชาวบ้านไม่สนใจความเห็นของนางสักนิดตอนนี้มีชาวบ้านนำซานเย่าไปต้มน้ำกินแล้วซานเย่าที่ต้มออกมาอ่อนนุ่มเหนียวหนึบ ซ้ำยังมีรสหวานสดชื่นสิ่งนี้อร่อยกว่าผักป่าบนเขาเสียอีกดังนั้นพวกชาวบ้านจึงอยากจะขุดให้มากที่สุด อีกทั้งสามารถนำไปได้เท่าไหร่ก็นำไปให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะนำซานเย่ามากินระหว่างเดินทางต่อจากนี้ หรือเก็บไว้ขายให้โรงโอสถ ล้วนแต่เหมาะสมทั้งสิ้นดังนั้นความไม่พอใจของอวิ๋นซานหู เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่อาจเทียบกันได้เลยอวิ๋นซานหูหว่านล้อมพวกชาวบ้านไม่สำเร็จ จึงไปหาติงหมิงรุ่ยแต่ใครจะไปคิดติงหมิงรุ่ยกลับบอกให้นางอย่าหาเรื่อง ซ้ำยั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 54

    อีกอย่างด้วยชาติตระกูลของนาง บวกกับพี่สาวที่ได้หมั้นหมายจวนอันกั๋วกง ต่อไปการหมั้นหมายของนางคงไม่ต่างฐานะกันมากนักอย่างน้อยนางก็ต้องแต่งเข้าจวนระดับกงหรือระดับโหว เพราะพี่สาวคนโตที่เป็นทายาทบ้านใหญ่ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว แม้แต่ราชวงศ์นางก็ยังหวังได้ติงหมิงรุ่ยไม่คู่ควรกับนางสักนิด!อวิ๋นซานหูไม่เคยคิดจะแต่งงานกับติงหมิงรุ่ยเพียงแต่นางถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก พอใจกับความรู้สึกที่ถูกยกยอห้อมล้อมนางอยากให้ตัวเองกลายเป็นคนโดดเด่นท่ามกลางผู้คน เป็นที่จับจ้องของผู้คนตลอดเวลาทุกคนต้องมารายล้อมนางนางดื่มด่ำกับความรู้สึกเช่นนี้ทว่าตอนนี้สายตาของติงหมิงรุ่ยไม่ได้หยุดอยู่ที่นางอีกต่อไป แต่กลับถูกอวิ๋นฝูหลิงดึงดูดทำให้อวิ๋นซานหูรู้สึกเหมือนถูกทรยศหักหลังสิ่งที่นางพึงใจ แม้จะไม่ชอบพอแล้ว ก็ห้ามใครมาแย่งชิงไปเด็ดขาด!แววตาของอวิ๋นซานหูมีความอำมหิตแวบผ่านกล้าแย่งกับนางหรือ?นางจะทำให้อวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าผลของการเป็นอริกับนางจะโหดร้ายเพียงใด!หลังจากนั้นสองวัน เมื่อพวกชาวบ้านขุดซานเย่าจนได้จำนวนที่มากพอ ทุกคนจึงออกเดินทางอีกครั้งครั้งนี้ทุกคนล้วนแบกเข่งที่หนักอึ้งไว้บนหลั

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status